เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 243 แดนแสงแห่งพุทธะ

ตอนที่ 243 แดนแสงแห่งพุทธะ

 

ทางด้านบนหน้าผา ก็ได้มีการปรากฏของเงาร่างสายหนึ่ง เด็กหนุ่มเป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าสงครามก็มิปาน เขาทอดสายตามองไปยังทางด้านศิษย์สำนักเสวียนหวิน บนร่างได้แผ่กระจายรังสีที่ยากจะกล่าวออกมาได้ชนิดหนึ่ง

 

การมาของเยี่ยจง ในตอนนี้เบื้องหน้าสายตาที่เขามองไปยังศิษย์สำนักเสวียนหวิน ก็ได้จ้องมองไปอย่างสงบต่ออีกฝ่าย บนใบหน้าทอแววไม่ยินดีไม่โกรธแค้น มีแต่เพียงความสงบ แต่ว่า กับลักษณะเช่นนี้ของเขาที่เป็นเหมือนดั่งขุนเขาใหญ่ก็มิปาน เหมือนกับมีบรรยากาศของแรงกดดันไปยังศิษย์สำนักเสวียนหวินเหล่านี้

 

“ อะไร เจ้านี้เป็นตัวอะไรกัน ? “

 

มีคนที่สัมผัสถึง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความยากที่จะเชื่อขึ้นมา ร่างกายของพวกเขาได้มีการจัดวางค่ายกลยันต์ปราณในแบบพิเศษอยู่ คนโดยทั่วไปจึงไม่มีทางที่จะเข้ามาหาได้จึงจะถูกต้อง ในตอนนี้คนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะปรากฏตัวภายในค่ายกลยันต์ปราณของพวกเขา แล้วยังจ้องมองไปทางพวกเขา จนทำให้จิตใจของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

 

“ ข้าเป็นตัวอะไร พวกเจ้าฉลาดขนาดนี้ ไม่ลองเดาดูหน่อยเล่า ? “ เยี่ยจงยิ้มขึ้น จากนั้นเขาก็ได้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจคราหนึ่ง ก็ได้มีสายลมโพยพุ่งออกไป

 

“ ชิร์ “

 

ท่ามกลางเสียงทุ่มต่ำที่ออกมาในอากาศ ศิษย์สำนักเสวียนหวินคล้ายกับต่างก็ตัดสินใจหมายที่จะชักสมบัติปราณออกมาต่อกร

 

“ โครม “

 

ผู้ส่งสารมาก่อนหน้านี้ในตอนแรก ในตอนนี้ก็ได้แตกกระจายออกตรงพื้นด้านหน้าของศิษย์สำนักเสวียนหวินอย่างกะทันหันจนสั่นเทาขึ้นมา การที่ร่างแตกกระจายออก จนแยกเป็นสี่ส่วนห้าชิ้น ตายไปต่อหน้า อเนจอนาจอย่างถึงที่สุด

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินมากมายแต่ละคนต่างก็ร่างกายสั่นเทายกใหญ่ เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยสายตายากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น พวกเขากลุ่มนี้ตลอดมานี้มีแต่เหยียบย้ำผู้อื่น แต่คิดไม่ถึงว่า ในวันนี้ถึงกับมีคนมาเหยียบลงบนใบหน้าของพวกเขาถึงที่ อีกทั้งผู้ที่มายังมีท่าทีที่เป็นปรปักษ์อย่างเห็นได้ชัด เป็นการบอกกล่าวต่อเขาว่า ในสถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่สามารถรอดพ้นจากตาข่ายจับปลานี้ได้ ดังนั้นศิษย์สำนักเสวียนหวินทั้งหมดจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวออกมาโดยตรง แต่ว่าท่าทีเช่นนี้ที่มีรังสีสังหารอย่างเข้มข้นรวมเอาไว้อยู่ ก็ได้ทำให้คนเหล่านี้แต่ละคนหนาวเย็นไปทั่วทั้งแผ่นหลังได้ สั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง

 

ในช่วงทันใดนั้นเอง พวกเขายังคงดูถูกเยี่ยจง คิดว่าตนเองสามารถที่จะสังหารได้อย่างแน่นอน แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ภายในใจของพวกเขาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวต่อเยี่ยจง กับบุคคลเช่นนี้ ใช่ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้อย่างง่ายดาย

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงย่างกรายไปยังด้านบนของหน้าผา ทั่วทั้งร่างกายราวกับดวงดาวขนาดใหญ่ลูกหนึ่งทอดลงก็มิปาน เมื่อตอนที่มาถึงยังพื้นดิน ก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวสายหนึ่ง และเกิดควันขึ้นมาตรงกลาง เขาก้าวไปด้านหน้าทีละก้าวเช่นนี้ ภายในดวงตาจ้องเขม็งไปทางด้านศิษย์สำนักเสวียนหวินมากมายเหล่านี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นและเย็นชา

 

นี้ถือได้ว่าเป็นพลังที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง

 

“ เจ้า เจ้าก็คือเยี่ยจง “

 

ในที่สุดก็ได้มีเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเทา เรียกได้ว่าสามารถที่จะยืนยันได้เลย

 

“ แล้วก็มีคนที่ฉลาดขึ้นมาอีกคนแล้วงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาช้าๆ “ ในความเป็นจริง ข้ากับสำนักเสวียนหวินพวกเจ้าก็แปลกประหลาดสิ้นดี คนหนึ่งที่เป็นถึงเจ้าสำนัก อีกคนก็เป็นผู้อาวุโส แล้วยังรวมกับนายน้อยทั้งสองคนต่างก็ตกอยู่ในน้ำมือของข้า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้ายังมีความมั่นใจที่จะ ลงมือกับข้ากัน ? “

 

“ พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่า ข้าจะไม่กล้าที่จะสังหารศิษย์สำนักเสวียนหวินทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้จนหมดสิ้นงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงทอสีหน้าดุดัน ภายในคำพูดได้มีบรรยากาศที่ทำให้ศิษย์สำนักเสวียนหวินเหล่านี้ แต่ละคนร่างกายถึงกับสั่นเทาขึ้นมาไปทั่วทั้งสรรพร่างขึ้นมา

 

“ ศิษย์……..ศิษย์น้องหญิง……..ช่วยพวกเราด้วย “

 

ในที่สุดก็มีคนที่ถูกกดดันจนทนไม่ไหวเกิดความกลัวขึ้นมาภายในจิตใจ อดไม่ไหวที่จะต้องเอ่ยปากขึ้นมา

 

“ เยี่ยจง เป็นเจ้า…… “

 

ในเวลานั้นเอง เงาร่างที่นั่งสมาธิอยู่นั้นก็ได้ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เข้าขวางกั้นระหว่างกลางเยี่ยจงและศิษย์สำนักเสวียนหวินเหล่านี้ราวกับภูติพรายก็มิปาน ในตอนที่นางได้เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง คนผู้นีก็คือสวางม่อแห่งสำนักเสวียนหวินนี้เอง ถึงกับเป็นเด็กสาวนางหนึ่ง ที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี

 

นางสวมด้วยชุดสีม่วง ผิวพรรณราวหิมะ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ราวกับคนในภาพวาดก็มิปาน เพียงแต่ว่าบนร่างกายของนางก็ได้แผ่ความชั่วร้ายชนิดหนึ่งออกมาอย่างเข้มข้น จนทำให้ผู้คนขมวดคิ้ว

 

“ เจ้า ที่แท้เป็นตัวอะไรกัน ? “

 

เด็กสาวจ้องมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาปรากฏสีหน้าประหลาดใจ

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินมากมายต่างก็นิ่งเงียบไปอย่างช้าๆ สวางม่อแห่งสำนักเสวียนหวินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่มีชื่อเรียกว่าจื่อลู่ มีพลังปราณที่ถือได้ว่าสูงล้ำอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นเรื่องนี้น่าประหลาดยากจะพบเรื่องหนึ่งเลย

 

หากว่าไม่ใช่เพราะพรสวรรค์อันประหลาดนี้ นางที่เป็นเด็กสาวที่มีอายุเพียงแค่สิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ไม่มีทางที่จะเป็นหนึ่งในสวางม่อแห่งสำนักเสวียนหวินได้

 

แต่ว่า ในตอนนี้ แม้แต่จื่อลู่เองก็ยังไม่อาจที่จะมองออกถึงความเป็นมาของเยี่ยจงได้

 

หลังจากที่เงียบงัน ศิษย์สำนักเสวียนหวินมากมายต่างก็ตื่นตกใจ สายตาของแต่ละคนเหม่อมองไปยังเยี่ยจงเหมือนดั่งเห็นภูติผีก็มิปาน

 

“ คนผู้นี้เป็นเหมือนดั้งองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยางก็มิปาน ต่างก็มีผู้ที่มีพลังโชคลาภปกคลุมอยู่ ทำให้ผู้คนมองไม่ออก เพียงแต่ว่าสิ่งนี้มิใช่เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาไร้เทียมทาน “ จื่อลู่เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา น้ำเสียงถึงแม้จะแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ก่อเกิดความหนาวเย็นขึ้นมาได้ก็มิปาน

 

“ คนผู้นี้สังหารยอดฝีมือสำนักเสวียนหวินเราไปนับไม่ถ้วน นายน้อยทั้งสองท่านก็ไม่แน่ว่าอาจจะตายตกภายใต้คมดาบของเขาไปแล้วก็ได้ ศิษย์น้องจื่อลู่ ต้องจับกุมมันให้ได้ ไม่เช่นนั้นการใหญ่ของสำนักเสวียนหวินพวกเราจะกระทำได้ยากแล้ว “ มีชายหนุ่มคนหนึ่งข่มความกลัวเอาไว้ ก้าวเดินไปทางด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าคิดที่จะเป็นกำลังเสริมให้กับจื่อลู่

 

“ พวกเจ้าถอยไปก่อน เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการคงจะดีกว่า “ จื่อลู่ขมวดคิ้ว จ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างไร ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ได้ทำให้ผู้คนมองความสามารถไม่ออก อีกทั้งยังให้ความรู้สึกถึงอันตรายชนิดหนึ่ง จึงทำให้จื่อลู่ตัดสินใจที่จะให้ผู้คนถอยออกไป

 

“ อะไรกัน ? “

 

ถึงแม้ว่าคำพูดของจื่อลู่จะไม่มีความหมายใดแอบแฝง แต่ว่าศิษย์สำนักเสวียนหวินคนอื่นๆแต่ละคนต่างก็ได้เงียบงันเปลี่ยนสีหน้าเป็นปั้นยากอย่างถึงที่สุด นี้ไม่ได้บ่งบอกถึงอันใด หรือแม้แต่ศิษย์น้องจื่อลู่เองยังไม่ใช่แม้แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ได้งั้นหรือ ?

 

“ ไฮ่ “

 

จื่อลู่ถอนหายใจแรงๆคราหนึ่ง ทันใดนั้นเองนางก็เหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ต่อมานางก็ไม่ได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดอีก เพียงแต่พลิกทั้งสองมือออก ในขณะนั้นเอง ก็ได้พบว่าเมฆหมอกสายหนึ่งกำลังปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็ได้กลายเป็นประกายแสงเก่าแก่สายหนึ่ง แผ่พุ่งพลังความน่ากลัวออกมา

 

“ นี้เป็นทักษะยุทธ์ประจำสำนักเสวียนหวินเรา คมหมอกสังหาร เยี่ยจงเจ้าจบแล้ว “

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินมากมายต่างก็ยินดี ท่ามกลางผู้ที่ฝึกปรือทักษะเซียนประจำสำนักได้เป็นคนแรกในหมู่พวกเขาก็เห็นจะมีแต่เพียงสวางม่อแห่งสำนักเสวียนหวินเท่านั้น ในตอนนี้จื่อลู่ก็ได้ลงมือด้วยกระบวนท่าสังหารเช่นนี้ เยี่ยจงต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงยืนมือไพล่หลังท่ามกลางสนาม ไม่ขยับเคลื่อนไหว เขามีความอย่างรู้อย่างเห็นว่าในตอนนี้ที่จื่อลู่ลงมือออกมา ภายในใจไม่ได้มีความคิดที่พิเศษอันใดมากมาย จากที่เขามองเห็น ในเมื่อเป็นคู่ต่อสู้กับตนเอง เช่นนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือชาย ก็ไม่ได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับเขา

 

แล้วก็ทักษะเซียนประจำสำนักอะไรนั้นอีก

 

“ ฆ่า “

 

ทันใดนั้นเองจื่อลู่ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของนางทอแววตาประหลาดมองไปที่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้ร้องเสียงหลงออกมาเสียงเบาๆจากปาก วินาทีนั้น ก็ได้เห็นว่าคมหมอกที่ปกคลุมอยู่บนร่างของนางก็ได้กลายเป็นสสารก็มิปาน มุ่งหน้าเข้าสังหารไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไปด้วยความรวดเร็ว

 

เขาเคลื่อนไหวอย่างไม่ใส่ใจ คมหมอกโบราณที่แปรเป็นสารอย่างรวดเร็วนี้ ในท้ายที่สุด ก็เป็นเหมือนดั่งเหล็กกล้าที่ถูกสร้างจากทองก็มิปาน สาดประกายไปมา จนทอเป็นประกายสีทองสว่างวาบ อีกทั้งยังมีรังสีสังหารที่รวมเข้าไปกับพลังโบราณชนิดนี้ด้วย เรียกได้ว่ามีพลังจนผู้คนต่างก็ต้องตกใจ

 

“ ตูม “

 

เยี่ยจงลงมือ เขาใช้ออกด้วยดัชนีทั้งห้าบนฝ่ามือ จากนั้นก็ได้ปรากฏพลังเซียนสีรุ้งอยู่บริเวณทางด้านหลัง พุ่งออกไปทางด้านหน้าเข้าปะทะออกไปปานสายฟ้าแลบ วินาทีนั้น เสียงของการปะทะก็ดังออกมาไม่ขาดสาย พลังเซียนสีรุ่งก็ได้เคลื่อนไหวจนแตกออกท่ามกลางอากาศจนทำให้ผู้คนต่างก็ตกใจ

 

“ ตูม “

 

ทักษะเซียนทั้งสองสายปะทะเข้ากันทันที วินาทีนั้น คมกายแสงคมกล้านับไม่ถ้วนท่ามกลางอากาศก็ได้ระเบิดออกมา ก่อเกิดลมหมุนวนอันน่าหวาดกลัว ดุจดั้งประทัดอันสวยงามปะทุก็มิปาน งดงามไร้ที่เปรียบ ก่อเกิดความเคลื่อนไหวอันมหาศาลจนผู้คนยังต้องตกใจ

 

เพียงแต่ทันทีที่ได้เข้าปะทะ พลังอันน่ากลัวของทักษะเซียนทั้งสองสายเกิดรอยร้อยขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่ว่าทันใดนั้นเอง คมหมอกสังหารกลับยังคงปรากฏอยู่ท่ามกลางอากาศ คล้ายดั่งก่อเกิดขึ้นมาใหม่ก็มิปาน

 

และตอนนี้ในเวลาเดียวกัน บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้มีความเคลื่อนไหวประหลาดแผ่กระจายออกไปนับไม่ถ้วน คล้ายดั่งเทพสวรรค์กำลังบรรเลงเพลงก็มิปาน

 

คมหมอกสังหารในตอนนี้ก็ได้ค่อยๆปรากฏขึ้นบริเวณบนท้องฟ้า ทอประกายคมกล้าออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ราวกับว่าในตอนนี้ คมหมอกสังหารนี้ก็เป็นเหมือนดั่งใจกลางของฟ้าดินก็มิปาน

 

พลังกดดันชนิดนี้เอง เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีเทพขึ้นมา

 

เยี่ยจงเกิดความหวั่นไหวขึ้นภายในใจ ภายในดวงตาได้ทอประกายหนักแน่นขึ้น ความแข็งแกร่งของจื่อลู่ผู้นี้ได้เกินความคาดเดาของตนเองไปแล้ว ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ตบทั้งสองมือออก บริเวณฝ่ามือก็ได้ปรากฏพลังกระบี่ตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว ทับซ้อนกันเป็นชั้นเข้าด้วยกัน ไหลเวียนไปมาอย่างช้าๆ

 

“ พุทธลักษณ์ส่องทั่วแดนดิน “

 

จื่อลู่สูดลมหายใจแรงๆครั้งหนึ่ง ราวกับหญิงสาวที่มีความเสียใจฝึกตนอยู่เบื้องหน้าพุทธลักษณ์ก็มิปาน ระหว่างนั้นนางก็ได้สูดลมหายใจอีกครั้ง ระหว่างฟ้าดินก็ได้มีฝ่ามือปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วก็ได้จับไปทางด้านกลางอากาศ มุ่งหน้ากดทับไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป เป็นไปในลักษณะนั้น ราวกับต้องการที่จะให้เยี่ยจงจมอยู่กับพลังสายนี้ก็มิปาน

 

สีหน้าเยี่ยจงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทักษะเซียนของเด็กสาวเบื้องหน้าสายตาถึงกับมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สำนักเสวียนหวินถึงกลับหาญกล้าที่จะลงมือต่อเขา ในเมื่อได้เตรียมการเช่นนี้เอาไว้แล้ว ตนเองในตอนนี้ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนเป็นแข็งกล้าขึ้นแล้ว หากว่ายังเป็นพลังฝีมือเมื่อตอนที่ตนเองพึ่งจะเข้าสู่สมรภูมิฮวงกู่แล้วละก็ ไม่แน่ว่าคงจะต้องพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของเด็กสาวผู้นี้แล้ว

 

“ พลังกระบี่ตราประทับ แตก “

 

ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ร้องขึ้นเบาๆ เขาไม่กล้าที่จะประมาท ใช้ออกด้วยพลังดัชนี วินาทีนั้นพลังกระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับเข้าหากันจนถึงชั้นที่สิบห้า มุ่งหน้าเข้าไปผลักดันปะทะกับพลังพุทธลักษณ์ ใจกลางพลังกระบี่ตราประทับ ก็ได้แผ่กระจายพลังแห่งความตายออกมา จนแผดเผาพลังพุทธลักษณ์นั้น เรียบร้อยภายในกระบวนท่าเดียว

 

“ บรึม “

 

ทันใดนั้นเอง กระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับกันพุ่งขึ้นฟ้า เข้าชนกับประกายเพลิงเข้าด้วยกัน วินาทีนั้น พลังเซียนอันลี้ลับมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้สาดประกายอยู่ท่ามกลางอากาศ ราวกับดวงดาวยามค่ำคืนก็มิปาน เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีปราณที่ยากจะคาดเดา

 

“ พุทธลักษณ์ส่องทั่วแดนดิน “

 

จื่อลู่ร้องออกมาเบาๆ วินาทีนั้นก็ได้พบแสงเงาสายหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางอากาศ ทางด้านหลังของแสงเงานั้นได้มีมือสิบแปดข้าง ท่ามกลางแขนของทุกข้าง ก็ได้มีโคมไฟอยู่ชิ้นหนึ่ง โคมไฟทั้งสิบแปดดวงในตอนนี้ก็ได้พุ่งเข้าสังหารเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ ไม่ว่าจะมองเช่นไร เยี่ยจงก็ไร้หนทางที่จะหลบหนีได้

 

“ แตก “

 

ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้ตะโกนออกมา เขายื่นมือทั้งสองข้างอีกครั้ง วินาทีนั้น พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับไปจนถึงชั้นที่สิบแปด รวมไปทั้งรังสีแห่งความตายก็ได้แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้พลังกระบี่ตราประทับหมุนวนออกไปในเวลาเดียวกัน แผดเผาไปรอบด้าน มุ่งหน้าเข้าต้านการโจมตีของโคมไฟทั้งสิบแปดดวงนั้น

 

“ ติ้งติ้งติ้ง “

 

เสียงชิ้งเช้งดังออกมไม่หยุด ปะลุอยู่ท่ามกลางสนามไปทั้งสายลมและท้องฟ้า หมุนวนไปรอบด้าน น่าหวาดกลัวสุดเปรียบปาน

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินคนอื่นๆต่างก็ได้ถอยออกไปจำนวนมาก เพื่อจะไปให้ไกล นั้นก็เพราะพวกเขาทราบว่า หากตกเข้าวงล้อมนั้น ไม่ว่าใครก็คงโชคร้ายมากกว่าโชคดี

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 565

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset