เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 220 ความสำเร็จขอบเขตระดับพสุธา

ตอนที่ 220 ความสำเร็จขอบเขตระดับพสุธา

 

ท่ามกลางบริเวณสวนดอกไม้ ก็ได้มีวัตถุต่างๆแผ่กระจายขึ้นมาจากพื้นดินอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนดั่งสามารถพบเห็นกับแท่นศิลาเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของสวนดอกไม้ เยี่ยจงจ้องเขม็งไปยังแท่นศิลา หลังจากนั้น ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการตกใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าแท่นศิลานั้นมิใช่วัตถุธรรมดา นั้นก็เป็นเพราะว่าถูกสร้างมาจากหยกเพลิงน้ำแข็งหมื่นปีนั้นเอง ใช้สำหรับการฝึกปรือโดยเฉพาะ ทั้งยังทำให้จิตใจสงบลงได้ สภาพอารมณ์มั่นคง

 

“ ดูเหมือนว่า บริเวณสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นสถานที่ใช้ไว้เพื่อให้ศิษย์ที่มีความสำคัญของสำนักมายาโลหิตเอาไว้ฝึกปรือ “ เยี่ยจงกวาดสายตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ แล้วก็ได้บ่นพึมพำกับตนเอง หลังจากที่ได้ตัดสินใจว่ามีสิ่งป้องกันหรืออันตรายใดๆหรือไม่ เขาก็ได้นั่งสมาธิลงไปอย่างระมัดระวังอยู่ด้านบนแท่นหิน แล้วก็ได้ค่อยๆรีดเร่งพลังวิชากระบี่หกสุสานหมุนวนขึ้นมา

 

“ เคร่งเคร่งเคร่ง “

 

ตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้ฝึกปรือจนบรรลุระดับขอบเขตปราณของซานกวานเทียนทงได้ตั้งแต่แรกแล้ว เนื้อหนังเป็นเหมือนดั่งหินหยกก็มิปาน ราวกับว่ามิอาจถูกทำลายได้ มิต้องกล่าวถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์อารยะธรรมโบราณเหล่านั้นหรือชนเผ่าไท่กู่ ถ้าหากว่าสามารถเข้าสู่ขอบเขตระดับเดียวกันนี้ได้ คาดว่ายังไงเสียก็ยังคงมีความแตกต่างทางด้านกล้ามเนื้อและเรี่ยวแรงต่างจากเยี่ยจงอย่างแน่นอน

 

นั้นก็เป็นเพราะว่า ร่างกายของเยี่ยจงนั้นเป็นร่างกายที่ยากจะพบเจออย่างร่างหกวิถี ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ฝึกปรือวิชาพลังกระบี่หกสุสานที่เป็นพลังปราณฝึกฝนระดับโบราณขั้นเซียนนั้นเอง จึงมีทั้งความแข็งแกร่งและความน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

 

ในตอนนี้ พลังกระบี่หกสุสานภายในกายของเยี่ยจงก็ได้ไหลเวียนไปมา พลังฟ้าดินนับไม่ถ้วนในตอนนี้ก็ได้ก่อตัวรวมกันอยู่บริเวณที่อยู่ของร่างของเขา และพลังปราณฟ้าดินเหล่านี้ก็ได้รวมตัวกันจนเป็นเส้นอย่างระมัดระวังจนกลายเป็นหยดน้ำก่อฟ้าขึ้นแล้วก็แตกกระจายที่ใบหน้าของเข้า หลังจากนั้นเยี่ยจงก็ได้ดูดซึมมันเข้าไปสู่ภายในร่างกาย

 

หยดน้ำปราณก่อฟ้าเหล่านี้ถึงแม้จะมีอยู่น้อยนิด แต่ก็ถือได้ว่าสามารถทำให้กำลังภายในของเยี่ยจงก้าวหน้าขึ้นได้ทีละนิด จนทำให้ร่างกายเลือดเนื้อของเขามีการเปลี่ยแปลงที่ประหลาดชนิดหนึ่ง

 

ความจริงร่างกายของเขาก็เป็นเหมือนดั่งหยกศิลาก็มิปาน ในตอนนี้กลับเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นผุดผ่องจนน่าดูขึ้นมา ทั่วทั้งสรรพร่างก็ได้เพิ่มพูนไปด้วยเสน่ห์อันประหลาดชนิดหนึ่งขึ้นมา เหมือนกับได้เกิดใหม่ก็ว่าได้

 

ภายใต้การผ่านเลยไปเช่นนี้ ร่างเนื้อของเยี่ยจงก็ยังคงดูดซับพลังหยดน้ำปราณก่อฟ้าไม่หยุดหย่อน จนทำให้เยี่ยจงเกือบที่จะถ่ายพลังหยดน้ำปราณก่อฟ้าออกไปอยู่หลายครั้งหลายคราว แต่ก็ยังคงหล่อหลอมได้ต่อไป

 

เพียงแต่ว่า ร่างกายที่อยู่บนศิลาเพลิงน้ำแข็งหมื่นปีนี้ก็ได้ทำให้เยี่ยจงมีสติแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้ก็ได้หล่อหลอมหยดน้ำปราณก่อฟ้าไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว จนทำให้ร่างกายของเขาสามารถเพิ่มพูนพลังฝีมือเพื่อเข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดของซานกวานเทียนทงขอบเขตชั้นฟ้าได้ แต่ว่าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อย อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ร่างกายของตนเองไร้หนทางที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า การฝึกปรือระกับตำนานที่ร่างกายไม่สูญสลายได้

 

และหยดน้ำปราณก่อฟ้าในตอนนี้ก็ได้ถูกดูดซับไปจนหมด เวลาที่ได้ล่วงเลยไปจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งสายน้ำที่หลั่งไหลชนิดหนึ่ง แต่ว่า การผ่านระดับเช่นนี้ไปได้ไม่เพียงแต่จะทำให้กล้ามเนื้อของตนเองแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด การเปลี่ยนไปชนิดนี้ ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอีกระดับหนึ่งก็ว่าได้

 

เพียงแต่ว่าวิธีเช่นนี้ก็มีปัญหาที่มากอยู่ข้อหนึ่งก็คือต้องสูญเสียเวลาไปไม่น้อย ไม่ถึงตอนสุดท้าย เยี่ยจงก็ได้หยุดตนเองเพื่อที่จะนิ่งสงบเอาไว้ แล้วก็ได้ไหลเวียนวิชาลมปราณหกกระบี่สุสานอีกทาง อีกทางก็ได้เริ่มต้นที่จะหวนคิดคำนึงถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยจงจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง อีกทั้งยังใช้ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ไปไม่น้อย จึงทำให้เขามีพลังฝีมือการต่อสู้เช่นนี้ได้ แต่ว่าถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยจงจะมิได้ว่าการฝึกปรือร่างกายจนอยู่ในระดับนี้ อีกทั้งด้านพลังกายยังเรียกได้ว่ามิได้ลึกล้ำ แต่ว่าการเดินทางเข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้ร่างเนื้อของเยี่ยจงมีพลังและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มพูนประสบการณ์แบบใหม่โดยทั้งสิ้น

 

และทักษะยุทธ์ทั้งหมดที่เขาทราบอยู่ ในตอนนี้ก็ได้ถูกเยี่ยจงรื้อค้นกลับมาแสดงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ผสานร่วมกับประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมาเช่นนี้ สมควรที่จะสามารถปะทุพลังการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายเอาไว้ได้

 

หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน ก็ไม่รู้ว่าได้ผ่านไปครึ่งเดือนหรือว่าหนึ่งเดือน นับตั้งแต่ที่เยี่ยจงได้สติจากการฝึกปรือขึ้นมา ในเวลานี้เขาก็ค้นพบว่า หมอกควันทั้งหมดในละแวกสิบลี้รอบบริเวณก็ยังคงมีอยู่อย่างหนาทึบ แต่ว่าสภาพอากาศเหล่านี้ กลับมิได้มีพลังหยดน้ำปราณก่อฟ้าเลยแม้แต่น้อย

 

เยี่ยจงค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วก็ได้ใช้ออกด้วยพลังหมัดออกไป วินาทีนั้นเอง คมหมัดของเขาก็ได้พุ่งออกไปเป็นสายจนเกิดเสียงเปรี้ยงปังขึ้นมา ความรู้สึกที่แข็งแกร่งอย่างมาเกินกว่าที่จะเคยคาดคิดชนิดหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจของเยี่ยจง ทำให้เยี่ยจงค้นพบและจดจำได้ว่า พลังของตนเองในตอนนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้าเรียกได้ว่าแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวกว่าไม่รู้กี่เท่าตัว

 

“ ซานกวานเทียนทง ขอบเขตพสุธา “

 

เกี่ยวกับความในข้อนี้ หลังจากที่เยี่ยจงได้ตื่นขึ้นมาจนคืนสู่สติระดับสูงสุดแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขาได้ใช้ออกด้วยวิชามากมายอย่างวุ่นวาย การดูดซับฝึกปรือไอพลังหยดน้ำปราณฟ้าดินที่อัดแน่นอยู่ภายในอากาศ ภายใต้การสะสมเช่นนี้ จนในที่สุดก็ได้ทำให้ร่างเนื้อของเยี่ยจงพัฒนาขึ้นไปอีกครั้งหนึ่งจนได้

 

การเพิ่มพูนของระดับในขอบเขตนี้ เมื่อเทียบกับการคาดคิดก่อนหน้านี้ยังถือได้ว่ามีความรวดเร็วอยู่หลายส่วน อีกทั้งคงเป็นเพราะว่าก่อนหน้ามิได้เร่งร้อนที่จะก้าวข้ามขอบเขต ในครั้งนี้เยี่ยจงจึงมิได้หลงเหลือการบาดเจ็บใดๆ จึงทำให้มีความสำเร็จรวดเร็วกว่าที่คาดคิด

 

“ ออกไปได้แล้วกระมั่ง “ เยี่ยจงบ่นกับตนเอง การฝึกปรือในครั้งนี้เขาได้สูญเสียเวลาไปไม่น้อย อีกทั้งยังมิอาจที่จะทราบได้ว่าทางด้านนอกเกิดอันใดขึ้นบ้าง หากว่าตำนานของสำนักมายาโลหิตตกอยู่ในมือของผู้อื่นแล้วละก็ เกรงว่าคงจะถือเป็นเรื่องที่วุ่นวายอยู่ไม่น้อย

 

หลังจากที่ได้สะบัดมือเพื่อที่จะเก็บศิลาเพลิงน้ำแข็งหมื่นปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นก็มีบางอย่างสะกิดที่จิตใจของเยี่ยจงคราหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าใต้ศิลาเพลิงน้ำแข็งหมื่นปีนี้ถึงกับได้เก็บซ่อนแผ่นที่ชิ้นหนึ่งเอาไว้ เพียงแต่ว่าเมื่อมองดูคราหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น

随手将那万年玄冰玉雕刻而成的石台收起来之后,叶重突然心神一动,因为在这石台下方之处居然雕刻的一片繁复的地图,只不过只看了一眼,叶重就是微微皱眉,这地图明显不是记载着这片殿宇的,而似乎是记载一个原始洞穴的路径。而这地图应该还处于探索状态,所以有些地方详细,有些地方只是大概,显然地图的雕刻者,还没有对这些地方进行探索。

หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็ได้ล้วงเอาแผนที่ออกมา แต่ก็มิอาจใส่ใจมากนัก ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร

沉默片刻后,叶重却将地图收起来,并没有放在心上,不管怎么说,这一方石台本身就已经具备巨大价值了,至于那地图的隐秘,他此刻也没有太多的时间却探索。

 

行出自己修炼之处,叶重视线落到了四面八方之处,然后就是愕然,此刻那些密密麻麻的迷雾一般的天地灵气,已经不知道被什么东西吞噬一空了,四面八方之处,无数人影来回闪动,不断的在那些殿宇之中搜刮着,不少地方都是被挖地三尺,不管藏有什么都已经被挖得干干净净的了。

 

叶重随手拦下一个人询问了片刻后才算是弄清楚了,此时距离当日开启这第二重门户,已经过去了三个月了,而这三个月中,两重门户都是长期开启了,不少强者都是在这里面出出入入,寻找血魔宗传承和至宝。只不过到了现如今三个月过去了,血魔宗传承和至宝依然没有出世。不过也有不少人在这殿宇里面得到了好处,据说还有一些神诀、神器现世,引来争夺,不过这些都不是血魔宗真正的宝贝,所以,此刻不少人都依然在此间寻找。现在,可以说这片殿宇之中,能够搬走的东西,基本上都已经被人争夺了,若不是这些殿宇实在坚固的话,恐怕连殿宇都已经被人拆空了。

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือได้ว่าทำให้เยี่ยจงวางไว้ได้บ้าง แต่ก็มิอาจที่จะกล่าวออกมาได้ เป็นที่ชัดเจนว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ถึงกลับมีปรากฏผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ได้

 

หลังจากที่ได้กวาดสายตามองไปรอบด้านของทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจอย่างยาวนาน ร่างกายขยับคราหนึ่ง แล้วก็ได้ทะยานเดินผ่านเข้าไป ออกมาจนถึงอารามใหญ่

 

ในตอนนี้ คราบเลือดที่อยู่บนพื้นดินก็ได้เหือดแห้งไปแล้ว อีกทั้งยังมีศพไม่น้อยที่เริ่มที่จะเน่าแล้ว ทว่ากลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะมาเก็บกวาดฉากเบื้องหน้า เห็นได้ชัดว่า ในตอนนี้สมบัติยังคงไม่ปรากฏขึ้นมา ดังนั้นจิตใจของผู้คนทั้งหมดยังมิได้กลับคืนมา

 

หลังจากที่ได้ออกจากอารามใหญ่แล้ว เยี่ยจงก็ได้เดินทางไปจนถึงบริเวณหัวมุมของทะเลมายาโลหิต หลังจากที่ลังเลอยู่นาน จึงได้ค่อยหันกลับไปมองทางด้านตึกใหญ่สีเลือด บนใบหน้าปรากฏด้วยอาการครุ่นคิดขึ้น ในขณะที่ผู้คนมากมายต่างก็ยังมิได้จากไป เช่นนั้นก็บ่งบอกได้ว่า การมีอยู่ของตำนานของสำนักมายาโลหิตยังคงอยู่ เพียงแต่ว่ากลับมิทราบได้ว่าจะมีการปรากฏออกมาในลักษณะใดเท่านั้น หรือไม่ก็ตอนนี้ยังมิใช่เวลาอันสมควร ดังนั้นจึงยังมิใช่เวลาที่จะเปิดออกมาก็เท่านั้น

 

ความคิดเช่นนี้ของเยี่ยจงก็เป็นเหมือนดั่งความคิดของยอดฝีมือมากมาย ดังนั้น ขุมกำลังแต่ละฝ่ายในตอนนี้ก็ได้มีแต่เหล่าผู้มีพรสวรรค์ ในตอนนี้ต่างก็เริ่มที่จะรวมตัวกัน อีกทั้งยังไม่แยกจากกัน แล้วก็ได้ศึกษาตึกใหญ่มายาโลหิตแห่งนี้ในเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลานี้จึงเงียบสงบเป็นอย่างมาก

 

” ทว่า นอกเสียจากว่าจะมีคนใดคนหนึ่งที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ “ หลังจากที่เยี่ยจงได้ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้มีการตอบสนองภายใต้สมาธิ แล้วก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้

 

” ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ตาย ” และแล้วก็ได้มีอยู่เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยรอดผ่านออกมา จากนั้นก็ได้พบกับเงาร่างที่สวมไว้ด้วยชุดสีโลหิตปรากฏตัวขึ้นบริเวณเบื้องหน้าของเยี่ยจง ข้างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้เพิ่มยอดฝีมือมาอีกกลุ่มหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ล้อมรอบเยี่ยจงจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

” มาได้เหมาะเจาะพอดีเลยนะ ข้ากำลังคิดอยู่ถึงเรื่องที่จะตามหาเจ้าอย่างไรอยู่เลย ” เมื่อพบเห็นผู้ที่มา บนใบหน้าของเยี่ยจงไม่คล้ายกับปรากฏความกังวล เขาความจริงเตรียมที่จะไปเสาะหาคนผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าเขากลับมาหาตนเองถึงที่ด้วยตัวเอง

 

เงาร่างนี้ได้สวมไว้ด้วยชุดสีโลหิต แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเสวี่ยซิน ในขณะที่เยี่ยจงนึกถึง เขาก็ได้รู้ว่าคนผู้นี้จึงเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องและทราบข่าวสารภายในสถานที่แห่งนี้เยอะที่สุด

 

เมื่อพบเห็นใบหน้าของเยี่ยจงไร้ความกังวลแต่กลับมีแต่ความยินดี เสวี่ยซินที่ความจริงมีใบหน้าเย็นชาก็ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาในทันที เขานั้นมิใช่พวกโง่เขลา ย่อมต้องเข้าใจอยู่สิ่งที่เยี่ยจงกำลังเผยออกมาภายใต้รอยยิ้มนั้นด้วยตนเอง ความรู้สึกเช่นนี้ได้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าตนเองอ่อนแอกว่า ปวกเปียกเหมือนดั่งมนุษย์เงือก เป็นความรู้สึกที่เรียกได้ว่าไม่ดีอย่างถึงที่สุด

 

” เยี่ยจง เจ้าหาที่ตายแล้ว ”

 

เสวี่ยซินใบหน้าเย็นชาลังเล ร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้ปกคลุมไว้ด้วยกรงโลหิตที่ทอประกายอยู่กลุ่มหนึ่ง ในมือก็ได้ถือเพิ่มมาด้วยหอกยาวสีเลือด แผ่รังสีอันน่าหวาดกลัวอย่างถูกที่สุด หลายวันมานี้เขาได้รับสมบัติจากบ่วงมายาโลหิตไม่น้อย อีกทั้งเขาก็ยังได้ตามหายอดฝีมือที่จะติดตามเขากลับมาได้อยู่ไม่น้อย พลังที่เพิ่มพูน ภายในสถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นถึงขุมกำลังที่น่ากลัวอีกฝ่ายหนึ่งเลยทีเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกลับใช้สายตาเช่นนี้จ้องมองกลับไปที่เขา ทำให้เขายากที่จะทดทานเอาไว้ได้

 

” ตูม ”

 

แล้วเสวี่ยซินก็ได้ก้าวออกไปทีละก้าว บนผิวทะเลยังคงขึ้นสูงไม่หยุด จนกลายเป็นคลื่นใหญ่ที่มีความสูงยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาก็คงจะได้รับประโยชน์อันใดอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงมิอาจที่จะสามารถควบคุมทะเลมายาโลหิตนี้ได้

 

“ ปิดล้อมเอาไว้ทั้งสี่ด้าน ข้าจะลงมือจัดการสังหารคนผู้นี้ด้วยตนเอง เมื่อคนผู้นี้ตายลง พวกเราก็จะสามารถทำแผนการที่แท้จริงได้แล้ว เพื่อไปเสาะหาตำนานของสำนักมายาโลหิตต่อไป “ เสวี่ยซินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่คำพูดนี้ก็ได้ทำให้เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของเขาออกมาต่อผู้คนแต่ละคน การที่ผู้คนเหล่านี้ปฏิบัติตามเสวี่ยซิน นั้นก็เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถที่จะเสาะหาตำนานของสำนักมายาโลหิตได้ คนเหล่านี้ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย หลังจากที่สิ้นเสียง พวกเขาก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน ก้าวออกไปด้านหน้าทีละก้าว

 

” เยี่ยจง วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายให้ได้ เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับพี่ใหญ่ข้า ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องขอขอบใจเจ้า เมื่อเจ้าได้สังหารเขาไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้ข้ายิ่งเข้าใกล้กับตำแหน่งราชามากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในวันนี้ข้าจะฝืนทนหลงเหลือศพเจ้าอย่างสมบูรณ์ให้ก็แล้วกัน ” เสวี่ยซินยื่นหอกยาวขึ้นมา ชี้ไปทางด้านของเยี่ยจง ใบหน้าปรากฏไปด้วยรอยยิ้มที่กำลังเก็บซ่อนเอาไว้

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset