เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 185 การพักผ่อน

ตอนที่ 185 การพักผ่อน

 

 

“ ก็แค่คนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักที่ตายเพียงแค่คนเดียว ถึงกับคิดที่จะหล่อหลอมสมบัติปราณประจำสำนักข้า ไม่ฆ่าเขาแล้ว จะปลดปล่อยความเกียจชังในใจข้าได้อย่างไร เขาที่เป็นแค่เด็กน้อยที่มีพลังยุทธอยู่แค่ขั้นก่อเกิด ครั้งนี้ถึงกับเหิมเกริมท้าดวลเอาชีวิตกับยอดฝีมือขั้นก่อฟ้า เช่นนี้ก็เหมือนกับหาที่ตาย นอกเสียจากว่าทางราชวงศ์พวกเจ้ายังจะปกป้องเสียให้ได้ ? “ ผู้อาวุโสหวินหลินจ้องมองไปที่องค์ชายใหญ่ ยิ้มอย่างเยียบเย็นแล้วกล่าว เขาที่มาจากสำนักเสวียนหวิน สถานะสูงส่ง จากที่เขาดู เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะคุยกับองค์ชายใหญ่เสียด้วยซ้ำไป

 

“ ความหมายของจ้าก็คือ ต้องการที่จะให้องค์ชายเช่นข้าไม่ต้องสอดมือ อีกทั้งยังต้องการเอาชีวิตผู้คนก่อนที่งานพิธีจะเริ่มงั้นหรือ ? “ คนของราชวงศ์กล่าวออกมาเสียงเย็นชา ทั่วทั้งราชวังในตอนนี้ก็ได้เริ่มที่จะมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ เป็นเหมือนคำสั่งการผู้คนทั้งหมดก็มิปาน

 

“ ท่านผู้อาวุโสหวินหลิน ยังคงขอให้ท่านเห็นแก่หน้ารัฐต้าโจวของข้าสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใดๆ ก็ขอให้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ ดีหรือไม่ ? “ องค์ชายใหญ่ในตอนนี้ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วก็หันกายไปทางด้านหน้าของผู้อาวุโสหวินหลิน โค้งกายแล้วกล่าว

 

“ หากว่าข้ามีความต้องการที่จะสังหารเจ้าเด็กผู้นี้เล่า ? “ ผู้อาวุโสหวินหลินเอ่ยขึ้นมาเสียงแหบพร่า

 

“ เช่นนั้นข้าก็คงต้องแจ้งแก่ท่านผู้อาวุโสหวินหลินแล้วว่า ค่ายกลยันต์ปราณของราชวงศ์พวกเรานั้น เป็นถึงค่ายกลปราณระดับสาม อีกทั้ง หากว่าให้เสด็จพ่อเป็นผู้ควบคุม พลังของมันจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ธรรมดา “ องค์ชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างสงบนิ่ง

 

เห็นได้ชัด หากว่าผู้อาวุโสหวินหลินตัดสินใจที่จะมาทำลายพิธีถวายพระพรแล้วละก็ ทางด้านต้าโจวนี้ คงจะไม่ยินยอมที่จะร่วมมือกับเขาเป็นแน่ อีกทั้งยังถึงกับจะฆ่ากันเลยอีกด้วย

 

“ สุนัขเฒ่า ท่านจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้เชียว “ ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้เอ่ยขึ้นมา “ ยังไงเสียพิธีการถวายพระพรก็ต้องมาก่อน ท่านคิดที่จะฆ่าสังหารข้า ข้าจะให้โอกาสท่าน หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีแล้ว ข้าจะประหารเสวียนเชาเซ่นฟ้าดิน เพื่ออวยพรแด่ราชวงศ์ ท่านว่า ถ้าท่านลงมือในช่วงเวลานั้น จะยิ่งเพิ่มพูนบรรยากาศให้ดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหรือไม่ ? “

 

“ เจ้า — “

 

ดวงตาของหวินหลินทอประกายลึกล้ำมองไปที่เยี่ยจง หลังจากนั้น เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา โบกมือคราหนึ่ง ในครั้งนี้ก็ได้ยินเสียงดัง”ซวบ”ขึ้นมา ตราประทับเย้ยฟ้าที่อยู่ในมือของเยี่ยจงก็ได้หลุดออกไป ตกไปอยู่ในมือของเขา

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้จ้องมองไปอย่างเย็นชา ผู้อาวุโสแห่งสำนักเสวียนหวินท่านนี้ก็ได้ขยับเท้าเคลื่อนไหว ร่างกายก็ได้หายวาบไปในทันที

 

เมื่อได้เหม่อมองฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้เลียริมฝีปากไปมา เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า หวินหลินผู้นี้ถึงกับยังมีความสามารถที่จะแย่งชิงตราประทับเย้ยฟ้าจากมือตนเองกลับไปได้ แต่ว่าก็ช่วยไม่ได้ ขอเพียงแค่ถ้าเขายังต้องการที่จะลงมือต่อตนเอง เช่นนั้นตนเองก็ยังถือว่ายังมีโอกาสที่จะแย่งชิงตราประทับเย้ยฟ้ากลับมาได้

 

“ ซวบ “

 

เยี่ยจงโบกมือคราหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เก็บชิ้นส่วนมายากลับไป จากนั้นเขาก็ได้โค้งคับนับไปทางด้านตึกจักรพรรดิทองคำ กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ขอบคุณท่านอ๋องแล้ว ทว่าท่านอ๋องก็โปรดวางใจ สุนัขเฒ่าเมื่อครู่นั้นคิดจะเป็นปรปักต่อท่านอ๋อง ก็ถือว่าเขาคิดต่อกรกับชาวต้าโจวเราทั้งหมด ในเมื่อไร้น้ำใจไร้เหตุผล ข้าก็จะสังหารหลังจบพิธีถวายพระพรเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็ขอเชิญท่านอ๋องเป็นสักขีพยานว่า เป็นเจ้าสุนัขเฒ่าที่มาหาที่ตายเอง มิได้เกี่ยวข้องกับข้า “

 

ในตอนนี้เยี่ยจงสื่อความหมายด้วยคำพูดของเขาอย่างไม่ลดละ นั้นก็เพราะว่าในเวลานี้ มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้เกิดความสงสัยขึ้น เหม่อมองไปทางด้านของเยี่ยจงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

ผู้ใดก็คงคาดคิดไม่ถึง เยี่ยจงถึงกับกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาในเวลานี้ได้ เด็กน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วมิได้เกรงกลัวเหล่าผู้เลื่องชื่อที่อยู่นอกเหนือจากทั้งสามรัฐเลยงั้นหรือ ?

 

ในตอนนี้องค์ชายใหญ่ได้มองไปทางด้านของเยี่ยจงคราหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ได้สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง แต่ก็มิได้มากมายนัก แล้วก็ได้ถอยกายออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เข้าใจ นับตั้งแต่ที่ทางสำนักเสวียนหวินได้ส่งนักฆ่ามาลอบสังหารเยี่ยจง ทั้งสองฝ่ายก็ได้เกิดข้อพิพากจนมิอาจที่จะแก้ไขได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วละก็ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปยิ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เยี่ยจงกระทำ

 

“ เอาละ ทุกท่าน พวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ “

 

ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้รั่งดึงพลังกลับคืนมา ราวกับเป็นเหมือนดั่งชายหนุ่มที่มีพลังอยู่ในระดับปกติธรรมดาก็มิปาน จากนั้นก็ได้เดินออกมาจากสนามประลอง แล้วก็ได้มุ่งหน้าไปทางด้านตึกจักรพรรดิทองคำ ที่เป็นสถานที่ใช้ไว้จัดพิธีถวายพระพรของราชวงศ์ในครั้งนี้

 

“ เหว่ย ? นั้นมิใช่องค์หญิงหกหรอกหรือ ? “

 

เมื่อได้กลับมายังตึกจักรพรรดิทองคำ เวลานั้นเยี่ยจงก็ได้เดินผ่านด้านข้างของเด็กสาวอยู่กลุ่มหนึ่ง จากนั้นตาก็ได้ทอสว่างขึ้นมา แล้วก็ได้เดินเข้าไป

 

องค์หญิงหกท่านนี้มีกล่าวขานกันว่าเป็นผู้ที่มีพลังปราณฟ้าอยู่ในตัว และกล่าวกันว่า ถ้าหากนางยินยอมแล้วละก็ ก็จะสามารถก้าวกระโดดขึ้นสู่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าในการฝึกยุทธ์ แล้วก็ก้าวขึ้นสู่พลังปราณขั้นก่อฟ้าได้ในทันที

 

ดังนั้น พลังปราณที่มีอยู่ภายในกายตั้งแต่เกิดมานี้ยังสามารถใช้ได้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องดูดซับพลังปราณมาฝึกปรือแต่อย่างไร

 

แต่ว่า เยี่ยจงในตอนนี้ก็สามารถที่จะมองออกว่าหกหญิงหกผู้นี้มีพลังฝีมืออยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่หกเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า ทางราชวงศ์ได้เตรียมพร้อมให้นางฝึกปรือไปทีละขั้นอย่างมั่นคง

 

แต่ว่าเยี่ยจงนั้นก็ได้มีความสนใจต่อพลังปราณฟ้าที่อยู่ภายในกายขององค์หญิงหกผู้นี้ หากว่าสามารถล่วงรู้ความลับอันลี้ลับนี้แล้วละก็ ไม่แน่ว่าจะสามารถที่จะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อย

 

“ ท่านเยี่ยจง “

 

เด็กสาวชนชั้นสูงเหล่านั้นที่อยู่ทางด้านข้างขององค์หญิงหกเมื่อได้เห็นเยี่ยจงเดินเข้ามา ต่างก็เริ่มที่จะทอประกายแววตาสว่างวาบดั่งดวงดาวขึ้นมา

 

ถึงแม้ว่าเยี่ยจงอายุจะยังน้อยอยู่ แต่ว่าความคิดความอ่านและการกระทำของเขา กลับได้ทอประกายตัวสถานะของที่อยู่ในตัวของเขาขึ้นมา ในตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาแสดงออกสิ่งใดๆออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าในด้านพลังฝีมือกลับเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของผู้คน แต่กลับไม่เหมือนกับผู้อื่นที่มีอายุใกล้เคียงกัน บนร่างกายกลับให้บรรยากาศที่พิเศษบางอย่าง

 

และในบรรยากาศเช่นนี้ก็แน่นอนว่าเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าเด็กสาวได้เป็นอย่างดี

 

“ พระเจ้า นายน้อยเยี่ยจงไม่ทราบว่าได้มีการหมั่นหมายแล้วหรือยัง ? “

 

“ เจ้าโง่ เจ้าไม่ทราบหรือว่าได้มีคำเล่าลือแผ่สะพั้นท่ามกลางเมืองเยียจิงแห่งนี้เมื่อไม่นานมานี้ นายน้อยเยี่ยจงและสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงซูเหวินชิงมีการหมั่นหมายกันหรอกหรือ ? “

 

“ ตระกูลซูก็ได้ถูกคุณชายเยี่ยกวาดล้างไปแล้ว เช่นนั้นการหมั้นหมายก่อนหน้านี้ก็ไม่มีผล หรือก็กล่าวได้ว่า ในตอนนี้คุณชายเยี่ยไม่มีข้อผูกพันใดๆ “ มีคนที่ดวงตาทอสว่างขึ้น อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

 

“ พวกเจ้าแม้แต่จะคิดก็ไม่ต้องแล้ว ต่อให้คุณชายเยี่ยมีการหมั้นหมายแล้ว ก็ยังมิอาจที่จะถึงคราวของพวกเราหรอก “ คนอีกทางด้านหนึ่งถอนหายใจกล่าวออกมา

 

“ แต่ว่า ราวกับว่าเขาและองค์หญิงหกมีความสัมพันธ์ที่พิเศษบางอย่างอยู่นะ “

 

เด็กสาวได้ใช้มือกุมไปที่ใบหน้า ทั่วทั้งใบหน้าให้ความรู้สึกราวกับดอกไม้บาน หลังจากเงียบงัน ก็มีผู้คนไม่น้อยต่างก็เงยหน้าขึ้น มองไปทางด้านบริเวณขององค์หญิงหกใกล้ๆกับเยี่ยจง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

 

ในตอนนี้ใบหน้าขององค์หญิงหกก็ได้แดงระเรืองขึ้นมา แน่นอนว่านางเองก็คิดไม่ถึง ราวกับว่าเยี่ยจงมีความเสนาะสนใจต่อนางอยู่หลายส่วน

 

“ องค์หญิงหก พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ ? “ เยี่ยจงมิได้สนใจคำพูดของบุคคลอื่นๆ หรือกล่าวได้ว่า เขามิได้ให้ความสนใจต่อคนเหล่านี้ อีกทั้งยังเข้าใกล้องค์หญิงหก กล่าวเสียงแผ่วเบา “ องค์หญิงหกหากว่ามีเวลาว่างแล้วละก็ พวกเราไปหาที่ๆไม่มีผู้คนสนทนากันดีหรือไม่ สิ่งของที่อยู่บนตัวองค์หญิง ข้าก็อยากทำความเข้าใจเสียหน่อย “

 

“ อา นี้ก็ลึกล้ำเกินไปแล้ว ดอกไม้ภายใต้แสงจันทร์ เป็นของคู่กัน พวกเราคงไม่มีโอกาสแล้วละ “ มีสาวน้อยเริ่มร่ำไห้ กำลังอยู่ในท่าทางเจ็บปวดใจ

 

เยี่ยจงกวาดตามองไปที่นางอย่างไร้คำพูด ตนเองก็แค่ต้องการที่จะวิเคราะห์พลังปราณฟ้าแต่กำเนิดขององค์หญิงหกก็เท่านั้น หญิงสาวเหล่านี้คิดเรื่องเดาความวุ่นวายอันใดกัน

 

องค์หญิงหกก็ได้หน้าแดงระเรื่อ คำพูดในน้ำเสียงของเยี่ยจงเหมือนดั่งเชิญชวนให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองอยู่หลายส่วน เป็นเหมือนดั่งการเชียดเฉียดจิตใจของเหล่าสาวน้อยทั้งหลาย ถึงแม้ว่าตัวเยี่ยจงเองจะมิได้สัมผัสได้ถึงอารมณ์เหล่านี้ แต่ว่าเด็กผู้หญิงนั้นถือว่ามีการเติบโตมากกว่า ย่อมต้องสัมผัสได้ตั้งแต่แรก หากว่าต้องติดตามเยี่ยจงออกไปเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมิใช่เรื่องที่สมควรเต็มสิบส่วน

 

“ โอ๊ย ท่านเยี่ยจงนะท่านเยี่ยจง น้องหญิงยังเล็กอยู่ ได้โปรดละเว้นด้วย …….. อีกทั้ง พิธีถวายพระพรก็พอดีจะเริ่มขึ้นแล้ว ขอเชิญขึ้นสู่ที่นั่ง “ องค์ชายใหญ่ได้ปรากฏตัวอยู่ทางด้านข้างดั่งภูติพรายก็มิปาน เขาได้ใช้สายตาเอื่อมระอามองไปทางด้านเยี่ยจง กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

ถ้ากล่าวโดยบรรยากาศที่เกิดขึ้นนี้ เยี่ยจงที่มีความสนใจต่อองค์หญิงหก แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่ดีอย่างถึงที่สุด มิหรือที่ทางราชวงศ์จะไม่ยินดีที่จะมียอดฝีมือที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งเพิ่มมาอีกคน แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายขององค์ชายใหญ่ก็สัมผัสได้ว่า เยี่ยจงกลับมิใช่มีความสนใจต่อองค์หญิงหก แต่กว่าครึ่งกลับเป็นความต้องการที่จะวิเคราะห์พลังปราณฟ้าที่อยู่ภายในกายขององค์หญิงหก

 

อีกทั้งพลังปราณฟ้าภายในกายนั้นถือเป็นความลี้ลับอย่างไร้ที่เปรียบ องค์ชายใหญ่ย่อมไม่แม้แต่จะยอมให้ผู้อื่นเข้าใกล้องค์หญิงหกแม้แต่น้อย ดังนั้น ในตอนนี้จึงได้สอดมือเข้ามาขัดขวางเอาไว้

 

“ นกยวนยางกำลังพอดรัก แต่มีคนไม่ดีมาคอยขัดขวาง “ เยี่ยจงมองออกถึงเจตนาขององค์ชายใหญ่ จึงได้แต่ถอดใจอย่างช่วยไม่ได้ “ องค์หญิงหก ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องเปลี่ยนวันแล้วละ

 

กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้จากไปในทันที ก้าวยาวๆมุ่งหน้าไปทางด้านที่จัดวางไว้ด้วยที่นั่งอยู่กลายตัว

 

ไม่ว่าเยี่ยจงจะเป็นใครมาจากไหน แต่การมาพิธีถวายพระพรในวันนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นตัวของลัทธิแห่งดวงดาว ดังนั้นเขาจึงได้นั่งอยู่ในที่นั่งที่ถูกที่ดีที่สุดภายในตึกจักรพรรดิทองคำ

 

ในบริเวณที่เขาอยู่นั้น ทางด้านข้างต่างก็เป็นเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียง ถัดไปนั้นก็เป็นอีกกลุ่มๆ องค์ชาย พระญาติ แล้วก็ยอดฝีมือที่มาจากแต่ละขุมกำลังภายในทั้งสามรัฐใหญ่ ต่างก็กำลังนั่งอยู่

 

ยังมีเหล่ากลุ่มที่เป็นเหล่าผู้อาวุโสดั่งเช่นผู้อาวุโสหวินหลินนั้น ที่เป็นเหล่าบุคคลที่มีพลังฝีมือระดับผู้อาวุโส แต่กลับไม่ปรากฏตัวออกมาแม้แต่คนเดียว กล่าวกันว่าบุคคลเหล่านี้ต่างก็ได้เข้าสู่ห้องเก้ามังกรแล้ว พบกับองค์ฮ่องเต้ พร้อมทั้งดื่มสาเก นี้เป็นดั่งอภิสิทธิ์ที่สูงล้ำอย่างหนึ่ง เหมือนกับบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญของชาวต้าโจวแด่พวกเขา

 

และแล้วก็ได้มีเสียงดนตรีดังขึ้นมา เพื่อเป็นการเข้าสู่พิธีถวายพระพรขององค์ฮ่องเต้ เหล่าพวกเทียนจื่อเจวียวจื่อที่นั่งอยู่ทางด้านข้างเยี่ยจงแต่ละคนราวกับมองไม่เห็นเขาเลยก็มิปาน

 

เยี่ยจงกลับมิได้สนใจพวกเขา เพียงแต่ยื่นมือออกไปยังตะกร้าที่ถูกตระเตรียมไว้ด้วยโอสถปราณที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ ราวกับกัดกินเม็ดถั่วก็มิปาน กลืนไปทีละเม็ดทีละเม็ด

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงได้ใช้ชิ้นส่วนมายาออกมา จึงได้สูญเสียพลังไปมากกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ว่าภายนอกของเขากลับมิได้ทอแววใดๆออกมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่สะดวกที่จะนำโอสถปรานของตนเองออกมา ได้แต่เพียงกลืนกินกับแกล้มเหล่านี้ เพื่อเริ่มต้นการฟื้นฟู

 

หลังจากที่ได้ดูดซับฟื้นฟูพลังจากโอสถปรานแล้ว ร่างของเยี่ยจงก็ได้เต็มไปด้วยพลังปราณที่เกิดจากการกลืนกินผลไม้ปราณเข้าไป จากนั้นเขาก็ได้เร่อออกมาคำหนึ่ง กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มมองไปยังเหล่าเทียนจื่อเจยียวจื่อที่นั่งอยู่ทางด้านข้างคราหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ เอ๊ะ พี่ชายท่านนี้ ของเหล่านี้ของท่านยังต้องการอยู่หรือไม่ ? ข้าเห็นว่าท่านไม่แม้แต่จะแตะต้องเลย เช่นนั้นให้ข้าช่วยท่านไหม ? “

 

ยอดฝีมือมากมายรอบบริเวณแต่ละคนต่างก็สบตากัน โดยส่วนมากสิ่งเหล่านี้เพียงเป็นของประดับเอาไว้เท่านั้น ไม่มีผู้ใดที่คิดจะทานอย่างตะกละตะกลามในช่วงเวลาอันสำคัญเช่นนี้แน่นอน คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงผู้ถึงกับทำเรื่องไร้มารยาทเช่นนี้ออกมาได้

 

แต่ว่า ในตอนนี้ก็ได้มีหลายคนที่เริ่มรู้สึกเย็นชาต่อเยี่ยจงแล้ว เทียนจื่อเจวียวจื่อที่นั่งอยู่ด้านข้างของเขา ก็ได้ยกตะกร้าโอสถปราณและผลไม้ปราณวางไว้เบื้องหน้าเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์หวาดเกรง เขาไม่คิดจะให้เยี่ยจงใช้โอกาสในครั้งนี้เพื่อมาหาเรื่องเขา

 

เมื่อได้มองเห็นสีหน้าของคนผู้นี้ เยี่ยจงก็ได้ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างข่มขื่น สลัดความวุ่นวายในหัวออกไป “ ข้าเป็นคนที่รักสันติ ไม่จำต้องเกรงกลัวขนาดนั้นเลยหรือ ? “

 

เมื่อได้ยินเยี่ยจงกล่าวถึงตนเอง มียอดฝีมือไม่น้อยที่นั่งอยู่ทางด้านข้างของเขาก็ไร้คำจะกล่าวกันเป็นแถว เด็กน้อยผู้นี้ได้ลงมือภายในเมืองเยียจิงอยู่หลายครั้ง มีครั้งใดบ้างที่ไม่ทุบตีจนผู้อื่นจนฟันหล่นกระจายเต็มพื้น ? เขายังบอกว่าตนเองรักสันติอีกงั้นหรือ ?

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset