เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 112 สอบสวน

ตอนที่ 112 สอบสวน

 

“ มีคนที่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว “

 

บริเวณทางด้านหน้าของหลิงเยวี่ยก็ได้มีเสียงพูดดังออกมา

 

“ ซวบ “

 

ทันทีที่เสียงของนางดังขึ้นมา ท่ามกลางกลุ่มคน ก็ได้มีเงาร่างสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาขวางไว้ เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ได้ทำการสนับสนุนจากแรงจูงใจนี้

 

“ หวืด “

 

หลังจากที่มีเงาร่างหลายสายพุ่งออกไปโดยทิ้งระยะเอาไว้ หินทั้งสี่ที่ความจริงปกคลุมไปด้วยกลุ่มแสงสีทองอร่าม ก็ได้สาดประกายอย่างกะทันหันออกมา แสงทั้งสี่ที่สว่างออกมา ก็ได้ลอยขึ้นไปท่ามกลางห้องโถงใหญ่แห่งนี้

 

และในเวลาเดียวกันกับที่แสงทั้งสี่สายสว่างขึ้นมา ยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ภายในอารามก็ต้องสูดลมหายใจเข้าออกทันที

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ตรงจุดที่เป็นบัลลังที่ความจริงเป็นที่นั่งอยู่นั้น เหล่าหุ่นเชิดสงครามเหล่านั้นที่อยู่อย่างสงบมาแรมเดือนปีก็ได้ลืมตาขึ้นมากะทันหัน เหล็กทองแดงขนาดใหญ่บนลำตัวของพวกมันก็ได้หลุดออกมา จากนั้นก็ได้แผ่พุ่งพลังการฆ่าฟันอย่างเข้มข้นออกมา ในขณะนั้นเองก็เป็นแผ่ปกคลุมไปทั่ว จนเต็มไปทั่วทั้งห้องโถง

 

“ ตูม “

 

ทันทีหลังจากที่เกิดความเคลื่อนไหวภายในห้องโถงใหญ่ที่ความจริงเงียบสงบอยู่ ในเวลาต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็ได้เต็มไปด้วยน้ำมันที่กำลังเดือดอยู่ขึ้นมา

 

“ ซู่ ซู่ ซู่ “

 

แสงที่ทอเป็นประกายทั้งสี่ด้านท่ามกลางอากาศก็ได้สาดออกไป จากที่เหม่อมองดูแสงที่ทอเป็นประกายครอบคลุมคัมภีร์ทักษะยุทธ์อยู่ ก็มียอดฝีมือไม่น้อยที่คอยอดทนนิ่งเงียบอยู่ ในตอนนี้ก็ได้มลายหายไปจนหมด

 

“ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนได้ปรากฏสู่สายตาแล้ว “

 

ลมหายใจด้านในห้องโถงใหญ่นี้ ไม่ทราบว่ามีใครที่อยู่ๆก็ร้องออกมาเสียงหนึ่ง ในช่วงที่มีเสียงลอดออกมานั้นเอง ทั่วทั้งท่ามกลางห้องโถงใหญ่ก็มีเงาร่างหลายสายเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้กระโดดเด่งราวกับเห็บหมัดก็มิปาน ราวกับไม่ต้องการชีวิตพุ่งเข้าหาคัมภีร์ทักษะยุทธ์ที่ส่องเป็นประกายปะทุออกมา

 

“ ซู่ ซู่ ซู่ “

 

เพียงแต่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่ายอดฝีมือมากมายในเวลาเดียวกัน ลำแสงทั้งสี่สายนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่ชั่วพริบตาพวกมันก็ได้หลบลอดจากการขัดขวางของเหล่ายอดฝีมือเอาไว้ได้

 

“ บรึม บรึม “

 

และในเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงปะทะกันดังออกมาเป็นสาย ในตอนนี้ราวกับตกอยู่ในลานแห่งความบ้าคลั่ง มีผู้คนไม่น้อยที่เริ่มที่จะลงมือ วินาทีนั้น ก็ได้มียอดฝีมือส่วนหนึ่งที่ยังไม่ตอบสนองกลับมาก็ต้องทอดร่างลงไป เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ถ้าไม่ลงมือสังหารผู้คนเพื่อที่จะแย่งชิงก็มีไม่น้อยเลย อีกทั้งในตอนที่ลงมือ ยังไม่มีแม้แต่พยายามยั้งมือไว้ไมตรีอีกด้วย

 

“ เยี่ยจงเดี๋ยวก่อน พวกเราตอนนี้ทำอย่างไรดี ? “ เมื่อพบเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฉากเบื้องหน้า สีหน้าของหวินหลิงก็ได้เปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นมา

 

“ อย่าพึ่งรีบร้อนที่จะลงมือ สภาพการณ์ในตอนนี้ ต่อให้พวกเราเข้าร่วมแล้ว ก็มีแต่จะเสียเปรียบ “

 

เมื่อเหม่อมองดูความทางด้านหน้าที่มีความวุ่นวายอยู่หลายส่วน สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ปั้นยากขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้หากว่าต้องการจะลงมือแล้วละก็ ต่อให้เป็นเขาก็ต้องถอยออกมาทั้งกายเป็นแน่

 

หลังจากที่เงียบงัน หวินหลิงก็พยักหน้าช้าๆ และจากนั้นนางก็ได้หรี่ตาจ้องมองไปยังม้วนคัมภีร์ทั้งสี่ม้วนที่กำลังทอแสงออกมา นัยน์ตาก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นมา

 

“ เยี่ยจงเดี๋ยวก่อน ข้าจะดูว่าในม้วนคัมภีร์ทั้งสี่ม้วน มีม้วนไหนบ้างที่มีราคาค่างวดพอที่จะให้พวกเราลงมือที่สุด “

 

“ ข้าก็ไม่ทราบ แต่ว่า ม้วนคัมภีร์ทั้งสี่ม้วนนี้สมควรต่างก็เป็นคัมภีร์ทักษะยุทธ์อย่างแน่นอน ทั้งยังต้องเป็นคัมภีร์ทักษะยุทธ์ระดับสูงอีกด้วย ผู้คนมากมายในนี้ต่างก็น่าจะทราบในข้อนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้เหมือนกับบ้าคลั่งเช่นนี้ “ เยี่ยจงครุ่นคิดอย่างตั้งใจหลายส่วนแล้วเอ่ยปากกล่าว

 

มรดกของลัทธิแห่งดวงดาว แต่ว่าที่เรียกขานว่าทักษะยุทธ์ประจำสำนักที่มีชื่อว่าเพลิงดาราคล้อยก็ยังเป็นได้เพียงแค่ทักษะยุทธ์ระดับกลางเท่านั้นเอง หากมองในข้อนี้แล้ว ก็จะทราบได้ว่าเหตุใดทักษะยุทธ์ทั้งสี่ม้วนจึงได้ทำให้ผู้คนเกิดการแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้

 

“ กล่าวอย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเราจะสามารถที่ครอบครองคัมภีร์ทักษะยุทธ์ในนี้ได้หรือไม่ ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้แบบหนึ่ง อีกทั้ง ต่อให้ต้องการที่จะแย่งชิงคัมภีร์ทักษะยุทธ์ ระดับความยากคงอยู่ในระดับที่มาก

 

เยี่ยจงมองไปสถานการณ์อันวุ่นวายทางด้านหน้า หัวเราะขมขื่นคราหนึ่ง ในสถานการณ์เช่นนี้ หากใครสามารถครอบครองคัมภีร์ทักษะยุทธ์ได้สักม้วนแล้วละก็ เช่นนี้ก็เหมือนกับต่อเป็นเป้าสายตา สถานการณ์ต่อไปคงจะไม่ค่อยดีมากนัก สถานการณ์อันวุ่นวายแห่งนี้ ผู้อื่นจึงไม่มีความสนใจที่จะสนว่าเจ้าที่แท้เป็นใครมาจากที่ใด

 

ดังนั้น ภายใต้วิธีที่จะใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ดีที่สุด ก็คือหยุดอยู่ไม่ทำอะไรมองดูก่อน รอคอยการแย่งชิงได้ผ่านไปสักพักค่อยลงมือก็ยังไม่นับว่าสาย

 

หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็จ้องมองไปยังด้านขุมกำลังยอดฝีมือสำนักเจ้าหวัง เสวี่ยหยวนหวังเฉาเป็นต้น ก็พบว่ายอดฝีมือเหล่านี้ก็เหมือนกับพวกเขามิปาน โดยส่วนมากแล้วก็ระมัดระวังก้าวถอนออกมาอยู่หลายส่วน อีกทั้งยังมิได้ลงมือเข้าแย่งชิงอันใดในช่วงแรก เห็นได้ชัดว่าต้องการให้คนเหล่านี้เข่นฆ่ากันจนพ่ายไปทั้งสองฝ่ายจากนั้นจึงค่อยเข้าไปลงมือ

 

“ อา “

 

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงกำลังให้ความสนใจไปทางด้านยอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เสียงกรี๊ดร้องของความเจ็บปวดไร้ที่เปรียบก็ดังออกมาจากภายในห้องโถงใหญ่ สายตาที่สาดประกายกวาดไปมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปคราหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าเหล่าหุ่นเชิดสงครามที่ความจริงหลับตาอยู่นั้น ตอนนี้กลับตื่นขึ้นมาจำนวนมาก และในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีกลิ่นของคาวเลือดอันเข้มข้นชนิดหนึ่ง ค่อยๆปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่

 

ทันทีที่เหล่าหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ตื่นขึ้นมา เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในระยะที่ใกล้กับพวกมันมากที่สุด ก็ต้องถูกเข้าปะทะจนกลับกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว ราวกับเป็นการลงมือของเยี่ยจงก็มิปาน พลังฝีมือของหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ที่อยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่แปดซานกวานเทียนทงไปแล้ว ด้านหน้าสายตาของพวกเขา เหล่ายอดฝีมือโดยปกติเหล่านี้แม้แต่กระบวนท่าเดียวกันยังต้านทานเอาไว้ไม่อยู่

 

ดังนั้น เวลาเพียงแค่หนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็ได้เปลี่ยนเป็นทะเลเลือดสายหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นได้ทำให้ดวงตาของยอดฝีมือแต่ละคนตอบสนองกลับมาจ้องมอง พวกเขาเหม่อมองไปยังร่างที่ถูกหุ่นเชิดสงครามทุบจนแหลกเหลวในตอนนี้ ทั่วทั้งหัวใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวาและความหวาดกลัว

 

“ ดูท่าเรื่องราวจะยุ่งยากขึ้นมาหน่อยแล้วละ “

 

เมื่อพบว่าฉากที่เกิดขึ้นภายในสนาม เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หุ่นเชิดสงครามเหล่านี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ว่าพลังการต่อสู้ก็นับได้ว่าน่าแตกตื่น อีกทั้งเมื่อได้ลงมือก็มีความดุดันอย่างถึงที่สุด นอกเสียจากว่าเหล่ายอดฝีมือชั้นยอดจะร่วมมือกันจึงจะสามารถต่อกรกับพวกมันได้โดยเฉลี่ยสองต่อหนึ่ง ถ้าหากเป็นยอดฝีมือปกติธรรมดา ก็ไม่อาจแม้แต่จะต้านรับแม้กระบวนท่าเดียวกัน

 

“ หลังจากที่สร้างหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้สำเร็จแล้ว ก็ได้ลงคำสั่งที่มีเพียงแต่แค่ปกป้องเข้าไป อีกทั้งเกือบครึ่งก็ต้องไม่ตายก็ร่างแหลกสลายกันไปข้างหนึ่ง คิดที่จะครอบครองทักษะยุทธ์ ถ้าไม่เก็บกวาดหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้คงจะไม่ได้ “ หลิงเยวี่ยขมวดคิ้วจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ภายในดวงตาสาดประกายโดดเดียวขึ้นมา

 

“ ดูยุ่งยากอยู่นิดหน่อยนะ …….. “

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วเล็กน้อย หุ่นเชิดสงครามเหล่านี้มีพลังต่อสู้ที่น่าตกใจก็เพียงพอแล้ว ยังจะต้องเข้าไปแย่งชิงม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์นั้นอีก

 

สภาพอากาศในห้องโถงใหญ่ ในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมา และการโจมตีในช่วงเวลาที่ลงมือแทบจะไม่แตกต่างกันเลยของหุ่นเชิด ก็ได้มือยอดฝีมือที่ความจริงเพียงแค่มองดูอยู่เท่านั้นต้องกลับต้องถูกกักขังอยู่ภายใต้ท่ามกลางวังวนแห่งนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังต้องให้พวกเขาลงมืออีกหรือ

 

“ ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรกันดี ? “ หวินหลิงเอ่ยปากถาม

 

เยี่ยจงเหม่อมองไปที่ห้องโถงใหญ่ที่มีความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด หลังจากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยเอ่ยปากกล่าว “ ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เช่นนั้นก็ถือได้ว่าปลอดภัยขึ้นมาบ้าง คุณหญิงหวินหลิง ท่านและพวกของข้าถอยออกไปก่อน ไปยังที่ห่างไกลจากวงล้อมต่อสู้ให้ได้มากที่สุด เก็บออมเรี่ยวแรงไว้ยามคับขัน ข้าจะลงมือทดสอบดูก่อน ถ้าหากสามารถที่จะครอบครองม้วนคัมภีร์ได้หนึ่งม้วน ……. ในสถานการณ์เช่นนี้ คนมากมีแต่จะยิ่งยุ่งยาก “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ทอดตามองไปยังบริเวณความวุ่นวายทางด้านหน้า ยอดฝีมือที่คอยไล่ตามม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์เหล่านั้นอยู่ มีอยู่ไม่น้อยที่ได้ถูกคนข้างเคียงเข่นฆ่าสังหารทันที และก็มีส่วนหนึ่งที่ถูกหุ่นเชิดสงครามทุบจนแหลกเหลว สภาพที่นองเลือดอย่างขีดสุดเช่นนี้ ราวกับว่าทุกผู้คนในสถานที่แห่งนี้ได้สูญส่วนความเป็นตัวของตัวเองไปก็มิปาน ความเปลี่ยนแปลงที่กลับกลายเหลือเพียงแต่ความบ้าคลั่งในการสังหารเท่านั้น

 

“ ดีละ “

 

เมื่อได้ยินเยี่ยจงเอ่ยถึงขนาดนี้ หวินหลิงและเหล่ายอดฝีมือทางด้านหลังก็ได้มองตามออกไป จึงได้ค่อยฝืนใจพยักหน้าออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาในตอนนี้ก็ต้องการที่จะลงมืออย่างถึงที่สุด เพียงแต่ว่าเพราะว่าเยี่ยจงเอาไว้ จึงได้ฝืนใจที่จะไม่ลงมือก็เท่านั้น

 

“ ซวบ “

 

ราวกับตอนที่เยี่ยจงและพวกได้ก้าวเท้าออกไปในเวลาเดียวกัน แสงที่สว่างทอออกมาสายหนึ่งก็ได้หายวาบไปในอากาศ ม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งก็ได้ค่อยๆสว่างขึ้น ประจวบเข้ามายังอาณาบริเวณที่เยี่ยจงและพวกยืนอยู่พอดิบพอดี

 

“ ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง “

 

ตลอดรายทางมา สีหน้าของยอดฝีมือไม่น้อยที่เปลี่ยนแปรเปลี่ยนแล้วลงมือ ในเวลากันกับที่พวกเขาได้เข้ามาใกล้ และก็ได้ลากดึงหุ่นเชิดสงครามตามเข้ามาด้วยหนึ่งตัว

 

“ ระวัง มีหุ่นเชิดสงคราม “

 

สีหน้าเยี่ยจงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีการเข้ามาของม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็มีหุ่นเชิดสงครามพุ่งเข้ามาเข่นฆ่าอีกตัว วินาทีนั้นได้ทำให้เยี่ยจงและพวกต้องตกอยู่ภายในสถานการณ์อันวุ่นวายนี้

 

“ ข้าจัดการเองเอง “

 

สีหน้าหลิงเยวี่ยแปรเปลี่ยนเล็กน้อย สะบัดมือขวาออก ในจุดที่พวกเขายืนอยู่นั้นเองก็ได้ปรากฏยันต์วิญญาณขึ้น ท้ายที่สุดก็ได้กลับกลายเป็นค่ายกลวิญญาณสายลมล้อมหุ่นเชิดสงครามเอาไว้

 

หุ่นเชิดสงครามได้ถูกกักขังโดนค่ายกลยันต์วิญญาณ ราวกับได้ติดเข้าไปในใยของแมงมุมก็มิปาน พวกมันได้ใช้แรงขัดขืน แต่ว่าก็ยังมิอาจที่จะทำลายค่ายกลยันต์วิญญาณได้ในเวลานี้

 

เมื่อเห็นถึงพลังฝีมือของหลิงเยวี่ย หวินหลิงและพวกที่ความจริงเตรียมที่จะลงมือนัยน์ตาก็ต้องทอเป็นประกายขึ้นมาสายหนึ่ง แต่ว่าพวกเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่มองดูม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ที่ตอนนี้กำลังพุ่งทะยานจนเกิดเสียงหวิดๆขึ้น

 

เพียงแค่ลังเลเพียงครู่เดียว เยี่ยจงยังคงมิได้ลงมือ เพียงแต่แค่มองดูม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ลอยไปมาอยู่ที่ด้านหน้าของตนเอง กลุ่มยอดฝีมือได้ล้อมเข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้หันกายไปมองดู แล้วมองไปยังทางด้านของหุ่นเชิดสงครามที่ถูกค่ายกลยันต์วิญญาณเหนี่ยวรั้งไว้อยู่

 

หุ่นเชิดสงครามที่มีร่างกายดุจเหล็กในตอนแรกก็ราวกับได้หายสาบสูญไปแล้ว อีกทั้งยังมีโลหิตสีแดงเป็นสายปกคลุมเขาแทนบนร่างที่เต็มไปด้วยเหล็กนี้ จากที่มองดูเข้าไป เยี่ยจงก็ราวกับคิดบางอย่างออก ว่าร่างกายของหุ่นเชิดสงครามได้ทำมาจากเหล็กทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับเหล่าหุ่นเชิดสังหารที่พบในอารามก่อฟ้าที่ได้ทำมาจากไม้แล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ถือได้ว่ามีระดับที่สูงกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง

 

“ ศิษย์พี่หลิงเยวี่ย มีวิธีที่จะหยุดความเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดสงครามเหล่านี้หรือไม่ ? “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังค่ายกลยันต์ที่กำลังหยุดยั้งหุ่นเชิดสงครามอยู่ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากถาม

 

“ ขอให้ข้าได้ทดลองดูก่อน อาจจะไม่เกิดผลอันใดก็ได้ “ หลิงเยวี่ยเงียบงันพนมมือด้วยทั้งสองมือ วินาทีนั้นก็พบเห็นยันต์วิญญาณทั้งเก้าเข้ารวมตัวกัน จนกลายเป็นยันต์วิญญาณที่มีขนาดใหญ่แผ่นหนึ่ง แล้วก็ได้แปะไปยังศีรษะของหุ่นเชิดสงคราม

 

“ ยันต์วิญญาณระงับสติ ? “

 

เมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงที่มีความเชื่อมั่นในพลังฝีมือของหลิงเยวี่ยอยู่หลายส่วนก็ยังไม่ดูไม่ค่อยออก เยี่ยจงที่นับได้ว่าตนเองก็เป็นผู้ฝึกยันต์สายนี้ที่ไม่เลวเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้ที่เขาได้เห็นแล้วละก็ หากต้องเทียบกับหลิงเยวี่ย ยังคงมีอยู่ระยะห่างอยู่ส่วนหนึ่ง

.

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset