เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 111 พบกันโดยบังเอิญ

ตอนที่ 111 พบกันโดยบังเอิญ

 

 

ในช่วงเวลาที่ไหลเวียนผ่านไป ความเบื่อหน่ายและก็ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ในช่วงเวลาที่เหล่ายอดฝีมือได้รีบเร่งมายังใจกลางของห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ในระหว่างที่เหล่ายอดฝีมือยิ่งมายิ่งมากนี้ ภายในห้องโถงใหญ่ก็ได้มีบรรยากาศความตึงเครียดค่อยๆแผ่ออกมา มียอดฝีมือไม่น้อยที่ยังคงจดจ้องมองไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ราวกับสำรวจบางอย่างอยู่

 

เป็นคนต่างก็ทราบดี ท่ามกลางสนามในตอนนี้ที่ด้านบนของหินอยู่สี่ก้อนได้มีสิ่งของบางอย่างอยู่ แต่ว่า ผู้คนมากมายในตอนนี้ หากคิดที่จะแย่งชิงสิ่งของที่อยู่บนก้อนหินทั้งสี่ชิ้นนี้แล้วละก็ มิอาจที่จะพึ่งพากำลังคนเพียงคนเดียว หากว่าต้องต่อสู้ด้วยกำลังเพียงคนเดียวแล้วละก็ คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

 

ดังนั้น ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ถึงแม้ยากที่จะเชื่อได้ลง แต่ว่าในช่วงเวลานี้ที่มีความร่วมกันระหว่างยอดฝีมือจนกลายเป็นขุมกำลังต่างๆก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทำให้ภายในห้องโถงนี้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวไปมา

 

ในขณะที่เหม่อมองไปที่บรรยากาศของฉากใกล้เคียงจะเกิดการต่อสู้ขึ้นเบื้องหน้า เยี่ยจงก็อดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ครุ่นคิดขึ้น เขาค่อยหันศีรษะกลับไปมองหลิงเยวี่ยคราหนึ่ง แล้วก็ปรบมือคราหนึ่ง

 

หลิงเยวี่ยเมื่อเห็นก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อออก ยันต์วิญญาณสายหนึ่งก็ได้ลอยออกมาจากเสื้อคลุมของนาง ความเคลื่อนไหวอันไร้สุ่มเสียงเรียงกันอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่า หลิงเยวี่ยได้เริ่มต้นที่จะจัดตั้งค่ายกลยันต์วิญญาณแล้ว

 

เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้วางใจอยู่หลายส่วน ได้ทำการเตรียมการเอาไว้ ในสถานการณ์เช่นนี้จริงจะนับได้ว่ามีแนวโน้มในการเจรจามากขึ้น

 

“ ตึก ตึก ตึก “

 

ระหว่างนั้นก็ได้มีเงาร่างเป็นสายออกมาตามสายลม ผู้คนภายในห้องโถงใหญ่ยิ่งมายิ่งมาก จนท้ายที่สุด เยี่ยจงคาดว่าเหล่ายอดฝีมือเกือบครึ่งที่เข้ามาถ้ำหงส์หยาแห่งนี้ก็ได้เข้ามาบริเวณที่แห่งนี้กันแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า จำนวนยอดฝีมือเกือบทั้งหมดนับตั้งแต่เริ่มก็ได้มุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้ ถ้าหากเป็นอย่างที่คิดไว้ละก็ เยี่ยจงก็ราวกับว่าเข้าใจขึ้นมาแล้วหลายส่วน แน่นอนว่าต้องมีคนที่คอยปล่อยข่าวลือชนิดหนึ่งออกไป และผู้ที่ปล่อยข่าวลือออกไปนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเหล่าเด็กน้อยแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเสียแปดส่วน

 

และเด็กน้อยเหล่านี้ จากภาพรวมเกรงว่าคัมภีร์ยุทธ์ทั้งสี่ม้วนนั้นเกรงว่าจะมิใช่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ? นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ไม่เช่นนั้น เจ้าพวกเด็กน้อยแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาก็ไม่น่าจะเตรียมตัวให้ขุมกำลังต่างๆเดือดร้อนเช่นนี้

 

จนกระทั่งท่ามกลางห้องโถงใหญ่ได้มีเงาของคนยิ่งมายิ่งมาก แต่ว่าบรรยากาศก็ได้มีอยู่หลายส่วนที่เงียบสงบจนน่ากลัวขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันเช่นนี้ ยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ต้องหลั่งเหงื่ออันเย็นเยียบออกมา ร่างกายตึงเครียด ราวกับพร้อมที่จะลงมืออยู่ตลอดเวลาก็มิปาน เห็นได้ชัด ขอเพียงมีแค่ลมที่พัดเศษหญ้าเคลื่อนไหวเท่านั้น เหล่ายอดฝีมือก็พร้อมที่จะลงมือในทันที

 

เยี่ยจงได้หรี่ตาจ้อจ้องไปทางด้านบริเวณทางเข้าของห้องโถงใหญ่ นัยน์ตาได้ปรากฏความแปลกใจอยู่หลายส่วน ตามการคาดคำนวณของเขา สภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นเพราะพวกรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉากระทำขึ้นมาจึงจะถูกต้อง แต่ว่าก็ไม่ทราบเพราะเหตุใด นับตั้งแต่มายังบริเวณที่แห่งนี้ เขาก็ไม่ได้พบเห็นเหล่ายอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาปรากฏตัวออกมาภายในท่ามกลางห้องโถงใหญ่แห่งนี้ หรือว่า พวกเขายังคงแอบซ่อนตัวและสอดส่องอยู่กัน ?

 

“ เด็กน้อยเหล่านั้น ไม่สมควรที่จะโง่เง่าจนถึงขั้นนี้ได้หรอก มีหรือที่จะทำเรื่องที่เป็นจุดสนใจเช่นนี้ ………. “

 

ในระหว่างที่เยี่ยจงยังคงคาดเดาอยู่ ทันใดนั้นเอง เขาก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายคราหนึ่ง จากนั้นตากำลังหรี่อยู่ก็ได้ลืมตาขึ้นมาในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น ดังมาจากทางด้านทางเข้าห้องโถงใหญ่แห่งนี้

 

“ ฮา ฮา ฮา ดูเหมือนด้านความเร็วของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเรา จะไม่นับว่าช้าเลย “

 

ในระหว่างที่เสียงกำลังดังอยู่ วินาทีนั้นก็มีเงาร่างนับสิบสายของกองเงาโลหิตขยับเคลื่อนที่เข้ามายังด้านในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ จากนั้นก็เข้ามายังบริเวณทางด้านหน้าสุดของห้องโถงใหญ่อย่างไม่เกรงอกเกรงใจท่ามกลางสายตาที่มองมามากมาย ราวกับว่ามีความมั่นอกมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น

 

“ ที่แท้ก็เป็นคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้เอง ? “

 

เมื่อพบคนที่เข้ามา ยอดฝีมือไม่น้อยก็เริ่มที่จะเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา ต้องทราบว่า ถ้ำหงส์หยาที่เป็นพื้นที่ระหว่างของทั้งสามรัฐใหญ่แห่งนี้ กลุ่มราชวงศ์แห่งสามรัฐใหญ่ก็ถือได้ว่ามีความสนใจต่อถ้ำหงส์หยาด้วยเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วจะไม่ค่อยลงมืออย่างโจ่งแจ้ง แต่ว่ากับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาในครั้งนี้ ถึงกับส่งฮ่องสามมาด้วยตนเอง และท่ามกลางสายตารอบด้านที่มองมา ขุมกำลังที่เป็นกองกำลังของราชวงศ์นั้นเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกล่ เช่นนั้นการมาของพวกเขาในครั้งนี้คงจะมิใช่การมาอย่างปกติธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

 

ดังนั้น ยอดฝีมือที่มองเข้ามาในตอนนี้ก็ได้แสดงสีหน้าที่หลากหลาย เห็นได้ชัดว่ามีความเกรงกลัวต่อรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้

 

สายตาที่จ้องมองสาดเป็นประกายของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้มองไปยังบริเวณที่มียอดฝีมือมากมายของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ใบหน้าปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ คำพูดที่เอ่ยมาเมื่อครู่ ได้ทำให้องค์ชายสามเสวี่ยซินแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาแต่หน้าแปรเปลี่ยนคราหนึ่ง และเหล่าผู้ติดตามทางด้านข้างของเขา ก็ได้ยกมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ เขาได้แสดงสีหน้าอันเย็นชา มีก็แต่เพียงเสวี่ยสือเท่านั้นที่ไม่เกิดความลังเลอันใด

 

“ เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ที่แท้ต้องการที่จะทำอันใด ? “

 

หลังจากที่เยี่ยจงมองไปที่เสวี่ยซิน จึงได้เอ่ยปากกล่าวออกมา ภายในห้องโถงมีเพียงแค่พวกเขาห้าคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องว่า ในช่วงเวลาที่เสวี่ยซินปรากฎตัวออกมา เกรงว่าเขายังมิได้เผยไพ่ตายในมือที่มีอยู่หนึ่งในสิบเสียด้วยซ้ำ หากว่ายังไม่ทราบถึงเป้าหมายของพวกเขาแล้วละก็ เกรงว่าท้ายที่สุดยอดฝีมือภายในห้องโถงนี้ คงจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถหลุดรอดออกไปได้

 

“ ไม่ว่าเขาต้องการที่จะทำอันใด หลังจากที่พวกเราเข้าไปแย่งชิงทักษะยุทธ์แล้ว เรื่องอื่นก็มิได้เกี่ยวกับพวกเรา “ หลังจากที่หลิงเยวี่ยครุ่นคิดแล้ว ก็เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าความเคลื่อนไหวของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาในครั้งนี้ นางมิได้มีความหวาดกลัวแต่อย่างไร

 

“ เหอะ คิดไม่ถึงว่าในครั้งนี้ถึงกลับสามารถที่จะพบเห็นการรวมตัวของผู้กล้ามากพรสวรรค์เช่นนี้ นับได้ว่าได้เปิดหูเปิดตา อีกทั้งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเราก็ยินดีต้อนรับยอดฝีมือทุกท่านเข้าร่วมกับพวกเรา ถ้าเข้าร่วมกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเรา จะได้รับสิ่งของมีค่า มากมายไม่รู้จบ อุปกรณ์ฝึกยุทธ์ก็มีอย่างเพียงพอ ถ้าหากยอดฝีมือท่านใดมีความสนใจแล้วละก็ ก็สามารถที่จะเข้ามากระซิบบอกกล่าวต่อองค์ชายเช่นข้าได้ “ บริเวณทางด้านหน้า เสวี่ยซินได้หันกายกลับไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแล้วกล่าวออกมา

 

ทั้งหมดที่เขากล่าว มียอดฝีมือไม่น้อยที่ไร้คำพูดจะกล่าวออกมา ในช่วงเวลานี้เห็นได้ชัดว่ากำลังดึงดูผู้คน เพื่อที่จะเพิ่มพลังให้กับขุมกำลังของตนเอง เสวี่ยซินผู้นี้ก็กระทำการดูจะเกินเลยจนเกินไปแล้ว

 

ในระหว่างที่สัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่จ้องมองไปมาอย่างประหลาด เสวี่ยซินผู้นั้นก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาสายหนึ่ง จากนั้นก็ได้ค่อยๆหันกลับไปมองทั่วทั้งสี่ด้านรอบหนึ่ง

 

ทว่า ในเวลาต่อมา สีหน้าของเสวี่ยซินก็ต้องเปลี่ยนไปคราหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ภายในดวงตาได้ทอแววสงสัยออกมาอยู่หลายส่วน

 

“ เหอะ นี้มิใช่เยี่ยจงหรอกหรือ ? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังคงไม่ตายอีก “ เสวี่ยซินค่อยๆแสยะยิ้ม สีหน้าเต็มยังคงไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

 

“ ต้องการที่จะให้ข้าตายแล้วละก็ ไม่ลองลงมือด้วยตนเองดูละ ? “ เยี่ยจงหรี่ดวงตาจ้องมองไปที่เสวี่ยซิน สีหน้าปกติตอบกลับไป แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเสวี่ยซินที่โกรธแค้นตนเองอย่างไร้ที่เปรียบ ดังนั้นในครั้งนี้เขาจริงแสดงออกมาถึงไพ่ตายออกมาจนเรียกได้ว่ามากมาย ถ้าหากตนเองยังไม่ตายแล้วละก็ เด็กน้อยผู้นี้คงมิอาจที่จะกินอิ่มหลับสบายได้

 

“ เหอะ แน่นอนว่านี้เป็นความคิดที่ดี แต่ว่า เจ้ายังไม่คู่ควรที่จะให้องค์ชายเช่นข้าลงมือด้วยตนเอง “ เสวี่ยซินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“ งั้นหรือ ? ถ้ากลัวก็บอกมาตามตรง มีอันใดให้น่าปกปิดกัน “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมาราวกับไม่มีอันใดเกิดขั้น แต่ว่าในน้ำเสียงของเขานั้น ก็ได้ทำให้สีหน้าของเสวี่ยซินเปลี่ยนไปคราหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะต้องก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว

 

“ ซวบ ซวบ ซวบ “

 

เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของเสวี่ยซิน วินาทีนั้นยอดฝีมือมากมายถอยหลังออกไปในทันที สีหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไปด้วยดูน่าสนุกอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้ใดที่คิดจะเริ่มต้นการแย่งชิง แต่ว่ารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้กับลัทธิแห่งดวงดาวคิดที่จะต่อยตีกันแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดที่คิดห้ามปรามอยู่แล้ว จากที่พวกเขามองดู ถ้าหากทั้งสองฝ่ายตายตก พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นในการแย่งชิงสมบัติล้ำค่า

 

“ อดใจไว้ไม่ไหวแล้วงั้นหรือ ? “

 

เมื่อพบเห็นเสวี่ยซินเป็นเช่นนี้แล้ว ดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ปกคลุมไปด้วยรังสีการฆ่าฟัน จนออกนอกหน้า

 

ไม่ว่าเป้าหมายของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจะเป็นอันใด เยี่ยจบก็นับว่ามีความหวาดกลัวต่อพวกเขาอยู่หลายส่วน ถ้าหากสามารถสังหารเสวี่ยซินในตอนนี้ได้แล้วละก็ ถ้ามองในมุมของเยี่ยจง ก็นับเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว

 

“ นายน้อย เกรงว่าตอนนี้ยังมิใช่โอกาสที่เหมาะสมในการลงมือ ถ้าหากพลังยุทธ์ของนายน้อยถูกเปิดเผยไปแล้วละก็ เกรงว่า …….. “ เสวี่ยสือขยับกายคราหนึ่ง ก็ได้หายวับไปยังข้างกายของเสวี่ยซินทันทีแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา ทว่าในตอนที่เขาได้ตกเป็นเป้าสายตาของเยี่ยจงนั้น ก็ได้ทอแววตาเย็นเยียบอย่างไร้ที่เปรียบออกมา

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเสวี่ยสือแล้ว จากนั้นเสวี่ยซินก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับพึ่งนึกอันใดออกมาได้ เขาก็เข้าใจในทันที ในตอนนี้พวกเขากำลังดำเนินการเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทั้งยังมีความสำคัญอย่างมาก ถ้าหากต้องถูกเปิดโปงเพราะเยี่ยจงเพียงคนเดียวแล้วละก็ เช่นนั้นก็นับได้ว่าสูญเสียจนเกินไปแล้ว

 

หลังจากที่ได้ทอประกายตาแล้ว เสวี่ยสือก็ได้แต่เก็บกดรังสีฆ่าฟันเอาไว้ภายในใจ หลังจากที่ได้จ้องมองอย่างเยือกเย็นไปทางด้านของเยี่ยจงแล้ว จึงได้เอ่ยปากกล่าวเสียงเย็นชา “ หลังจากเมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว องค์ชายอย่างข้าจะค่อยๆสั่งสอนเจ้าดีๆสักคราเอง “

 

“ ไร้สาระ “

 

เยี่ยจงไม่ไว้หน้าเสวี่ยซินเลยแม้แต่น้อย เขาทราบว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ต้องการที่จะลงมือในเวลานี้ ต่อมาจึงได้กล่าววาจาเสียดแทงต่อไป ขอเพียงอีกฝ่ายอดทนไว้ไม่อยู่ เช่นนั้นแน่นอนว่าเยี่ยจงก็มิอาจไม่ตัดสินใจที่จะฆ่าฟันในห้องโถงแห่งนี้ได้

 

หากมิใช่ว่าในตอนนี้ไม่ต้องการที่จะเป็นจุดสนใจแล้ว ก็คงจะไม่เป็นอย่างที่เหล่าผู้คนผิดหวังแล้วละก็ เยี่ยจงก็พร้อมที่จะลงมือเองอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่เตรียมการวางแผนที่อย่างดีแล้วก็ตาม

 

ทันใดนั้นเสวี่ยซินก็ได้มองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ได้สะบัดหน้าอันเย็นชาหันกายจากไป ไม่แม้แต่จะมองดูเยี่ยจงแม้สักครา

 

“ เด็กน้อยผู้นี้สามารถที่จะเก็บอารมณ์ไว้ได้จริงหรือ ข้าก็อยากจะดู ท้ายที่สุดแล้วเขาคิดที่จะทำอันใด “ ซูหยี่ร้องเชอะแล้วกล่าวออกมา

 

“ ไม่ว่าเขาต้องการจะทำอันใด สักพักพอมีโอกาสแล้วละก็ ฆ่าสังหารเขาได้ก็เป็นพอ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าพวกเขารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาจะมีแผนการอีกซักแค่ไหน ก็ไม่มีความหมายอันดีอีก “ เฮ่อฟงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นเยียบ

 

“ จะง่ายดายเช่นนั้นหรือ แน่นอนว่าเสวี่ยซินผู้นี้ไม่ง่ายที่จะต่อกร เบื้องหลังของพวกเขายังมีรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่ยุ่งยากน่ารำคาญอยู่อีก “ หลิงเยวี่ยหมวดคิ้วไปมา เอ่ยปากกล่าวออกมาเสียง

 

เมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า ได้ยินคำพูดที่เยี่ยจงกล่าวออกมา หวินหลิงผู้นั้นก็ได้แสดงสีหน้าสงสัยขึ้นมาอย่างกะทันหันมองไปที่ด้านของเสวี่ยซินคราหนึ่ง ค่อยเอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา “ พวกเจ้าและเด็กน้อยเหล่านั้นมีเรื่องบาดหมางกันหรือ ? “

 

“ ไม่นับได้ว่าเป็นเรื่องบาดหมางหรอก เพียงแต่ว่าพวกข้าประจวบกับล่วงรู้ความลับส่วนหนึ่งของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเท่านั้นเอง หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ พวกท่านเกาะหมอกควันลำบากลำบนมานับพันลี้มายังที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็ต้องได้รับข่าวสารมาบ้าง …….. อีกทั้งข่าวสารเหล่านี้ น่าจะเป็นของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาใช่หรือไม่ ? “ เยี่ยจงมองดูหวินหลิงคราหนึ่ง หลังจากที่ครุ่นคิด ก็ค่อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน

 

“ นับว่าเป็นเช่นนั้นมิผิด ข่าวสารที่พวกเราเกาะหมอกควันได้รับมากก็นับได้ว่าเผยแผ่มากจากรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา สิ่งนี้มีปัญหาอันใดหรือ ? “ หวินหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบ

 

“ ข้าบอกว่ามีปัญหา เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ ? “ เยี่ยจงกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มมองดูหวินหลิง หลังจากนั้นก็กล่าวออกมาเสียงดัง “ ขณะนี้เราท่านทั้งสองฝ่ายนับว่ามีความสัมพันธ์กันด้านความร่วมมือ ดังนั้น โปรดจำไว้ ระหว่างเจ้าพวกรัฐเสวี่ยกยวนหวังเฉาไว้หน่อยก็ดี ……… อย่างน้อยเช่นนั้นก็ดี กล่าวไปแล้วท่านก็คงไม่เชื่อ มิใช่หรือ ? “

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset