เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 149 ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ

ตอนที่ 149 ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ

 

“ เฮ้อ “

 

เยี่ยจกำลังเดินออกจากชุมนุมการค้าหวูจี้ จากนั้นก็ได้ถอนหายใจยาวๆคำหนึ่ง ภายในดวงตาปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมาสายหนึ่ง

 

ในตอนนี้เมืองเยียจงสามารถกล่าวได้ว่าเป็นดั่งลมมรสุม เหล่าผู้มากความสามารถน้อยใหญ่ราวกับตื่นขึ้นจากการจำศีล อีกทั้งก่อนหน้าการรวมตัวเพื่ออวยพรแก่ท่านอ๋องอีก เป็นเหมือนบ่งบอกว่า ในวันที่อวยพรท่านอ๋องคงจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน

 

เรื่องนี้มิใช่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเยี่ยจงโดยตรง ถึงแม้เขาจะเป็นตัวแทนลัทธิแห่งดวงดาวเพื่อมาอวยพรท่านอ๋อง หากว่าท่านอ๋องในวันนั้นเกิดอันใดขึ้นมา เกรงว่าเขาก็ยากที่จะถอนตัวออกมาได้

 

อีกทั้งเพื่อจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้เยี่ยจงก็ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่า ตนเองที่มีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด และต่อให้ฝึกฝนวิชาลมปราณเพลงกระบี่หกสุสานที่เป็นถึงวิชาลมปราณขั้นเซียน ในตอนนี้เกรงว่าแม้แต่กำลังในการปกป้องตนเองก็ยังนับได้ว่ายากแล้ว

 

ยังดีที่เขาของในวันนี้ได้รับของมาก็ไม่น้อย

 

ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้ออกจากชุมนุมการค้าหวูจี้ เข้าไปสู่ภายในเมืองบริเวณแห่งหนึ่งที่มีโรงเตี๊ยมชื่อดังอยู่ น้อยคนนักที่จะทราบว่า บริเวณนี้เป็นหนึ่งในจุดรวบรวมข่าวสารของลัทธิแห่งดวงดาวในเมืองเยียจิง

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้แสดงป้ายสะสมวิญญาณแล้ว บริเวณที่มียามที่เป็นศิษย์สาขานอกของลัทธิแห่งดวงดาวก็ได้ควรวะขึ้นมาจากนั้นก็ได้เชิญเขาเข้าไปยังสถานที่อันลี้ลับและปลอดภัยที่สุดอีกทั้งยังเงียบสงบไม่สิ่งใดๆรบกวน เหมาะแก่การพักผ่อน

 

เมื่อกลับไปถึงยังสถานที่ของลัทธิแห่งดวงดาว เยี่ยจงก็ปล่อยวางสิ่งที่คอยรังควานภายในใจลง อีกทั้งหนึ่งคืนมานี้เขากลับมิได้ทำเรื่องราวใดๆเลย เพียงแต่นั่งสมาธิอยู่ภายในห้องอย่างเงียบๆเท่านั้น เงียบเชียบรอคอยเวลาอันเหมาะสม

 

หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งคืน อีกทั้งยังไม่มีความปฏิสัมพันธ์ใดๆมากนัก ดังนั้นตลอดทั้งคืนก็มิได้มีผู้คนมาหาเขาถึงห้องพัก

 

เมื่อเข้าสู่วันที่สอง หลังจากที่เยี่ยจงวางใจอยู่หลายส่วน จึงได้ค่อยๆนำฐานยันต์สานเซียนไม้ออกมาแล้วก็นั่งสมาธิทำลงไป

 

ทันทีที่ได้นั่งลง พลังอันลี้ลับที่ชวนคิดถึงปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเยี่ยจง ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็สามารถได้ยินบทเพลงสวดดังก้องขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ฐานยันต์สานเซียนไม้เป็นสิ่งที่ไว้ใช้ฝึกปรือพลังสายยันต์มนตราได้ดีที่สุด และยังถูกถักทอจากวัสดุที่คล้ายฟูก ผลลัพจึงออกมีได้ดีอย่างมาก

 

หลังจากนั้นก็ได้ตกอยู่ในความเงียบงัน เยี่ยจงก็ได้นำกุ๋ยชางจี้ออกมา พลิกดูไปมาอย่างระมัดระวัง

 

กุ๋ยชางจี้มีความเสียหายอย่างไร้ที่เปรียบ สมควรสร้างผลลัพธ์ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น มีตัวอักขระที่สำคัญก็ไม่สามารถแสดงออกมาในเวลานี้ แต่ว่ายังดีที่เยี่ยจงนับได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกสายยันต์วิญญาณ อีกทั้งยังเคยผ่านการฝึกยันต์มนตรา อีกทั้งยังมียันต์ฐานยันต์สานเซียนไม้ที่เป็นฟูกคอยหนุนเสริม จึงสามารถที่จะลดทอดเวลาไปได้มาก เยี่ยจงเริ่มท่องบทยันต์มนตราออกมาชุดหนึ่ง

 

หลังจากนั้นกุ๋ยชางจี้ถึงจะไม่นับว่าเสียหายมากมาย แต่ว่าความจริงแล้วแต่เดิมทีมันก็เป็นคัมภีร์ยันต์มนตราชิ้นหนึ่ง อักขระด้านในก็นับได้ว่าเพียงพอที่จะอยู่อย่างยาวนาน

 

ชั่วเวลาเพียงลัดนิ้วมือเดียว พลังวิญญาณอันหนาแน่นก็ได้ทอประกายปรากฏออกมา ถึงแม้เยี่ยจงจะยังมิได้เข้าสู่ขอบเขตพลังก่อฟ้าก็ตามที แต่ว่าในด้านพลังภายในที่อัดแน่นอยู่นั้นก็ถือได้ว่ามีอยู่อย่างเข้มข้น อีกทั้งเขายังสามารถที่จะแข็งขืนให้เคลื่อนพลังได้ พลังวิญญาณเหล่านี้ได้ก่อร่างรวมตัวกันขึ้น

 

เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวพลังวิญญาณที่ทอแสงขึ้นก็ได้ไหลเวียนเข้าไปยังนิ้วมือของเยี่ยจงอย่างช้าๆท่ามกลางการชี้นำเขาอักขระอันลี้ลับ อีกทั้งยังทอดลงไปยังรอบบริเวณจนเป็นสีเหลืองขึ้นมา

 

ด้วยบนพื้นที่สีเหลือง ยันต์อักขระได้ค่อยๆทอเป็นประกาย ท้ายที่สุดก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นสีโลหิตกลุ่มหนึ่ง ความหนาแน่นของพลังวิญญาณได้ถูกยันต์ชี้นำจนแผ่กระจายออกมา เห็นได้ชัดว่ามีความลี้ลับอย่างถึงที่สุด

 

“ ยันต์วิญญาณระดับหนึ่ง “

 

ในตอนที่ได้เหม่อมองไปยังยันต์วิญญาณชิ้นนั้น เยี่ยจงก็ได้ผ่อนลมหายออกมาเบาๆคำหนึ่ง การฝึกปรือในห้าวันมานี้ แม้จะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ภายใต้ก็หนุนเสริมของฐานยันต์สานเซียนไม้และคัมภีร์กุ๋ยชางจี้ เขาก็ได้สำเร็จจากาการเป็นผู้ฝึกยันต์วิญญาณระดับที่หนึ่งในที่สุด

 

เพียงแต่ว่า สิ่งนี้ก็เป็นเพราะว่าความจริงเขาเคยผ่านจนสำเร็จมาก่อนแล้ว การฝึกยันต์มนตราในวันหน้า เกรงว่าจะไม่อาจที่จะง่ายดายเช่นนี้แล้ว

 

เพียงแต่ว่า การที่สำเร็จเป็นผู้ฝึกยันต์วิญญาณระดับหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างการอวยพรท่านอ๋องเช่นนี้ ก็เหมือนดั่งมีปราการป้องกันอยู่อีกชั้นหนึ่ง

 

“ แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานี้ยังไม่มียันต์วิญญาณจำนวนมาก แต่ว่า ……… “

 

หลังจากที่ครุ่นคิดชั่วครู่ เยี่ยจงก็ได้ขานเรียกศิษย์สาขานอกของลัทธิแห่งดวงดาวมาผู้หนึ่ง จากนั้นก็ได้นำหินวิญญาณที่มีอยู่ทั้งหมดให้แก่เขา เพื่อที่จะให้เขาไปรวบรวมซื้อยันต์วิญญาณกลับมา ไม่ว่าจะเป็นยันต์วิญญาณในระดับใดก็ตาม ในช่วงเวลานี้สามารถที่จะรวบรวมได้เพียงเล็กน้อยก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น

 

จากนั้น เยี่ยจงก็ได้นำเอาม้วนคัมภีร์ยุทธ์เสมือนเซียนมาวิเคราะห์ เพียงมองดูด้านบนส่วนที่เป็นผนึกปิดกั้นของม้วนคัมภีร์ยุทธ์เสมือนเซียนคราหนึ่งเยี่ยจงก็ได้กรอกตาไปมา ผนึกที่ปิดกั้นนั้นเขารู้สึกคุ้นตาอย่างยิ่ง ดูเหมือนคล้ายกับผนึกที่อยู่บนม้วนคัมภีร์วิชาหมัดเตาทองคำก่อนหน้านี้

 

เห็นได้ชัดว่า ม้วนคัมภีร์ชิ้นนี้สมควรเป็นหนึ่งในสองชิ้นจากถ้ำหงส์หยาที่ได้หลุดรอดออกมาได้ม้วนนั้นแล้ว เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าคนที่ได้ม้วนคัมภีร์ชิ้นนั้นไปไร้หนทางที่จะปลดผนึกที่อยู่ด้านบนคัมภีร์นี้ได้ ท้ายที่สุดของชิ้นนี้กลับหลุดรอดมาจนอยู่ในมือเขาเช่นนี้

 

เยี่ยจงพลิกมือนำเอาป้ายหงส์หยาออกมา จะนั้นก็ขยับมันอยู่คราหนึ่ง แสงสว่างทอเป็นประกายขึ้นมาบนม้วนคัมภีร์ยุทธ์เสมือนเซียนชิ้นนี้ วินาทีนั้นท่ามกลางพลังอันแปลกประหลาดก็ได้เคลื่อนไหวแผ่กระจายออกมา ยังดีที่ในครั้งนี้จุดที่เขาอยู่เป็นที่นักสมาธิกรรมฐานของลัทธิแห่งดวงดาว อีกทั้งทั่วทั้งบริเวณที่เขาอยู่ก็ยังมีค่ายกลยันต์วิญญาณตั้งไว้อยู่ไม่น้อย

 

“ ทักษะยุทธ์เสมือนเซียน พลังคุ้มกายประกายอัสนีบาต “

 

เมื่อได้เหม่อมองแล้วเปิดไปที่ผนึกม้วนคัมภีร์ยุทธ์แล้ว ดวงตาของเยี่ยจงก็ได้นิ่งขึ้นมา ม้วนคัมภีร์ชิ้นนี้ถึงกับเป็นวิชาคุ้มกายที่ยากจะหาได้ชิ้นหนึ่ง

 

หากนับตามคัมภีร์ยุทธ์ที่ได้มาทั้งหมด หากว่าสามารถที่จะฝึกปรือได้สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นพลังคุ้มกันก็เป็นดั่งสายอัสนี เพิ่มความเร็วราวกับสายฟ้า และหากว่าสามารถฝึกปรือได้จนถึงระดับสูงสุด พลังคุ้มกายก็จะเป็นดั่งประกายอัสนีบาตร เพียงแค่ช่วงอึดใจเดียว ก็สามารถไปได้ไกลถึงพันลี้

 

“ ของดีเลยนะเนี๊ย “ หลังจากนั้นเยี่ยจงก็พลิกอ่านอย่างระมัดระวัง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาสายหนึ่ง พลังคุ้มกายอัสนีบาตนี้ไม่มีความยุ่งยากเลย ถึงแม้จะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จจนถึงพลังขั้นขอบเขตก่อฟ้าก็ตาม เป็นดั่งการรวมพลังอัสนีฟ้าดินเข้าด้วยกันจึงจะสามารถฝึกปรือได้ แต่ว่าหากเพียงแค่ฝึกฝนอย่างผิวเผิน พลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ก็ยังถือว่าทำได้อยู่บ้าง

 

หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าออกอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยจงก็มิได้รีบร้อนที่จะฝึกฝนในตอนนี้ เพียงแต่พลิกมือนำเอาทรราชทมิฬที่ได้มาเมื่อวันก่อนออกมา เริ่มต้นใช้มือลูบคลำอย่างระมัดระวัง

 

หากทรราชทมิฬเป็นอย่างที่เยี่ยจงเคยคาดเดาเอาไว้ดั่งเช่นเมื่อหลายวันก่อนแล้วละก็

 

อีกทั้งยังมีคำแนะนำจากหงส์เหลียน วัตถุชิ้นนี้ในตอนที่ได้ตกอยู่ในมือของชุมนุมการค้าก็ได้มีเวลาถึงเกือบสามสิบปีแล้ว ภายในช่วงเวลาถึงเกือบสามสิบปีนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ไม่ว่าผู้ใดภายในชุมนุมการค้าได้เข้าทดลองนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

 

เพราะเหตุนี้ หลังจากที่เยี่ยจงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ใช้พลังฝีมือตามปกติธรรมดาเพื่อที่จะกระตุ้นวัตถุชิ้นนี้ อีกทั้งเพียงแต่พลิกมืออยู่คราหนึ่ง กระบี่คงหมิงก็ได้ปรากฏยังใจกลางฝ่ามือ ในตอนที่กระบี่สาดประกายลงไปทันใดนั้นเอง

 

“ ติ้ง “

 

เสียงดังสดใสดังขึ้นมา ทรราชทมิฬก็ได้ถูกกระบี่เฉือนอย่างรวดเร็ว แต่ว่ากลับมิได้รับความเสียหายแต่อย่างไร

 

“ เป็นวัสดุที่จัดสร้างขึ้นที่ไม่เลว “

 

เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังวัตถุชิ้นนี้ ภายในดวงตาได้ปรากฏความตื่นตะลึงขึ้น พลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ในมือที่ถือไว้ด้วยกระบี่คงหมิงได้ลงกระบี่อีกครา ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็สมควรที่จะถูกหั่นเหมือนดั่งเต้าหู้ก็มิปาน แต่ว่าวัตถุชิ้นนี้กลับถูกจัดสร้างได้จนถึงขั้นนี้ ถึงแม้จะไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความเสียหาย เพียงมองในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะทราบได้ว่าไม่ธรรมดาในที่ใด

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็พลิกมือไขว้หากัน ใช้ออกด้วยวิชาปราณเข้าปะทะออกไป ท้ายที่สุดแม้แต่พลังหมัดเตาทองคำที่เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ได้ถูกใช้ออกมา เพียงแต่ว่าทรราชทมิฬนี้ราวกับกำลังบ่งบอกบางอย่างต่อตน ราวกับไม่มีอันใดที่จะทำความเสียหายได้

 

“ น่าสนใจดีนิ “

 

เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังวัตถุชิ้นนี้ ภายในดวงตาได้ทอประกายความแปลกใจขึ้นมา เพียงมองในข้อนี้ วัตถุชิ้นนี้ก็น่าจะมีความใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาได้คาดเดาเอาไว้

 

ถึงแม้ว่าจะมีเพียงความเป็นไปได้เพียงแค่ห้าหกส่วนเท่านั้น แต่ว่าก็นับได้ว่าคุ้มค่าจะจะทดลองดูกันซักตั้ง

 

หลังจากที่สูดลมหายใจอยู่ชั่วครู่ เยี่ยจงก็ได้กัดฟันไปมา และจากนั้นก็ได้ยื่นข้อมือซ้ายออกมา มือขวาใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางไปที่ข้อมือซ้ายลูบเข้าไปอย่างเบาๆ วินาทีนั้น ก็ได้ปรากฏโลหิตหลั่งออกมา โลหิตสดๆสีแดงหลั่งไหลออกมาหยดลงไปยังบนตัวของทรราชทมิฬ

 

“ ชิร์ “

 

ในตอนที่โลหิตหยดลงหนึ่งหยด ทรราชทมิฬแม้จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่ว่าสีหน้าของเยี่ยจงก็มิได้เปลี่ยนแปลงอย่างไร ภายในสถานการณ์เช่นนี้ผู้คนทั่วไปก็คงอาจจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ว่าเขายังกระตุ้นโลหิตภายในกายต่อไป วินาทีนั้น โลหิตจำนวนมากก็ได้หลั่งไหลลงไปยังร่างของทรราชทมิฬ

 

ชั่วเวลาได้ผ่านไปหนึ่งก้านธูป โลหิตสองในสามภายในกายของเยี่ยก็ได้หลั่งไหลเข้าไปยังด้านตัวของทรราชทมิฬ และในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจยาวๆคำหนึ่ง สมานบาดแผลของตนเองเอาไว้ จ้องมองไปยังทรราชทมิฬอย่างเงียบงัน

 

เวลาได้ผ่านเลยไป ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงราวกับจะยอมแพ้แล้วนั้นเอง ทรราชทมิฬก็ได้สาดประกายแสงสีโลหิตขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เกิดการสั่นเทาขึ้นมาคราหนึ่งในเวลานั้น โลหิตทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้ถูกดูดซึมเข้าไปอย่างหมดจด และทรราชสีหน้าของทมิฬนั้นก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าได้กลับคืนสู่อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว

 

สิ่งนีเป็นรูปปั้นมนตราเซียนสีโลหิตชิ้นหนึ่ง รูปปั้นนี้ได้ถือดาบเอาไว้จำนวนมากนับไม่ถ้วน แต่ก็ให้ความแจ่มใสอย่างที่สุด อีกทั้งบนตัวรูปปั้นที่มีสีโลหิตก็ได้ให้พลังที่คล้ายกับปีศาจอยู่หลายส่วน ทำให้ผู้คนเห็นเพียงคราเดียวก็สัมผัสได้ถึงจิตมารที่อยู่ภายในจิตใจ

 

“ ถึงกับเป็นมัน ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ “

 

ในตอนนี้ได้มองไปอย่างเคร่งเครียด เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ในตอนที่แน่ใจแล้ว ในตอนนี้ที่ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าสายตาของเขา แท้จริงแล้วในตอนที่อยู่ในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ก็เป็นร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณที่เกิดการมรสุมการแย่งชิงขึ้นในตอนนี้

 

ถึงแม้ว่าเยี่ยจงจะทราบที่มา แต่ก็ไม่อาจที่จะมองออกว่าร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณนี้จัดเป็นศาสตราวุธในระดับใด แต่ว่ากลับมีพลังปีศาจอย่างไร้ที่เปรียบ เพียงแค่การใช้งานตนเองก็ต้องสูญเสียโลหิตภายในกายถึงสองในสามส่วนให้แก่ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณนี้ เช่นนั้นถ้าในช่วงเวลาที่ใช้ออก ก็จะสามารถกายร่างเป็นมารฟ้าได้ และร่างมารฟ้าจากสองกลายเป็นหนึ่งเดียว ปรากฏพลังการต่อสู้อันมหาศาลสู่ทั่วทั้งแดนดิน

 

เพียงแต่ว่า วัตถุชิ้นนี้มีพลังปีศาจที่มากเกินไป กล่าวได้ว่าวัตถุชิ้นนี้แม้จะมีพลังอันมหาศาล แต่ก็ยังต้องทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะไป

 

ดังนั้น เยี่ยจงที่ในตอนนี้กำลังกรอกสายตาไปมา วัตถุชิ้นนี้มีพลังที่มากมายก็จริง อีกทั้งยังนับได้เป็นวัตถุสังหารอย่างแท้จริงที่สุด แต่ถ้าหากว่าใช้ออกไปอย่างไม่ระวังแล้วละก็ สิ่งที่ต้องจ่ายออกแทนค่าทดแทนคงจะเกินกว่าที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

 

หลังจากที่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เยี่ยจงก็ได้นำกล่องหยกใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็ได้วางไว้ด้วยยันต์วิญญาณอยู่หลายชิ้นอยู่รอบๆวัตถุชิ้นนี้ อย่างน้อยถ้าไม่ถึงช่วงเวลาเป็นตายที่แท้จริง เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะใช้วัตถุชิ้นนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าตอบแทนไปในจำนวนมหาศาล ผู้คนทั่วไปคงจะชดใช้ไม่ไหวแน่นอน

 

หลังจากที่ได้แน่ใจในร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณแล้ว เยี่ยจงก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวต่อชุมนุมการค้าหวูจี้มากยิ่งขึ้นมาหลายส่วน แต่ว่าสิ่งของที่เคยผ่านฟ้าฝนผืนโลหิตแห่งการการแย่งชิงในดินแดนซานเซียนเซินเจี่นกลับตกมาอยู่ในมือของตนเองโดยการประมูลนี้ ก็ชั่งน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก เบื้องหลังของชุมนุมการค้าหวูจี้นี้คงจะมาที่มาที่ไปสะเทือนฟ้าสะท้านดิน จากนั้นที่เบื้องหลังก็มีฉากมืดมิดปรากฏขึ้นมา

 

แต่ว่าในช่วงเวลานี้ก็ยังถือว่ายังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยจง หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว เขาก็ได้ฝึกฝนวิชาคุ้มกายสายอัสนีบาตอย่างเงียบงัน เพื่อเตรียมรับมือกับงานเลี้ยงขององค์ชายใหญ่ที่จะมาถึงนี้

 

“ ก๊อกๆ “

 

ช่วงเวลาที่กำลังจะฝึกฝน ประตูห้องพักของเยี่ยจงก็ได้ถูกผู้คนเคาะดังขึ้น

 

“ เข้ามา “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว แต่ว่าก็ยังคงเอ่ยปากตอบกลับไป

 

ศิษย์สาขานอกแห่งลัทธิแห่งดวงดาวผู้หนึ่งได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาได้ทำการคารวะเยี่ยจงจากนั้นก็ส่งมอบแหวนจักรวาลให้ แล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ ศิษย์พี่เยี่ย ยันต์วิญญาณที่ท่านต้องการต่างก็อยู่ด้านในแล้ว “

 

“ อือ “ เยี่ยจงค่อยๆพยักหน้า

 

เมื่อพบเห็นสีหน้าของเยี่ยจง หลังจากนั้นคนผู้นี้ก็ได้เกิดความลังเล แล้วกล่าวต่อไป “ ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ทราบว่าควรไม่ควรพูดออกมา …….. ตระกูลเยี่ยแห่งห้าตระกูลใหญ่ วันนี้ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น “

 

“ อะไรนะ ? “ เยี่ยจงลุกขึ้นยืนอย่างดุดัน ภายในดวงตาได้ปรากฏเป็นประกายขึ้นมา

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset