เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 229 สมบัติของผู้ชนะ

ตอนที่ 229 สมบัติของผู้ชนะ

 

 

“ ซวบ “

 

ไม่นานนัก ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ทะยานเข้ามายังสายทางหยกโลหิตขนาดใหญ่ เพียงก้าวเดียวก็ได้เดินเข้ามายังท่ามกลางถ้ำเก่าแก่ทางด้านหน้า

 

“ นั้นคือ สมบัติเซียนกระจกส่องนภางั้นหรือ ? “ ทันใดนั้น ก็มีคนที่จ้องเขม็งไปบริเวณทางด้านหน้า บนใบหน้ากลับดูเหมือนไม่มีความหมายใดๆ

 

สิ่งนั้นเป็นเพียงแค่กระจกบานหนึ่ง กระจกบานนี้ได้ปรากฏรอยเผาไหม้จนเป็นสีดำด่าง แต่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อย สมบัติชิ้นนี้กล่าวกันว่าเป็นถึงสมบัติเซียนในตำนานชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ว่าในตอนนี้กลับนำมาวางไว้ตรงบริเวณหัวมุมตรงทางเข้าออกถ้ำ เห็นได้ชัดว่าสำนักมายาโลหิตเมื่อสมัยก่อนนั้น วัตถุชิ้นนี้กลับเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่มีค่าอันใดเลย

 

“ ตูมตูมตูม “

 

เยี่ยจงจดจำออกว่าผู้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในตอนนี้ก็คือเด็กหนุ่มผมเงินไป่หยู่ที่กำลังต่อสู้กับเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์อีกคนอยู่ เหมือนกับว่ากำลังแย่งชิงกระจกส่องนภากันอยู่ แต่ว่าไม่นานนัก ก็ได้มีผู้มีพรสวรรค์อีกคนเข้าห้ำหั่นอีกคน แล้วก็ได้แย่งชิงกระจกส่องนภาไปได้ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ พลังเพลิงเผาไหม้สีดำก็ได้มุ่งหน้าหมุนวนไปทางด้านของทั้งสองคน วินาทีนั้นเอง ก็ได้ไล่ฆ่าสังหารไปจนถึงสวรรค์ชั้นเก้า

 

เยี่ยจงมองดูจนต้องกรอกตาไปมา ทว่าเขาในตอนนี้กลับมิได้หยุดการก้าวเดิน นั้นก็เพราะว่าเขาเคยเห็นสถานที่แห่งนี้ในความทรงจำขององค์ชายสิบสามมาก่อน ทราบดีว่าที่แห่งนี้นั้นมิเพียงแต่เป็นทางเข้าเพื่อเข้าไปสู่สำนักมายาโลหิต ทางด้านในยังมีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนอีกด้วย แน่นอนว่ามิอาจที่จะผิดพลาดไปได้

 

“ ซวบ “

 

เยี่ยจงขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้พุ่งทะยานยาวๆออกไปจากถนนสายนี้ เมื่อได้มายังบริเวณพื้นที่ตึกใหญ่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางตึกใหญ่ ที่ได้จัดวางไว้ด้วยโต๊ะเก้าอี้ส่วนหนึ่งเอาไว้ บนโต๊ะก็ได้วางไว้ด้วยผลไม้ปราณ ยาปราณ เห็นได้ชัดว่ากำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงกันอยู่

 

ศพของยอดฝีมือที่สวมไว้ด้วยชุดโลหิตนับไม่ถ้วนหลังจากที่ได้นั่งลงบนเก้าอี้แล้ว เพียงแต่ว่าบนใบหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความแตกตื่นที่ยากจะกล่าวออกมา และบริเวณหน้าอกของพวกเขาก็ได้ปรากฏรูอยู่รูหนึ่ง จนทำให้ร่างกายของพวกเขากลายเป็นศพไป ภายในรูโลหิตนี้ ก็ได้มีพลังความเย็นอย่างถึงที่สุดแผ่กระจายออกมาเป็นสาย และบรรยากาศเช่นนี้ ก็ได้ทำให้ศพของยอดฝีมือสามารถกักเก็บเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้ ถือได้ว่ายากที่จะพบเจอได้

 

เห็นได้ชัดว่า เมื่อก่อนหน้านี้ว่าไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดกันแน่ จนทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนของสำนักมายาโลหิตของตึกใหญ่นี้ ต่างก็ต้องทอดร่างเอาไว้เช่นนี้

 

ฉากเบื้องหน้านี้ ได้ทำให้ยอดฝีมือแต่ละคนที่พุ่งเข้ามาแต่ละคนต่างก็เกิดอาการงุนงง ในช่วงเวลาที่ยังตอบสนองกลับมาไม่ทัน

 

ทว่าเยี่ยจงนั้นได้พบเจอกับฉากเบื้องหน้านี้มาก่อนแล้ว เขานั้นกลับมิได้เกรงใจ เพียงแต่สะบัดมือออก บนโต๊ะก็ถูกตั้งไว้ด้วยผลไม้ปราณจำนวนมาก ยาปราณต่างๆก็ได้ถูกม้วนเก็บเข้าไปท่ามกลางภายในแหวน

 

หลังจากที่เคลื่อนไหวเสร็จสิ้น เยี่ยจงก็มิได้เกิดความลังเลใดๆอีก ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปบริเวณส่วนลึกเข้าไป

 

“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้กระทำเกินเลยไป เจ้าที่แท้คิดว่าจะมีเพียงแต่เจ้าเพียงคนเดียวที่ได้รับประโยชน์ไปทั้งหมดงั้นหรือ “

 

เมื่อมีคนมีปฏิกิริยากลับมา คนผู้นั้นเป็นเพียงชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่ง แผ่พุ่งบรรยากาศบนร่างออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ทั้งยังปลดปล่อยออกมาไม่หยุด ในตอนนี้เมื่อพบว่าเยี่ยจงกำลังที่จะได้รับประโยชน์ทั้งหมดภายในอารามเพียงคนเดียว ทันใดนั้นก็ได้เกิดความโกรธขึ้นมา

 

“ ถ้างั้นเจ้าคิดเห็นอย่างไร ? “ เยี่ยจงขยับร่างอีกครั้ง จ้องมองไปยังคนผู้นี้อย่างเย็นชา เขาทราบดีว่า หากว่าอยู่ภายนอก ตนเองอย่างน้อยก็มิอาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับคนผู้นี้ได้ แต่ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสมรภูมิฮวงกู่ ขอบเขตพลังของทุกผู้คนต่างก็ได้ถูกจำกัดเอาไว้ ดังนั้นต่อให้พลังฝีมือเดิมของคนผู้นี้จะแข็งแกร่งกว่านี้ ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเยี่ยจง

 

“ มอบสิ่งของครึ่งหนึ่งออกมา เจ้าข้าก็แล้วต่อกัน “ ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“ ฝันไปเถอะ “

 

เยี่ยจงคร้านที่จะกล่าววาจาไร้สาระ ทันใดนั้นต่อมาก็ได้ใช้สองมือตบออกไป วินาทีนั้นการโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่กระจายสังหารออกไป

 

สีหน้าของชายวัยกลางคนนั้นได้เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกลับไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เขาก็ได้พลิกสองมือใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ เข้าปะทะออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ ฮูม “

 

ทันทีที่การโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน ก็ได้แตกกระจายออกมาเป็นสาย จนทำให้พลังป้องกันเหล่านั้นของซากศพแตกกระจายเป็นฝุ่นผง และยอดฝีมืออื่นๆต่างก็แยกย้ายกันถอยหนี บนใบหน้าปรากฏอาการตื่นตะลึง

 

เพียงแต่ว่า ท่ามกลางการแตกกระจายของซากศพเหล่านี้นั้น กลับมีซากศพอยู่ร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งนั้นมิได้แตกกระจายไป ฉากเบื้องหน้าอันแปลกประหลาดนี้ได้ทำให้สายตาของผู้ที่มองมาต้องกวาดเข้าไปในทันที ทอแววความสงสัย

 

“ การที่สามารถรักษาซากศพไม่หายสลายนับพันหมื่นปีนี้ ยังถือได้ว่ามีความหมายอยู่ไม่น้อย “

 

ในช่วงเวลานี้ ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน และจากนั้นก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งที่สวมไว้ด้วยชุดเกราะศึกสีทองปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางในกลางของอารามใหญ่แห่งนี้ กวาดสายตาจ้องมองออกไป จนทำให้ผู้คนมากมายต้องถอยออกไป

 

“ องค์ชายสิบสาม “

 

ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ส่งเสียงร้องขึ้นมา ในสถานที่แห่งนี้ยังคงมีเยี่ยจง แล้วก็ชายวัยกลางคนผู้นั้น แล้วองค์ชายสิบสามยังออกมาอีกคน ไม่ว่าภายในซากศพนั้นจะมีความลับอันใดก็ตาม เกรงว่าคงจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขาแล้ว

 

“ ไสหัวไป “

 

องค์ชายสิบสามกวาดง้าวไท่หยางออกไป แล้วก็ได้ชักนำประกายแสงสีทองออกไป จนทำให้เยี่ยจงและชายวัยกลางคนจำต้องถอยออกไป จากนั้นเขาก็ได้ก้าวใหญ่ๆไปทางด้านหน้า ตรงดิ่งไปยังส่วนลึกบนร่างของซากศพ ไม่นานนักก็ได้นำเอาก้อนกลมๆเป็นไข่มุกกระจ่างใสลูกหนึ่งออกมา

 

“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ นั้นคือปราณแหวกวารี ถือได้ว่าเป็นสมบัติอีกชิ้นหนึ่ง “ บนใบหน้าขององค์ชายสิบสามได้ปรากฏรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ วัตถุชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติที่เกิดขึ้นเองที่ยากจะพบพาน หากว่าพกพาไว้บนร่าง สามารถแหวกเพลิงวารี ทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เพียงแค่ปราณแหวกวารีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

 

“ ชี่ “

 

แล้วก็ได้มีพลังตราประทับสีดำทมิฬประทับเข้าไปในทันที มุ่งหน้าออกไปยังบริเวณทางด้านขององค์ชายสิบสาม เต็มเปี่ยมไปด้วยรุนแรงของรังสีการฆ่าฟัน

 

“ เยี่ยจง เจ้าหาที่ตายซะแล้ว “ องค์ชายสิบสามโกรธเคืองอย่างรุนแรง ในช่วงเวลานี้ เยี่ยจงยังถึงกับลงมือต่อเขา คิดหมายที่จะทำลายเรื่องดีๆของเขา

 

“ ตูม “

 

เพียงแค่การลงมือของเยี่ยจง แม้แต่องค์ชายสิบสามก็ยังไม่กล้าที่จะรับเข้าไปตรงๆ ง้าวไท่หยางในมือของเขาก็ได้กวาดออกไป สาดประกายคมกล้าโจมตีไปทางด้านเยี่ยจง ในตอนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวอันใด ได้แต่เพียงต่างฝ่ายต่างลงมือ

 

การโจมตีอันบ้าคลั่งไปปะทะจนระเบิดออก ท่ามกลางตึกใหญ่ที่มียอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับเจ็ดอยู่ไม่น้อยก็ได้ร่างกายสั่นไหวไปมา มีโลหิตไหลที่มุมปาก พลังฝีมือของพวกเขาถือได้ว่ามาจากท่ามกลางตระกูลของรัฐรัฐหนึ่งเลย ต่างก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่อยู่ในจุดสูงสุด ถึงแม้ว่าจะถูกเรียกขานกันว่าอัจฉริยะก็เท่านั้น แต่ว่าเมื่อต้องพบเจอกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างเยี่ยจงและองค์ชายสิบสามแล้ว พวกเขาแม้แต่คุณสมบัติที่จะยืนอยู่ต่อหน้าก็ยังไม่มี แม้แต่ผลกระทบก็ยังทานรับเอาไว้ไม่ได้

 

ชายวัยกลางคนเมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ดวงตาก็ได้สาดเป็นประกาย หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอยออกไปในทันที เห็นได้ชัดว่าเข้าใจเป็นอย่างดี หากว่าในตอนนี้เขาเข้าร่วมสู่การแย่งชิงแล้ว ไม่แน่ว่าอาจต้องทอดร่างเอาไว้ ทั้งสองคนเมื่อพบเจอกันก็เหมือนน้ำมันกับตะเกียง แน่นอนว่ายากที่จะต่อกรได้

 

“ ตูม “

 

เยี่ยจงใช้ออกด้วยพลังดัชนี ดาวตกเก้าดาวพุ่งออกมาจากท่ามกลางอากาศ มุ่งหน้าไปบริเวณทางด้านที่องค์ชายสิบสามเข้าไป จนทำให้บริเวณที่เขาอยู่นั้นสั่นไหวไปมา ทันใดนั้นองค์ชายสิบสามก็ได้เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา บริเวณปลายเท้าของเยี่ยจงก็ได้มีประกายอัสนีสว่างขึ้น ร่างการก็ได้พุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงสุด กวาดฝ่ามืออกไปคราหนึ่ง จนทำให้สามารถแย่งชิงไข่มุกแหวกวารีมาอยู่ในมือได้

 

“ ขอบคุณมาก “

 

เมื่อเก็บไข่มุกวารีได้แล้ว เยี่ยจงพลิกมือคราหนึ่งเก็บสิ่งนี้เข้าไปไว้ท่ามกลางแหวนจักรวาน จากนั้นก็ได้ยิ้มไปทางด้านองค์ชายสิบสามคราหนึ่ง หันกายถอยจากไปในทันที

 

 

องค์ชายสิบสามโกรธเคืองยิ่ง ง้าวไท่หยางในมือก็ได้ปลดปล่อยประกายสีทองออกมานับไม่ถ้วน หมุนวนพุ่งออกไปยังบริเวณที่เยี่ยจงไป แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์อันใด เยี่ยจงนั้นได้ถอยไปแล้ว กลับกันก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยถูกประกายแสงสีทองกวาดเข้าไป จนร่างกายแตกกระจายออก

 

“ เจ้าพวกบัดซบ “ มีคนกระอักโลหิตคำโต แต่ว่าก็ไม่กล้าที่จะรั้งบุคคลเช่นเยี่ยจงเอาไว้ได้ ได้แต่เพียงถอยกลับไปด้วยความรวดเร็ว นั้นก็เพราะว่าถ้าหากยังอยู่ภายใต้การต่อสู้ของพวกเขา เด็กน้อยเหล่านี้แน่นอนว่าต้องตายอย่างไม่ทราบสาเหตุแน่นอน

 

“ ตูม “

 

บริเวณทางด้านหน้า เยี่ยจงก็ได้ฟาดฝ่ามือทั้งสองออกไป เข้าปะทะกับประตูของตึกใหญ่หลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็ได้แทรกเข้าไปภายใน บริเวณใจกลางของตึกใหญ่ ก็ได้มีเตาหลอมเหล็กอ่อนอยู่ชิ้นหนึ่ง ด้านในได้สาดประกายแสงของเซียนอยู่ เห็นได้ชัดว่า โอสถปราณภายในเตาหลอมนั้น หรือแม้ว่าจะเป็นตัวของเตาหลอมเอง ก็สมควรที่จะเป็นสมบัติระดับเซียนอย่างแน่นอน

 

“ เก็บ “

 

เยี่ยจงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ขยับร่างกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้คว้าจับออกไปยังเตาหลอม โดยที่คิดจะเก็บมันเข้าไปทั้งอย่างนั้น ภายในนี้แท้จริงแล้วมีอันใด วันหลังมีเวลาค่อยว่ากันใหม่

 

“ เยี่ยจง สิ่งที่จะได้รับไปก็มากจนเพียงพอแล้ว วัตถุนี้ก็ให้ผู้น้อยได้เก็บบ้างดีหรือไม่ ถือซะว่าเป็นของสมนาวาสนาแรกพบพาน คราวหลังข้าท่านร่วมมือกัน จัดการกับองค์ชายสิบสามทิ้งซะ “

 

ทันทีที่เยี่ยจงกำลังคว้าจับไปที่เตาหลอมอยู่ บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีคนลงมือคว้าจับไปที่เท้าของเตาหลอมเช่นเดียวกัน ทว่าเขากลับยิ้มให้แก่เยี่ยจงเบาๆ ด้วยความเกรงอกเกรงใจ

 

“ เป็นท่าน “

 

เยี่ยจงใช้สายตากวาดออกไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คนผู้นี้ที่แท้ก็คือหมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง เป็นผู้มีพรสวรรค์มีความสามารถเทียบเคียงได้กับองค์ชายสิบสาม คิดไม่ถึงว่าเขาก็ได้ปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้

 

เยี่ยจงไม่คิดที่จะเกิดการต่อสู้กับเขาในสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ นั้นก็เพราะว่าไม่คุ้มค่า หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เยี่ยจงก็ตอบกลับไปด้วยเสียงดังกังวาน “ ภายในเตาหลอมนี้มีโอสถปราณที่ไม่ธรรมดาแน่นอน และเตาหลอมนี้ความจริงถือได้ว่าเป็นสมบัติระดับเซียน ท่านข้าเลือกกันคนละอย่าง ข้าให้ท่านตัดสินใจ ดีหรือไม่ ? “

 

“ ดี ถ้างั้นข้าต้องการยาปราณที่อยู่ภายในนี้ “ หมิงหยี่ยิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้ตั้งแต่แรก พลังฝีมือของทั้งสองคนถือว่าสูสีกัน หากไม่ต้องการที่จะพิสูจน์ผลแพ้ชนะในที่แห่งนี้แล้วละก็ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงเป็นเช่นนี้

 

ต่อมาทั้งสองคนก็มิได้เสียเวลาอีก เยี่ยจงใช้มือตบออกไป แล้วก็ได้เปิดฝ่าเตาหลอมออกมา จนทำให้ประกายอันคมกล้าของโอสถปราณกวาดออกไปทางด้านหมิงหยี่ ในเวลาเดียวกันเขาก็สะบัดมือออกไป แล้วก็เก็บเตาหลอมนี้เอาไว้

 

“ พี่เยี่ยจงที่แท้ก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ ไม่สนใจที่จะร่วมมือกับข้าหน่อยหรือ สมบัติที่ได้มาแบ่งกันคนละครึ่ง “ เมื่อได้รับยาปราณ หมิงหยี่ก็อารมณ์ดีขึ้นมา เขายิ้มไปทางด้านเยี่ยจงแล้วกล่าวออกมา

 

“ ดูก่อนก็แล้วกัน “

 

เยี่ยจงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ร่างกายก็ได้ทะลวงออกไปยังอารามแห่งนี้ เขาเคยเห็นสภาพแวดล้อมภายในมาก่อน ทราบว่าทางด้านหลังยังมีสมบัติอยู่ อีกทั้งยังต้องใช้ความรวดเร็วมิอาจที่จะชักช้าได้

 

หลังจากที่ได้พุ่งออกไปจากตึก ทางด้านหน้าเยี่ยจงก็ได้ค้นพบกับสวนดอกไม้ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง สวนดอกไม้ความจริงแล้วสมควรที่จะต้องเพาะยาปราณเอาไว้ไม่น้อย แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าได้ถูกผู้คนแย่งชิงจนหมดแล้ว อีกทั้งท่ามกลางใจกลางสวนดอกไม้ยังมีแท่นหินอยู่ชิ้นหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยรวมตัวกันอยู่ที่อีกด้านของแท่นหินก้อนนี้ แล้วก็ได้มองหน้ากัน สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ทอแววความสงสัยอย่างไร้ที่เปรียบ

 

ร่างกายของเยี่ยจงและหมิงหยี่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางสนามในเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ได้กวาดสายตามองออกไป ร่างกายของทั้งสองคนก็ได้สั่นเทาเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน

 

ท่ามกลางแท่นหินนั้นเอง ก็ได้มีโต๊ะศิลาเล็กๆตั้งเอาไว้ ด้านบนโต๊ะศิลา ก็ได้ถูกจัดวางเอาไว้ด้วยพัดหยกชิ้นหนึ่งและคัมภีร์หยกเล็กๆก้อนหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นเอง ก็จะสามารถเห็นตัวอักขระปรากฏอยู่บนคัมภีร์หยก และทางด้านบนของพัดหยก ก็ได้มีประกายของพลังสมบัติแผ่กระกายออกมาอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่า ทั้งสองอย่างต่างก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติ เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าเหตุใดถึงได้ถูกวางเอาไว้อยู่ในที่แห่งนี้

 

และทางด้านหลังของโต๊ะศิลา ก็ได้มีร่างที่สวมไว้ด้วยชุดสีโลหิต ใบหน้าดูเหมือนเป็นอยู่ในช่วงวัยกลางคน ชายวัยกลางคนในตอนนี้ได้อยู่ลักษณะที่ยืนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ บนหน้าอกได้มีรูอยู่รูหนึ่ง กับพลังฝีมือของเขา ถึงกับต้องทอดร่างในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งสิ่งของทั้งสองสิ่ง อย่างน้อยก็น่าจะเป็นของที่เขามี

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 550

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset