เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 138 เรื่องยุ่งยากมาถึงที่

ตอนที่ 138 เรื่องยุ่งยากมาถึงที่

 

 

“ แย่แล้ว ? “

 

ม้วนคัมภีร์ยุทธ์ม้วนนี้ที่อยู่ในมือ เยี่ยจงยังไม่ทันที่จะได้เปิดมันขึ้นมา แต่ว่าในขณะนั้นเอง หน้าตาก็ต้องเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที อารมณ์เปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมา

 

โดยส่วนมาก นับตั้งแต่คัมภีร์ยุทธ์ระดับล่างเป็นต้นไป ขอเพียงแค่เปิดออกมา ก็จะมีความเอกลักษณ์เคลื่อนไหวชนิดหนึ่งออกมาได้เอง และการเคลื่อนไหวนี้ขอเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ โดยส่วนมากแล้วต่างก็ถูกชักนำจิตใจ

 

และในตอนนี้ ความจริงแล้วเยี่ยจงไม่คิดเลยว่าม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ที่ตนเองครอบครองอยู่จะอยู่ในขั้นวิญญาณ ดังนั้นในตอนที่เปิดออกมา เขาก็เตรียมการระวังป้องกันเอาไว้ได้ทัน

 

กล่าวได้อีกว่า เรื่องที่เขามีม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ระดับสูงอยู่ม้วนหนึ่ง เหล่ายอดฝีมือที่นั่งอยู่ในที่นั่งของราชสีห์เศียรอินทรีเช่นเดียวกัน โดยส่วนมากต่างก็สมควรที่จะสัมผัสปฏิกิริยาได้

 

“ เปรี้ยง “

 

ในเวลาเดียวกันกับที่ระหว่างเยี่ยจงเปลี่ยนสีหน้า ประตูห้องพักของเขาที่ความจริงปิดเอาไว้อยู่ก็ได้ถูกผู้คนเตะจนเปิดออก วินาทีนั้น ก็ได้มีเงาร่างสี่สายพุ่งทะลวงเข้ามาในเวลาเดียวกัน สายตาของพวกเขาทอเป็นประกายในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นกวาดสายตาสำรวจเยี่ยจง ท้ายที่สุดเยี่ยจงในตอนนี้ก็เก็บม้วนคัมภีร์เอาไว้ได้ไม่ทัน คนทั้งสี่ได้มองไปยังจุดเดียวกันคราหนึ่ง ขณะนั้นที่ได้มองไปยังดวงตาอีกฝ่ายก็ได้ให้รสชาติที่ประหลาดชนิดหนึ่ง

 

ในขณะเดียวกันกับที่ได้สำรวจตัวเยี่ยจงอยู่ เยี่ยจงก็ได้พลิกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้เก็บม้วนคัมภีร์ยุทธ์นั้นกลับไป จากนั้นสายได้สบสายตากลับไปยังผู้คนทั้งสี่ที่ทะลวงเข้ามายังด้านใน

 

ผู้คนที่ได้เข้ามายังห้องของเยี่ยจงในตอนนี้ ในทั้งหมดสี่คนนั้นมีหนึ่งคนที่เป็นชายชรา และที่เหลืออีกสามคนก็มีชายหนุ่มอายุรุ่นราวยี่สิบปีได้ และที่ยุ่งยากไปกว่านั้นก็คือ ชายชราผู้นี้และชายหนุ่มที่เหลืออีกคนนั้น ถึงกับมีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด และนอกนั้นอีกสองคน ต่างก็เป็นยอดฝีมือที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่หก

 

แล้วก็ได้ประจันหน้ากัน ด้วยความน่าเกรงขามอย่างที่สุด

 

“ เหอะ เหอะ สหายน้อยท่านนี้ ข้าน้อยเหลียนตง “

 

หลังจากที่ได้ครุ่นคิดใคร่ครวญ ชายชราผู้นั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมากะทันหัน มุ่งหน้าตรงเข้าไปใกล้เยี่ยจงถึงสองก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโอหังแล้วกล่าวออกมา

 

“ มีเรื่องอันใด ? “

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา เขานั้นได้เข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้ได้เข้ามาหาเขาเพื่อที่จะแย่งชิงม้วนคัมภีร์ที่อยู่ในมือเล่มนี้

 

“ เหอะเหอะเหอะ สหายน้อย เมื่อครู่ที่แห่งนี้ได้เกิดความเคลื่อนไหวประหลาดเล็กน้อย พวกเรามิได้มีความหมายอื่นแอบแฝง เพียงแต่ว่าแค่มาสอบถามซักครู่ก็เท่านั้น อีกทั้งทุกผู้คนในตอนนี้ยังอยู่ท่ามกลางความสูงเช่นนี้ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีอันใดขึ้นแล้วละก็ เกรงว่าสิ่งที่ทุกคนต้องประสบจะเป็นอย่างไรกัน “ เหลียนตงผู้นั้นหัวเราะคิกคักออกมาแล้วเอ่ยปากกล่าวต่อ

 

“ ใช่แล้ว น้องชาย พวกเราเพียงแค่มายืนยันอะไรเล็กน้อยก็เท่านั้น ถ้าเจ้าไม่ได้มีสิ่งของที่อันตรายต่อการเดินทางแล้วละก็ ดังนั้น เหอะเหอะ …….. หากว่าสะดวกแล้วละก็ ก็นำสิ่งของเมื่อครู่ออกมา นำมาให้ทุกคนได้ตรวจสอบดูซักคราหนึ่ง หากว่าไร้เรื่องราวแล้วละก็ ทุกคนก็จะถอยออกไปเอง “ ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดอีกผู้หนึ่งที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้สวนกลับมา สายตาเต็มไปด้วยความโลภของเขาได้จดจ้องไปยังแหวนจักรวาลของเยี่ยจง ถึงแม้ในปากจะเอ่ยคำพูดเกรงอกเกรงใจ แต่ว่าสายตากลับหาเป็นเช่นนั้นทั้งสิ้นไม่

 

เมื่อได้พบเห็นทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ เด็กน้อยที่เหลืออีกทั้งสองคนที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่หกก็ได้สะเออะขึ้นมา กล่าววาจาแดกดันออกมาไม่หยุด ทั้งยังต้องการให้เยี่ยจงนำม้วนคัมภีร์เมื่อครู่ออกมาตรวจสอบ เพื่อความแน่ใจว่ามิใช่สิ่งของที่มีอันตรายแต่อย่างไร

 

เมื่อพบเห็นสีหน้าของผู้คนทั้งสี่คน เยี่ยจงก็ต้องขมวดคิ้วไปมา หลังจากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวเสียงดังกังวาน “ ข้าทราบว่าพวกเจ้าคิดที่จะต้องการตรวจสอบคืออันใด เมื่อครู่พวกเจ้าคงจะมีความรู้สึกสัมผัสที่ผิดไปแล้ว ข้ามั่นใจว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่ม้วนทักษะยุทธ์ระดับสูงชิ้นหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าล้วนทราบแล้ว ก็ขอเชิญ “

 

“ ทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับสูง ? “

 

ในช่วงเวลาที่ได้ยินความพูดลงท้ายนี้แล้ว ผู้คนทั้งสี่คนก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวที่กระอักกระอวกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ระดับทักษะยุทธ์เช่นนี้ หากสามารถปรากฏสู่ภายในรัฐต้าโจวหวังเฉาแล้ว ผู้คนทั้งสี่คนก็คิดไม่ถึงว่า ในครั้งนี้ที่อยู่ท่ามกลางอากาศ ถึงกับสามารถพบพานกับโชคลาภใหญ่โตเช่นนี้ได้

 

“ ข้าจะขอบอกอีกครั้ง เชิญ “

 

เยี่ยจงเมื่อพบว่าทั้งสี่คนนี้ยังทำสายตาด้วยความไม่เข้าใจ ก็ได้พลิกมือคราหนึ่ง นำเอาป้ายสะสมวิญญาณสีทองโยนไปมา แล้วกล่าวเสียงดัง

 

“ ศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาว ? “

 

เมื่อได้เห็นป้ายสะสมวิญญาณในมือของเยี่ยจง ชายชราที่เป็นผู้นำนั้นก็ได้หดรูม่านตามองดู จนหลงเหลือกลายเป็นดั่งเข็มเบาบางเล่มหนึ่ง

 

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเขา พวกที่เหลืออีกทั้งสามคนที่ความจริงเกิดความโลภขึ้นก็ได้เปลี่ยนเป็นสงบลงหลายส่วน นามขของลัทธิแห่งดวงดาวนี้ ภายใต้รัฐโจวอันหวังเฉาที่มีทั้งอำนาจและขุมกำลัง ที่แม้กระทั้งทางราชวงศ์ก็ใช่ว่าจะหาญกล้าสั่งการลัทธิแห่งดวงดาว

 

ดังนั้น ในขณะนี้เอง ทั้งสี่คนนี้ก็ได้สบตากันและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขึ้นมา

 

หลังจากที่เยี่ยจงโยนม้วนคัมภีร์อยู่หลายครั้ง ก็ได้เก็บกลับไปในทันที จากนั้นก็จ้องมองไปบริเวณทางด้านหน้าด้วยสีหน้าดุดัน ม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ได้รั่วไหลออกมานั้นถึงแม้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ หากว่าพวกเขาทั้งสี่ทำตามคำพูดแล้วละก็ เขาในตอนนี้ก็คงจะไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจแต่อย่างไร

 

“ บังอาจ เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ทราบว่าไปลักขโมยป้ายคาดเอวชิ้นนี้มาจากลัทธิแห่งดวงดาวได้อย่างไร ถึงกลับยังหาญกล้าแสร้งเป็นคนของลัทธิแห่งดวงดาวอีก ? อีกทั้งยัง นับตามกฎของลัทธิแห่งดวงดาวแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถที่จะนำม้วนทักษะยุทธ์ออกจากลัทธิแม้เพียงครึ่งก้าว ดูเหมือนว่าเจ้าบัดซบน้อยนี้อย่างน้อยก็ยังได้ขโมยคัมภีร์ทักษะยุทธ์ออกมาอีกด้วย ขอเพียงเจ้ามอบออกมา ส่งคืนทักษะยุทธ์ พวกเราก็จะได้ลาภใหญ่กันแล้ว “ ยอดฝีมืออีกคนหนึ่งที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดหลังจากที่ได้สาดทอประกายสายตา ความโลภก็ได้เข้าครอบเงาจิตใต้สำนึกเอาไว้แล้ว ต่อมาเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ใช้สองมือตะปบ แล้วก้าวออกไปทางด้านหน้า

 

หลังจากที่เงียบงัน รวมทั้งเหลียนตงและอีกทั้งสองคนที่เป็นยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่หก สีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ขึ้นไปทางด้านหน้าในเวลาเดียวกัน

 

จากที่พวกเขาดูแล้ว ไม่ว่าเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้จะเป็นคนของลัทธิแห่งดวงดาวหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ ในตอนนี้มีเขามีเพียงตัวคนเดียวเท่านั้น อีกทั้งในมือยังได้มีม้วนคัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับสูงอีกด้วย และเมื่อได้ดูถึงระดับขั้นนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ประจำลัทธิแห่งดวงดาวก็เป็นได้ หากว่าสามารถครอบครองแล้วละก็ ก็เหมือนดั่งได้ก้าวย่างขึ้นสู่สวรรค์

 

หลังจากที่คำนวณถึงความอันตรายและสิ่งที่จะได้รับแล้ว ทั้งสี่คนนี้ก็ได้ตัดสินใจในสิ่งเดียวกันในทันที ค่อยๆย่างก้าวเข้าล้อมบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

“ น้องชาย ควรรู้ว่าเวลาใดควรทำอันใดก็ดีนะ หากว่าเจ้าให้ความร่วมมือแล้วละก็ ไม่แน่ว่าพวกเรายังจะละเว้นชีวิตน้อยๆของเจ้านี้เอาไว้ให้ ส่งมอบสิ่งที่เป็นของลัทธิแห่งดวงดาวของเจ้ามา “ หลังจากยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่หกผู้หนึ่งหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขาก็เป็นคนแรกที่อดทนเอาไว้ไม่อยู่ ขยับก้าวเท้าออกไป ร่างกายก็ได้พุ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้เสือกฝ่ามือกวาดออกไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

“ ไร้เดียงสา “

 

เมื่อได้มองดูเด็กน้อยที่มีความกล้าที่จะลงมือก่อน เยี่ยจงก็สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ไม่แม้แต่จะมองแม้แต่น้อย ก็ได้พลิกมือออกไปคราหนึ่ง แรงจากสายลมก็ถูกกวาดออกไป

 

“ ซูม “

 

เสียงร้องดังเชอะขึ้นมาเสียงหนึ่ง คนผู้นั้นยังไม่ทันที่จะตอบสนองได้ทัน ฝ่ามือก็ได้กระทบเข้ากับแรงลมเชือดเฉือดคราหนึ่ง โลหิตหลั่งไหลออกมาในทันที

 

“ อา “

 

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมา เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่เด็กน้อยผู้นั้นจะทันได้ถอย เยี่ยจงก็ได้ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ได้ใช้ฝ่ามือตบออกไปยังใบหน้าของเด็กน้อยผู้นั้น จนร่างกายลอยละริ้วออกไปอย่างรวดเร็ว ปะทะเข้าผนังห้องทางด้านหลัง แล้วก็หล่นลงไปจนจากแผ่นหลังของราชสีห์เศียรอินทรี

 

เท่ามกลางสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวดนี้ ทันที่ทีถูกโยนออกไปไกลแล้วนั้นเอง และในขณะนั้นเอง ที่เหลืออีกสามคนก็ค่อยมีปฏิกิริยากลับมา

 

“ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ? “ เหลียนตงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปคราหนึ่ง เมื่อครู่ยอดฝีมือที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่หกได้ถูกจัดการราวกับหมูหมาก็มิปาน มีแค่เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั้นก็คือเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่สิบห้าสิบปีผู้นี้ ถึงกับเป็นยอดฝีมือที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด

 

“ ลงมือด้วยกัน เจ้าเด็กน้อยผู้นี้มีฝีมือที่อำมหิตยิ่ง หากไม่จัดการเขาแล้วละก็ เกรงว่าในวันนี้พวกเราทั้งสามคนคงมิอาจที่จะจากไปได้แล้ว “ เหลียนตงพ่นลมหายใจอย่างตกใจ เอ่ยขึ้นมาในทันที

 

เมื่อได้คำพูดของเหลียนตง ความจริงยอดฝีมือที่เหลืออีกสองคนมีความคิดที่จะถอยออกไปหลายส่วนก็ได้กัดฟันหลายที ในเวลาเช่นนี้ก็มิได้กล่าวมากความอันใดอีก ทั้งสองคนก้าวเข้าไป ร่างกายพุ่งเข้าปะทะทันที

 

“ ไสหัวไป “

 

เยี่ยจงยกมือขวาขึ้นมา ใจกลางฝ่ามือได้ปรากฏพลังกระบี่ตราประทับขึ้นมาถึงชั้นที่แปดในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้ซัดไปยังยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่หกโดยที่ไม่มอง จากนั้นอีกฝ่ามือหนึ่งก็ได้เข้าปะทะเข้ากับยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด

 

“ ตายซะ “

 

ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดนั้น ในตอนนี้ใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นเยียบเย็น ใช้ออกด้วยพลังทั้งมวล วินาทีที่ทั้งสองร่างใช้การโจมตีอันน่าหวาดกลัวเข้าปะทะเข้าด้วยกัน ถึงแม้ว่ายอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดจะใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ว่าก็ยังถือฝ่ามือของเยี่ยจงกดดันจนถอยออกไป ร่างกายก็ได้ออกพุ่งออกไปทันที

 

“ เด็กน้อย เจ้าอย่าได้โอหังจนเกินไป ข้าผู้ชราในวันนี้จะสั่งสอนให้เจ้ารู้ซึ้งถึงการเป็นคน “ บริเวณทางด้านหลัง เหลียนตงผู้นั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชา ร่างกายก็ได้พุ่งออกไปในทันที เลือกที่จะเข้าแทรกการปะทะของยอดฝีมือเมื่อครู่นี้

 

“ เพี๊ยะ “

 

เยี่ยจงพลิกมือสะบัดกลับไป เขาในครั้งนี้มิได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์แต่อย่างไร แล้วก็ซัดฝ่ามือออกไปในลักษณะนั้น จากนั้นก็เข้าปะทะเต็มๆกับพลังหมัดของเหลียนตงจนแผ่กระจายแสงสว่างจากการกระทบจนเป็นปุ๋ยผงหายไป จากนั้นก็ได้ซัดมือซ้ายออก จ่อเข้าไปที่บริเวณคอหอย

 

“ เจ้าจะสั่งสอนความเป็นคนให้แก่ข้าหรือ ? “

 

ภายใต้น้ำเสียงที่ถูกล่าวออกมาอย่างดุร้าย ยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับเจ็ดเมื่อครู่ที่ถูกซัดจนถอยออกไปและยังมียอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่หกที่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ได้แข็งทื่อในเวลาเดียวกัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

สีหน้าของเหลียนตงในตอนนี้ปั้นยากอยู่ถึงที่สุด เขาได้จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังใช้มือจ่อมายังคอหอยของตนเองด้วยความตื่นตกใจอยู่หลายส่วน ภายในดวงตาที่ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้พบเจอ นับตั้งแต่เขาได้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดมาหลายปี จากที่เขาได้เห็น ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ที่มีระดับพลังฝีมือธรรมดาของขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดไปแล้ว และแน่นอนว่ามิอาจใช่คู่ต่อสู้ของเขาได้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองเมื่อต้องประมือซึ่งๆหน้าด้วยแล้ว ก็ได้ถูกชายหนุ่มผู้นี้กระทำราวกับหมูกับหมาก็มิปาน มิอาจที่จะต่อกรได้เลยแม้แต่นิดเดียว

 

ในช่วงทันใดนั้นเอง ความรู้สึกที่ยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ก็ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจ

 

เหลียนตงในตอนนี้ก็ได้แน่ใจว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ได้มาจากลัทธิแห่งดวงดาวอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นถึงหนึ่งในสุดยอดอัจฉริยะภายในลัทธิแห่งดวงดาวอีกด้วย ความเสียใจได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งสมอง ทำให้เหลียนตงกวาดตาไปมาอย่างบ้าคลั่ง

 

ในช่วงเวลาเดียวกับที่กำลังร่ำไห้ภายในจิตใต้สำนึก เหลียนตงก็ได้สูดลมหายใจอย่างลำบากคำหนึ่ง เปล่งเสียงออกมากล่าว “ นายท่านท่านนี้ ……… ข้าน้อย สำนึกผิดแล้ว เพียงแต่ว่า เป็นเพียงความโลภชั่ววูบเท่านั้น …….. “

 

“ พวกเจ้าในเมื่อต้องการที่จะเอาของสิ่งนี้ ทว่าม้วนคัมภีร์นี้เป็นเพียงทักษะยุทธ์ระดับสูง คุ้มค่ากับที่พวกเจ้าเอาชีวิตมาแลกงั้นหรือ “ เยี่ยจงพลิกมือคราหนึ่ง โยนคัมภีร์ในมือไปมาแล้วกล่าว

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงนำม้วนคัมภีร์ออกมา ในครั้งนี้ ภายในดวงตาของคนเหล่านี้นั้นไม่มีแม้แต่ความโลภซักนิดเดียว ทั้งหมดมีแต่เพียงความหวาดกลัว ตอนนี้พวกเขาต่อให้มองออก ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้เป็นยอดฝีมือ อีกทั้งยังไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป ……..

.

.

.

.

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset