เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 203 เปิดทางสู่สมรภูมิ

ตอนที่ 203 เปิดทางสู่สมรภูมิ

เมื่อพบเห็นการปรากฏตัวขององค์ชายสิบสาม ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่อยู่ในสนามไม่น้อยต่างก็เกิดความสงสัยขึ้น ประกาศลายน้ำทดสอบทางด้านข้าง ประกาศลายน้ำที่ติดอยู่บนดินแดนซีฮวงนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดรวมตัวของเหล่าผู้มีพรสวรรค์มากมาย แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นคณะที่อยู่นี้ ดังนั้นมีผู้คนไม่น้อยที่ได้ทำการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว

“ เจ้าหนุ่ม พวกเราคงต้องได้มีโอกาสกันอีก เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะทำให้เจ้ายินยอมพร้อมใจด้วยตัวเองมาเป็นแขกที่บ้านข้า “ องค์ชายสิบสามกวาดสายตามองออกไป ไม่นานนักก็ได้ทอดสายตาลงบนกลุ่มคนของรัฐต้าโจว จ้องมองไปที่ด้านเยี่ยจงแล้วยิ้มเล็กน้อย

“ เจ้าสามตา เมื่ออยู่ด้านในเจ้าก็อย่าได้มาพบเจอข้าเลยจะดีกว่า ข้างกายข้างประจวบเหมาะกับมีเจ้าสามตาน้อยอยู่พอดี “ เยี่ยจงเงียบงัน แล้วก็กล่าวประชดออกมาอย่างไม่เกรงใจ

วินาทีนั้นเอง เงาร่างที่อยู่ข้างกายองค์ชายสิบสามเกือบร้อยคนก็ได้จ้องมองไปที่ร่างของเยี่ยจงพร้อมกับแผ่รังสีสังหารออกมา และบริเวณทางด้านหลังของพวกเขา ยอดฝีมือที่มาคุ้มกันกลุ่มถังกู่ของพวกเขาที่ได้มาก่อนหน้า ก็ได้ทอประกายนัยน์ตาเย็นชาจ้องมองไปที่ยังบริเวณที่เยี่ยจงและพวกอยู่ เห็นได้ชัดว่า ขอเพียงแค่องค์ชายสิบสามออกคำสั่งมา พวกเขาก็สามารถที่จะลงมือในทันที

“ เหอะเหอะ กระดูกแข็งเช่นนี้ก็ดี เมื่อยอมรับได้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจยิ่ง “ ทว่าองค์ชายสิบสามผู้นี้กลับมิได้โกรธเคืองไม่ อีกทั้งยังหัวเราะออกมา จากนั้นก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ร่างกายที่ก็ได้เหยียบย้ำไปยังบันไดเลือดเนื้อขึ้นไป ผู้คนทางด้านหลังก็ได้ติดตามไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ผู้คนมากมายภายในสนามเกิดอาการตื่นตกใจ ไม่นานนักก็ได้มีผู้คนจำนวนมากย่างกรายเข้าไปยังด้านข้างของเยี่ยจงและพวก เห็นได้ชัดว่า เยี่ยจงถึงกับหาญกล้าที่จะแลกหมัดกับองค์ชายสิบสามเช่นนี้ พลังฝีมือคงเป็นที่น่าตกใจยิ่ง

“ เมื่อเห็นชุดฝึกยุทธ์นั้น ราวกับเป็นยอดฝีมือที่มาจากรัฐต้าโจวงั้นละ ? ไม่ทราบว่าเป็นหนุ่มน้อยผู้มีพรสวรรค์จากรัฐต้าโจวคนใด ถึงกลับทำให้องค์ชายสิบสามจากถังกู่ต้องตาได้ ? “

“ นั้นมันดวงตาปราณถังกู่ขององค์ชายสิบสามนิ คนที่เขาต้องใจ แน่นอนว่าย่อมไม่ด้อยอย่างแน่นอน “

“ ไม่อาจด้อยแล้วจะอย่างไร ? ผู้พรสวรรค์ของรัฐหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็วก็คงกลายเป็นข้าราชบริวารของผู้อื่น ไร้ประโยชน์ “

ท่ามกลางอากาศ เสียงกระซิบดังกระจายออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถมองเห็นถึงความสามารถเฉกเช่นองค์ชายสิบสามถังกู่ อีกทั้งพวกเขายังไม่ทราบว่าเยี่ยจงนั้นที่แท้เป็นใครมาจากที่ใด แต่ว่า จากที่พวกเขามองเห็น ถึงแม้ว่าองค์ชายสิบสามถังกู่จะมีความสนใจก็ตาม แต่ว่าเยี่ยจงก็ได้มีการตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

เสียงที่กระซิบกระซาบเหล่านี้ เยี่ยจงมิได้ให้ความสนใจอันใดมากมายนัก เขาเองก็มิอาจที่จะฝืนปากฝืนใจของคนอื่นไม่ให้กล่าวอันใดออกมาได้

“ องค์ชายสิบสามถังกู่ผู้นี้ ต่อให้การเดินทางในครั้งนี้จะยุ่งยากอย่างถึงที่สุดก็ตามที ? “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา กล่าวออกมาด้วยเสียงกังวาน

“ ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา นอกเสียจากบุคคลที่สูงส่งเยี่ยงกลุ่มถังกู่ขององค์ชายสิบสามเหล่านี้แล้วนั้น ผู้คนโบราณ(กู่กวอ) คนของไทกู่หลิงซาน ในตอนนี้ต่างก็ถือเป็นกลุ่มคนที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง คาดว่าพวกเขาเองต่างก็ไม่คิดที่จะต้องการเปิดเผยพลังของตนเองออกมา นอกเสียจากตอนนี้แล้ว เหล่าผู้ที่มีความสามารถจากที่ต่างๆ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากรัฐอื่นๆแน่นอนว่าย่อมมิอาจที่จะดูแคลนได้ การที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ก็เป็นเพราะว่ามีการเตรียมการที่ดีในการเข้าสู่สมรภูมิฮวงกู่ จะมีผู้ใดที่ง่ายดายกัน ? “ ซูเหล่าเงียบงัน แล้วก็ได้เอ่ยปากกล่าวอธิบายต่อ “ ฉากที่เกิดขึ้นในตอนนี้ กับตามตำนานนั้นแทบจะไม่มีส่วนที่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นหลังจากที่พวกเจ้าได้เข้าไปสู่ด้านในแล้ว สมควรที่จะต้องถูกการส่งตัวของสมรภูมิฮวงกู่ไปยังแต่ละที่ สมรภูมิฮวงกู่ถึงแม้จะถูกเรียกขานกันว่าเป็นสมรภูมิ แต่ว่าด้านในก็ยังเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ สามารถที่จะเป็นดั่งดินแดนขนาดเล็กได้เลย พวกเจ้าอีกเดียวเมื่อได้เข้าไปแล้ว ทางที่ดีให้อยู่ร่วมกัน อย่าได้แตกแยกกันโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ การที่จะเสาะหาอีกฝ่ายคงเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง และหากว่าได้พบเจอกับเด็กน้อยที่มาจากรัฐต้าโจวแล้วละก็ ถ้าสามารถร่วมมือกันได้ก็ร่วมมือกันซะ “

“ ขอรับ “

ไม่ว่าภายในใจจะคิดเช่นไร หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงและพวกแต่ละคนต่างก็ได้พยักหน้าตอบรับ และจากนั้นก็ได้ทอดสายตามองไปยังด้านบนของบันไดเลือดเนื้อนั้นอีกครั้ง

จากนั้นก็ได้มีคนขี้ม้าอยู่หลายตัว ท่ามกลางสนามของ

แล้วก็ได้มีกลุ่มคนมากมายตามมาทางด้านหลัง ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้มีขุมกำลังจากสิ่งมีชีวิตเผ่าต่างๆในที่สุดก็อดกลั่นเอาไว้ไม่อยู่ ต่อมาก็ได้พบเห็นการรวมตัวของเงาร่างสายหนึ่งอยู่ร่วมกัน จากนั้นก็ได้ทะยานถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ทวา่าหลังจากนี้เอง ก็ได้มุ่งหน้าขึ้นไปสู่บันไดเลือดเนื้อขึ้นไป จากนั้นร่างกายก็ได้หายลับไปในทันที

“ พวกเราก็ไปกันเถอะ “ เมื่อได้พบเห็นผู้คนได้เข้ามาด้านในเกือบครึ่งแล้ว เยี่ยจงก็ได้พยักหน้าแล้วตอบ นัยน์ตาก็ได้เกิดเปลวเพลิงขึ้นมาเล็กน้อย สมรภูมิฮวงกู่ ลือกันว่าโลหิตไหลหั่งเต็มพื้น เป็นดั่งดินแดนเทพมาร อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งที่ถูกจำกัดอยู่ในระดับเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างก็ตั้งตารอคอย

……

“ ซวบซวบซวบ “

ท่ามกลางอากาศ ประกายเงาร่างนับไม่ถ้วนก็ได้โผล่ขึ้นมา ไม่นานนักก็ได้มาจนถึงด้านบนของแท่นบูชาเก่าแก่ จากนั้นก็ได้ปีนขึ้นไปด้านบนของบันไดเลือดเนื้อ ร่างกายราวกับประกายแสงขึ้นไปทางด้านบน ท้ายที่สุดก็ได้หายไป

หลังจากที่ได้มีคนเริ่มต้นขึ้นแล้ว ในช่วงเวลาที่ยังไม่ทันผ่านพ้นไปถึงหนึ่งชั่วก้านธูปไหม้ ท่ามกลางสนามก็ได้มีเงาร่างที่ปีนขึ้นไปด้านบนบันไดเลือดเนื้อกว่าครึ่งแล้ว เพื่อที่จะได้เข้าไปยังด้านในของสมรภูมิฮวงกู่ ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดที่ยินยอมล้าหลังเลยแม้แต่คนเดียว

ในระหว่างที่ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สีของบันไดเลือดเนื้อก็ได้เริ่มที่จะหมองคล้ำลงไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

“ ใกล้ได้เวลาแล้วละ ถ้ายังไม่เข้าไปแล้วละก็ ไม่แน่ว่าบันไดเลือดเนื้อคงใกล้จะถึงเวลาแล้วละ “ ซูเหล่าขมวดคิ้วไปมา หันศีรษะกลับไปมองเยี่ยจงและพวกคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้พบเห็นเขาโบกมือคราหนึ่ง พลังปราณกลายเป็นฝ่ามือ พัดเงาร่างทั้งห้าคนขึ้นไปยังเหนือแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อเรื่งราวได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงและพวกในเวลานี้ก็มิได้เกิดความลังเลใดๆขึ้นมาอีก ทันใดนั้นก็ขยับกายเข้าไปใกล้แท่นบูชาเก่าแก่ พลังไอประหลาดสายหนึ่งได้แผ่ออกมาจากแท่นบูชาพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของผู้คนมากมาย

ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ทุกคนต่างก็สบตากัน จากนั้นก็ได้ปีนขึ้นไปในเวลาเดียวกัน เหยียบลงไปบันไดเลือดเนื้อเพื่อที่จะปีนขึ้นไป

“ ก๊ง “

ทันใดนั้นเมื่อฝ่าเท้าได้เหยียบไปที่บันไดเลือดเนื้อ ทันใดนั้นบันไดเลือดเนื้อนี้ก็ราวกับมีชีวิตก็มิปาน สะบัดผู้คนที่อยู่ท่ามกลางภายในเมฆหมอกสีดำทมิฬที่เป็นดั่งรกปีศาจ ทว่าทันใดนั้นเอง เมฆหมองสีดำทมิฬก็ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมาย

เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า ได้มองเข้าไปยังหัวมุมหนึ่งขึ้นไป แล้วก็ราวกับเมฆหมอกสีดำทมิฬขนาดใหญ่นั้นก็ราวกับกำลังอ้าปากขนาดใหญ่ก็มิปาน ราวกับสามารถที่จะกลืนเข้าไปทั้งคำ จากนั้นก็ได้เกิดแสงประหลาดสีเลือดขึ้นมา อีกทั้งยังโผล่ออกมาจากปากขนาดยักษ์นั้น

เพียงแต่ว่า ความรู้สึกเช่นนี้ยังไม่ทันจะได้หายไป จากนั้นเยี่ยจงและพวกต่างก็สัมผัสได้ถึงแสงสีแดงด้านหน้าสายหน้าในเวลาเดียวกัน จากนั้นร่างกายยังไม่ทันที่จะได้หายเข้าไปยังเมฆหมอกสีดำทมิฬนั้น

ในระหว่างที่เยี่ยจงและพวกกำลังจะเข้าไป เหล่ากู่กวอก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา ชนชาวไทกูหลิงซาน ต่างก็ปรากฏกายออกมาให้เห็นเรื่อยๆ บนร่างกายคนเหล่านี้ต่างก็สวมไว้ด้วยชุดฝึกยุทธ์สีดำเอาไว้ จนทำให้เงาร่างของตนเองราวกับแผ่รังสีกดดันอันลี้ลับไร้ที่เปรียบออกมา จากนั้นแต่ละคนก็ได้ขึ้นไปยังบันไดเลือดเนื้อทีละคนอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่เวลาได้ผ่านเลยไป หลังจากนั้นไม่นานท้ายที่สุดก็ได้มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งกำลังจะเข้าสู่เมฆหมอกสีดำทมิฬ แล้วก็ได้พบว่าที่เมฆหมอกของบนบันไดเลือดเนื้อได้ขยับขึ้นสูงขึ้น ขณะนั้นเองก็ได้เริ่มที่จะปรากฏรอยแตกเล็กๆออกมา รอยแตกราวกับสิ่งที่มีชีวิตของแมลงที่ขยับเคลื่อนไหวและเติบโตได้ ไม่นานนักก็ได้กัดกร่อนไปทั่วทั้งบันได

รอยแตกบนบันได ในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นก้อนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นก็ได้ค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นดินลงมา ภายใต้ฟ้าดินในตอนนี้ก็ได้มีกลิ่นคาวโลหิตกระจายออกมาอย่างเข้มข้น และเหล่าก้อนเลือดเนื้อที่ร่วงหล่นลงมา ทันใดนั้นเลือดเนื้อเหล่านี้ก็ได้รวมตัวจนราวกับเป็นบึงแห่งหนึ่ง จนทำให้บางพื้นที่ของเมืองฮวงกู่มิอาจที่จะยั้งเท้าเอาไว้ได้ และแม้แต่แท่นบูชาเก่าแก่นั้นเอง ก็ได้ถูกบึงเลือดเนื้อนั้นกลืนหายไปอีกด้วย

ท่ามกลางอากาศ แสงประกายสีทองที่หลงเหลืออยู่ก็ได้ค่อยๆหายกลับไป เมฆหมอกสีดำทมิฬก็ได้ค่อยๆเก็บเข้าสู่สถานที่ของมัน จนท้ายที่สุดก็ได้หายไปจนหมดสิ้น ทว่า มีแต่เพียงเมฆหมอกสีดำทมิฬที่ปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดินก็มิปานนั้นที่มิได้สูญหายไป ราวกับว่าเป็นการคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาลก็มิปาน

“ เชอะ “

เสียงร้องดังเชอะดังขึ้นมาท่ามกลางอากาศอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็ได้พบว่าจุดกึ่งกลางของบึงเลือดเนื้อ ทันใดนั้นก็ได้เกิดเงาร่างที่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงบริเวณรอยแยกของแผ่นดิน จากนั้นร่างก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เงาร่างขนาดใหญ่ทั้งบนล่างก็ได้ถูกหมอกปกคลุมเอาไว้ ไม่อาจมีผู้ใดที่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนได้ ได้แต่เพียงคาดเดาเท่านั้น เงาร่างนั้นอย่างดีที่สุดก็มีความสูงได้เพียงพันจังเท่านั้น อีกทั้งบนร่างยังมีขนสีทอง ราวกับเป็นการบ่งบอกว่า เขาสมควรน่าจะเป็นผู้ที่ลงมือด้วยปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตทั้งสองคราวเมื่อครู่นี้

ท่ามกลางเสียงร้องอย่างเย็นชาของปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตนี้ ร่างกายอีกทางด้านหนึ่งก็ได้มุ่งหน้าออกไป ทว่าทันใดนั้น ร่างกายก็ได้หายวับเข้าไปท่ามกลางหุบเขา ราวกับมันคิดที่จะจากไปก็มิปาน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ยอดฝีมือที่อยู่ภายในสนามแห่งนี้ ในตอนนี้ต่างก็เข้าใจดี ว่ามันไม่อาจที่จะจากไปในลักษณะเช่นนี้ได้

ในตอนนี้ บึงเลือดเนื้อนี้ก็ได้ปรากฏเงาร่างเกือบพันตนขึ้นมา ด้วยส่วนมากแล้วก็ลักษณะและพลังฝีมือเทียบเท่ากับยอดฝีมือรุ่นเยาว์และเหล่าผู้คุ้มกันที่ถูกกลืนกินก่อนหน้า ด้วยส่วนมากก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าแล้ว

หลังจากที่ปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตนั้นได้จากไป สายตาของผู้คนไม่น้อยก็ได้เงยหน้าจ้องเขม็งไปทางด้านท้องฟ้า

“ เรื่องราวดูเหมือนจะไม่ค่อยจะดีนัก หากนับตามวันเวลาที่ได้ถูกใช้ออกมา ถึงแม้ว่าบันไดเลือดเนื้อจะสูญสลายไปแล้ว แต่ว่าก็ไม่สมควรที่จะหลงเหลือไอโลหิตแม้เพียงเศษเสี้ยวจึงจะถูกต้อง ? “

“ ไม่ทราบว่าที่แท้แล้วเป็นลางบอกเหตุถึงอะไรกัน ? “

“ ที่แท้ การปรากฏของหนึ่งหนแห่งวาสนา จะสามารถที่จะก่อพายุโลหิตภายใต้ดินแดนซีฮวงแห่งนี้ให้ได้งั้นหรือ ? “

ยอดฝีมือไม่น้อยก็ได้ขมวดคิ้วแล้วจ้องเขม็งไปทางด้านฉากเบื้องหน้าบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยไอโลหิต ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“ ซวบซวบซวบ “

ราวกับว่านอกเหนือจากเงาร่างของซูเหล่าที่ได้หายไปนั้น พวกเขาก็ได้ทอดร่างเอาไว้บริเวณด้านข้างของซูเหล่า ในตอนนี้พวกเขาก็ได้สบตามองกัน ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายความดุร้ายขึ้นมา

“ องค์รักษ์ยอดฝีมือชั้นสูงของรัฐต้าโจวข้าที่อยู่ในบริเวณละแวกนี้ เมื่อครู่ที่ได้ถูกปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตฆ่าสังหารไป “ ในที่สุดก็ได้มีคนผู้หนึ่งเอ่ยปากขึ้นมาด้วยสีหน้าปั้นยาก เมื่อครู่พวกเขากลุ่มนี้ถือได้ว่าอยู่ในระยะห่างจากปีศาจใหญ่ไร้ขอบเขตไม่ห่างไกลมากนัก เกือบที่จะถูกฆ่าล้าง พวกเขากลุ่มนี้เป็นเพียงคนของรัฐต้าโจวที่ยังเหลือรอดอยู่ คิดไม่ถึงว่าในครั้งนี้ก็เกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอด

“ อะไรกัน ? “ หลังจากที่เงียบงัน ใบหน้าของซูเหล่าก็ได้เปลี่ยนไป ยอดฝีมือของรัฐต้าโจวในตอนนี้ต่างก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว ที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยว แต่กระนั้น ก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง

“ ที่เหลืออยู่ตรงนี้อยู่สองคนก็อยู่กับข้าดูกันเถอะ พวกเราหลายคนแบ่งกัน เพิ่มความเร็วกลับไปยังต้าโจว อย่างน้อยก็ต้องขอเชิญผู้อาวุโสต้าโจวใช้ร่างธรรม ข้าสัมผัสได้ว่า การเปิดประตูสู่สมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ เรื่องราวมิได้ง่ายดายดั่งเช่นที่พวกเราได้คาดคิดเอาไว้ “ ซูเหล่าหลังจากที่ครุ่นคิด จึงได้ค่อยส่งเสียงสั่งการเบาๆ

“ ขอรับ “

หลังจากที่เงียบงัน หลังจากสบตากับยอดฝีมือของรัฐต้าโจวหลายคน ต่อมาก็ได้มีคนจากไปอย่างรวดเร็ว

และเหล่าคนอื่นที่เป็นชนชาวไทกู่หลิงซาน ยอดฝีมือกู่กวอ ยอดฝีมือของรัฐต่างๆ เหล่าผู้ที่เลื่องนาม ในตอนนี้ก็มีไม่น้อยที่ได้จากไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองฮวงกู่ในครั้งนี้เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายอยู่มาก มีผู้คนมากมายที่จะต้องนำข้อมูลข่าวสารส่งกลับไปอย่างเร่งด่วน จนก่อเกิดสายลมขนาดใหญ่ออกมา ราวกับว่าในตอนนี้ ภายในส่วนกลางสมรภูมิฮวงกู่ในตอนนี้ ก็ได้แตกกระจายออกไปทั้งสี่ทิศแปดทางออกไป

.

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset