เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 244 ต่อสู้ตัดสินครั้งใหญ่

ตอนที่ 244 ต่อสู้ตัดสินครั้งใหญ่

 

ท่ามกลางอากาศ เปลวไฟที่ร่ายรำ ตรากระบี่พัวพัน ก่อเกิดเสียงปะทะดังออกมาไม่ขาดสาย ภาพที่เป็นเงาของแขนทั้งสิบแปดก็ได้ถือไว้ด้วยโคมไฟ ดั่งหลอมรวมทั้งฟ้าดินก็มิปาน หมุนวนไปรอบด้าน จนกลายเป็นตาข่ายฟ้าดิน ปกคลุมไปทั่ว

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พลังกระบี่ตราประทับสิบแปดชั้นของอีกฝ่ายก็มีพลังคล้ายกับธารเงินที่มิอาจทำลายได้ก็มิปาน คล้ายดั่งแห่งการทำลาย

 

การโจมตีของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันในทุกครั้ง เป็นเหมือนดั่งศิลาขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนกัน แต่นี้เป็นการปะทะกันของทักษะเซียน แรงระเบิดอันน่าหวาดกลัวก็ได้ก่อเกิดแรงกดดันและประกายแสง ทุกการปะทะก็รวมไว้ด้วยพลังมหาศาล ราวกับภูเขาไฟระเบิด พุ่งขึ้นสู่ฟ้า

 

ในขณะนี้เอง ฟ้าดินก็ได้เกิดความเคลื่อนไหว ธารน้ำแตกแยกออกจากกัน ธารน้ำมังกรแต่ละสายก็ได้พุ่งขึ้นสู่ฟ้า

 

ฉากเบื้องหน้าทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้ เด็กหนุ่มสาวที่มีพลังยุทธ์เพียงแค่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดสองคน ถึงกับสามารถระเบิดพลังการต่อสู้อันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้ เกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือที่มีพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตความสำเร็จใหญ่ เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้าก็ยังต้องตกใจ

 

“ กร๊อบ “

 

และครั้งสุดท้ายในการปะทะ เงาร่างบนอากาศและตรากระบี่ก็ได้แตกกระจายในเวลาเดียวกัน เงาร่างนั้นก็ได้กลายเป็นหมองลง หายสาบสูญไปท่ามกลางอากาศ บรรยากาศอันแปลกประหลาดก็ได้หายไปเช่นเดียวกัน

 

“ ศิษย์น้องจื่อลู่ถึงกับล้มเหลวงั้นหรือ ? “

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินต่างก็เกิดอาการสับสน แต่ละคนหนาวสั่นไปจนถึงกระดูก ตลอดมานี้ จื่อลู่ขอเพียงใช้ออกด้วยกระบวนท่านี้ ต่างก็ไร้ความพ่ายแพ้ แต่ว่าในตอนนี้ผลลัพธ์ถึงกับออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?

 

“ เยี่ยจงผู้นี้ก็มิใช่คนทั่วไป จื่อลู่ถึงแม้จะเป็นสวางม่อสำนักเรา แต่ถ้าต้องการที่จะเก็บกวาดเยี่ยจงคาดว่าคงต้องเสียเวลาอย่างแน่นอน พวกเขาแค่มองดูก็พอแล้ว “ หลังจากนั้น ก็ได้มีคนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเอ่ยขึ้นมา ในเวลานี้ พวกเราไม่อาจที่จะไม่เชื่อได้แล้ว

 

บริเวณท่ามกลางสนาม จื่อลู่ในตอนนี้ใบหน้าขาดซีด ในตอนนี้นางได้มองไปยังการปะทะของกระบวนท่า ร่างกายก็โอนเอนไปมา เห็นได้ชัดว่านางเองก็คิดไม่ถึง กระบวนท่านี้ของตัวเองถึงกับถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

 

ทันใดนั้นเอง มืออันขาวผ่องทั้งสองข้างผสานกัน จนกลายเป็นตราประทับอันประหลาดสายหนึ่ง ทอดลงสู่ท่ามกลางอากาศ

 

ก่อเกิดหมอกอันประหลาดล้อมรอบอยู่บริเวณข้างกาย ราวกับภาพวาดจากหมึก ท่ามกลางอากาศก็ได้มีหมึกเข้มข้นเพียงสายหนึ่ง อีกทั้ง หมึกดำนี้ยังถูกสร้างมากพลังปราณอีกด้วย ถือเป็นพลังที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างมากมาย

 

เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้น จื่อลู่นี้ถือได้ว่าแข็งแกร่ง ในด้านของพลังสมควรที่จะอยู่ในขั้นซานกวานเทียนทงขอบเขตปราณ แต่ว่า แล้วจะเป็นไร ?

 

กับการฝึกยุทธ์ของตนเองตลอดครึ่งปีมานี้ เยี่ยจงเรียกได้ว่ามีความมั่นใจอยู่ เขากลับไม่รู้สึกว่า ตนเองจะต้องพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของเด็กสาวผู้นี้เพียงคนเดียว

 

“ ไป “

 

ในที่สุดเมฆก็ได้ลอยตัวรวมกัน จนกลายเป็นตาข่ายชิ้นหนึ่งขนาดใหญ่ จื่อลู่โยกมืออย่างง่ายๆ ราวกับผืนทะเลทรายที่มีดวงดาวก็มีปาน ปกคลุมเต็มท้องฟ้า มุ่งหน้าหมุนวนไปบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

“ ไสหัวไป “

 

เยี่ยจงยกมือขึ้น นิ้วมือทั้งห้าแยกออก ฟาดฝ่ามือพุ่งออกไปทางด้านหน้า จนปรากฏเงาร่างของมังกรเจ็ดสีขึ้นที่ด้านหลังเยี่ยจง จนเกิดพลังเซียนสีรุ้ง กดดันออกไป ถือเป็นการโจมตีที่มีความน่ากลัวเต็มสิบส่วน

 

“ กร๊อบกร๊อบ “

 

เสียงของการแตกหักดังออกมา ราวกับว่าทันใดนั้น ตาข่ายเมฆนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวกระดาษที่ฉีกขาดอยู่แผ่นหนึ่ง จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ชัดฝ่ามือพลังเซียนสีรุ้งออกไป มุ่งหน้าเข้าสังหารไปยังร่างของจื่อลู่

 

“ กร๊อบ “

 

จื่อลู่ตัดสินใจที่จะยื่นมือขวาออกไป เพื่อต้านรับกระบวนท่านี้ หลังจากที่ได้ถอยกายไปแล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น แขนเสื้อที่คลุมแขนเอาไว้อยู่ก็ได้ฉีกขาดไปกว่าครึ่ง เผยให้เห็นส่วนที่ขาวผ่อง ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการโจมตี

 

หากว่าเปลี่ยนเป็นอีกคน ที่พึ่งพาเพียงแต่พลังกล้ามเนื้อเพื่อที่จะต่อกรกับพลังฝ่ามือมังกรสีรุ้งของเยี่ยจง ในตอนนี้ผลลัพธ์อย่างดีที่สุดก็แค่ร่างแตกกระจายออก แต่ว่าความแข็งแกร่งของจื่อลู่นั้นถือได้ว่าเกินความคาดเดาของเยี่ยจงไปมากแล้ว ถึงกับสามารถหยุดยั้งกระบวรท่านี้ได้

 

“ การควบคุมทักษะเซียนของเยี่ยจงในตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นทักษะเซียนระดับกลางเป็นอย่างน้อย พลังทำลายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง “ ศิษย์สำนักเสวียนหวินที่มองดูการต่อสู้ภายในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ใบหน้าของเยี่ยจงก็สงบนิ่ง ไม่ได้มีสีหน้าใดๆปรากฏออกมา บุคคลเช่นนี้จึงถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง จนทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะไม่กระวนกระวายได้

 

จื่อลู่มองไปที่เยี่ยจง ทันใดนั้น ร่างกายของนางก็ได้สั่นเทาไปมา ถอยหลังไปอย่างช้าๆราวกับเมฆาที่ไหลไปตามน้ำก็มิปาน ในเวลาเดียวกันทั้งสองมือก็ได้ผนึกเป็นตราเปลี่ยนแปลงไปมา เริ่มที่จะใช้ทักษะยุทธ์ออก หมายที่จะสังหารเยี่ยจง

 

“ นี้มัน ? “

 

ทันใดนั้นเยี่ยจงก็สัมผัสได้ถึงความหนาวสั่นจนถึงขั่นกระดูก ความน่ากลัวอย่างประหลาดชนิดนี้ปรากฏอยู่ภายในใจ ควรทราบว่า ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ การเผชิญหน้ากับจื่อลู่เพียงคน สมควรที่จะต้องไม่มีอันตรายใดๆจึงจะถูกต้อง

 

“ แย่แล้ว “

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เงยหน้าขึ้นทันที บนใบหน้าปรากฏถึงความตกใจขึ้น

 

ในตอนนี้ ท่ามกลางอาการก็ไม่ทราบว่าได้มีหมอกหนาลอยรวมกันตั้งแต่ตอนไหน ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณของเยี่ยจง ท่ามกลางหมอกหนา ก็ได้มีประกายสายฟ้าไหลผ่านออกมา เป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

 

“ โครม “

 

ในทันทีที่เยี่ยจงยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน ประกายอัสนีสายหนึ่งก็ได้เข้ามาอีกทางด้านหนึ่ง มุ่งหน้าไปทางด้านของเยี่ยจงเสียงดังสนั่นเข้าไป

 

ในขณะนั้นเอง ต่อให้เป็นพลังฝีมือเยี่ยงเยี่ยจงก็ยังไม่กล้าที่จะวู่วาม เขาตัดสินใจที่จะก้าวออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้หายวาบออกไป

 

“ โครม “

 

ลำต้นของต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง ก็ได้ถึงแยกออกเป็นสี่สิ้นห้าชิ้น จนกลายเป็นฝุ่นผง ฉากเบื้องหน้าถือได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างมาก

 

“ แข็งแกร่งมาก จื่อลู่ได้สำเร็จวิชาขอบเขตเข้าสู่เซียนของวิชาเก้าเมฆาของสำนักเราได้แล้ว ยังสามารถที่จะสร้างเมฆากลายเป็นอัสนีได้ ช่างเป็นกลายเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวเสียจริง “

 

“ กลางเมฆาแปรเป็นอัสนี อัสนีก่อเกิดเมฆา นี้ถือได้ว่าเป็นเคล็ดความลี้ลับของสำนักเรา ครั้งนี้เยี่ยจงผู้นี้จบสิ้นแล้ว “

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินแต่ละคนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาจากที่หากไกล บนใบหน้าประกฎความยากที่จะเชื่อ แต่ว่าไม่นานนัก สิ่งที่ยากที่จะเชื่อได้ลงก็ได้เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น จื่อลู่ยิ่งแข็งแกร่ง เช่นนั้นการสังหารของเยี่ยจงก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

 

จื่อลู่ที่อยู่ท่ามกลางหมอกหนาทึบก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีหน้ามากนัก นางยังคงขยับแขนและมือไปมาไม่หยุดเพื่อเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับอัสนีบาตรผ่าลงมาเป็นสาย มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นอัสนีบาตสายให้ก็ตามหากว่ากระทบถูกร่างของเยี่ยจง ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว

 

เยี่ยจงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาเปลี่ยนสัญลักษณ์บนมือทั้งสองข้างไปมา บริเวณด้านหน้าก็ได้ปรากฏพลังเซียนสายรุ้งออกมา เพื่อหนุนเสริมหยุดยั้งอัสนีบาตรสังหารไว้ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ใช้ออกด้วยพลังดัชนีออกไป พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ก่อตัวรวมกันจนกลายเป็นการโจมตีอันน่าหวาดกัน ภายใต้กระบวนท่านี้ แน่นอนว่าย่อมสามารถทำให้จื่อลู่บาดเจ็บหนักได้

 

ภายใต้กระบวนท่าที่เป็นกระบวนท่าอันโหดเหี้ยมนี้ ทั้งสองฝ่ายก็ได้เปิดการโจมตีครั้งใหญ่ขึ้น ในทุกครั้งที่มีการปะทะเข้าหากัน ต่างก็สามารถจิตใจเกิดความหวาดเกรงต่ออีกฝ่ายได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีการยั้งมีไว้ไมตรีใดๆแน่นอน เพราะว่าถ้าเกิดมีการไว้ไมตรีแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าคงจะเป็นตนเองที่ต้องทอดร่างเอาไว้แล้ว

 

“ เคร่ง “

 

จื่อลู่ขยับกายเล็กน้อยคราหนึ่ง ทันใดนั้นเอง นางก็นำเตาขนาดเล็กออกมาชิ้นหนึ่ง ภายในเตาเล็กได้ก่อรวมพลังเซียนอัสนีเอาไว้อยู่ ทันทีที่พุ่งออกไป ก็ได้ก่อพลังอัสนีบาตรนับพันหมื่นสายออกมา มุ่งหน้าตรงเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ เห็นได้ชัดว่า การต่อสู้อันยาวนานของนางและเยี่ยจง ได้สูญเสียพลังไปอย่างมาก หากว่ายังไม่อาจที่จะจัดการเยี่ยจงได้ นางก็อาจจะต้องพ่ายแพ้แล้ว

 

“ มีแค่เจ้าที่มีสมบัติปราณงั้นหรือ ? “

 

เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา ขยับมือขวาคราหนึ่ง ชิ้นส่วนมายาก็ได้ออกมาในทันที ก่อเกิดวายุสายยาว มุ่งหน้าเข้าดูดกลืนพลังอัสนีบาตเข้าภายในชิ้นส่วนมายา

 

“ เพียะ “

 

ในทันทีที่ชิ้นส่วนมายากำลังดูดกลืนอัสนีบาตรอยู่ เยี่ยจงก็ได้ใช้พลังดัชนีออกไป ก่อเกิดสายลมมุ่งหน้าพัดเข้าไปทางด้านหัวไหล่ขวาของจื่อลู่

 

ถึงแม้พลังกล้ามเนื้อของจื่อลู่จะแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีสมบัติปราณคุ้มกาย แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังต้องรับกระบวนท่าของเยี่ยจงเข้าไปเต็มๆ ถึงกับต้องกระอักโลหิตแล้วถอยออก ทอสีหน้าปั้นยากออกมาอย่างถึงที่สุด

 

“ ตายซะ “

 

สีหน้าเยี่ยจงเย็นเยียบขึ้นมา ไม่ได้มีแม้แต่ความคิดที่จะถนอมบุษผาเลยแม้แต่น้อย เขาฟาดออกด้วยฝ่ามือขวาด้วยนิ้วใช้ห้า ส่วนมือซ้ายชี้ออกไป ฝ่ามือมังกรสายรุ้งและพลังกระบี่ตราประทับถูกใช้ออกในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุด มุ่งหน้าไปเข้าสังหารไปทางด้านบริเวณที่จื่อลู่อยู่

 

“ คุ้มกัน “

 

จื่อลู่ร้ำร้องออกมา ทั่วทั้งร่างก็ได้ระเบิดกระปายแสงออกมา ร่างกายของนางก็ได้ปรากฏกระดิ่งเล็กๆชิ้นหนึ่ง กระดิ่งเล็กลอยไปด้านบนหมอกหมึก เห็นได้ชัดว่าถือเป็นสมบัติปราณคุ้มกายชิ้นหนึ่ง มันส่งเสียงกลางสายลมยาวนาน คลอบคลุมไปทั่วทั้งกาย

 

“ ฮูม “

 

น่าเสียดาย เพียงแค่ชั่วเวลาทันใดนั้น กระดิ่งเล็กนี้ก็ได้แตกกระจาย จื่อลู่กระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายร่วงหล่นออกไป นางพยายามดึงรั้งสมบัติปราณนี้ แต่ก็ไม่อาจที่จะใช้ออกด้วยพลังจากทั่วร่างได้ กระทั่งถูกโจมตีถอยออกไป

 

เสื้อผ้าที่นางสวมเอาไว้ในตอนนี้ก็ได้ฉีดขาด เผยให้เห็นเรือนร่าง ทีทำให้ผู้คนใจเต้นขึ้นมาได้

 

ทว่าเยี่ยจงราวกับมิได้เห็นอยู่ในสายตา เขาขยับมือขวาคราหนึ่ง กระบี่คงหมิงก็ได้ปรากฏขึ้นมาใจกลางฝ่ามือ สะบัดไปมาตามความเคลื่อนไหวของเขา คมกระบี่ได้แผ่ความน่ากลัวออกมา มุ่งหน้าเข้าไปทางด้านบริเวณที่จื่อลู่อยู่

 

“ เปิด “

 

จื่อลู่ร้องขึ้นมาเบาๆ ตบทั้งสองมือออก ในช่วงเวลาที่คับขันอีกทางด้านก็ได้ใช้ออกด้วยโล่หมอก ปกคลุมไปทั่วบริเวณด้านหน้า ป้องกันสิ่งที่พุ่งเข้ามา

 

เจ้าก็ช่างไร้เดียงสาเสียจริง “

 

เยี่ยจงใบหน้าเย็นชาขึ้น ปลายกระบี่ก็ได้ซ้อนทับไว้ด้วยพลังกระบี่ตราประทับ แล้วก็ได้กลายเป็นความคมกล้าพุ่งออกเข้าสังหาร ทุกครั้งของการลงกระบี่ ก็ได้ทำให้โล่หมอกนั้นสั่นไหวและเกิดรอยร้าว

 

“ ตูมตูมตูม “

 

ทุกการโจมตี ต่างก็เป็นเหมือนดั่งค้อนขนาดใหญ่ทุบลงไปก็มิปาน จนทำให้แม้กระทั่งผิวดินยังต้องสั่นไหว ดังนั้นทุกการโจมตีที่ลงไป ร่างกายของจื่อลู่ก็ต้องขยับไปมา จากนั้นก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

 

ชั้นหมอกท่ามกลางอากาศก็ได้หายไป ในช่วงเวลานี้ จื่อลู่ก็ได้เกิดความรู้สึกยากที่จะรับได้อยู่ภายในใจ ไร้หนทางที่จะโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกันได้

 

“สำนักเสวียนหวินของพวกเจ้า ที่แท้ก็อ่อนแอเช่นนี้หรือ “

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วก็ได้โบกมือขวาขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาได้ลงมือโดยใช้แรงทั้งหมด เมื่อได้ยินเสียงปะทะดังขึ้น โล่หมอกของจื่อลู่ก็ได้แตกกระจายออกท่ามกลางอากาศ จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ขยับกระบี่อีกครั้ง มองดูกระบี่เสือกแทงเข้าไปยังหน้าอกของจื่อลู่

 

“ ไม่ “

 

“ ทุกคนขึ้นไปพร้อมกัน สับเขาซะ ความแข็งแกร่งของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว “

 

เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้า ศิษย์สำนักเสวียนหวินไม่น้อยที่ความจริงมองดูอยู่ต่างก็เกิดความตกใจขึ้นมา ในหมู่พวกเขาก็มีอยู่หลายคนที่ต่างก็นับถือจื่อลู่อย่างไร้ที่เปรียบ ไม่อาจที่จะมองดูจื่อลู่ตายตกภายใต้คมกระบี่ของเยี่ยจงเช่นนี้ได้

 

แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ ความเร็วของเยี่ยจงใช่วาจะเป็นพวกผู้มีพรสวรรค์ด้วยทั่วไปจะสามารถเทียบได้ กระบี่นี้ของเขาแทงออกไป รังสีกระบี่ได้เข้าไปปกคลุมทั่วทั้งร่างกายบนล่างของจื่อลู่ มองดูคล้ายดั่งใช้ดาบสับเข้าไปแค่หนึ่งดาบ

 

“ เคร่ง “

 

ทันใดนั้น จี้หยกที่คล้องอยู่ตรงหน้าอกก็ได้ขยับขึ้นมาในทันที จนกลายเป็นประกายแสงปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของนาง นี้ถือเป็นการป้องกันอย่างสุดท้ายของนาง หากว่าไม่มีทางที่จะหยุดยั้งกระบี่นี้ของเยี่ยจง เช่นนั้นนางก็คงต้องทอดร่างอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว

 

“ โครม “

 

เป็นครั้งแรกที่รับกระบวนท่าได้ในทันที กระบี่ของเยี่ยจงสั่นไหวเล็กน้อย แต่ว่าอย่างน้อยกำให้ประกายแสงแตกกระจายได้ ในเวลาเดียวกัน ขุมพลังขนาดใหญ่สายหนึ่งก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายจื่อลู่ทั้งบนล่าง จนทำให้ร่างกายของนางถอยกระเด็นลอยออกไป กระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 565

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset