เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 129 สังหารอีกครา

ตอนที่ 129 สังหารอีกครา

 

 

“ ตูม “

 

ความแข็งแรงอย่างน่าหวาดกลัวของเลือดเนื้อที่ส่องสว่างขึ้นออกมา ในตอนนี้ได้ถูกเปล่งออกมาจากลมปราณภายในของเสวี่ยเสวียนออกมาราวกับประทับฟ้าดินได้ก็มิปาน นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ จ้องเขม็งมองอย่างเอาเป็นเอาตายไปที่เงาร่างที่ซูบผอม หลังจากนั้น ก็พบว่าหอกยาวสีโลหิตในมือของเขาแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่งคราหนึ่ง ส่งเสียงดังฮูมฮูมออกมาสะท้านฟ้า ประกายโลหิตอันหนาแน่นนับสิบจังขนาดใหญ่สายหนึ่งตัดไปมาอยู่ท่ามกลางอากาศ ขยับเป็นดั่งประกายสายฟ้าแลบไปมาเข้าปะทะยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

ประกายหอกนี้นับได้ว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังปิดทางหนีของเยี่ยจงได้หมดทุกเส้นทาง ทำให้ร่างกายของเขาไม่อาจที่จะไม่หยุดลงมาในตอนนี้ และจากนั้นก็ได้ฝืนใจหันกายกลับไป กระบี่คงหมิงในมือขวาก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นประกายกระบี่ขนาดใหญ่สายหนึ่งในทันที ความรุนแรงที่ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวถูกกวาดออกไปบริเวณทางด้านหลังทะเลทรายออกไป

 

“ เพล้ง “

 

การโจมตีอย่างหนักของทั้งสองสายเข้าชนกัน พลังอันมหาศาลราวกับสามารถสะเทือนฟ้าสะท้านดินได้ก็มิปานได้กระจายออกมา ร่างกายของเยี่ยจงได้สั่นอย่างรุนแรงคราหนึ่ง ร่างกายก็ได้ถอยหลังออกไปบนพื้นดินนับสิบก้าว หลังจากที่ได้ปักกระบี่คงหมิงในมือลงสู่พื้นแล้ว เขาจึงค่อยหยุดร่างลงเอาไว้ได้ และจากนั้นท่ามกลางนัยน์ตาก็ได้ปรากฏความหนักแน่นขึ้นมา พลังฝีมือของเขาและเสวี่ยเสวียนนับได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก ต่อให้เขาในตอนนี้ได้พึ่งพาโอสถระเบิดพลังไปแล้วทั้งหมดหกชิ้นจนทำให้พลังฝีมือของตนเองปะทุขึ้นมาในทันทีก็จริง แต่ว่าก็ยังถือได้ว่ายังมีส่วนที่แตกต่างจากเสวี่ยเสวียนอยู่ส่วนหนึ่ง

 

“ พวกเจ้าทั้งสามคนลงมือพร้อมกับข้าเลยทีเดียว “ เสวี่ยเสวียนจ้องมองไปยังเยี่ยจงด้วยสีหน้าเยียบเย็น กล่าวออกมาอย่างปวดร้าว

 

เขาในตอนนี้เริ่มที่จะเข้าใจแผนการของเยี่ยจงขึ้นมาแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว หากว่ายังต้องให้เยี่ยจงสังหารยอดฝีมือของฝ่ายตนเองไปทีละคนๆ มิสู้ลงมือโดยพร้อมกันทุกคนทีเดียว ภายใต้การโจมตีที่รุมล้อมของทุกคนแล้ว เขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่าเยี่ยจงจะมีพลังฝีมืออันใดกันอีก

 

“ ขอรับ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่หลงเหลืออีกสามคนก็ได้พยักหน้าในเวลาเดียวกัน และจากนั้นก็ได้ทอประกายสายตาจ้องมองเยี่ยจงซับซ้อนอยู่หลายส่วน ภายใต้รังสีสังหารนี้ ถือได้ว่าเป็นความน่ากลัวที่ไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่ที่ยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาทั้งสามคนได้ถูกสังหารภายใต้น้ำมือเยี่ยจง ก็ได้ทำให้เริ่มที่จะเกิดความกลัวต่อเยี่ยจงขึ้นมา

 

แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เลือดลมที่เดือดพล่าน ก็ได้แผ่พุ่งออกมาจากกำลังภายในของยอดฝีมือทั้งสาม ทั้งสามคนราวกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วก็ได้พุ่งเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ในเวลาเดียวกัน และเสวี่ยเสวียนก็ได้ประกบหน้าหลังเยี่ยจงปิดทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว

 

“ ลงมือ “

 

เสียงทุ่มต่ำดังออกมา ทันทีที่ได้ออกมาจากปากของเสวี่ยเสวียน จากนั้นก็พบว่าได้ก้าวเท้าเข้าไปยังพื้นที่ทะเลทรายก้าวหนึ่ง ร่างกายก็ได้พุ่งทะลวงออกไป หอกยาวประกายโลหิตในมือก็ได้แทงออกไปราวกับอสรพิษก็มิปาน ราวกับเป็นความเคลื่อนไหวที่บ้าคลั่งชนิดหนึ่ง ประทับเข้าไปทั่วทั้งสรรพร่างกายของเยี่ยจงอย่างเผ็ดร้อน

 

และในเวลาเดียวกันกับที่เสวี่ยเสวียนลงมือ ยอดฝีมือทั้งสามคนที่ลงมือพร้อมกันทางด้านหลัง วินาทีนั้นเอง ท่ามกลางทั่วทั้งที่แห่งนี้ก็ได้เกิดลมพายุขึ้น พลังการสังหารอย่างเย็นเยียบครอบคลุมไปทั่ว

 

เยี่ยจงแสดงสีหน้าไม่สนใจ การโจมตีทั้งหน้าหลังที่เข้ามาได้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลชนิดหนึ่ง แต่ว่าภายในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับยังสามารถที่จะใจเย็นอยู่ได้ เพราะเขาก็ทราบดีว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพียงแค่การตอบสนองของเขาเชื่องช้าลงแม้เพียงเล็กน้อย เกรงว่าสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ จะมีแต่ความตายไม่มีแม้แต่หนทางรนเลย

 

“ พลังกระบี่ตราประทับ “

 

พลังสีทมิฬเป็นสายได้อัดแน่นอยู่รวมตัวกันอยู่บนตัวของกระบี่คงหมิงอย่างรวดเร็ว ภายในกระบี่ตราประทับทั้งหกชั้นที่ได้ปรากฏออกมา วินาทนั้น ก็ได้มีตราประทับกระบี่เพิ่มขึ้นออกมาถึงสองสาย เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่ได้มีพลังสูงขึ้นจนถึงขั้นก่อเกิดระดับที่แปดแล้ว เยี่ยจงก็สามารถที่จะอัดซ้อนวิชากระบี่ตราประทับได้จนถึงชั้นที่แปดเลยทีเดียว

 

เมื่อได้เพิ่มพลังของกระบี่ตราประทับจนถึงชั้นที่แปด ความน่ากลัวของพลังอันมหาศาลได้อัดแน่นรวมตัวกันอยู่บนตัวกระบี่คงหมิงขึ้นมาในทันที ราวกับกระบี่คงหมิงสามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ วินาทีนั้นประกายกระบี่กับเสวี่ยเสวียนและพวกรวมสี่คนก็ได้เข้าปะทะเข้ากับพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวเข้าด้วยกัน

 

“ เพล้ง เพล้ง เพล้ง “

 

พลังมหาศาลของการโจมตีได้เข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่งแผ่กระจายกันออกไป และกระบี่ตราประทับที่ได้เพิ่มขึ้นมานี้เอง ประกายกระบี่ยังมีความน่ากลัวมากกว่าเมื่อสักครู่หลายเท่าตัว ทำให้สีหน้าของเสวี่ยและพวกแต่ละคนต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่รุมล้อมเข้าโจมตีกลับไร้ผลขึ้นมา

 

“ ตูม “

 

แรงบนฝ่ามือได้ถูกใช้ออก กระบี่ตราประทับชั้นที่เก้าก็ได้ปรากฏขึ้นมาในทันที เยี่ยจงได้กวาดกระบี่นี้ออกไป และในทันทีที่ได้กวาดประกายกระบี่ออกไปนั้น ร่างกายของเขาก็ได้หายวาบไป จนมาถึงยังบริเวณด้านหน้าของยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาผู้หนึ่ง

 

นอกเสียจากเสวี่ยเสวียนแล้วยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาทั้งสามคน สามารถกล่าวได้ว่ามีพลังฝีมือที่ไม่สูงต่ำกันมากนัก เห็นได้ชัดว่าการส่งเสริมพวกเขาของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉานี้ต้องสูญเสียทรัพย์ยากรไปมากเท่าไร เพียงแต่ว่า เยี่ยจงที่ได้สาดประกายสายตาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่า ทั้งสามคนนี้ได้เกรงกลัวเยี่ยจงอย่างแน่นอน

 

“ ชิร์ “

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเข้าหา ยอดฝีมือผู้นี้ก็ใช่ว่าจะง่ายดาย เข้าใจได้ด้วยตนเองว่าเยี่ยจงมองออกว่าพลังฝีมือของเขานั้นด้อยที่สุดในสามคน หากต้องการที่จะเรียบฆ่าฟันจากเขาเป็นคนแรก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ถอย ก็มีแต่ตายสถานเดียว ดังนั้น ในตอนนี้ ยอดฝีมือผู้นี้ก็ร้องเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง พลิกมือทั้งสองข้างเป็นสัญลักษณ์ไปมาอย่างรวดเร็ว

 

“ กรงเล็บเหล็กโลหิต “

 

ประกายโลหิตได้รวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นกรงเล็บโลหิตสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าปะทะบริเวณทางด้านเยี่ยจงอยู่ วินาทีนั้น ไอโลหิตก็ได้สาดอยู่เต็มท้องฟ้า

 

จากนั้น ยอดฝีมือผู้หนึ่งที่กำลังเผชิญหน้าก็ได้เคลื่อนไหวใช้ทักษะยุทธ์ออกมา แต่ว่าเยี่ยจงก็มิได้คิดที่จะหลบหรืออย่างไร เพียงแต่ใช้ออกด้วยพลังดัชนีสีแดงเพลิงออกมาในทันที

 

“ ตูม “

 

ในครั้งนี้ บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง ไม่ทราบว่าได้ปรากฏดวงดาวออกมามากเท่าใด แต่เป็นทันทีที่ยอดฝีมือผู้นั้นยังไม่ทันจะตอบสนองกลับมาได้ ดาวตกคล้ายเงามังกรก็ได้พุ่งออกมาท่ามกลางอากาศออกไป

 

ในทันทีที่ดาวตกคล้ายเงาร่างมังกรโบราณลูกนี้พุ่งออกไป ยอดฝีมือผู้นั้นก็ได้กวาดแกว่งกงเล็บต้านรับจนเกิดเสียงดัง วินาทีนั้นเอง สัมผัสแห่งความตายชนิดหนึ่ง ก็ได้ปกคลุมไปทั่วหัวใจ

 

“ ไม่นะ …… “

 

ยังไม่ทันที่จะส่งเสียงร้องออกมาได้หมดคำ ก็ได้สิ้นใจไปเสียก่อนแล้ว ทันทีที่ได้เดินถอยไปทางด้านหลังอย่างหนักหน่วง เยี่ยจงก็ได้ขยับกายหายไป กระบี่คงหมิงในมือก็ได้แทงออกไปยังบริเวณของคอหอย

 

“ ฉับ “

 

ส่วนของศีรษะก็ได้กระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า เยี่ยจงพลิกมือออกคราหนึ่ง เงาร่างมังกรโบราณนั้นก็ได้เคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของเขา แล้วร่างกายก็ได้พุ่งออกไปทางด้านหน้าไปทั้งตัว ทำให้ร่างกายนั้นแตกระเบิดออกจนมิอาจเห็นแม้กระทั้งเนื้อชิ้นหนึ่ง

 

“ จัดการได้อีกคนแล้ว “

 

หลังจากที่ได้จัดการยอดฝีมืออีกคนหนึ่งอย่างเรียบร้อยแล้ว เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆหันกายไปคราหนึ่ง ดวงตาที่อยู่บนร่างของยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาอีกทั้งสองคนในตอนนี้ได้ทอเป็นประกายหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ค่อยๆขยับริมฝีปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มอย่างเย็นเยียบอย่างที่สุด

 

และตอนนี้ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เต็มไปด้วยเศษเนื้อกากโลหิต ราวกับทำให้รอยยิ้มของเขานั้นเป็นเหมือนดั่งเทพแห่งความตายก็มิปาน ทำให้ผู้พบเห็นไม่สั่นกลัวมิได้

 

“ เจ้า ……… กระทั่งถึงกับกล้าสังหารคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา ต่อหน้าต่อตาข้าเลยงั้นหรือ ? “

 

เสวี่ยเสวียนกรอกสายตาอันดุร้ายคราหนึ่ง สีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุดในทันที แม้แต่เขาคิดไม่ถึง ท่ามกลางสถานการณ์ถูกกุมรุมโจมตี เยี่ยจงถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อีกทั้งช่วงเวลานั้นยังสังหารไปได้อีกผู้หนึ่ง พลังฝีมือเช่นนี้ สภาพจิตใจเช่นนี้ ภายในหัวของเขาตอนนี้ได้เกิดความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวขนยากที่จะเชื่อชนิดหนึ่ง

 

และทางด้านยอดฝีมืออีกสองคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา สีหน้าในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นตายด้านอยู่หลายส่วน ปรากฏอยู่ในดวงตาของพวกเขาพร้อมกัน เป็นชนิดที่รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างถึงที่สุด ไปใต้สถานการณ์ที่ถูกพวกเขาทั้งสี่ล้อมโจมตี เยี่ยจงยังถึงกับสามารถสังหารอีกหนึ่งคน ตอนนี้หลงเหลืออยู่เพียงแค่สามคน ถ้าเยี่ยจงเขา ต้องการที่จะสังหารทั้งสองคนแล้วละก็ คงจะไม่ง่ายดายเต็มสิบส่วนอย่างแน่นอน

 

ในขณะนั้นเอง ยอดฝีมือทั้งสองคนก็ตัดสินใจที่จะถอยออกไปครึ่งก้าว เค้าว่าในช่วงที่มีการตอบสนองกลับมา ร่างกายของพวกเขาก็ต้องสั่นเทาขึ้นมาคราหนึ่ง สีหน้าซีดขึ้นมาอย่างถึงที่สุดในทันที

 

เยี่ยจงถึงกับสามารถทำให้พวกเขาที่เป็นถึงยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับเจ็ด ต้องรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆอยู่ภายในจิตใต้สำนึก หรือกล่าวได้ว่า พวกเขาทั้งสองคนเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยจงแล้ว ก็มิอาจที่จะมีความกล้าพอที่จะลงมือออกไปได้

 

“ นี่กล่าวได้เพียงว่า พลังฝีมือของเจ้าก็มิได้แข็งแกร่งอย่างที่เจ้าคิดเอาไว้ก็เท่านั้นเอง วางใจเถอะ รอจนข้าเก็บกวาดที่เหลืออีกสองคนได้แล้ว พวกเราทั้งสองคนก็จะได้ลงมือได้อย่างเต็มที่แล้ว “ เยี่ยจงได้ยิ้มออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เขาความจริงมิใช่คนที่มีมารยาทอันใด ภายในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อลงมือลงไปแล้วก็มิอาจที่จะยั้งมือไว้ไมตรี ถึงกระนั้น หากมิใช่เพราะว่าการลงมือของเขานั้นอำมหิตแล้วละก็ ตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจจะตกอยู่ภายใต้น้ำมือของเด็กน้อยเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงพอจะสามารถจัดการเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาเหล่านี้ เยี่ยจงก็จะไม่เกรงใจอย่างแน่นอน

 

“ เจ้า “

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง ภายในดวงตาของเสวี่ยเสวียนทอประกายความเยือกเย็นเข้มข้นอย่างลึกล้ำออกมา เขาจ้องมองเยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้กัดฟันไปได้กัดฟันไปมา สีหน้าจึงได้ค่อยๆกลับคืนสู่ความสงบ เพียงแต่ว่า ความสงบเช่นนี้ได้ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกหวาดกลัว

 

“ เจ้าเด็กน้อย นับตั้งแต่เริ่มแรก ข้าก็ดูแคลนเจ้าเกินไป นี้เป็นสิ่งที่ข้าผิดไปเอง ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาข้าคงมิต้องเกิดความสูญเสียที่หนักหนาเช่นนี้ …….. “

 

เสียงของเสวี่ยเสวียนนั้น ได้ออกมาพร้อมกับความเย็นเยียบ ภายในเสียงของเขานั้นกลับมิได้ปะทุความโกรธแค้น แต่ว่าก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความอำมหิตและเย็นเยียบไปจนถึงกระดูกของผู้คน

 

“ รอจนหลังจากที่ข้าสังหารเจ้าแล้ว ความสูญเสียของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเจ้า จะกลายเป็นมากยิ่งขึ้น เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะคิดหาวิธีการ ทำให้พวกเจ้ายอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาที่เข้ามายังถ้ำหงส์หยา ฆ่าสังหารไปทีละคนให้อย่างหมดจด “ เยี่ยจงราวกับมิได้สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารของเสวี่ยเสวียนก็มิปาน และจากนั้นก็แสยะยิ้มตอบ

 

“ เก่งแต่ปากเสียจริง แต่ว่า คงถึงเวลาหยุดแล้ว “

 

ในครั้งนี้เสวี่ยเสวียนมิได้ถึงคำยั่วยุของเยี่ยจงทำให้โกรธ เขาพลิกมือคราหนึ่ง เป็นเหมือนสั่งให้อีกสองคนถอยออกไป จากนั้นจึงค่อยได้ก้าวออกไป

 

เมื่อพบเห็นการเคลื่อนไหวของเสวี่ยเสวียนในครั้งนี้ หลังจากที่ยอดฝีมือทั้งสองคนแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาสบตากัน ก็ได้ทำสีหน้าเคร่งเครียดพุ่งถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า พวกเขาทราบดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

 

เสวี่ยเสวียนมิได้สนใจความเคลื่อนไหวของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาของเขาทอประกายเยียบเย็นไร้ที่เปรียบ บนใบหน้าได้แสดงออกถึงอาการอดกลั้นเอาไว้ จ้องมองไปยังเยี่ยจงอย่างเยือกเย็น จากนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็ได้ทอแสงสีโลหิต ระหว่างนั้นก็เปลี่ยนสัญลักษณ์ดั่งสายฟ้าแลบเปลี่ยนแปลงไปมา ความแปลกประหลาดชนิดหนึ่งได้เคลื่อนไหวออกมาจากพลังลมปราณอย่างเต็มเปี่ยม

 

“ ซู่ ซู่ ซู่ “

 

พลังลมปราณของเสวี่ยเสวียนได้แผ่กระจายออกจากเลือดเนื้อที่ปะทุสว่างขึ้น และตอนนี้เยี่ยจงก็ได้กลิ่นคาวเลือดอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นเหมือนดั่งความเคลื่อนไหวที่เหมือนการแจ้งเตือน ในตอนนี้ก็ได้ค่อยๆแผ่ขยายออกไป

 

“ เยี่ยจง ต่อจากนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นเองถึง วิชาลมปราณประจำรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเรา “

 

บนใบหน้าของเสวี่ยเสวียนได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอดทนอดกลั้น ทันใดนั้นต่อมา ก็ได้ส่งเสียงทุ่มต่ำดังขึ้น จากภายในที่อัดแน่นกันอยู่ในลำคอออกมา

 

“ วิชาพลังลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเหยา “

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset