เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 215 การปะทะของยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 215 การปะทะของยอดอัจฉริยะ

 

“ ตูม “

 

ทั่วทั้งบนท้องฟ้า แสงสว่างก็ได้ค่อยๆไหลเวียน ราวกับผืนน้ำบนท้องทะเลที่กำลังเกิดคลื่นซัดเข้ามา ง้าวไท่หยางในมือขององค์ชายสิบสามถูกเอามาพาดไว้บนบ่าพร้อมตั้งท่า รังสีสังหารพุ่งขึ้นสู่ฟ้า นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นสมบัติปราณระดับเซียนอย่างแท้จริง อีกทั้ง สมบัติปราณระดับเซียนขั้นกลางโดยส่วนมาก หรือจะเป็นระดับเซียนขั้นสูง พลังทำลายย่อมเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัดอย่างถึงที่สุด

 

“ ปุปุปุ “

 

ท่ามกลางประกายแสงสีทองที่สาดเป็นประกาย สมบัติปราณก็ได้ถูกทำลายเป็นทาง ยอดฝีมือแต่ละคนได้กระอักโลหิตแล้วถอยออกไป ส่วนเหล่าพวกที่อยู่ใกล้ ก็ได้ถูกกระแทกจนสะเทือนไปถึงจิตใจ ร่างกายแตกกระจาย แม้แต่ชีวิตก็ยังต้องทิ้งไว้ในที่แห่งนี้

 

พลังแรงกดดันที่จัดได้ว่าอยู่ในระดับชนิดที่เรียกได้ว่าสามารถกระแทกทั่วทั้งสนามจนผู้คนยังต้องตื่นตกใจเช่นนี้ ได้ทำให้เหล่ายอดฝีมือที่เกรงกลัวความตายต้องขนหัวลุกขึ้นมา หนาวสั่นไปจนถึงกระดูก นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นพลังของยอดอัจฉริยะแห่งดินแดนซีฮวงแห่งนี้

 

“ เจ้ากลุ่มไก่ดินตูดสุนัขทั้งหลาย มีความสามารถแค่นี้ก็คิดจะเข้ามาแย่งชิงกับข้า ไร้เดียงสา “

 

องค์ชายสิบสามหัวเราะอย่างเย็นชา เขามิได้จ้องมองไปที่ผู้ใดเลย เพียงแต่เอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างสงบ ราวกับสิ่งทีพูดขึ้นมาเป็นสิ่งที่เป็นความจริงอย่างที่เห็นก็มิปาน ยอดฝีมือที่กระจอกเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นได้เพียงแค่ไก่ดินตูดสุนัขเท่านั้น มิอาจที่จะแสดงสถานะอื่นออกมาได้เลยแม้แต่น้อย

 

เหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเริ่มที่จะแสดงพลังกดดันเล่นนี้ออกมา ต่างก็เนื้อตัวชาด้าน แต่ละคนต่างก็ตัดสินใจคิดที่จะถอยหนีจากไป แรงกดดันระดับราชาเช่นนี้ เรียกได้ว่าสยบได้แม้แต่สวรรค์ ต่อให้มีความมั่นใจเยี่ยงไร ก็เรียกได้ว่าคนปกติธรรมดามิอาจที่จะสามารถต่อกรได้

 

“ พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือไง ? ไสหัวไปให้หมด หรือจะอยู่ต่อให้สังหารกัน ? “

 

กลุ่มคนที่สวมไว้ด้วยเกราะศึกทองคำได้ปรากฏตัวขึ้น แต่ทว่าสือชีกลับมิได้รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น กลุ่มคนเหล่านี้ในตอนที่แต่ละคนเข้ามาปิดกั้นผู้คนก็ได้กั้นคนถอยออกไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ เป็นแค่กลุ่มขี้ข้า ริบังอาจเลียนแบบกระทำการบังอาจ ไม่กลัวตายงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ การที่ตัวเขาเองจะถอยไปก็เป็นอีกเรื่อง ถูกผู้อื่นขับไล่ไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

“ ข้าว่าที่ดูเหมือนไม่กลัวตายคงจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า ถังกู่พวกข้าแน่นอนว่ายิ่งย่อมต้องอยู่ชนชั้นราชา เจ้าคิดจะหาที่ตาย ก็ไม่มีผู้ใดขัดขวางเจ้า “ คนกลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าจดจำเยี่ยจงไม่ออก แล้วก็มีอยู่คนหนึ่งก็ได้กวาดตามองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ในขณะที่ร่างกายลอยออกไป เพียงแค่ก้าวเดียวก็ได้พุ่งขึ้นไปยังเบื้องหน้าของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่าคิดหมายที่จะลงมือใช้กำลังฆ่าสังหารอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

 

ผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นกำลังรบของกลุ่มถังกู่ วิทยายุทธ์ก็ไม่ธรรมดาสามาน ในครั้งนี้ที่ติดตามอยู่ข้างกายองค์ชายสิบสาม ก็เพื่อที่จะคอยช่วยเหลือเพื่อตามหาตำนาน ดังนั้นเมื่อได้ลงมือ ก็ได้เผยให้เห็นถึงพลังฝีมืออันน่าหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่า พลังฝีมือของนักรบเหล่านี้อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด

 

มีผู้คนไม่น้อยที่มองดูการลงมือจากการต่อสู้ สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าถังกู่จะน่าหวาดกลัว องค์ชายสิบสามผู้นี้ถึงกับสามารถเสาะหาผู้ร่วมอุดมการณ์ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเข้าร่วมศึกนี้ได้นับสิบคน

 

“ ซวบ “

 

เยี่ยจงทอประกายดวงตาเย็นเยียบ ลงมือปานสายฟ้าแลบ แล้วก็ได้ยื่นมือขวาออกไปจับที่ข้อเท้าของนักรบผู้นั้น และจากนั้นก็ได้สะบัดมือขวาออกคราหนึ่ง จนทำให้ร่างกายของนักรบผู้นั้นกระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างรุนแรง

 

“ ก๊ง “

 

เสียงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว การลงมือในครั้งนี้ของเยี่ยจงมิมีแม้แต่การยั้งมือไว้ไมตรี นักรบผู้นั้นคิดที่จะฆ่าสังหารเขา แต่ว่าเขาเองกลับเป็นผ่านโดนเสียเอง อีกทั้งยังตายในทันทีอีกด้วย

 

“ อะไรกัน ? “

 

ยอดฝีมือรอบด้านที่มองดูเข้ามาต่างก็กรอกตาไปมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มิใช่ว่าไม่มีผู้ใดที่คิดจะต่อต้านกับกองกำลังเหล่านี้ เพียงแต่ว่าถ้าหากคิดต่อต้าน ก็คงต้องเป็นปรปักกับถังกู่แล้ว

 

แต่ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ กลับกระทำเรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว ถึงกลับสามารถที่จะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวฆ่าสังหารนักรบถังกู่เช่นนี้ได้ อีกทั้งยังถือเป็นความอัปยศอดสูเช่นนี้อีก

 

“ เป็นเจ้า “ องค์ชายสิบสามหันกายมา จดจ้องไปที่ร่างของเยี่ยจง ทันทีที่เขาจดจำออกได้ว่าเป็นเยี่ยจง ทว่าในตอนนี้ ดวงตาของเขาได้ทอเป็นประกายปานสายฟ้า แต่ก็เพียงกล่าวออกมาเสียงดังกังวาล “ หากว่าในตอนนี้เข้าคุกเข่าลงขอร้อง เช็ดเท้าให้กับข้า ข้ายังจะสามารถไว้ชีวิตของเจ้านี้ไว้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็อย่าได้โทษว่าข้าไม่ให้โอกาสก็แล้วกัน “

 

“ ความจริงแล้วข้าไม่คิดที่จะแก่งแย่งช่วงชิงกับเจ้าในตอนนี้ ทว่าก็เพียงแค่ชีวิตสุนัขเพียงตัวเดียว ที่ริอาจเลียนแบบผู้คน ก็มีแต่ต้องถูกฆ่า มิใช่หรือ ? “ เยี่ยจงตอบกลับไปอย่างดุดัน

 

“ อะไรกัน เป็นเขา ผู้ที่กำลังจะปะทะกับองค์ชายสิบสามในสมรภูมิฮวงกู่ก็คือเยี่ยจงอย่างงั้นหรือ ? “

 

“ ไม่แปลกใจเลยที่สามารถที่จะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการจัดการกับลูกน้องขององค์ชายสิบสามได้ กล่าวกันว่าลูกน้องอันดับขององค์ชายสิบสามคือสือชีก็ได้พ่ายแก่เขาเพียงแค่กระบวนท่าเดียว “

 

“ คนผู้นี้ไม่ทราบว่ามาจากขุมกำลังใด ถึงกับมีความสามารถที่จะต่อกรกับองค์ชายแห่งถังกู่ได้ “

 

ไม่นานนัก ก็มีคนที่จดจำสถานะของเยี่ยจงได้ ต่อมาแต่ละคนต่างก็เริ่มที่จะตื่นตกใจ นั้นก็เพราะว่าชื่อเสียงของถังกู่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มากนัก และสถานะขององค์ชายสิบสามในช่วงของกลุ่มถังกู่นี้ก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสามารถยิ่งนัก ร่วมไปทั้งดวงตาปราณฟ้า เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงมากมายจนผู้คนยังต้องเกรงกลัว เด็กหนุ่มอัฉจริยะโดยส่วนมากแล้วแทบจะไม่มีผู้ใดที่หาญกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเยี่ยจงในตอนนี้จะสามารถที่จะกระทำในข้อนี้ได้ เพียงแค่เรื่องราวเพียงแค่นี้เพียงเรื่องเดียวแพร่ออกไป ก็เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยจงสองคำนี้ส่องประกายสว่างไร้ที่เปรียบภายใต้สมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้

 

“ ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถอยู่หลายส่วน ก็คิดหรือว่าจะมีกระดูกที่แข็งแกร่งตมางั้นหรือ ? “ องค์ชายสิบสามถอนหายใจออก “ ช่างเถอะ หลังจากที่ได้ตัดแขนขาของเจ้าแล้ว ก็ค่อยว่าเรื่องอื่นกันอีกที “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เส้นผมขององค์ชายสิบสามก็ได้พลิ้วไหวลอยไปมา ร่างกายของเขาได้แสดงพลังราวกับเป็นดั่งผู้ที่เป็นดั่งราชาออกมาได้ ให้ความรู้สึกว่ามีพลังที่จะดึงแม้แต่ฟ้าลงมาได้ และหลังจากที่พบว่าเขาได้ขยับง้าวไท่หยางในมือ คลื่นวายุสีแสงก็ได้ทอประกายมุ่งหน้าเข้าสังหารไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

เยี่ยจงขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย ประจวบกับหลบพ้นแสงสีทองนี้ได้ ในช่วงวินาทีนั้นเอง ก็พบได้ว่าประกายแสงสีทองได้ร่วงลงสู่ท่ามกลางทะเล ทันทีที่ได้เข้าปะทะ ก็ได้แตกกระจายนับพันชิ้นคล้ายดอกไม้ร่วงหล่น

 

มีผู้คนไม่น้อยที่ได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว กระบวนท่าเช่นนี้ ราวกับว่าอยู่นอกเหนือพลังที่เรียกได้ว่าอยู่ในจุดสุดยอดไปแล้ว เกราะศึกสีทองที่องค์ชายสิบสามผู้นี้สวมใส่อยู่ ในมือยังถือได้ด้วยง้าวทอง แล้วแท้จริงแล้วพลังได้จัดอยู่ขั้นใดกันแน่ ?

 

“ ทว่าก็อยู่ได้แค่ระดับเสมือนขั้นซานกวานเทียนทงของขั้นบรรลุฟ้าเท่านั้น แต่ก็ยังมิได้อยู่ในระดับตำนานอย่างขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ขั้นร่างกายไม่แตกสลาย “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า และจากนั้นก็ได้ยิ้มอย่างเยือกเย็นคราหนึ่ง ราวกับว่าพลังฝีมือได้อยู่ในขั้นสูงสุดไร้ผู้ต้านไปแล้ว กระนั้นพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าขั้นร่างกายไม่แตกสลายในตำนาน ก็เป็นเพียงแค่ตำนานบทหนึ่งเท่านั้น ยากที่จะพบเจอได้ในดินแดนแห่งนี้ พลังฝีมือขององค์ชายสิบสามในตอนนี้ ก็จัดได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดในสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ก็ว่าได้

 

“ ใช้ข้ออ้างแยกแม่น้ำ กล่าววาจาโออวดไม่หยุด “ สีหน้าขององค์ชายสิบสามยังคงสงบนิ่ง แล้วก็ได้ขยับเคลื่อนไหวง้าวไท่หยางในมือขึ้นมาอีกครั้ง “ เจ้าไม่อาจแม้แต่จะต้านรับกระบวนท่าของข้าได้แม้เพียงกระบายท่าเดียว กลับคิดว่าตนเองสามารถเข้ามาแย่งชิงกับข้าได้ อ่อนหัดสิ้นดี หากว่าไม่ยอมรับแต่โดยดี ก็ตายเสียเถอะ “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ง้าวไท่หยางในมือองค์ชายสิบสามก็ได้สาดประกายสีทองขึ้นมาเป็นสาย จนกลายเป็นประกายแสงสังหารไหลเวียนออกมา ในขณะนั้นเอง ราวกับว่าเกิดการสั่นไหวขึ้นท่ามกลางอากาศ เป็นที่ชัดเจนว่า การโจมตีนี้ยังน่าหวาดกลัวกว่ากระบวนท่าก่อนหน้านี้เสียอีก

 

สีหน้าของเยี่ยจงเปลี่ยนไป ขอบเขตของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะสามารถต้านรับกระบวนท่านี้เอาไว้ได้ วินาทีทันใดนั้นเอง ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณก็ได้ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา เขาเพียงขยับมือบีบเพียงคราหนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้ประทับไปด้วยเกราะศึกสีโลหิตขึ้นมา

 

พลังฝีมือในตอนนี้ของเยี่ยจงเรียกได้ว่าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้พุ่งขึ้นสู่ขอบเขตในระดับที่เขามีอยู่ในตอนนี้

 

ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเยี่ยจงที่ได้เคลื่อนไหวทีหลังก็ได้พุ่งออกไปทางด้านหน้า เพียงกระบวนท่าเดียวก็ได้พุ่งเข้าไปทางด้านบริเวณคอหอยขององค์ชายสิบสาม พลังดัชนีนี้ ได้ประกอบไปด้วยประกายแสงของพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่สิบห้าอย่างหนาแน่น

 

ผู้คนมากมายที่มองมาต่างก็เกิดความหวาดกลัว ท่ามกลางภายในสายตาแสดงออกถึงความยากที่จะเชื่อได้ เป็นที่ชัดเจนว่าคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะถึงกับมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ อีกทั้งในช่วงเวลาทันใดนั้นเอง พลังกดดันของเยี่ยจงก็เรียกได้ว่าสูสีกับองค์ชายสิบสามแล้ว อีกทั้งทันทีที่เผยไพ่ตายเช่นนี้ออกมา เขาถึงกลับสามารถที่จะลงมือได้ เลือกที่จะใช้ออกมาในขณะที่องค์ชายสิบสามกำลังจะลงมือ อีกทั้งยังใช้กระบวนท่าเสี่ยงตาย ฝีไม้ลายมือเช่นนี้ ชั่งน่าหวาดหวั่นเสียจริง จนทำให้ผู้คนตื่นตกใจ

 

“ นายท่าน “ บริเวณที่ห่างไกล เหล่ากำลังรบที่เป็นลูกน้องขององค์ชายสิบสามไม่น้อยต่างก็ร่างกายสั่นเทา ฉากเบื้องหน้านี้ก็ช่างน่าแตกตื่นเสียจริง ถึงกับมีคนที่มีความสามารถที่จะต่อกรกับนายท่านของพวกเขาได้อย่างสูสีเช่นนี้ ที่ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

 

“ ซวบ “

 

ในทันทีที่ทุกผู้คนต่างก็คิดว่าองค์ชายสิบสามเปลี่ยนกระบวนท่าไม่ทันนั้นเอง ง้าวสุริยาในมือขวาของเขาก็ได้เสือกพุ่งออกจากมือไปในทันที จากนั้นเขาก็ได้ขยับร่างกายอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็ได้ใช้ออกด้วยพลังดัชนีพุ่งออกไปทางด้านหน้า เพียงแต่ว่าตรงปลายดัชนีของเขาราวกับเหมือนว่ามีสุริยาดวงเล็กๆก่อตัวขึ้นก็มิปาน

 

“ พลังดัชนีเทพสุริยา “

 

“ ตูม “

 

พลังแสงนั้นน่ากลัวทั้งสองสายได้เข้าปะทะกันเข้าในทันที แรงระเบิดได้แพร่กระจายเป็นประกายและสายลมอย่างน่ากลัว ทันใดนั้นก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสี่ด้าน มียอดฝีมือไม่น้อยที่จ้องมองอยู่รอบข้างก็ได้ถูกสายลมเข้ากระแทก แต่ละคนต่างก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งและกระเด็นออกไป เห็นได้ชัดว่า การปะทะของทั้งสองคน จัดได้ว่าอยู่ในระดับความน่าหวาดกลัวในระดับใดแล้ว

 

เปรี้ยง “

 

ทันใดนั้นเอง ร่างกายของทั้งสองคนก็ได้ขยับพร้อมกัน แล้วก็ได้ถอยออกไปยังบริเวณทางด้านหลังอยู่ครึ่งก้าว

 

องค์ชายสิบสามสะบัดมือออก ปล่อยมือจากง้าวสุริยาแล้วก็ดึงกลับมาในมืออีกครั้ง เขากุมง้าวสุริยาเอาไว้ เล่งไปทางด้านเยี่ยจงในระยะไกล แล้วพลังบนร่างกายก็ได้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง

 

สายตาของเยี่ยจงได้ทอประกายเคร่งเครียดขึ้นมา คนผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว ในสถานการณ์ที่ได้สูญเสียง้าวสุริยาไปยังถึงกับสามารถที่จะระเบิดพลังขึ้นมาไดเกรดครั้ง เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกได้ว่าความจริงแล้วเขาเองก็มีความแข็งแกร่งที่เพียงพอ

 

ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้ขยับทั้งสองมือคราหนึ่ง หอกอัสนีกระบี่คงหมิงทั้งสองมือก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้พุ่งออกไปทางด้านหน้า สวนกลับเข้าปะทะกับองค์ชายสิบสามจนเกิดแรงระเบิดออกมาที่ยากจะบรรยาย

 

นัยน์ตาขององค์ชายสิบสามทอประกายเคร่งเครียดขึ้น เขาก้าวออกไปทีละก้าวเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้ามา เกราะศึกสีทองบนร่างของเขาก็ได้ทอแสงประกายขึ้นมาอย่างลี้ลับ จนทำให้แรงกดดันของเขายิ่งเพิ่มขึ้นสูงจนผู้คนต่างก็ตกใจ

 

เห็นได้ชัดว่า การจู่โจมเมื่อครู่ยังมิอาจแสดงผลแพ้ชนะออกมาได้ จนทำให้เกิดความเกียจชังขึ้นมาในจิตใจของเขา ในตอนนี้เขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมา เพียงแต่หลังจากที่ได้เดินไปทางด้านหน้าอยู่หลายก้าว ง้าวสีทองในมือก็ได้ขยับอีกครั้ง มุ่งหน้ากวาดจนก่อเกิดวายุประกายสีทองออกมาเป็นสาย มุ่งหน้าฆ่าสังหารไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

พลังความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ทำให้ยอดฝีมือทั่วทั้งสนามต่างก็เกิดความตื่นตกใจ จากนั้นแต่ละคนก็ได้ถอยหลังออกไปอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่จะหลีกหนีไปให้ได้ไกลที่สุด

 

เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา ร่างกายก็ได้ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว หอกอัสนีและกระบี่คงหมิงในมือก็ได้ถูกใช้ออกไปในเวลาเดียวกัน รังสีกระบี่พลังวายุหอกก็ได้ถูกใช้ออก พุ่งเข้าปะทะกับประกายแสงสีทองก้อนนั้น

 

วินาทีนั้นเอง สายลมอันน่าหวาดกลัวสายนี้ได้หมุนวนออกมาอย่างรวดเร็ว บนพื้นดินได้ปรากฏรอยแตกร้าวออกมาเป็นสาย น้ำทะเลอยู่ทางด้านหนึ่งก็ได้แตกกระจายไม่หยุด จนกลายเป็นแหมือนกับว่ามีสายน้ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉากอันน่าหวาดกลัวเบื้องหน้านี้ นั้นก็เพราะว่าบริเวณสถานที่แห่งนี้คือบ่วงมายาโลหิต พื้นดินก็มีความแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ แต่ว่าจากการปะทะของทั้งสองคนถึงกลับสามารถที่จะทำพื้นดินปรากฏรอยแตกร้าวได้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงพลังฝีมือของทั้งสองคนว่าจัดอยู่ในระดับความน่ากลัวเท่าไหร่

 

มียอดฝีมือไม่น้อยที่รู้สึกว่ามิอาจที่จะละสายตาไปได้ และเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้ ภายใต้พลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ถึงกับมีคนที่สามารถใช้ออกด้วยพลังการต่อสู้ที่อยู่ในระดับนี้ออกมาได้ พลังของการต่อสู้ด้านหน้าเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าความสำเร็จขอบเขตเล็ก ก็มีแต่ถูกพวกเขาฆ่าสังหารเท่านั้นงั้นหรือ ?

 

“ เคร่ง “

 

เสียงปะทะของโลหะดังสนั่นหวั่นไหวออกมา ร่างกายของทั้งสองคนได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างแตกต่างจากก่อนหน้า สีหน้าของทั้งสองต่างก็อยู่ในสภาพเย็นเยียบไร้ที่เปรียบ

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset