เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 194 ค่ายกลสังหารไร้นาม

ตอนที่ 194 ค่ายกลสังหารไร้นาม
“ เจ้าหนู มารับความตายซะดีๆ แล้วจะให้ร่างเจ้ายังอยู่ครบ “
จีเจ้ายิ้มเย็นชา และจากนั้นก็พบว่าเขาได้พลิกมืออยู่คราหนึ่ง หมอกควันแต่ละสายก็ได้รวมตัวกันเข้าโจมตี ในเวลาก็ได้มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
ในเวลาเดียวกัน ซูโม่ก็ได้ก้าวออกมา พลังอัสนีบาตรก็ได้เข้าปะทะตามการโจมตีหมอกควันของจีเจ้าเข้าไป ความร่วมมือของทั้งสองในตอนนี้เรียกได้ว่ามีอยู่หลายส่วนที่มิได้ขัดกันแล้ว
“ ฮูมฮูมฮูม “
สีหน้าของเยี่ยจงปั้นยากขึ้นมา เมื่อได้รับแรงกดดันเช่นนี้ เขาก็ได้จำต้องถอยหลังไปหลายก้าว โลหิตบนร่างได้ลอยกระเซ็นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาในตอนนี้ไม่อาจที่จะต้านทานการโจมตีได้ทั้งหมด
เมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า ใบหน้าของจีเจ้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาพลิกฝ่ามือเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่หยุดยั้ง โจมตีอย่างบ้าคลั่ง มุ่งหมายที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงให้ตายคามือ
“ โครม “
แล้วก็ได้กระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรงอีกคำ สีหน้าของเยี่ยจงได้เริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพียงแต่ว่า บนใบหน้าของเขาในตอนนี้ก็ได้ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาครู่หนึ่ง เขายื่นสองมือออกมาในเวลาเดียวกัน พุ่งเข้าไปยังซูโม่ จีเจ้าขยับฝีมือไปมา แล้วตะโกนบอก “ พวกเจ้าตีกันพอแล้วหรือยัง ? ถ้าหากว่าตีกันจนพอใจแล้วละก็ ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นข้าได้แล้ว “
หลังจากที่กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้ใช้มือทั้งคู่ตบออกไปในเวลาเดียวกัน ตราสัญลักษณ์ประหลาดก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว
“ ซวบซวบซวบ “
บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ทันใดนั้นเองก็ได้มียันต์ปราณมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาสู่ท้องฟ้า ปรากฏออกมาอยู่บนอากาศ จำนวนมากมายที่ดูจนดูวุ่นวาย จนทำให้ผู้คนจ้องมองจนตื่นตกใจ
“ อะไรกัน ? “ จีเจ้าขยับกายคราหนึ่ง เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็ได้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาชนิดหนึ่งอย่างถึงที่สุด
จากการเคลื่อนไหวของเยี่ยจง การปรากฏของยันต์ปราณมากมายเหล่านั้น จนถึงท้ายที่สุด ก็ได้ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางอากาศ และท่ามกลางยันต์ปราณเหล่านั้น ก็ได้ทอแสงสว่างไสวออกมาเป็นสายอย่างประหลาดไม่หยุดยั้ง จนพวกมันรวมตัวเข้าหากัน
“ ค่ายกลยันต์ปราน อีกทั้ง แน่นอนว่าต้องมิใช่ค่ายกลยันต์ปราณระดับหนึ่งอย่างแน่นอน “ ภายในตึกจักรพรรดิทองคำ ในที่สุดก็มีคนเกิดความตกใจขึ้น มองออกว่าเกิดอันใดขึ้น
“ ชั่วเวลาเพียงสั่นๆ เขาถึงกลับสามารถใช้ออกด้วยค่ายกลยันต์ปราณได้จริงงั้นหรือ ? “ ภายในตึกจักรพรรดิทองคำ พระญาติเสื้อแพรและองค์ชายใหญ่ต่างก็จดจ้อง ต่างก็สบตากับอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่แตกตื่นตกใจ ชั่วเวลาเพียงสั่นๆ เยี่ยจงไม่เพียงแต่สามารถหล่อหลอมชิ้นส่วนมายาได้สำเร็จ อีกทั้งยังสามารถใช้ออกด้วยค่ายกลยันต์ไร้นั้นได้สำเร็จอยู่หลายส่วนได้ ความสามารถของเยี่ยจงผู้นี้ ก็ช่างน่าหวาดกลัวเสียนี้กระไร
ท่ามกลางอากาศ ยันต์ปราณยังคงไหลเวียนไม่หยุดยั้ง จนท้ายที่สุด ก็ได้เกิดเป็นเพลิงกาฬสีดำทมิฬขึ้นมาทั่วทั้งฟ้าดินทันทีทันใด จากนั้นก็ได้ค่อยๆลุกโชนเผาผลาญขึ้นมา จากนั้นภายใต้การรวมตัวของยันต์ปราณนับไม่ถ้วน ก็ได้เริ่มที่จะมีพลังงานประหลาดชนิดหนึ่งก่อเกิดออกมาอย่างช้าๆ
จากนั้น ก็ได้พบว่าเพลิงกาฬสีดำทมิฬเหล่านี้ก่อตัวรวมเข้าด้วยกัน จนกระทั่งท่ามกลางอากาศก็ได้จนก่อเกิดเงาสายหนึ่ง ภายใต้เงานั้น ราวกับสามารถทำให้พบเห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินประทับออกมา สัตว์ประหลาดนั้นมีสองขา แล้วก็ได้ค่อยๆก้าวออกมา จากนั้นก็ได้ประทับอยู่เหนือสันเขาลูกหนึ่งบริเวณกลางอากาศ
เห็นได้ชัดว่า ค่ายกลยันต์ปราณที่เยี่ยจงใช้ออกมาในตอนนี้ยังมิใช่ทั้งหมด แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ สีหน้าของซูโม่และจีเจ้านั้น ก็ได้เปลี่ยนแปรเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ
“ นี้มันค่ายกลปราณงั้นหรือ ? ค่ายกลยันต์ปราณระดับสามงั้นหรือ ? หรืออาจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่านั้น ? “
ตามคำล้ำลือ ค่ายกลยันต์ปราณตั้งแต่ระดับสามขึ้นไป ต่างก็มีพลังปราณของมันเอง อีกทั้งยังสามารถที่จะทำให้ค่ายกลยันต์ปราณเหล่านี้เพิ่มพลังทำลายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว และค่ายกลยันต์ปราณในตอนนี้ก็ได้ปรากฏร่างกายขนาดใหญ่ขึ้นมาถึงแม้ว่าจะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ด้วยพลังสายตาของซูโม่และจีเจ้า เพียงคราเดียวก็สามารถมองออก เงาร่างขนาดใหญ่นี้ ถึงกับเป็นค่ายกลยันต์ปราณที่มีพลังปราณของมันเองตามที่ลือกันนั้นเอง
และก็กล่าวได้ว่า จากการใช้ออกมาของเยี่ยจงในตอนนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นค่ายกลยันต์ปราณระดับสามเป็นอย่างน้อยแล้ว
ค่ายกลยันต์ปราณระดับสาม พลังทำลายอย่างน้อยๆก็สามารถเทียบเท่าได้กับยอดฝีมือที่มีพลังยุทธ์ในขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเซียนแล้ว ต่อให้ค่ายกลยันต์ปราณที่ใช้ออกมาในตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่ว่าก็ยังนับได้ว่ามีพลังทำลายที่เรียกได้น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดกระจายออกมา ยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณของค่ายกลยังเป็นถึงปีกคู่คลุมฟ้า ยิ่งเป็นจุดรวมของพลังความบ้าคลั่งไร้ที่สิ้นสุดชนิดหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง ต่อให้ซูโม่และจีเจ้ามีความมั่นใจมากเพียงใด ก็ยังจำเป็นที่จะต้องเกิดความรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา พวกเขาถึงแม้จะทราบอยู่แล้วว่าเยี่ยเป็นผู้ใช้ยันต์ปราณ แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงถึงกับสามารถใช้ค่ายกลยันต์ปราณเช่นนี้ออกมาได้ สิ่งที่ล่ำลือในเมืองเยียจิง หรือต่อให้เป็นทั่วทั้งสามรัฐใหญ่ เกิดการปรากฏตัวของผู้ใช้ยันต์ปราณเช่นนี้ผู้หนึ่ง ? อีกทั้งเยี่ยจงยังเป็นผู้ฝึกยันต์ปราณทั้งสองสาย แท้จริงแล้วสามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มากความสามารถที่สุดตั้งแต่ในดินแดนนี้ก่อตั้งมาก็ว่าได้
“ ซวบ “
ทันใดนั้นต่อมา สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ก็ได้ขยับปีกทั้งคู่ ราวกับกำลังจะควบคุมหมอกควันที่อยู่บนท้องฟ้าไปพร้อมกับเพลิงประกายสีทมิฬไปด้วยกัน แล้วก็ได้มุ่งหน้าเข้าโจมตียังทางด้านของซูโม่และจีเจ้า
กระบวรท่านี้ มิได้ธรรมดาง่ายดายอย่างที่เห็น อีกทั้งยังมีความเปลี่ยนแปลงภายในค่ายกลยันต์ปราณชนิดหนึ่งอยู่ ภายในตอนนี้ ค่ายกลยันต์ปราณนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงหมอกลมไปแล้ว ดูแล้วน่าหวาดกลัวไร้ที่เปรียบ
กระบวนท่านี้ ราวกับกำลังประทับไปทั่วทั้งฟ้าดิน แตกกระจายไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังมิอาจที่จะหลบเลี่ยง
ยอดฝีมือมากมายต่างก็สูดลมหายใจอย่างเร่งร้อน ไพ่ตายของเยี่ยจงผู้นี้ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ ระดับของค่ายกลยันต์นี้ หากว่าเป็นยอดฝีมือตามปกติธรรมดาแล้วละก็ ก็แทบจะไม่จำเป็นจะต้องลงมือเลย เพียงแค่ใช้ออกมากดดันก็ทำให้ร่างกายเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว
นี้ก็เป็นเหมือนดั่งค่ายกลสังหารที่แท้จริงชนิด อีกทั้งยังเรียกได้ว่ามีพลังมากเกินกว่าค่ายกลยันต์ปราณธรรมดาจะเทียบได้
“ ลงมือพร้อมกัน “
ทั่วทั้งบริเวณแห่งนี้ สีหน้าของซูโม่และจีเจ้าทั้งสองคนก็อยู่ในลักษณะปั้นยากอย่างถึงที่สุด ทันใดนั้นต่อมา ทั้งสองคนก็ได้ก็ได้ตบไปที่บริเวณหน้าอกของตนเอง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ได้พบกับทักษะยุทธ์ที่มีพลังอันน่าหวาดกลัวออกมา จนกลับกลายเป็นพลังอัสนีบาตรและพลังหมอกควันลอยออกมา
“ โครม “
และจากนั้น จากการใช้ทักษะยุทธ์เช่นนี้ของทั้งสองคน ทันทีที่ได้ปะทุออกมาก็ได้แตกกระจายออก
“ เป็นไปไม่ได้ “
จีเจ้าร้องออกมา ทักษะยุทธ์ที่ร้ายกาจที่สุดของตนเองก็ยังมิได้ส่งผลอันใดต่อค่ายกลยันต์ปราณของเยี่ยจงได้ และซูโม่ก็ได้เปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดันขึ้นมา แล้วก็ได้ปรากฏความหวาดกลัวต่อความตายขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนอย่างแน่นอน
“ อา “
ในตอนที่กำลังสยายปีกทั้งคู่ขึ้นสู่ท้องฟ้า ลมกรรโชกเบาๆก็ได้พัดไปทางด้านที่ซูโม่และจีเจ้าอยู่ ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื้อที่อยู่บนร่างกายของซูโม่ทันใดนั้นก็ได้แตกกระจายจนคล้ายกับเม็ดฝุ่น แม้ตอนใกล้ตายก็ยังยากที่เชื่อได้
“ ปุ “
ร่างกายของจีเจ้าได้ร่วงหล่นลงสู่บนพื้น ร่างกายครึ่งส่วนร่างของเขาได้หายไปทั้งหมด แตกกระจายจนไม่เหลือชิ้นดี อีกทั้งยังมิอาจที่บอกได้ว่าร่างกายส่วนบนในตอนนี้ได้มีอาการบาดเจ็บอยู่ในระดับใด เลือดสดๆยังคงไหลออกมาไม่หยุด
ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นถึงเจ้าสำนักที่มีความแข็งแกร่งมากมาย อีกคนหนึ่งก็ยังเป็นถึงผู้นำของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ แต่ว่าทั้งสองกลับร่วมมือกัน กระนั้นก็ยังมิอาจที่จะต้านทานค่ายกลยันต์ปราณของเยี่ยจงได้ ทั้งยังพ่ายแพ้อย่างหมดรูป บาดเจ็บสาหัส
ซูโม่ผู้นั้นยิ่งแล้วใหญ่ เกรงว่าก่อนหน้าที่จะตายก็คงจะคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ตนเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องทอดร่างอยู่ในสามแห่งนี้
“ เคร่ง “
ทั้งสองคนได้พ่ายแพ้ไปในเวลาเดียวกัน ค่ายกลปราณขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางอากาศก็ได้ค่อยๆสาดประกาย จากนั้นก็ได้หายไปในทันที จนหมดสิ้นไปกับสายลมในที่สุด
“ ปุ ปัง “
ท่ามกลางอากาศ เยี่ยจงก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้กระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่ง แต่ว่าเมื่อเทียบกับร่างกายที่หายไปของซูโม่ ยังมีจีเจ้าผู้นั้นอีก เขายังถือว่าดีกว่าไม่รู้กี่เท่า
“ จบสิ้นแล้ว “
ร่างกายของเยี่ยจงลงสู่พื้น จ้องมองไปยังร่างกายที่ได้เปลี่ยนเป็นพิกลพิการของจีเจ้าในตอนนี้ ด้วยสายตาอันเย็นชา
“ เจ้าหนู เจ้าอยากที่จะฆ่าข้า แต่ก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก ปะทุให้กับข้า “ ใบหน้าของจีเจ้าแสดงความดุร้าย ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้กัดฟันคราหนึ่ง ขยับแขนทั้งสองเป็นสัญลักษณ์ออกมาอย่างดุดัน
“ ฮูม “
ท่ามกลางอากาศ แก้วเพลิงผลาญจี้ปิงก็ได้แตกกระจายไปในทันที แล้วก็ได้แสดงความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวกระจายออกมา อีกทั้งในเวลาเดียวกัน ตราประทับเสวียนเทียนที่เยี่ยจงได้แย่งชิงมาเมื่อครู่ในตอนนี้ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมา
สีหน้าของเยี่ยจงเปลี่ยนไป แล้วก็ขยับมือขวาคราหนึ่ง แล้วก็ได้นำตราประทับเสวียนเทียนออกมาจากแหวนจักรวาลแล้วก็ขว้างออกไปไกล ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ครุ่นคิดขึ้น จากนั้นก็ได้จางหายเข้าไปท่ามกลางชิ้นส่วนมายา
“ ฮูมฮูมฮูม ”
บริเวณด้านนอกดินแดน ก็ได้มีการก่อตัวของความเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งกระจายออกมา จนทำให้พลังปราณแท้จริงได้ไหลเวียนไปมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หลังจากนั้น ทันใดนั้นยังไม่ทันผ่านพ้นไปหนึ่งลมหายใจ สมบัติขั้นเซียนทั้งสองชิ้นก็ได้ระเบิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าทั้งสองอย่างเกิดมาเพื่อทำงานพร้อมกันก็มิปาน
ภายในตึกจักรพรรดิทองคำ ก็ได้ปรากฏประกายแสงสีทองขึ้น ทางด้านเวทีเป็นตาย ก็ได้ปรากฏแสงสว่างไม่ทราบที่มาที่ไปปกคลุมอยู่ และอีกทางด้านหนึ่งของชิ้นส่วนมายาก็ได้ถอยออกไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ได้เกิดลมกรรโชกขนาดใหญ่กระจายหมุนวนออกมา จากนั้นก็ได้กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ด้าน ขณะนั้นเอง ทั่วทั้งฟ้าดินก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ทั่วทั้งดินแดนก็ได้กลายเป็นสงบเงียบไร้เสียงใดๆ
ร่างกายของเยี่ยจงได้อยู่ท่ามกลางชิ้นมายานี้ จ้องเขม็งไปอีกทางด้านหนึ่ง สีหน้าปั้นยากขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขันสุดท้ายจีเจ้าถึงกับใช้ออกมาด้วยไม้นี้ หากว่ามิใช่ว่าเขาพบเห็นได้เร็วแล้วละก็ ในวันนี้คงจะต้องทอดร่างอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว
หลังจากที่ได้ผ่านไปนาน แรงลมกรรโชกก็ได้เริ่มที่จะสงบลง ภูเขาทั้งลูกในตอนนี้ก็ได้หายสาบสูญไป จนกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ทั่วทั้งฟ้าดิน มีแต่เพียงเวทีเป็นตาย ตึกจักรพรรดิทองคำ และชิ้นส่วนมายาทั้งสามอย่างที่ยังคงอยู่
“ ซวบ “
ไม่นานนัก ชิ้นส่วนมายาก็ได้ขยับคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้หายสาบสูญไป และเยี่ยจงก็ได้ปรากฏกายขึ้นสู่ผืนฟ้าผืนดินอีกครั้ง เมื่อได้พบเห็นร่างกายของเขาขยับ ก็ได้เข้าไปภายในตึกจักรพรรดิทองคำ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ขาวซีด สีหน้าหดหู่อย่างที่สุด
ในช่วงเวลาทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งตึกจักรพรรดิทองคำก็ได้เงียบสงบไร้ที่เปรียบ ผู้คนทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงในตอนนี้ที่ดุดันระคนอ่อนแออยู่หลายส่วน แต่ว่าก็ไม่มีผู้ใดที่มีความหาญกล้าที่จะดูแคลนเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกล้านั้นเหล่าเทียนจื่อเจียวจื่อ ร่างกายของพวกเขาในตอนนี้ยังถึงกับไม่อาจที่จะหยุดสั่นเทาได้
ช่วงเวลาเพียงสั้นๆที่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เจ้าสำนักเสวียนหวิน ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง บวกกับผู้นำของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่แท้จริง แต่ว่าความแข็งแกร่งเช่นนี้ กลับต้องตกอยู่สภาพเฉกเช่นตอนนี้ แม้แต่ซากศพก็ยังไม่หลงเหลือแม้เพียงครึ่งร่าง และเด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ กลับเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงอยู่
ฉากเบื้องหน้า ต่อให้เห็นเองกับตาก็ตามที แต่ว่าผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต่างก็ไม่อยากที่จะเชื่อได้ลง
“ พี่สาว พี่สาว พี่ชายเยี่ยจงผู้นั้นฆ่าสังหารเจ้าสำนักที่ร้ายกาจอะไรนั้นจริงงั้นหรือ ? “ ในที่สุด ก็ได้มีเด็กสาวผู้หนึ่งที่ทำลายความเงียบสงบนี้ลงไป ในตอนนี้นางมีอายุเพียงแค่สามสี่ปีเท่านั้น อีกทั้งยังกล่าวออกมาด้วยความไร้เดียงสาอย่างแท้จริง นางมิได้มองเห็นว่าเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่สมควรหรือไม่ เพียงแค่มองเห็นการปรากฏตัวของเยี่ยจง
ทันใดนั้นต่อมา ทันทีที่รู้ผลแพ้ชนะ ก็ได้เกิดเสียงผ่อนลมหายใจออกมา ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็กรอกตาไปมาอย่างวุ่นวาย
ทั้งสามคนที่ได้ถูกเยี่ยจงฆ่าสังหารไป ไม่ว่าจะมองแต่ละคนในแต่ละด้านก็เรียกได้ว่าเหนือกว่า แต่ว่าในท้ายที่สุดก็ยังปรากฏผลสรุปออกมาเช่นนี้
คนผู้นี้ยังเป็นชายหนุ่มที่ยังอยู่ในวัยที่ศึกษาวิชาผู้หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังมีอายุเพียงแค่สิบกว่าปี ถึงกลับสามารถมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ด้วยงั้นหรือ ? หากเรื่องในครั้งนี้แพร่กระจายออกไป ย่อมต้องสะเทือนฟ้าสะท้านดินอย่างแน่นอน
.
.
.
.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset