เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 105 ศาลาโอสถ

ตอนที่ 105 ศาลาโอสถ

 

“ ได้ งั้นพวกเราลงมือด้วยกัน “

 

เยี่ยจงทราบดีว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่เร่งรีบ เมื่อถึงคราวที่ตนเองจำเป็นที่จะต้องลงมือ จากนั้นก็ได้ยื่นมือขวาออกไปจับที่ประตูเก่าแก่บานหนึ่ง ลูบคลำไปมา

 

เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวนี้ของเยี่ยจง หลิงเยวี่ยก็เกิดความลังเลขึ้น จากนั้นก็ปรากฏความที่ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็นได้อยู่เต็มใบหน้า อีกทั้งนางยังคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงถึงกับมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยันต์วิญญาณแขนงนี้ จากที่ดูเยี่ยจงผู้นี้มา เห็นได้ชัดว่าเขาก็เป็นผู้ที่เคยสร้างยันต์วิญญาณมาก่อน ทั้งยัง ความสำเร็จยังนับว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ หลิงเยวี่ยก็มิอาจที่จะคิดมากจนเกินไปได้ เพียงแต่แค่พยายามที่จะช่วยเหลือเยี่ยจงในกันคิดแผน

 

หลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ทั้งสองคนก็ได้ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ต่างก็มองเห็นความหมายที่แฝงไว้ภายในดวงตา ในความร่วมมือของทั้งสองคน ค่ายกลยันต์เก่าแก่นี้ก็ได้ถูกพวกเขามองออกมาแล้วหลายส่วน

 

“ ให้เจ้า “

 

หลิงเยวี่ยยื่นมือที่ถือไว้ด้วยยันต์วิญญาณซ้อนทับใบหนึ่งให้แก่เยี่ยจง สองมือระหว่างสองคนได้ประกบกัน ก็ได้มีความประหลาดออกมาสายหนึ่งอย่างดุดันของพลังไอวิญญาณจากยันต์วิญญาณ ค่ายกลยันต์วิญญาณนี้ราวกับกำลังทำการป้องกันประตูโบราณนี้เอาไว้ตั้งแต่เริ่มแรก

 

“ ชิ้งชิ้งชิ้ง “

 

ในตอนที่ทั้งสองคนผนึกกำลังกัน ค่ายกลยันต์ป้องกันอันเก่าแก่นั้นก็ได้ค่อยๆกลับกลายภาพมายาขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้สูญสลายจนหลายไปท่ามกลางอากาศ

 

หลังจากที่ได้ปลดผนึกค่ายกลยันต์วิญญาณ ประตูโบราณขนาดใหญ่จู่ๆก็ราวกับเป็นเศษทรายผุพังลงมาในทันที

 

“ คลื่น “

 

วินาทีที่ประตูใหญ่กำลังผุพังลงมา จากนั้นก็เผยให้เห็นท่ามกลางศาลาโอสถ กลิ่นอายโอสถอันเข้มข้นจนน่าหวาดหวั่นแผ่ออกมาสายหนึ่ง ราวกับเป็นปีศาจที่พึ่งจะถูกปลดปล่อยจากการถูกกักขังนานแรมปีก็มิปาน ทันใดนั้นก็มีบางอย่างออกมา จากนั้นก็มีอายโอสถสีเขียวพุ่งขึ้นไปบนฟ้า จนอาจตกเป็นเป้าสายตาไปทั่วทั้งอารามแห่งนี้

 

“ ให้ตายเถอะ “

 

ที่ฉากเบื้องหน้าก็ปรากฏเปิดให้เห็นถึงห้องโอสถหลังหนึ่ง เยี่ยจงอดไม่ได้ที่จะต้องอ้าปากตาค้างขึ้นมา หลังจากที่ได้สงบสติลงแล้ว เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ทางบริเวณทางด้านนอกของลานโอสถก็ทราบได้ในทันที ว่าสมบัติชั้นดีที่แท้จริงในตอนนี้ได้ปรากฏออกมาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่เร่งมาทางด้านนี้ก็แปลกแล้ว

 

พอทั้งสองคิดว่าต้องมาลำบากปลดผนึกค่ายกลยันต์นี้ กลับกลายเป็นว่าต้องแบ่งผลประโยชน์ให้ผู้อื่น เยี่ยจงก็รู้สึกคันที่บริเวณไรฟันอย่างมาก

 

“ ไป พวกเราต้องเคลื่อนไหวกันแล้ว “

 

แล้วก็นำพารสชาติของการขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าที่ด้านในมิได้มีอันตรายที่ใหญ่โตมากมาย เยี่ยจงก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็เป็นบุคคลแรกที่ได้เข้าสู่ห้องโอสถแห่งนี้

 

ทันทีที่ร่างกายได้เข้าสู่ห้องโอสถแห่งนี้ เยี่ยจงก็ได้กวาดสายตาสำรวจในทันที แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรงคำหนึ่ง

 

ท่ามกลางห้องโอสถแห่งนี้ไม่ถือว่าเล็ก บริเวณทั่วทั้งสี่มุมก็ได้ถูกตั้งไว้ด้วยเตาปรุงโอสถขนาดใหญ่ ด้านในเตาปรุงโอสถ ก็ได้มีกลิ่นหอมของโอสถแผ่กระจายกันออกมา เห็นได้ชัด ว่าสิ่งเหล่านี้ได้สร้างจนสำเร็จแล้ว เพียงแต่ว่าโอสถวิเศษยังมิได้ถูกเปิดฝา

 

เยี่ยจงถึงแม้จะมิใช่ผู้ปรุงโอสถ แต่ว่าก็เข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากต้องการที่จะเก็บรักษาโอสถเหล่านี้ให้คงประสิทธิ์ภาพสูงสุด วิธีที่ดีที่สุดก็คงหลังจากที่ปรุงจนสำเร็จแล้วก็อย่าได้เปิดฝา เช่นนั้นไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไร โอสถวิเศษเหล่านี้ก็ยังคงประสิทธิ์ภาพได้ดีที่สุด

 

หลังจากนั้น ท่ามกลางห้องโอสถที่กักเก็บโอสถเอาไว้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็คงจะมิใช่การตามหาที่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน

 

ไม่มีเวลาให้ลังเลมากนักแล้ว ต่อมา เยี่ยจงก็ขยับกายคราหนึ่ง ก็ได้เข้าไปใกล้กับเตาปรุงโอสถที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด จากนั้นก็พลิกมือออกคราหนึ่ง

 

“ คลื่น “

 

จากการเคลื่อนไหวของเยี่ยจง วินาทีที่เตาปรุงโอสถถูกเปิดออก ด้านในก็ได้มีโอสถทอแสงสีทองอยู่รอบๆพุ่งขึ้นฟ้าขึ้นไป

 

ทันทีทีได้มองดูไปยังบนตัวของยาโอสถแล้ว เยี่ยจงก็ต้องตัวสั่นเทาขึ้นมาเบาๆ ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น “ นี้มัน ……. โอสถล้างไขกระดูก ? “

 

โอสถล้างไขกระดูกนี้ สามารถกล่าวได้เป็นดั่งโอสถในฝันที่ผู้ฝึกยอดในขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้นแสวงหาเลยทีเดียว ควรทราบว่า ในระหว่างการฝึกปรือ ยังไงซะก็ต้องมีเกิดเหตุไม่คาดฝันอยู่บ้างส่วนหนึ่ง และสิ่งเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่อยู่ในอนาคตไม่อาจที่จะมองเห็นได้ เพียงแต่ว่าการทะลวงผ่านเข้าไปอีกหนึ่งขอบเขต เมื่อถึงห้วงความเป็นความตาย ไม่แน่ว่าต่อให้คนผู้นั้นมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังต้องผิดพลาดได้

 

ดังนั้น ไม่ว่ายอดฝีมืออันใดก็ต้องเคยคิดหาวิธีที่จะคอยรับมือกับสิ่งเหล่านี้เพื่อรักษาสมดุล

 

โอสถล้างไขกระดูกนี้ยังมีความสามารถ ตามที่เล่าขานกันคือมีสรรพคุณในการล้างไขกระดูก เพียงแค่หนึ่งเม็ด ก็จะสามารถจัดการให้ได้อย่างหมดจด เหลือทิ้งไว้เพียงพลังที่ฝึกปรือมา เพียงแค่ในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทราบถึงคุณค่าของโอสถชนิดนี้แล้ว อีกทั้ง เยี่ยจงยิ่งกระจ่าง ในการใช้โอสถล้างไขกระดูก ยังสามารถที่จะใช้เพิ่มระดับขีดความแข็งแกร่งให้สูงยิ่งขึ้นได้อีกด้วย เพียงแต่ว่าก็ยังต้องมีปริมาณในการใช้ที่เพียงพอถึงจะสามารถ ผู้คนโดยส่วนมากมักจะไม่ทราบถึงข้อนี้

 

ดังนั้น ในตอนที่พบเห็นโอสถล้างไขกระดูกนี้ เยี่ยจงจึงรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้ ถ้าหากกล่าวถึงเหร่ยยิงเกล่อ เชียนจีกู่และหลิงเสียวซาเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นที่สุดในการบรรลุเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดแล้วละก็ เช่นนั้นโอสถล้างไขกระดูกนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งสมบัติที่ยอดฝีมือในขั้นก่อเกิดทั้งเก้าระดับต้องการมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่การฝึกปรือผ่านพ้นถึงระดับที่เจ็ดแล้วละก็ ยอดฝีมือที่เลือกจะทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปด โอสถล้างไขกระดูกนี้ยิ่งเป็นเหมือนสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

 

เยี่ยจงเลียริมฝีปากของตนไปมา ต่อมาก็สงบลงในทันที ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่โอสถล้างไขกระดูกส่งแสงพุ่งขึ้นสู่ฟ้านั้น ฝ่าเท้าของเขาก็ก้าวไปหนึ่งก้าว พุ่งตัวออกไปในทันที ใช้มือหนึ่งคว้าไปที่โอสถล้างไขกระดูก

 

“ ตูม “

 

ทันใดนั้น ในช่วงเวลาเดียวกับที่เยี่ยจงคว้าไปที่โอสถล้างไขกระดูก โอสถล้างไขกระดูราวกับได้รับแรงที่ถูกส่งมาดูดเข้าไป ของสิ่งนั้นก็ได้ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยจง อีกเพียงนิดเดียวก็เกือบจะหลุดจากมืออกไป

 

“ ถึงกับเป็นโอสถที่มีจิตวิญญาณด้วยงั้นหรือ ? “

 

ฉากเบื้องหน้าที่เห็นนี้ได้ทำให้เยี่ยจงต้องรู้สึกคันที่ศีรษะ คิดไม่ถึงว่าโอสถล้างไขกระดูกนี้จะมีจิตวิญญาณอยู่สายหนึ่ง ดูเหมือนว่า หลังจากที่ถูกกักไว้นานเป็นเดือนปีนับไม่ถ้วน โอสถวิเศษท่ามกลางห้องโอสถนี้ ก็ได้มีความเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“ เปรี้ยง “

 

บริเวณฝ่ามือได้ปกคลุมด้วยพลังกระบี่ตราประทับเป็นชั้นๆ จากนั้นก็ได้ใช้พลังเข้าต้านแรงสะท้อนเอาไว้ เยี่ยจงจึงจะสามารถจับโอสถล้างไขกระดูกไว้ได้ จากนั้นก็ได้ครุ่นคิดขึ้นมา

 

โอสถล้างไขกระดูกในมือเม็ดนี้ ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นสายหนึ่งแผ่ออกมา ในชั่วเวลานั้น เยี่ยจงก็สัมผัสได้ถึงพลังประหลาดอันมหาศาลก็ไม่อาจเก็บกักเอาไว้ได้

 

“ ที่แท้ก็เป็นของดีนี้เอง “ เยี่ยจงหลังจากที่ใช้สายตามองโอสถที่สะท้อนแสงขึ้นมาก็ได้ครุ่นคิดมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ได้ค่อยๆถอนหายใจคำหนึ่ง โอสถถึงแม้จะมีจิตวิญญาณในตัว แต่ก็เหมือนกับดวงดาวที่ส่องสว่างมิปาน ถือได้ว่าเป็นของดีที่ยากจะพบพานได้

 

หากว่าของสิ่งนี้ไปปรากฏอยู่ที่ลัทธิแห่งดวงดาวแล้วละก็ คาดว่าเยี่ยจงคงจะได้รับสะสมวิญญาณอย่างน้อยๆก็ห้าหมื่นสะสมวิญญาณเป็นอย่างต่ำ อีกทั้งคาดว่าราคาในตลาดคงตีค่าไม่ได้อีกด้วย

 

หลังจากนั้นก็ได้เก็บโอสถล้างไขกระดูกไปในทันที เยี่ยจงจดจ้องไปยังเตาปรุงโอสถที่เหลืออยู่อีก เห็นได้ชัดว่า เตาปรุงโอสถเหล่านี้สมควรที่จะเก็บรักษาตัวโอสถไว้ได้อย่างดีมากเกินกว่าที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

 

“ ศิษย์พี่หญิงหลิงเยวี่ย ตั้งค่ายกลยันต์วิญญาณ สามารถใช้ได้มากแค่ไหนก็ใช้มากเท่านั้น สมบัติที่อยู่ภายในที่แห่งนี้ล้ำค่ามากกว่าด้านนอกมากนัก “

 

เยี่ยจงไม่ลังเลอีกต่อไป พลิกสองมือขึ้นคราหนึ่ง ร่างกายก็ได้พุงตัวออกไปทันที และจากนั้นก็เข้าเปิดฝ่าเตาปรุงโอสถอีกสองเตา แล้วโยนโอสถนั้นไปยังทิศทางที่หลิงเยวี่ยอยู่ หลิงเยวี่ยได้ใช้ทั้งสองมือแปรเป็นสัญลักษณ์ จากนั้นยันต์วิญญาณก็ได้แผ่ปกคลุมไปทั่ว ทันทีที่ได้สร้างค่ายกลยันต์วิญญาณขนาดเล็กสำเร็จ ประจวบกับที่เยี่ยจงกำลังเก็บกวาดโอสถวิเศษเข้าไป

 

เมื่อพบเห็นว่าหลิงเยวี่ยเชื่อตนเองถึงขั้นนี้ เยี่ยจงก็มิได้เกรงใจอีกต่อไป จากนั้นก็ทะยานไปทางด้านของเตาปรุงโอสถอีกเตาหนึ่ง จากนั้นก็ได้นำโอสถวิเศษออกมา แล้วนำไปให้หลิงเยวี่ยเก็บเอาไว้

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงและหลิงเยวี่ยทั้งสองคนร่วมมือผสานกันได้เป็นอย่างดียิ่ง ช่วงเวลาเพียงสั่นๆเพียงหนึ่งก้านธูปหมด ท่ามกลางภายในห้องโอสถเกือบครึ่งที่อยู่ภายในเตาโอสถก็ได้ถูกเยี่ยจงเปิดออกไปจนเกือบหมด และโอสถเหล่านี้ก็ได้ถูกหลิงเยวี่ยเก็บเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

 

เพียงแต่ว่า ถึงแม้ความเร็วของเยี่ยจงและหลิงเยวี่ยจะเร็ว แต่ว่าการเก็บโอสถวิเศษเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะง่ายดายอย่างที่คิดเอาไว้ ในช่วงเวลาที่พวกเขาเก็บโอสถไปได้ราวสองในสามส่วน บริเวณตรงทางเข้า ก็ได้มีเสียงดังเป็นสายดังมาตามสายลม จากนั้นก็พบกับเงาร่างพุ่งทะยานเข้ามายังท่ามกลางศาลาโอสถปานสายฟ้าแลบ

 

“ เชอะ “

 

และในช่วงเวลาที่คนเหล่านี้ปรากฏตัวออกมา แต่ละคนนั้นก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปคำหนึ่งในทันที การที่จะมายังที่แห่งนี้ได้คนผู้นั้นต้องนับได้ว่ามีพลังสายตาที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาพวกเขาก็มองออกว่า เตาปรุงโอสถที่กักเก็บโอสถไว้เหล่านี้ต้องไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน

 

“ ยังช้าเกินไปอีกงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงในตอนนี้ได้หยุดมือลง ทันทีที่พบว่ามีการปรากฏตัวของบุคคลอื่น คงก็มิอาจที่จะเก็บเกี่ยวโอสถตรงนั้นตรงนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ต่อมาก็ได้หันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ได้มองไปยังบุคคลผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามายังท่ามกลางบริเวณโต๊ะหยกของห้องโอสถ

 

บนโต๊ะหยกแกะสลักตัวนี้ ได้ตั้งอยู่บริเวณทางด้านบนสุด ได้วางไว้ด้วยจานหยกชิ้นหนึ่ง ในจานหยก ก็มีผงทรายเป็นเม็ดที่กำลังส่องสว่างอยู่ เม็ดทรายเหล่านี้ถึงแม้จะมิใช่ยา แล้วก็มิใช่โอสถ แต่ว่าถ้านับจากความพิเศษที่มีไอพลังอยู่ในตัวแล้วละก็ ก็นับได้ว่าน่าหวาดหวั่นเลยทีเดียว อีกทั้งได้แผ่กลิ่นอายออกมาอย่างช้าๆอยู่หลายส่วนแล้วอีกด้วย

 

“ นี้มัน …….. หลิงเสียวซา ? “

 

ในวินาทีนั้น ร่างของเยี่ยจงก็ได้สั่นเทาคราหนึ่ง ใบหน้าปกคลุมไปด้วยยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น แม้แต่เขาก็ยังคิดไม่ถึง ว่าในสถานที่แห่งนี้ ถึงกับสามารถเสาะหาหลิงเสียวซาเอาจริงๆ ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างตนเองอย่างมากเลยทีเดียว

 

“ ฮูม “

 

ถึงแม้หลิงเสียวซานี้จะเป็นแค่หนึ่งในสามของวัตถุดิบในการเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับเจ็ดก็ตาม แต่ว่า การที่จะเสาะหาของเหล่านี้ได้นั้นก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าดวงอีกด้วย ในเมื่อได้พบแล้ว ก็ต้องกระทำให้รวดเร็วอย่าให้ผิดพลาดได้

 

ดังนั้นในครั้งนี้ ในขณะนี้ การหายใจของเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนเป็นหนักขึ้นมาอยู่หลายส่วน หลังจากที่เขาพยายามบังคับตนเองให้สงบลงแล้ว ต่อมาก็ไม่กล่าวมากความ เพียงแค่ขยับเคลื่อนไหวคราหนึ่ง ก็ได้เตรียมพร้อมพุ่งออกไป

 

“ ถี่ “

 

และแล้ว ทันทีที่เยี่ยจงกำลังคิดที่จะลงมือ บริเวณทางด้านหลังของเขา ก็ได้มีสายลมอันร้ายกาจไร้ที่เปรียบหลายสายปะทุเข้ามาในทันทีทันใด ราวกับกำลังบ่งชี้ให้เยี่ยจงตายใจเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ลงมือนั้นถือได้ว่ามีความโหดเหี้ยอยู่พอตัวเลยทีเดียว

 

“ ติ้ง ติ้ง ติ้ง “

 

การโจมตีนี้ได้ทำให้จิตใจของเยี่ยจงปกคลุมไปด้วยรังสีการฆ่าฟัน แต่ว่าเขายังก็มิรอให้ขยับเคลื่อนไหว หลิงเยวี่ยก็ได้ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว สะบัดมือขวาคราหนึ่ง ยันต์วิญญาณหลายสายก็ได้ลอยออกมาท่ามกลางสายลมกวาดออกไปราวใบมีด พุ่งเข้าสกัดการโจมตีที่เข้ามาเหล่านั้น

 

“ ซวบ “

 

เพียงแต่ว่าในวินาทีที่เข้าปะมือกันนั้นเอง บริเวณทางด้านหลังก็ได้มีเงาร่างหลายสายโผล่ขึ้นมา พวกเขาหยุดมองไปที่ใบหน้าของเยี่ยจงและพวกที่อยู่ในระยะห่างกันเพียงสิบจังเท่านั้น แต่ว่าก็ได้ทอประกายสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภมองไปที่หลิงเสียวซานั้น เห็นได้ชดว่า พวกเขาก็นับว่าเป็นผู้ที่มองสมบัติออกเช่นเดียวกัน

 

หลิงเสียวซามิเพียงแต่เป็นสมบัติที่สามารถใช้ไว้ในการฝึกปรือเท่านั้น อีกทั้งหากนำมาสร้างศาสตราวุธแล้วละก็ ก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับขั้นวิญญาณได้เลย ดังนั้นของชิ้นนี้ แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดที่อยากจะพลาดไปอย่างแน่นอน ………..

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset