เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 124 ช่วยเหลือสาวงาม

ตอนที่ 124 ช่วยเหลือสาวงาม

 

 

 

“ ถี่ ถี่ “

 

ท่ามกลางผืนทรายบดบังท้องฟ้า เงาร่างนับไม่ถ้วนก็ได้ยืนเรียงรายกันออกมา สีหน้าของกลุ่มคนทั้งสี่คนก็ได้ปั้นยากขึ้นมา บรรยากาศในตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่กล้าหายใจอย่างรุนแรงออกมา อีกทั้งสี่คนนี้ ที่แท้ก็คือหลิงเยวี่ยที่พึ่งแยกจากเยี่ยจงและพวกนั้นเอง

 

“ เปรี้ยง “

 

เงาร่างสายหนึ่งที่ได้เหินทะลวงเข้ามาอยู่นั้นเอง จากนั้นก็ได้ปล่อยหมัดออกเข้าปะทะ ท่ามกลางผืนทรายที่ได้มีพายุทรายสายหนึ่งห่อหุ้มการปะทะจนแตกกระจายเป็นสะเก็ด

 

การเคลื่อนไหวนี้ได้ทำให้สามคนที่อยู่ทางด้านหน้าต้องหยุดลงในเวลาเดียวกัน

 

“ พวกเราจากทอดทิ้งศิษย์พี่หลิงเยวี่ยไว้เช่นนี้งั้นหรือ จากไปได้อย่างวางใจงั้นหรือ ? “ ผู้ที่ลงมือออกมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือเฮ่อเฟิง ใบหน้าของเค้าตอนนี้ดุร้าย อีกทั้งยังปรากฏความชิงชังออกมา

 

ซูหยี่และหลู่ปิงที่ได้จ้องมองอยู่ นัยน์ตาก็ปกคลุมไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดชนิดหนึ่งที่ออกมา พวกเขาทราบดีแก่ใจว่าต่อจากนี้หลิงเยวี่ยต้องพบเจอกับอะไร

 

“ งั้นท่านคิดว่าพวกเราสมควรที่จะทำเช่นไรกัน ? “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดแล้ว ก็ค่อยกล่าวตอบออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ อย่างไรหรือ ? เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรได้กัน ? พลังฝีมือของข้าก็ต่ำต้อย ในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีแต่ทำได้เพียงรั้งมือรั้งเท้าของนาง แต่ว่าเจ้าไม่เหมือนกัน รู้อยู่แก่ใจว่าพลังฝีมือของเจ้านั้นเป็นที่น่าตกใจ เหตุใดเจ้าถึงไม่ปกป้องนาง นางเป็นศิษย์พี่ของพวกเรานะ พวกเราจะกลับไปเช่นนี้งั้นหรือ จะว่ากล่าวก็ศิษย์พี่ทั้งหลายอย่างไร ? จากนั้นพวกเรายังมีหน้าที่จะยืนอยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาวอีกหรือ “ เฮ่อฟงพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน เขาใช้มือคว้าไปที่คอเสื้อของเยี่ยจง เอ่ยปากตะโกนใส่หลายคำ

 

“ ดังนั้น พวกเราจึงสมควรที่จะอยู่ที่นี้ทั้งหมด สู้เคียงข้างนางร่วมกัน ตายไปด้วยกัน ถ้าหากจารึกเสวี่ยหยวนตกอยู่ในมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาละ ? “ เยี่ยจงค่อยๆคลี่นิ้วมือของเฮ่อฟงออก เอ่ยปากกล่าวตอบเสียงเบา

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง เฮ่อเฟิงร่างก็สะท้านครา แสดงใบหน้าอันขมขื่นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เข้าใจดี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ทิ้งพวกเขาไว้ทั้งสี่คนแล้วละก็ ก็ใช่ว่าจะช่วยได้อะไรมากมายนัก อีกทั้งในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำที่สุดก็คือ นำจารึกเสวี่ยหยวนกลับไปยังลัทธิแห่งดวงดาว ไม่อาจที่จะเสียเวลาที่หลิงเยวี่ยเสียสละมาให้อย่างแน่นอน

 

“ เฮ่อเฟิง นี้มิใช่ความผิดของศิษย์น้องเยี่ยจง ใครๆก็ทราบกันดี การรับภารกิจระดับสูงของลัทธิแห่งดวงดาวในคราวนี้ จะมีแรงกดดันที่มากถึงขั้นนี้กัน ? “ ซูหยี่พักแล้วกล่างต่อ “ พวกเราสมตวรที่จะต้องเพิ่มความเร็วเมืองน้อยที่ใกล้ที่สุด นำข้อมูลส่งกลับไปยังลัทธิสาขาใน เช่นนั้นแล้วละก็ น่าจะยังทันอยู่ …… “

 

ศิษย์พี่ซูหยี่กล่าวได้ถูกต้อง นี้จึงเป็นสิ่งที่พวกเราสมควรทำที่สุดในตอนนี้แล้ว อีกทั้ง ขอเพียงพวกเราเพิ่มความเร็วเพิ่มอีกหน่อยแล้วละก็ เช่นนั้นน่าจะยังพอมีโอกาสในการช่วยศิษย์พี่หลิงเยวี่ยกลับมา “ หลู่ปิงขบริมฝีบางอันแดงผ่องเอ่ยปากกล่าวออกมา เพียงแต่ว่า คำพูดที่นางกล่าวออกมานั้นจะทราบดีอยู่แล้วว่ามีอยู่หลายส่วนที่เห็นแก่ตัว ดังนั้น ในช่วงเวลาที่กล่าวออกมา ใบหน้าของนางก็ได้แสดงออกถึงความขมขื่นอย่างที่สุด

 

“ อา “

 

เฮ่อฟงร่ำร้องออกมาอย่างข่มขื่น ท่ามกลางความรู้สึกที่มิอาจทำอะไรได้ ได้ทำให้เขาเกียจชังจนจะตายไปให้ได้

 

เมื่อได้เหม่อมองดูความเจ็บปวดอย่างที่สุดของทั้งสามคน ท่ามกลางนัยน์ตาของเยี่ยจงก็ได้ขยับขึ้นมาเป็นสาย หลังจากนั้น เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พลิกฝ่ามือคราหนึ่งนำจารึกเสวี่ยหยวนออกมา แล้วก็นำไปให้แก่ซูหยี่

 

“ ศิษย์น้องเยี่ยจง เจ้า ….… “ ซูหยี่รับจารึกเสวี่ยหยวนเข้ามา ด้วยใบหน้าผิดหวัง

 

“ ศิษย์พี่เฮ่อเฟิงกล่าวได้มิผิด จะกลับไปเช่นนี้แล้วละก็ ข้าคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ภายในลัทธิแห่งดวงดาวต่อไปได้อีกต่อไปแล้ว ….… “ ว่ากล่าวตามความจริงของเยี่ยจงแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือฝึกปรือ เรื่องที่เป็นเหมือนดั่งการฆ่าตัวตายแล้วเกิดใหม่เช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

 

แต่ลัทธิแห่งดวงดาว ถึงแม้ความจริงก็มิอาจที่จะให้เยี่ยจงได้รับความรู้สึกที่ดีมากมายนัก เพียงแต่ว่าเยี่ยจงเองก็ทราบดี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังความสามารถทีที่ตนเองมี ทว่าถ้าหากว่าไม่ลงมือแล้วละก็ เกรงว่าแม้ว่าตนเองจะเกิดใหม่อีกครั้งก็มิอาจที่จะลืมเลือนความเย็นเยียบนี้ไปได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับวันเวลาที่ผ่านมาหลายวันนี้ ยังมีฉากเบื้องหน้าในวันก่อนที่ได้จากไปถ้ำหงส์หยาไป ก็ได้ทำให้เยี่ยจงนับถือหลิงเยวี่ยเป็นเหมือนดั่งศิษย์พี่ในสำนักของตนเองขึ้นมาแล้ว

 

“ ข้ากลับไปหาศิษย์พี่หลิงเยวี่ยเอง พวกท่านนำจารึกเสวี่ยหยวนกลับไปก่อน จำไว้ ครั้งนี้อย่าได้เสียเวลาเปล่าไปละ “

 

กล่าวจบ เยี่ยจงก็ยิ้มฝืดๆออกมาคำหนึ่ง และจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมากมาย เพียงแค่หันกายไปยังทิศทางบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

“ เยี่ยจง “

 

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นซูหยี่หรือจะเป็นหลู่ปิงและเฮ่อเฟิง เงาร่างของผู้คนทั้งหมดก็ได้เริ่มที่จะทับซ้อนกันขึ้นมา ชายหนุ่มผู้นี้ที่มีอายุเพียงแค่สิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น แต่ทุกเรื่องที่ทำออกมานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจได้แล้ว

 

“ ศิษย์น้อง พวกเราต้องอดทนได้อย่างแน่นอน พวกเราจะกลับไปส่งมอบข่าวสารให้เร็วที่สุด ขอเพียงเมื่อถึงเวลานั้น ก็สามารถหายห่วงได้แล้ว “

 

ซูหยี่ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างกะทันหัน

 

เยี่ยจงเพียงแต่หันหลังโบกมือไปมาเท่านั้น จากนั้นก็ได้หยักไหล่ไปมาโดยที่ไม่สนใจ เขาถึงแม้จะไม่ทราบว่าที่ผู้ที่ไล่ตามพวกเขาอยู่ทางด้านหลังของที่แท้ที่ความยากที่จะต่อกรเพียงใด แต่ว่าไม่ว่าจะมองเช่นไร จำนวนคนของทั้งสองฝ่ายก็นับได้ว่ามีอย่างจำกัด อีกทั้งหากเพิ่มด้วยพื้นที่ที่รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉามีอยู่อย่างจำกัด ต่อมา เกรงว่าคงจะต้องมีการเตรียมตัวที่ดีสักครา …………..

 

……

 

ทั่วทั้งผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวอันบ้าคลั่งของพายุทราย ความเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาดก็ได้เคลื่อนไหวไม่ขาดสายภายในการพลังวงล้อมภายในออกมา

 

“ เปรี้ยง “

 

ประกายโลหิตสาดไปทั่ว เสวี่ยเสวียนใช้ออกด้วยฝ่ามือด้วยใบหน้าเย็นเยียบ วินาทีเขาก็ได้ตบไปยังเงาร่างที่มีใบหน้าที่เหมือนเขาราวกับแกะที่อยู่บริเวณทางด้านหน้าจนกลายเป็นปุ๋ยผง

 

นี้นับเป็นครั้งที่ห้าแล้ว แต่ว่าในครั้งนี้ เงาร่างที่สร้างจากทรายนี้ก็มิได้กลับเข้ามารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง เพียงแค่เดิดเสียงคล้ายระเบิดดังกังวานออกมา

 

หลังจากที่ได้จัดการความยุ่งยากด้านหน้าตนแล้ว ใบหน้าของเสวี่ยเสวียนก็ได้สาดประกายความเย็นชากวาดไปทั่วทั้งสี่ด้าน ในตอนนี้ เหล่ายอดฝีมือที่เขานำพามาด้วยของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานั้นต่างก็อยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดทั้งสิ้น ทั้งหมดต่างก็กระโดดเข้าสู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ฟาดฟันฝ่ามือไปยังเงาร่างที่มีหน้าตาคล้ายกับตนเอง ยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉามีความดุร้ายที่มากมาย อีกทั้งสถานการณ์เบื้องหน้าใช่ว่าจะสามารถจัดการได้เพียงครู่เดียว

 

ฉากเบื้องหน้าได้ทำให้เสวี่ยเสวียนมีสีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด เพียงแต่ว่าเขาก็มิได้ลงมือจัดการความยุ่งยากให้แก่ผู้อื่น เพียงแต่สาดประกายสายตาอันเย็นเยียบไปบริเวณสถานที่แห่งนี้ สาวน้อยในตอนนี้ยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งสงบนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนที่ไปยังจุดอื่น สองมือมีเปลี่ยนสัญลักษณ์บ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ว่า ในระหว่างที่ทั้งสองมือของนางขยับเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปแล้ว ร่างกายของนางก็สั่นเทาขึ้นมาทันที จากนั้นก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง และใบหน้าของนางที่ความจริงเป็นลักษณะสีขาวผ่องกลับต้องปนเปื้อนไปด้วยโลหิตนับไม่ถ้วน อยู่เต็มทั่วทั้งใบหน้าของนาง และเส้นโลหิตที่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดอย่างมาก

 

ฉากเบื้องหน้านี้ไม่ว่าใครก็มองออกว่า ในตอนนี้สาวน้อยได้มีถึงขีดจำกัดแล้ว ในระหว่างนั้นไม่นานก็คงจะสลายไปในที่สุด

 

“ ถึงแม้จะสามารถที่จะสร้างค่ายกลยันต์วิญญาณที่มีความพิศดานอย่างค่ายกลเล็กไร้สภาพได้ แต่ว่าเจ้าก็ยังมิใช่ผู้ฝึกยันต์ขั้นที่หนึ่งที่แท้จริง ข้าก็ต้องการที่จะดูว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะยังสามารถที่จะอดทนไปได้นานอีกเท่าไหร่กัน ? “ เสวี่ยเสวียนจ้องมองไปทางด้านหลิงเยวี่ยอย่างเย็นชา เอ่ยปากกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะให้เจ้าทราบอย่างกระจ่างว่า ผู้หญิงอย่างพวกเจ้านี้ เรื่องเช่นไรที่ทำให้เจ้ายังขมขื่นยิ่งเสียกว่าความตายกัน “

 

“ สามารถที่จะดึงรั้งพวกเจ้าเอาไว้ได้นานขึ้น ศิษย์น้องของข้าก็จะสามารถหลบหนีไปได้นานยิ่งขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว “

 

หลิงเยวี่ยเงยหน้าขึ้น ใบหน้าอันงดงามที่มีสีแดงฝาด ประทับอยู่ราวกับมีรอยยิ้มอยู่สายหนึ่ง เพียงแต่ว่า ภายใต้รอยยิ้มนี้ได้ปรากฏความเศร้าอย่างถึงที่สุด เป็นความงามที่สะท้านไปทั่วทั้งจิตใจ

 

เมื่อเสวี่ยเสวียนเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ก็ยังต้องกรอกสายตาไปมาอย่างช้าๆ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะไม่ยอมรับว่า หญิงสาวเบื้องหน้าสายตานางนี้ถึงกับมีความเก่งกาจทีอยากเกินคาดเดาถึงขั้นนี้

 

เขาจดจ้องเขม็งไปที่หลิงเยวี่ย ในเวลาไม่นาน ก็ค่อยสูดลมหายใจหนักๆคำหนึ่ง “ เจ้าทำได้แล้วละ อีกทั้ง พึ่งพาพลังฝีมือของเจ้าที่มีเพียงขั้นขอเกิดระดับที่เจ็ด ถึงกับสามารถหยุดยั้งพวกเรารัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาไว้ในถ้ำหงส์หยาแห่งนี้โดยที่ทำอันใดมิได้ ในข้อนี้ก็มิอาจทำให้ชื่อเสียงของนางเซียนต้องมลหมองแล้วละ น่าเสียดาย นางเซียนหลิงเยวี่ยนับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็คงต้องกลายเป็นนางเซียนจริงๆแล้ว …… “

 

“ ในดินแดนแห่งนี้น้อยนักที่จะพบเจอกับหญิงสาวที่มีความงามล้มเมืองเช่นเจ้าแม้สักคนหนึ่ง ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ร่างกายของเสวี่ยเสวียนก็ได้สั่นไหวหายไปในทันที กลายเป็นเพียงเงาร่างสายหนึ่งที่ระเบิดดังออกไป บริเวณใจกลางฝ่ามือ ก็ได้มีแสงสีโลหิตส่องสว่างขึ้นออกมาจนกลายเป็นฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่ เข้าปะทะกับบริเวณที่หลิงเยวี่ยอยู่

 

“ บรึม บรึม “

 

ฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่โบกสะบัดออกเสียงดังหวือ ไปยังบริเวณที่หลิงเยวี่ยนั่งอยู่ พื้นดินได้ถูกแรงปะทะเขาเต็มๆจนเกิดเป็นรอยแยกออกมาเป็นสาย แม้แต่หินอ่อนก็ยังทานทนไว้ไม่อยู่จนต้องแตกระเบิดออก

 

และในช่วงเวลาที่เสวี่ยเสวียนลงมือ ก็มิได้มีความรู้สึกเฉกเช่นพบเจอกับบุปผางามแต่อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เข้าใจ หากว่ายังคงมองเป็นบุปผางามอีกละก็ เกรงว่าท้ายที่สุดผลลัพธ์ที่จะตามมาที่จะเกิดขึ้นกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาคงจะหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะคาดเดาเอาไว้ได้

 

หลิงเยวี่ยเงยหน้าขึ้น เหม่อมองไปที่การโจมตีที่มีเสียงดังขึ้นเข้ามา ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวคราหนึ่ง หากนับตามพลังฝีมือที่แท้จริงของนางแล้วละก็ แน่นอนว่าไม่อาจที่จะสามารถควบคุมค่ายกลเล็กไร้สภาพได้แน่นอน แต่ว่าสภาพในตอนนี้ของค่ายกลไร้สภาพเช่นนี้ ก็เหมือนนางจุดโคมโดยไร้น้ำมัน ไม่อาจที่จะลงมือสวนกลับได้อีกต่อไป

 

“ พวกเขาน่าจะปลอดภัยกันแล้ว ? ขอเพียงจารึกเสวี่ยหยวนไม่ตกไปอยู่ในมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เช่นนั้นก็ดีแล้ว ….. “

 

หลิงเยวี่ยยิ้มแล้วยิ้มอีก นางก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากจารึกเสวี่ยตกไปอยู่ในน้ำมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เช่นนั้นหากกล่าวโดยรัฐต้าโจวหวังเฉาและลัทธิแห่งดวงดาว คงจะต้องเกิดเรื่องเกินกว่าจะคาดเดาเอาไว้ได้ ท่ามกลางสามรัฐใหญ่นี้ รัฐต้าโจวหวังเฉานับได้ว่าอ่อนแอที่สุด ถ้าหากขุมกำลังของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาลุกฮือขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นสิ่งที่ที่พวกเขาจะทำก็คือกลืนกินรัฐต้าโจวหวังเฉาเป็นอันดับแรก และเมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่ารัฐต้าโจวหวังเฉาและลัทธิแห่งดวงดาวคงต้องเกิดการนองเลือดขึ้นอย่างแน่นอน และแน่นอนว่านางไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นั้นก็เพราะว่า นางเป็นคนของรัฐต้าโจวหวังเฉา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางก็ยังคงรักบ้านเมืองของนาง และชื่นชอบลัทธิแห่งดวงดาวที่เป็นดั่งบ้านเกิด หากให้นางกล่าวแล้วละก็ ลัทธิแห่งดวงดาวก็เป็นเหมือนดั่งบ้าน นางมิอาจที่จะมองดูบ้านต้องถูกทำลายลงไปได้ ?

 

“ ตาย “

 

เมื่อได้เหม่อมองไปที่ใบหน้าของหลิงเยวี่ยที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เขาก็ต้องกรอกตาไปมา ภายในดวงตาปก ปรากฏเค้าโครงความดุร้าย ทันใดนั้นเอง เขากดฝ่ามือลงไป พลังโจมตีอันมากมายได้กดเข้าทับเข้าต้านที่ร่างของหลิงเยวี่ย

 

การโจมตีอันน่าหวาดกลัวได้ประทับเข้ามา หลิงเยวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที แล้วก็ค่อยๆหลับตาลง

 

“ ตูม “

 

ทันทีที่ได้หลับตาลง เงาร่างที่สร้างจากทรายทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้ระเบิดตัวเองทันที แรงระเบิดที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงอย่างยิ่ง จนทำให้เหล่ายอดฝีมือของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉากระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง แม้แต่เสวี่ยเสวียนก็คาดไม่ถึง ว่าภายในด้านสุดท้ายนี้ หลิงเยวี่ยผู้นี้ถึงกับยังหลงเหลือไม้นี้อยู่อีก

 

ทันใดนั้นเอง พลังการฆ่าฟันก็ได้เต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งจิตใจ

 

“ ถี่ “

 

จากนั้น ในขณะที่เสวี่ยเสวียนกำลังจะทำการฆ่าฟันอยู่นั้นเอง ทันทีที่หลิงเยวี่ยที่หลับตาลงรอคอยความตาย บริเวณเบื้องหน้า ก็ได้มีสายลมพัดผ่านเข้ามาเสียงดัง จากนั้นก็มีกระบี่สายรุ้งพุ่งขึ้นมาสายหนึ่ง พุ่งเข้าหาบริเวณที่เสวี่ยเสวียนอยู่เข้าไป

.

.

.

.

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset