เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 241 ลานสังหาร

ตอนที่ 241 ลานสังหาร

 

เวลาล่วงเลยไปนาน ไม่ทราบว่าเป็นสามเดือน หรือเป็นครึ่งปี แต่ว่าเยี่ยจงก็ยังคงฝึกยุทธ์อย่างเงียบงันมาโดยตลอดเพื่อที่จะควบคุมทักษะยุทธ์ชุดนี้

 

ตราผนึกนภาในมือของเขายังเปลี่ยนแปลงไม่หยุด แทบจะเปลี่ยนไปทุกเสี้ยววินาที ด้านพลังก็แทบจะไม่มีสิ่งที่คล้ายกัน ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ได้มีตัวอักขระมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ภายในใจ จนทำให้เขารู้สึกมึนอยู่เป็นบ้างครั้ง

 

จนท้ายที่สุด ผนึกตรานภาก็ได้ก่อรวมจนกลายเป็นอักขระทั้งหมดที่อยู่บนฝ่ามือของเยี่ยจง จนกลายเป็นอักขระอย่างง่ายๆเพียงตัวเดียว แต่ว่าหากว่าตั้งใจดูตัวอักขระนี้ จะกลายเป็นเหมือนดั่งดวงดาวที่ไหลเวียนอยู่บนชั้นฟ้าก็มิปาน

 

ทางสายใหญ่นั้นง่ายดาย (ต้าเต๋าจือเจียน)

 

หลังจากนั้นไม่นาน อักขระนี้ก็ราวกับว่าได้ผนึกเข้าสู่ห้วงสมองของเยี่ยจงก็มิปาน อีกทั้งยังมิใช่ทักษะยุทธ์ธรรมดา มิใช่ทักษะเซียน แต่เป็นทักษะมนต์ตราเทพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นถึงตราผนึกนภาที่เป็นถึงหนึ่งในสิบมนต์ตราเทพ

 

ถึงแม้ว่าเยี่ยจงในตอนนี้จะยังถือได้ว่าฝึกปรือตราผนึกนภาได้สำเร็จ แต่ว่าตราผนึกนภาแท้จริงนั้นคงจะไม่อาจที่จะฝึกได้สำเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้ ยังคงต้องการจนถึงเส้นทางยุทธ์ในวันหน้าของเขาค่อยๆผลักดันออกมา คอยควบคุมอย่างช้าๆ

 

ทว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ การฝึกตราผนึกนภาในครั้งนี้ ทั้งยังชักนำประโยชน์มากมายให้แก่เยี่ยจง นอกเสียจากจะได้ไพ่ตายอันน่าหวาดกลัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ ที่ผ่านมานั้น ร่างกายของเยี่ยจงก็ถือได้ว่าอยู่ในความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นที่อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว

 

“ คงเป็นเพราะโอกาสวาสนา ไม่แน่ว่าจะสามารถที่จะเข้าสู่ขอบเขตฟ้าได้เลยก็เป็นได้ ทว่าความก้าวหน้าของข้าถือได้ว่ารวดเร็วเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมิได้รีบเร่ง ยังคงสามารถที่จะก้าวข้ามขอบเขตได้อย่างปลอดภัย วันหน้าคงจะดียิ่งขึ้นอีก “ เยี่ยจงพูดกับตัวเอง

 

“ ฮูม “

 

เยี่ยจงโบกมือเบาๆคราหนึ่ง ท่ามกลางอากาศที่มีพลังปราณฟ้าดินอยู่ต่างก็ได้ถูกเยี่ยจงสูบเข้าสู่ร่างกาย หลังจากที่เขาโบกมือแล้ว ก็ได้ทำลายทางเข้าที่กักขังตนเองเอาไว้ ก้าวเดินออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายปรากฏสู่ท่ามกลางชายหาดบนเกาะ

 

ในตอนนี้ ซากศพที่อยู่บนพื้นก่อนหน้านี้ก็ได้กลายเป็นกระดูกจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่า อย่างน้อยก็ได้ผ่านเลยไปราวครึ่งปีเห็นจะได้แล้ว และสามประตูเหล็กอ่อนนั้นที่อยู่บริเวณไหล่ตึก ก็กลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าที่มีอยู่ก็มิปาน

 

หลังจากนั้นสายตาของเยี่ยจงก็ได้ทอดมองไปยังทางด้านหน้า เขาขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีค่ายกลจัดส่งเข้าไป

 

เขาได้สูญเสียเวลาไปในที่แห่งนี้มามากพอแล้ว ทั้งก่อนหน้าและช่วงหลังรวมกัน อย่างก็ได้ถือได้ว่าล่วงเลยมาหนึ่งปีแล้ว และยอดฝีมือโดยส่วนมากต่างก็สมควรที่จะจากไปจากสถานที่แห่งนี้หมดก็สมควรที่น่าจะผ่านไปได้ครึ่งปีแล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่นี้ไม่ทราบว่าได้เกิดเรื่องขึ้นมามากน้อยเพียงใด

 

……

 

“ กึง “

 

เบื้องหน้าสายตาก็ได้เริ่มที่จะพร่ามัว ค่ายกลจัดส่งเริ่มที่จะเคลื่อนไหวทำงาน หลังจากนั้นเอง ความเงียบสงบตลอดมานี้ วินาทีนั้นเยี่ยจงก็ได้พบว่า ตีนเขาสายหนึ่งของหุบเขาก็ได้ปรากฏขึ้นมายังเบื้องหน้าสายตาของตนเอง

 

“ สถานที่แห่งนี้ ก็เป็นสมรภูมิฮวงกู่ด้วยงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าสายตา ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตำนานของสมรภูมิ”การมีอยู่แห่งความเป็นตาย”คงจะอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว สมควรที่จะไม่น่าจะเป็นสถานที่มีแต่สิ่งมีชีวิตจึงจะถูกต้อง

 

“ ตูม “

 

จากนั้น ทันทีที่เยี่ยจงกำลังจะขมวดคิ้ว ช่วงเวลากะทันหัน ท่ามกลางทั่วทั้งสันเขาที่เขียวขจี ก็ได้กลับกลายเป็นยันต์ปราณลอยออกมา กลายเป็นอาวุธมีคมเป็นสาย พุ่งออกทางด้านที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

เห็นได้ชัดว่าได้ถูกจัดตั้งเอาไว้อยู่นานพอสมควร เพียงแต่ว่ารอคอยช่วงเวลาที่เยี่ยจงเข้ามาเท่านั้น และทันทีที่เยี่ยจงได้ปรากฏตัวออกมา เกรงว่าคงจะโจมตีเข้ามาในตอนที่ไม่รู้อะไรเลย จนทำให้ผู้คนยากที่จะคาดเดา

 

“ ไสหัวไปซะ “

 

ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ทอประกายเย็นชาสายหนึ่ง ความจริงแล้วเขากำลังอารมณ์ดีอยู่ แต่ว่ากลับมีเครื่องจักรสังหารไม่ทราบนามได้ทำให้เยี่ยจงเกิดเพลิงโทสะขึ้นมา ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้นำชิ้นส่วนมายาออกมา ทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นเหมือนโล่ป้องกันบริเวณทางด้านหน้าของเขาเอาไว้

 

“ ชิร์ “

 

หลัวจากนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ชักหอกอัสนีออกมา กวาดหอกออกไปคราหนึ่ง ทำลายเครื่องจักรสังหารของค่ายกลยันต์ที่อยู่ภายในสายตาทั้งหมด จากนั้นก็ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็มุ่งหน้าออกไปอีกทางด้านหนึ่ง

 

ค่ายกลเครื่องจักรสังหารนี้มีอายุ ด้วยพลังฝีมือในตอนนี้ของเยี่ยจง ในช่วงเวลานี้คิดที่จะทำลายค่ายกลไม่นับเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำลายออกไปจากมุมหนึ่ง จะถอยออกไปได้หรือไม่ค่อยว่ากล่าวกันอีกครั้ง

 

“ ตูม “

 

จากนั้น เยี่ยจงก็ได้ใช้ตัวเองทะลวงออกไปจากค่ายกลเบื้องหน้าสายตานี้ในทันที จนกลับกลายเป็นเศษผงล่องลอยอยู่ท่ามกลางอากาศร่วงหล่นลงสู่พื้น ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกายเยี่ยจง

 

“ ค่ายกลระดับกลาง “

 

สายตาของเยี่ยจงได้ทอแววความเย็นชา อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านสาขายันต์มนต์ตราอีกด้วย อีกทั้งยังได้มุ่งเป้ามาตามนิสัยของตนเองอีกด้วย ภายใต้ความแข็งแกร่งของค่ายกลนี้ ก็เป็น ได้เพียงแค่เครื่องจักรสังหารธรรมดาเท่านั้น ยิ่งทราบว่า ค่ายกลนี้มีคนจงใจที่จะเอาไว้จัดการกับตนเองเท่านั้น

 

ไม่แน่ว่าเมื่อตนที่ตนเองได้เหยียบลงไปยังท่ามกลางค่ายกลจัดส่งที่อยู่ในทะเลมายาโลหิต ก็ได้ถูกผู้คนขัดมือขัดเท้าแต่แรกแล้ว รอคอยตนเองเดินเข้ามายังกับดัก

 

“ ตูมตูมตูม “

 

ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีค่ายกลยันต์อีกสามชั้นเริ่มทำงาน จนเพิ่มขึ้นไปจนถึงชั้นที่ห้า เกรงว่าการโจมตีจะกลายเป็นดุจดังห่าฝน มุ่งหน้าเข้าสังหารในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่ให้แม้แต่โอกาสที่จะพูดจาเลย เตรียมพร้อมที่จะฆ่าสังหารไปทั้งพื้นที่

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา ทันใดนั้นต่อมา เขาก็ได้ยกมือขวาขึ้นมา ยกฝ่ามือขึ้นไปประทับท่ามกลางอากาศ

 

ฝ่ามือมังกรสายรุ้งก็ได้กลายเป็นประกายแสงเจ็ดสีสายหนึ่ง มุ่งขึ้นไปยังบริเวณด้านบนออกไป ร่างกายเยี่ยจงก็ได้ติดตามอยู่ภายใน กระบี่คงหมิงและหอกอัสนีก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เข้าโจมตีสังหารออกไปอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้การป้องกันการโจมตีมากมายเหล่านี้เอาไว้

 

“ บรึม “

 

หลังจากนั้นสักพัก เยี่ยจงก็ได้ควบคุมพลังกระบี่ตราประทับทำลายค่ายกลใหญ่ ทว่าร่างกายของเขาในตอนนี้กลับปรากฏโลหิตไหลรินออกมา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอยู่ส่วนหนึ่ง

 

ค่ายกลสังหารที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัด ได้ทำให้เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา

 

“ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ในตอนนี้ก็รีบไสหัวออกมาได้แล้วละมั่ง ? “

 

แล้วก็ได้ส่งเสียงที่ดังกึกก้องออกมา แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งท่ามกลางหุบเขา

 

“ เหอะ ที่แท้ก็เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง เพียงพอที่จะมีความลมปากและความหาญกล้าเช่นนี้แล้ว “ หลังจากนั้น ก็ได้มีเสียงประหลาดดังออกมา ภายในน้ำเสียงได้ความเย้ยหยันอยู่หลายส่วน แล้วก็ได้มีความกลัวที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่า พลังฝีมือของเยี่ยจง ได้ทำให้คนผู้นี้อิจฉาริษยาและเกลียดชัง

 

จากนั้น บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้มีคนก้าวเดินออกมานับสิบคน บนร่างของคนทั้งสิบต่างก็ได้แผ่กระจายความน่ากลัวออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่าในช่วงเวลาที่เยี่ยจงได้จ้องมองเข้าไป อัจฉริยะเหล่านี้แต่ละคนก็ได้เกิดความหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“ พวกเจ้าเป็นใครกัน ? เหตุใดถึงได้จัดวางค่ายกลยันต์หมายที่จะกักขังสังหารข้า ? “ เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชา จ้องมองไปยังผู้คนทั้งสิบ ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

 

ผู้คนทั้งสิบคนต่างก็ได้สบตาจ้องมองกัน จากนั้นก็พบว่าพวกเขาเริ่มที่จะขยับเคลื่อนไหว ทันใดนั้นก็ได้รวมกลุ่มกันขึ้นมา แต่ละคนก็ได้ชักอาวุธของตนเองออกมาเพื่อป้องกัน จ้องมองไปที่เยี่ยจง ด้วยสีหน้าระแวดระวัง พวกเขามองออกว่าเยี่ยจงนั้นได้ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าก็ไม่ถือว่าหนักแต่อย่างไร

 

ค่ายกลยันต์ปราณห้าชั้นนี้ เป็นพวกเขาที่จัดตั้งเอาไว้ด้วยความตั้งใจ สามารถที่จะกักขังฆ่าฟันยอดฝีมือ จากที่พวกเขามอง ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตฟ้าเมื่อเข้าไปแล้ว ก็ยังต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะมีความแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้ ถึงกับสามารถที่จะทำลายค่ายกลห้าชั้นได้ ทะลวงสังหารออกมา

 

“ เจ้าคงจะเป็นเยี่ยจงแห่งรัฐต้าโจวหวังเฉาแล้วกระมั่ง ? “ ทั้งสิบคนจ้องมองไปที่เยี่ยจงอยู่นาน จึงได้มีอยู่คนหนึ่งที่ได้เอ่ยปากถามขึ้นมา

 

“ แล้วจะยังไง ? “ เยี่ยจงตวาดออก ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

“ เป็นเจ้าก็ดี “ สีหน้าของผู้ที่เอ่ยถามทอแววประหลาด จากนั้นเขาก็ได้ตอบกลับเสียงดังกังวาน “ ได้ยินมาว่าเจ้าได้คุมตัวนายน้อยทั้งสองของพวกเราเอาไว้ คิดที่จะฆ่าสังหารหลังจากที่จบพิธีถวายพระพรขององค์ราชารัฐต้าโจวหวังเฉา ใช่มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่ ? “

 

“ พวกเจ้าก็คือคนที่มาจากสำนักเสวียนหวิน ? “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่แปลกใจเลยที่ฝ่ายตรงข้ามถึงได้มีรังสีสังหารเข้มข้นเช่นนี้ ที่แท้ก็มาจากสำนักเสวียนหวินนี้เอง อีกทั้งคนกลุ่มนี้เมื่อไปยังรัฐต้าโจวแล้วไม่พบตนเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นการสอดมือของสำนักเสวียนหวินนี้เอง

 

“ พวกเราเพียงถามว่าเจ้าได้ทำเรื่องเช่นนี้ไหม “ คนที่เอ่ยขึ้นมา ทอสีหน้าเย็นชา

 

“ ที่เจ้าต้องการจะถามก็คือเจ้าขยะเสวียนหงส์ทั้งสองคนนี้หรือ ? คนย่อมต้องอยู่ในมือของข้า ทว่าข้ายังไม่มีเวลาว่างเพื่อที่จะฆ่า “ เยี่ยจงไม่คิดที่จะปกปิดเรื่องนี้กับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพียงเอ่ยขึ้นมาด้วยความดุดัน

 

“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเป็นอย่างที่กล่าว อยากที่จะให้พวกเขาทั้งสองตายแล้วละก็ พวกเราก็จะสังหารเจ้าก่อนก็แล้วกัน จากนั้นก็ลงมือด้วยตัวเองก็แล้วกัน “ ผู้ที่เอ่ยขึ้นมาถอนลมหายใจ “ เยี่ยจง เจ้าถึงกับทำให้พวกเราผิดหวังแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะสังหารนายน้อยทั้งสองคนของพวกเราแล้วหรือไม่ เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าเจ้าแม้แต่สังหารนายน้อยทั้งสองก็ยังไม่ได้ทำ พวกเรายังคงมองเจ้าสูงไปหลายส่วนแล้ว “

 

“ พวกเจ้า คาดหวังที่จะให้เจ้าขยะทั้งสองคนนี้ตายอย่างงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มขึ้นเล็กน้อย

 

“ แน่นอน “ ผู้ที่เป็นผู้นำทอสีหน้าเย็นชา

 

“ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้พวกเจ้าจัดการกันเองเถอะ “ เยี่ยจงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นทันทีที่ผู้ที่เผชิญหน้าทั้งสิบคนยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน เขาก็ได้ล้วงเข้าไปยังสิ่งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้นานเต็มๆหนึ่งปี นำเอาเสวียนหงส์ทั้งสองที่อ่อนแออย่างถึงที่สุดออกมา จากนั้นก็ปรบมือครั้งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดัง”โครมคราม”ขึ้นมา ร่างกายของทั้งสองคนนี้ ก็ได้แตกกระจายออกกลายเป็นก้อนเนื้อท่ามกลางอากาศ

 

“ เจ้า “

 

เมื่อเห็นสีหน้าอันสิ้นหวังของทั้งสิบคน ในช่วงที่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าที่ยังไม่ทันทีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงบอกจะลงมือสังหารก็สังหารเลย ไม่ให้โอกาสพวกเขาในการได้สติกลับมาเลยแม้แต่น้อย

 

“ จากนี้ไปก็จงจำเอาไว้ ความคิดน้อยนิดเช่นนี้ ใช้กับข้าไม่ได้ผล “ เยี่ยจงยิ้มออกมา แล้วก็เอ่ยปากขึ้นมา

 

สีหน้าของผู้คนทั้งสิบคนปั้นยากขึ้นมา การเดินทางมาทำภารกิจในครั้งนี้ของพวกเขาก็เพื่อที่จะช่วยนายน้อยทั้งสองคนออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อพบเจอเยี่ยจงในคราแรก นายน้อยทั้งสองคนก็ได้ถูกสังหารต่อหน้าพวกเขาแล้ว ทำให้ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นแดงซ่านขึ้นมา

 

“ ลงมือ “ คนที่เป็นผู้นำตะโกนออกมา ร่างกายพุ่งออกไปเป็นคนแรก

 

ที่เหลืออีกทั้งเก้าคนในตอนนี้ก็ไม่กล่าวมากมายอีก เพียงแต่ว่าแต่ละคนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันออกไป วินาทีนั้น บนร่างของพวกเขาทุกคนต่างก็ได้รวมรั้งเมฆหมอกหนาทึบเอาไว้ จนท้ายที่สุดก็ได้กลายเป็นกระบี่หมอกสายหนึ่ง พุ่งออกสังหารไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

“ ซวบซวบซวบ “

 

ความสามารถของทั้งสิบคนถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด มีอยู่สามคนในกลุ่มที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่แปดซานกวานเทียนทงขอบเขตปราณ ที่หลงเหลืออีกเจ็ดคนต่างก็เป็นยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ในตอนที่ทั้งสิบคนได้ลงมือผสานกัน วินาทีนั้นก็ได้พบว่ามีกระบี่หมอกขนาดเท่าขุนเขาปรากฏขึ้นมา หมุนวนพุ่งเข้าหาทางด้านของเยี่ยจงอย่างบ้าคลั่ง

 

การผสานมือกันเช่นนี้ ชั่งน่าหวาดกลัวและน่าตกใจเต็มสิบส่วน

 

“ โครมโครม

 

บนพื้นดินในตอนนี้ได้แตกกระจายออกอย่างไม่หยุดยั้ง ขุนเขาในตอนนี้ก็ได้ถูกทำลายจนไม่เหลือ มีเสียงดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย เพียงแค่การผสานอย่างง่ายๆ ก็ถือกับมีพลังในการทำลายมากกว่าค่ายกลสังหารห้าชั้นอยู่หลายขั้น

 

“ นี้คือการรวมพลังผสานของทักษะยุทธ์ ทั้งสิบคนได้ฝึกปรือทักษะยุทธ์ชุดเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ได้ลงมือร่วมกัน ในด้านของพลังยากที่มีอะไรเทียบเท่าได้ อย่างน้อยก็เหมือนใช้ยี่สิบคนลงมือพร้อมกัน “ เยี่ยจงหรี่ตามอง เขาก็นั้นถือได้ว่าพบเจอมาก็เยอะ ทันใดนั้นจดจำออกถึงการลงมือของทั้งสิบคน นี้คือการผสานทักษะยุทธ์ที่น้อยครั้งจะพบเจอได้ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นชุดใด ก็ถือได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“ ค่ายกลกระบี่เมฆาสังหาร “

 

มีคนที่ร่ำร้องออกมา วินาทีนั้น กระบี่เมฆาก็ได้ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ประทับอยู่ในบริเวณเส้นทางที่เยี่ยจงสามารถถอยหนีจากไปได้ คิดหมายที่จะสังหารให้ตายในกระบี่เดียว

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 565

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset