เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 206 คนคุ้นเคยและบททดสอบ

ตอนที่ 206 คนคุ้นเคยและบททดสอบ

“ เยี่ยจง ถือได้ว่าไม่ได้พบเจอกันนานเลยนะ “

เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นได้เต็มไปด้วยความอาฆาต อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงเสียงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ราวกับว่ามีความแค้นที่มิอาจอยู่ร่วมกับเยี่ยจงก็มิปาน

เยี่ยจงกวาดสายตามองดู จนมองไปยังร่างที่เอ่ยปากกล่าวออกมา เด็กหนุ่มผู้นี้มีอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี ทางด้านหลังของเขาก็ได้มีอยู่หลายคนที่สวมไว้ด้วยชุดคลุมสีแดง เป็นชายหนุ่มที่ปกปิดใบหน้ามิดชิด ในตอนนี้ เขาก็ได้จ้องมองมาทางด้านของเยี่ยจง ด้วยความอาฆาตไร้ที่เปรียบ

“ นี้มิใช่องค์ชายสามแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉางั้นหรือ ? “ เยี่ยจงหรี่ตาจ้องมอง แล้วก็จดจำผู้คนออกมาได้ จากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา แล้วตอบกลับไป “ พี่ใหญ่ท่านเสวี่ยเสวียนได้ตายภายใต้น้ำมือข้าไปแล้ว เจ้าในเมื่อกล้าที่จะปรากฏตัวเบื้องหน้าข้าเช่นนี้ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปแล้ว “

“ ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเจ้าใช้พลังฝีมือและวิธีต่ำทรามอันใดลงมือต่อพี่ใหญ่ ทว่าในเมื่อได้พบกันในวันนี้ ข้าก็จะทำให้เจ้าได้รับทราบถึงความน่ากลัวของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาข้า “ เสวี่ยซินกู่ร้องขึ้น ดวงตาทอประกายแดงซ่านพุ่งขึ้นฟ้า ทอเป็นสายเล็กๆอย่างช้าๆ

“ ก็ดี คันไม้คันมืออยู่พอดี “ ภายในดวงตาของเยี่ยจงได้ปรากฏรังสีฆ่าฟัน ถึงแม้ว่าเขาจะคิดไม่ถึงว่าเพราะเหตุใดคนของเสวี่ยหยวนหวังเฉาถึงได้มาปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่า ในเมื่อปรากฏตัวออกมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือเก็บกวาด ไม่เช่นนั้นคงต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่

ทั้งสองคนต่างก็ได้เดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างช้าๆ วินาทีนั้น ทั่วทั้งพื้นที่ก็ได้กระจายไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ลั่วเฉิงและพวกหลังจากที่ได้สบตากัน สายตาก็ได้มองไปทางด้านยอดฝีมือที่เหลืออีกหลายคนของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา เกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้พวกเขาถึงแม้จะไม่ทราบกระจ่าง แต่ว่าในตอนนี้พวกเขากับเยี่ยจงก็ลงเรือลำเดียวกัน ยังไงก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

“ เหอะ ทั้งสองท่าน “ ทางด้านเด็กหนุ่มเผ่าปีกที่นำพาเยี่ยจงขึ้นมาก็ได้หัวเราะขึ้นเบาๆอย่างกะทันหัน ขยับร่างกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองคน กล่าวเสียงดังกังวาน “ ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าทั้งสองจะมีความแค้นอันใด แต่ว่าในเมื่อทุกคนปรากฏตัวขึ้นในบริเวณที่แห่งนี้ สิ่งที่ต้องทำก็คือร่วมมือกัน จึงจะสามารถที่จะเปิดทางเข้าสู่บ่วงมายาโลหิตได้ รอจนหลังจากที่เปิดประตูเข้าสู่บ่วงมายาโลหิตได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั่นพวกเจ้าจะฆ่าจะแกงกัน แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดห้ามปราม แต่ว่าในตอนนี้ หากว่ามีผู้ใดทำเรื่องส่งผลกระทบต่อเรื่องใหญ่ ข้าคิดว่า ต่อให้ข้าไม่มีความเห็นอันใด ก็ต้องมีคนที่ออกความเห็นแน่นอน “

หลังจากที่ได้สิ้นสุดเสียงของเด็กหนุ่มเผ่าปีก ชายหญิงรุ่นเยาว์หลายคนที่ยืนอยู่บริเวณทางด้านหน้าสุดในตอนนี้ต่างก็ค่อยๆหันศีรษะกลับมา บนร่างของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีความน่าหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่า อย่างน้อยก็ต้องสำเร็จอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตฟ้าแล้ว

“ ท่านทั้งสอง รอคอยจนถึงภายในบ่วงมายาโลหิตแล้ว ยังมีเวลาที่จะให้พวกท่านแย่งชิง แต่ว่าในตอนนี่ยังไม่มีเวลาเพียงพอที่จะให้แก่พวกท่าน “ เด็กหนุ่มผมสีเงินทั้งศีรษะก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาเล็กน้อย

เสวี่ยซินจ้องเขม็งเย็นชาอย่างเงียบงัน ทว่าเกี่ยวกับคนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็มีความสงสัยอยู่หลายส่วน ต่อมาก็ได้หัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง โบกมือคราหนึ่ง จึงได้ค่อยถอยออกไปทางด้านข้าง

เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้หัวเราะไปมา มิได้กล่าวอันใดมากมาย โบกมือไปมา ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่ง แต่ว่าภายในดวงตากลับปรากฏรังสีสังหารขึ้นมา ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ในครั้งนี้ต่างก็คงต้องหาโอกาสเพื่อที่จะจัดการเจ้าเสวี่ยซินผู้นี้ให้ได้ เด็กน้อยจากรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฮาเหล่านี้นับได้ว่าเป็นตัวน่ารำคาญอย่างมาก เยี่ยจงก็ ทราบกระจ่างเป็นอย่างดี

“ เหอะเหอะเหอะ เป็นเช่นนี้จึงถูกต้อง พวกเราในครั้งนี้มีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงแม้จะเข้าไปยังสมรภูมิฮวงกู่แล้ว ก็มิอาจที่จะพลาดสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ได้หรอกนะ อีกทั้งการที่พวกเราทุกคนที่ได้ถึงส่งมายังเขตแดนของทะเลมายาโลหิตแห่งนี้ก็ถือได้ว่ามีวาสนาต่อกัน ขอเพียงสามารถร่วมแรงร่วมใจกัน จึงจะสามารถที่จะได้รับสิ่งที่เป็นตำนานเล่าขานของสำนักมายาโลหิตได้ “ ในเวลานี้ เด็กหนุ่มที่ศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมสีทองก็ได้หัวเราะแล้วกล่าวออกมา ดวงตาของเขาเป็นเหมือนดั่งพระอาทิตย์ยามเย็นก็มิปาน ดูแล้วรู้สึกลึกล้ำไร้ที่เปรียบ

หลังจากทั้งสองคนกล่าวเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาวต่างก็มิได้เอ่ยปากกล่าวต่อ แต่ก็มิอาจที่จะไม่ยอมรับไม่ข้อนี้ได้

เยี่ยจงยิ้มไปมา แต่ก็มิได้กล่าวอันใดต่อ เพียงแต่ยืนอยู่กับที่อย่างสงบเสงี่ยม

“ ในเมื่อคนก็มากันครบแล้ว เช่นนั้นมาเริ่มกันเถอะ “ เด็กหนุ่มเผ่าปีกเมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ก็ได้ยิ้มออกมา

“ ถ้านับตามข่าวสารที่ข้าและพวกได้รับมา จำเป็นที่จะต้องมีกลุ่มคนที่มาจากที่ต่างกันครบเก้ากลุ่มในที่แห่งนี้ เช่นนั้นพวกเราจึงจะสามารถแยกทะเลโลหิตออกได้ เมื่อได้เข้าไปยังส่วนลึกของทะเลโลหิตที่เป็นดั่งบ่วงมายาโลหิต และสถานที่แห่งนั้น

“ ทางด้านของพวกเราฝั่งนี้ย่อมไม่มีปัญหา ทุกคนในเมื่อได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันแล้ว อีกทั้งยังเคยร่วมมือกัน แต่ว่าเหล่าพวกที่มาใหม่นั้น จะสามารถที่จะร่วมมือกับพวกเราได้จริงงั้นหรือ ? “ มีคนกวาดตามองไปยังเยี่ยจงคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังกังวาน แทบจะไม่เห็นเยี่ยจงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

เป็นที่ชัดเจนว่า ที่คนเหล่านี้เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเป็นเพราะลักษณะนิสัยคนของกู่กวอและไท่กู่หลิงซาน ขุมกำลังในระดับเช่นนี้ ในหมู่ของเหล่าผู้เยาว์นั้นเรียกได้ว่าต่างก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามกันมาตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงเรียกได้ว่ามีความคุ้นเคยกันอยู่บ้าง แต่ว่ากับเยี่ยจง พวกเขากลับมิเคยได้ยินได้ฟังชื่อเสียงกันมาก่อน

เสวี่ยซินเงียบงัน จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาและทางฝ่ายของกู่กวอและไท่กู่หลิงซานนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันอยู่ ดังนั้นในตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดที่ให้ความสำคัญกับเขา

“ ข้าขอลองทดสอบเจ้าพวกมาใหม่นี้สักหน่อยก็แล้วกัน ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร การร่วมมือกันในครั้งนี้ก็คงไม่อาจที่จะเกิดความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อยได้ “ จากนั้นก็ได้มียอดฝีมือรุ่นเยาว์อายุราสิบเจ็ดสิบแปดปีเดินออกมาอย่างช้าๆ เขาจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง กอดอกแล้วกล่าวด้วยเสียงดังกังวาน จนทำให้ก่อเกิดสายลมเบาบางขึ้น

“ เมื่อครู่พึ่งมีคนบอกว่าอย่าได้มีเรื่องกันเลย ในตอนนี้กลับมีคนที่คิดจะหาเรื่องเองก่อนแล้วงั้นหรือ ? นี้เป็นความเห็นของเจ้าเพียงคนเดียว หรือว่าเป็นความเห็นของพวกเจ้าทั้งหมดกัน ? “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา จ้องเขม็งไปที่คนของกู่กวอและไท่กู่หลิงซานที่อยู่บริเวณทางด้านหลัง

“ เหอะ ท่านเยี่ยจงผู้นี้ นี้มิใช่การหาเรื่องแต่อย่างไร เพียงแค่ต้องการที่จะทดสอบฝีมือของท่านก็เท่านั้นเอง หากว่าฝีมือของพวกท่านไม่ไหวแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องหารือเรื่องแผ่นการอื่นๆกันอีกครั้ง ท่านอย่าได้โมโหไป “ เด็กหนุ่มเผ่าปีกหัวเราะขึ้นมา “ทว่าก็แค่ทดสอบเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้นเอง “

“ รับกระบวนท่าของข้าได้ เจ้าก็ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปกับพวกข้าได้ เพื่อเข้าสู่บ่วงมายาโลหิต “ ชายหนุ่มจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ทันใดนั้นต่อมา ร่างกายก็ขยับคราหนึ่ง แล้วก็ได้พุ่งเข้าใช้กระบวนท่าสังหารบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ ที่มือได้มีพลังไอกระบี่ออกมาอย่างลึกล้ำ เห็นได้ชัดว่าถือเป็นการเคลื่อนไหวของทักษะยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาเลย

เยี่ยจงยังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ จนกระทั่งทันทีที่กระบวนท่าสังหารได้เข้ามาใกล้ ทันใดนั้นก็ได้ใช้ออกด้วยหมัดขวาเข้าปะทะ ภายในคมหมัดได้สาดประกายพลังกระบี่ตราประทับจนถึงชั้นที่สิบสองออกมาสาดก้องไปทั่ว

“ ตูม ตูม “

เสียงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ส่วนผู้ที่ใช้ออกด้วยกระบวนท่าสังหารออกมาทันใดนั้นพลังทักษะยุทธ์ก็ได้ถูกสลายไปในทันทีที่ได้เข้าปะทะ และหมัดนี้ของเยี่ยจงนี้ก็ได้กระแทกถูกร่างกายของอีกฝ่าย จนทำให้ร่างกายของเขาฉีกขาดออกเป็นสี่ส่วนห้าชิ้น โลหิตสาดกระจายออกมาราวห่าฝน

“ ต้องขออภัยด้วย ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ หากว่าทราบตั้งแต่แรกแล้วละก็ ข้าก็คงจะยั้งพลังเอาไว้ซักหลายส่วนแล้ว “ เยี่ยจงใช้เพียงหมัดเดียวสังหารอีกฝ่าย จากนั้นก็ทอสายตา”ขออภัย”ออกมาสายหนึ่ง กล่าวออกมาเสียงดัง

ผู้คนมากมายต่างก็ตกใจกลัว

เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น เด็กหนุ่มที่ถือได้ว่ามีพลังฝีมืออยู่ไม่น้อยก็ได้ถูกเขาสังหารภายในหมัดเดียวงั้นหรือ ? พลังฝีมืออันแข็งแกร่งเช่นนี้ เมื่อเทียบกับผู้ที่มาจากรัฐกู่กวอและคนของไท่กู่หลิงซานที่มีพลังปราณแต่กำเนิดแล้ว ก็ถือได้ว่ามิได้ต่างกันมากนัก

“ ข้าจำคนกลุ่มนี้ออกแล้ว เมื่อวันก่อนที่เขาและองค์ชายสิบสามถังกู่ได้พบเจอกัน อีกทั้งองค์ชายสิบสามแห่งถังกู่ยังกล่าวออกมาด้วยตนเองว่าจะให้เข้าร่วมคณะอีกด้วย “ ในขณะที่มีคนมองไปที่เยี่ยจงอย่างชัดเจนแล้ว จากนั้นก็ได้สูดลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นมา เอ่ยปากกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าแต่ละคนของคนอื่นๆก็ได้เปลี่ยนเป็นประหลาดขึ้นมา ฐานะขององค์ชายสิบสามแห่งกลุ่มถังกู่นั้นถือได้ว่ามีความพิเศษ ต่อให้เป็นคนจากท่ามกลางรัฐกู่กวอและผู้มีปราณแต่กำเนิดของไท่กู่หลิงซาน ก็ยังเรียกได้ว่ายังเหนือกว่าถึงหนึ่งระดับ อีกทั้งการที่เขาต้องตาเด็กหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ เพียงแค่ในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะสามารถบอกได้ว่าเขาไม่ธรรมดาแล้ว

ยอดฝีมือมากมายในตอนนี้ต่างก็สาดประกายตาขึ้นมา หลังจากนั้นเอง เด็กหนุ่มเผ่าปีกก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ ดูเหมือนว่าท่านเยี่ยจงได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังฝีมือของเขาแล้วว่า พลังฝีมือของเขาเรียกได้ว่าเพียงพอที่จะร่วมมือกับพวกเราได้ เรื่องในครั้งนี้ก็ยุติแต่เพียงเท่านี้ “

หลังจากที่ผู้คนมากมายมองไปที่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย ในตอนนี้เรียกได้ว่าไม่มีเด็กหนุ่มคนใดที่คิดจะออกหน้าแทนผู้ที่ตายไป ราวกับว่าไม่เคยมีการคงอยู่ของเขามาก่อน

และเสวี่ยซินที่จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ทอประกายแววตาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คิดไม่ถึง ช่วงเวลาเพียงสั้นๆที่ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่เดือน พลังฝีมือของเยี่ยจงก็ราวกับว่าแข็งแกร่งขึ้นจนแม้แต่เขาเองก็ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว

“ ในเมื่อไม่มีปัญหาแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเราก็อย่าได้เสียเวลากันอีกเลย บ่วงมายาโลหิตที่ถือได้ว่าอยู่ตรงใจกลางของสมรภูมิฮวงกู่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงอยู่หลายส่วน ผู้ที่ต้องตามันมีความเป็นไปได้ว่ามิได้มีเพียงแค่พวกเราเท่านั้น เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องล้าหลังผู้อื่นแล้ว “ จากนั้นก็ได้มีเด็กสาวที่มีใบหน้าเย็นเยียบผู้หนึ่งมองไปทางด้านเยี่ยจงคราหนึ่ง จึงได้ค่อยเอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

“ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น “ หลังจากที่เงียบงัน คนของกู่กวอคนอื่นและคนของไท่กู่หลิงซานต่างก็พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขายิ่งมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ของสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้

“ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เดินทางกันเถอะ “ เด็กหนุ่มเผ่าปีกก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นก็พบว่าเขาได้ล้วงเอากระบี่กระดูกออกมาด้ามหนึ่ง แล้วก็มุ่งออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

“ ฉึก “

เสียงดังขึ้นเบาๆ ฉากทั่วทั้งฟ้าราวกับว่าในตอนนี้ได้แตกกระจายออกก็มิปาน วินาทีนั้นเองก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ตะวันจันทราได้เปลี่ยนเป็นสีเลือด แล้วก็พบว่าบริเวณทางด้านหลังที่เป็นดั่งหุบเขาเซียนทั้งหุบเขาก็มิปานนั้น ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดทั้งมวล ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปด้วยไอมายา และยาปราณความจริงที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวนเหล่านั้น ในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นดอกไม้มายาหญ้ามายาที่มีเขี้ยวเล็บสั่นไหวมากมายนับไม่ถ้วน ค่อยกัดกินเลือดเนื้อ ดูแล้วลี้ลับสุดยั้งคาด

การเปลี่ยนแปลงของฉากเบื้องหน้าได้ทำให้สีหน้าของลั่วเฉิงและพวกเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาในทันที ราวกับว่าหุบเขามายาโลหิตแห่งนี้จึงเป็นสถานที่แท้จริง หากว่าเมื่อครู่ลงมือแย่งชิงยาปราณเหล่านั้นแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าคงยากที่จะคาดคิดสถานการณ์ต่อไปได้แล้ว

บริเวณทางด้านหน้า ที่มีผู้คนมากมายยืนอยู่ตรงสันเขาก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นลักษณะนี้ กลับกลายเป็นทะเลทรายสีชาดผืนหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่า บริเวณในตอนนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นทะเลมายาโลหิตอย่างแท้จริง และบ่วงมายาโลหิตนั้น ที่ตั้งสมควรอยู่ภายในส่วนลึกของทะเลมายาโลหิตแห่งนี้แล้ว

“ คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็เป็นผู้ได้รับเรือน้อยกระดูกขาว คนที่มาจนถึงที่แห่งนี้ อีกทั้งคนที่ได้รับเรือน้อยกระดูกขาว ก็เหมือนกับได้รับการยอมรับจากสำนักมายาโลหิต สามารถเข้าสู่ทะเลในตอนนี้ หากว่าเป็นผู้อื่นเข้ามายังทะเลแห่งนี้ เกรงว่าในเวลานี้คงจะต้องถูกคลื่นโลหิตกลืนกินไปแล้ว “ เด็กหนุ่มเผ่าปีกที่ได้ร่อนลงสู่พื้นดินในตอนนี้ บนใบหน้าก็ได้ปรากฏเค้าโครงปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน

“ ท่ามกลางทะเลมายาโลหิตผืนนี้ เกรงว่ายังคงมีปีศาจแดนร้างอยู่ไม่น้อย อีกทั้งท่ามกลางทะเลยังมีปราณชีวิตอยู่ด้วย ทุกท่าน ก่อนที่จะเข้าสู่บ่วงมายาโลหิตในครั้งนี้ จำเป็นต้องมีการร่วมแรงร่วมใจ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ทุกคนคงจะมิอาจที่จะรอดไปจากที่แห่งนี้ได้ “ เด็กหนุ่มผมทองกล่าวเตือนออกมาอีกครั้ง ทว่าทางด้านหน้าที่สายตาของเขากำลังมองอยู่ ก็ได้เกิดความเร้าร้อนอย่างไร้ที่เปรียบ

.

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset