เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 252 ประกาศสงคราม

ตอนที่ 252 ประกาศสงคราม

 

 

“ เจ้าผีน้อย ตายให้ข้าเสียเถอะ “

 

ทันใดนั้นหวินซงก็ได้ตะโกนออกมา สีหน้าทอแววดุร้ายอย่างถึงที่สุด เขาอ้าปากแล้วก็คายแสงกลุ่มหนึ่งออกมา ท่ามกลางแสงกลุ่มนี้ก็ได้มีกระบี่กระดูกอยู่ด้ามหนึ่งอยู่ เต็มไปด้วยไอโลหิตอันลี้ลับ ทันทีที่ได้ปรากฏออกมาก็สาดประกายคมกล้า ถือเป็นกระบี่ที่น่าตกใจ ทะยานกวาดเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป หมายต้องการที่จะฟาดฟันจนกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อละเอียด

 

“ สมบัติปรานเปิ่นหมิง(ดั่งเดิม) ? “

 

เยี่ยจงแข็งทื่อขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ภายในใจกลางฝ่ามือก็ได้รวมพลังกระบี่ตราประทับขึ้น ใช้ออกด้วยฝ่ามือนี้ออกไป โจมตีเข้าไปอย่างหนักๆที่บริเวณกระบี่ด้ามนี้

 

“ เคร้ง “

 

เสียงดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว กระบี่กระดูกสั่นไหวไปมา พุ่งออกไปทางด้านข้าง แต่ว่าสมบัติปราณเช่นนี้ถูกสร้างมาด้วยวัตถุชั้นเยี่ยม ด้วยพลังฝีมือของเยี่ยจงในตอนนี้ ที่ควบคุมพลังกระบี่ตราประทับชั้นที่สิบแปดอยู่ ในระดับของพลังถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ว่าเพื่อฟาดให้ลอยออกไป แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะทำลายมัน

 

“ เยี่ยจง กระบี่กระดูกนี้ถือได้เป็นของดี ให้ข้าได้กลืนกินมันไป ข้าจะหาวิธีเพื่อที่จะช่วยเจ้าหาโอสถเทพให้ ให้โอกาสเจ้าได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย “ เสียงของเสี่ยวหลุนดังขึ้นภายในหูของเยี่ยจง ในเวลานี้เหมือนดั่งมีเสียงน้ำลายไหลออกมาอยู่หลายส่วน

 

เยี่ยจงไร้คำที่ตะกล่าว ทว่าเขาก็ยังคงพยักหน้าไปมา ในตอนนี้โลหิตมังกรแท้อยู่ในมือของเสี่ยวหลุน เขาคงไม่คิดที่จะทำให้”เรื่องเล็กน้อย”เช่นนี้มาสร้างปัญหากับมัน

 

ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงพุ่งร่างออกไป พลังกระบี่ตราประทับถูกใช้ออกมาไม่หยุด ทุกครั้งที่ได้ฟาดออกไป ก็ได้แผ่กระจายเสียงดังของความรุนแรงของการแตกหักออกมา จนทำให้หวินซงที่จับกระบี่กระดูกต้องถูกฟาดจนลอยออกไปไม่หยุด

 

“ ตูม “

 

หวินซงดันขาข้างหนึ่งที่อยู่บนพื้นอย่างรุนแรง ทันใดนั้นร่างกายก็ได้พุ่งออกหมายสังหารอีกฝ่าย บนร่างของก็ได้มีหมอกหมึกสังหารลอยออกมา

 

หากว่านี้เป็นยามปกติ สมควรที่จะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สังหารได้แล้ว เพียงแต่ว่าหวินซงในตอนนี้ได้พิการมือเท้าอย่างละข้าง พลังการต่อสู้ยังไม่อาจที่จะใช้ออกได้แม้เพียงครึ่ง ร่างกายของเขาพึ่งจะฟื้นเพียงครึ่งหนึ่ง ก็ได้พบเห็นแววตาเยาะเย้ยจากเยี่ยจง

 

“ ถี่ “

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงได้ยื่นมือขวาออกไป คว้าจับไปที่ตัวกระบี่กระดูกเบาๆ จากนั้นก็เป็นไปตามที่เยี่ยจงการเคลื่อนไหวของมือเยี่ยจง กระบี่กระดูกนี้ได้เกิดเสียงดังของการแตกหักขึ้น

 

“ ครืน “

 

ภายใต้การประสานจิตเอาไว้ หวินซงก็ได้กระอักโลหิตออกมา สมบัติปราณคู่ชีวิตของตนเองก็ได้ถูกทำลายลงเช่นนี้เองงั้นหรือ

 

“ คืนให้เจ้า “

 

หลังจากที่เยี่ยจงยื่นมือไปเก็บกระบี่กระดูกแล้ว เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงบอกบางอย่างภายในหูของเขา จากนั้นก็ได้พบเห็นประกายแสงสายหนึ่ง จากนั้นกระบี่โบราณที่ถูกทำลายไปแล้วนั้นก็ได้หายไปอย่างสะอาดหมดจด

 

“ แย่แล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสบาดเจ็บหนัก ไม่อาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าลูกเต่านี้ พวกเราลงมือพร้อมกัน “

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินหลายคนที่เหลือในตอนนี้ก็ได้มีปฏิกิริยากลับมา ทันใดนั้นพวกเขาพุ่งเข้าสังหารออกไป ล้อมเอาไว้

 

“ พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป “ เยี่ยจงคร้านที่จะหันศีรษะกลับไป จากนั้นเพียงฟาดฝ่ามือกลับหลัง ก็ได้ยินเสียงดังตูมตูมตูมดังขึ้นมา ศิษย์สำหนักเสวียนหวินหลายคนที่ได้ลงมือร่วมกันก็ได้กระอักโลหิตถอยออกไป พวกเขาปะทะเข้ากับทักษะยุทธ์นี้ของเยี่ยจงจนเกิดการระเบิดออกมา ฝีมือนี้ของเยี่ยจง ก็ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

 

“ เจ้าลูกเต่า ข้าผู้เฒ่าวันนี้ต่อให้ต้องปลดผนึกพลัง ถูกเขตแดนของสมรภูมิฮวงกู่ฆ่าสังหาร ก็จะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ “ หวินซงมองจนเกิดเพลิงแค้นขึ้นมา ศิษย์สำนักเสวียนหวินหลายคนนี้ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์กับเขาหลายส่วย ในตอนนี้กลับถูกเยี่ยจงกลับถูกเยี่ยจงทุบตีจนคล้ายดั่งลูกแตงโม มีหรือจะไม่ทำให้เขาไม่โกรธแค้นได้

 

“ เฒ่าปีศาจจะปลดผนึกแล้ว ปะทุพลังเดิมออกมา เจ้ารีบถอยเร็ว “ บริเวณทางด้านหลัง สีหน้าขององค์หญิงสี่ก็เปลี่ยนไป ถอยกายไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ส่งเสียงดังออกมาในเวลาเดียวกัน

 

“ ไป “

 

สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน ฝ่าเท้าของเขาที่เหยียบลงบนพื้นคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ทะยานออกไป

 

หวินซงเหม่อมองไปที่ฉากเบื้องหน้า หัวเราะเย็นชาขึ้นมา ความจริงในตอนนี้เขาหมายจะปลดผนึกออก จากนั้นก็ได้โบกมือคราหนึ่ง นำขวดใบหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อปิดบังสายตาของอีกฝ่ายและศิษย์สำนักเสวียนหวินหลายคน คิดหมายที่จะหลบหนีไป

 

“ ตูม “

 

ในช่วงกะทันหัน ความน่ากลัวอันไร้ที่เปรียบสายหนึ่งก็ได้เคลื่อนที่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ร่างของเยี่ยจงที่ร่อนอยู่ท่ามกลางอากาศ เขาก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไป บริเวณทางด้านหน้า พลังเซียนสีรุ้งสายหนึ่งก็ได้ฆ่าฟันออกไป แล้วก็ได้ยินเสียง”บรึม”ออกมาดังขึ้น ขวดใบนั้นของหวินซงก็ได้ถูกทำลายลง

 

และในเวลาเดียวกัน ร่างของเยี่ยจงก็ไหลบหนีออกไป ได้ยินแต่เพียง”ปุ”เบาๆดังขึ้นครั้งหนึ่ง บริเวณใจกลางหน้าอกของหวินซงก็ได้เพิ่มด้วยรูเลือดไม่ใหญ่ไม่เล็กจากพลังดัชนี

 

เห็นได้ชัดว่า ที่เยี่ยจงหลบหนีเป็นแค่เพียงแผนลวงเท่านั้น เขาฉวยโอกาสที่เข้าใกล้หวินซงได้ แล้วก็ได้ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมสังหารลงไป

 

“ เจ้า …… ทรราชน้อย ……… “ สีหน้าของหวินซงยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก ชี้ไปที่ด้านเยี่ยจง ภายในดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังและไม่จำยอมออกมา

 

เขายังไม่อยากตาย ดังนั้นในช่วงท้ายที่สุดจึงไม่ได้ปลดผนึกออกมา เพื่อสังหารเยี่ยจง แต่กลับคิดที่จะถอยจากไป

 

แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นนี้ได้ ทำให้เขามิอาจที่จะตายตาหลับได้

 

“ อย่าว่าแต่เจ้าไม่มีความกล้าที่จะปลดผนึกเลย ต่อให้เจ้าปลดผนึกจริง ข้าก็ยังต้องกลัวเจ้าอย่างงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงจ้องหวินซงเขม็ง ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

 

“ เจ้า “

 

ใจกลางหน้าอกของหวินซงก็ได้มีโลหิตไหลออกมาไม่หยุด และเงาร่างทางด้านหลังของเขา ก็ได้สะดุดล้มลงกับพื้น เพียงใช้สายตาอันโดดเดี่ยวมองไปที่ฟากฟ้า บ่นถึงความไม่จำยอมของเขา

 

“ ผู้อาวุโสตายแล้ว ? ผู้อาวุโสตายแล้ว ? “

 

ศิษย์สำนักเสวียนหวินที่คล้ายดั่งเป็นอัมพาตจ้องไปที่ฉากเบื้องหน้า สีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น พวกเขาก่อนหน้าไม่ได้เห็นฉากที่เยี่ยจงสังหารสองราชันของสำนักเสวียนหวิน ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเห็นผู้อาวุโสของพวกเขาถูกเยี่ยจงสังหาร ต่างก็ยากที่จะเชื่อได้ลง

 

“ วางใจเถอะ อีกนานพวกเจ้าก็จะไปเป็นเพื่อนเขาแล้ว ในเมื่อเป็นพวกเดียวกัน ก็ไม่เดี่ยวดายหรอก “ เยี่ยจงยิ้มขึ้นมา ทว่าเขากลับยังไม่ได้ลงมือ เพียงแต่กุมมือเหม่อมองหลายคนนี้ แล้วยิ้มออกมาเบาๆ

 

บริเวณทางด้านหลัง องค์หญิงสี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนางก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ใจกลางฝ่ามือก็ได้สาดประกายคมกระบี่ออกมา แล้วก็ได้สังหารไปที่ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์หลายคนของสำนักเสวียนหวิน

 

นี้เป็นการประกาศสงครามอย่างหนึ่ง เยี่ยจงความจริงไม่คิดที่จะสังหารหลายคนนี้ เพื่อที่จะให้องค์หญิงสี่แสดงออกมาถึงความตั้งใจ อีกทั้งองค์หญิงสี่ก็ยังเป็นคนที่ฉลาด ย่อมเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ในตอนนี้ทั้งสองคนถือได้ว่าได้เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว นางคิดที่จะจากไปเพียงคนเดียวนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นเพื่อการร่วมมือกันในวันข้างหน้า นางจึงจำเป็นที่

 

หลังจากที่การต่อสู้ได้จบสิ้นลง ท่ามกลางพื้นที่แห่งนี้ก็ได้เต็มไปด้วยซากศพ เยี่ยจงพลิกไปที่ศพอย่างระมัดระวัง นำเอาขวดหยกที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วก็เก็บเอาไว้

 

ขวดหยกนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติปราณที่ไม่เลว เห็นได้ชัดว่าเป็นถึงสิ่งที่สำนักเสวียนหวินได้จัดเตรียมเอาไว้ ใช้ไว้เพื่อผนึกสมบัติมังกรโลหิตแท้ ทว่าความลำบากในหลายวันมานี้ กลับถือเยี่ยจงเอาเปรียบไปเช่นนี้

 

ถึงแม้ว่าจะมีสมบัติมังกรโลหิตแท้เพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่อยู่ในสายตาของเยี่ยจงในตอนนี้ ทว่าก็ได้เก็บเอาไว้ วันหน้าค่อยนำออกมา คงถือได้ว่าเป็นดั่งโชคลาภอย่างหนึ่ง สมควรที่จะแลกเป็นสิ่งอื่นได้ไม่น้อย

 

องค์หญิงสี่ราวกับมองไม่เห็นก็มิปาน จากนั้นนางก็เพียงแค่ขมวดคิ้ว แล้วจึงกล่าวออกมาเสียงดัง “ ได้ข่าวมาว่า สวางม่อแห่งสำนักเสวียนหวินต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีพสวรรค์ที่หาได้ยาก โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขานั้น กล่าวกันว่าเปรียบได้เสมือนดั่งบุคคลเช่นองค์ชายสิบสาม พลังฝีมือเหนือผู้คน ถ้าหากกองกำลังหลักเสาะหาเขาพบแล้วละก็ พวกเราอย่างน้อยก็ถือได้ว่ามีปัญหาขึ้นมาแล้วหลายส่วน

 

หลังจากที่เงียบงัน จากนั้นเยี่ยจงก็ได้ครุ่นคิดขึ้น แล้วก็หัวเราะแล้วตอบอย่างกะทันหัน “ หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ ไม่งั้นพวกเราก็ไปตามหาศิษย์พี่ใหญ่ที่เล่าขานกันผู้นั้นดูดีหรือไม่ ? ”

 

“ เจ้ากำลังจะบอกว่า ลงมือก่อนได้เปรียบอย่างงั้นหรือ ? “ องค์หญิงสี่ทอสีหน้าประหลาด การกระทำลักษณะนิสัยของเยี่ยจงถือได้ว่าบ้าบิ่นมาก จนทำให้ในตอนนี้นางจำต้องถอนหายใจออกมา ยังดีที่ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่เช่นนั้นแล้วนางก็ใช่ว่าจะสามารถต่อกรกับเยี่ยจงได้

 

“ ความคิดของข้าก็เป็นเช่นนี้ ทว่าเมื่อครู่ลงมือได้เร็วไปหน่อย ลืมที่จะเหลือไว้สอบปากคำ ถามพวกเขาดู ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขามีรูปลักษณะเช่นไร ในตอนนี้ไปที่ใดแล้ว “ เยี่ยจงพยักหน้า กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกเสียดายอยู่หลายส่วน

 

“ หากว่าเจ้าคิดที่ทำเช่นนั้นจริงแล้วละก็ พวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส “ ในขณะที่ครุ่นคิด องค์หญิงสี่ก็ได้เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ ข้าพอทราบว่าศิษย์พี่ใหญ่ท่านนั้นไปยังสถานที่ใด เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในแดนดินของสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ อันตรายไร้ที่เปรียบ

 

“ ที่แท้เป็นสถานที่ใดกัน ? “ เยี่ยจงรู้สึกสงสัย คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คนประเภทองค์หญิงสี่ก็มีความหวาดกลัวต่อสถานที่แห่งนั้นอยู่หลายส่วน

 

“ สถานที่แห่งนั้นเรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากสถานที่แห่งนี้อย่างยิ่ง เรียกว่าสุสานกระบี่ “ หลังจากที่องค์หญิงสี่ครุ่นคิด จึงค่อยตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา “ พื้นที่แห่งนั้นของสุสานกระบี่ เรียกได้ว่าอยู่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางของสมรภูมิฮวงกู่ ทว่าในสถานที่แห่งนั้น ถือได้ว่าเป็นจุดรวมตัวของผู้มีพรสวรรค์ของที่ต่างๆ สิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด สามารถกล่าวได้ว่ามีอันตรายทุกย่างก้าว อีกทั้ง กับบุคคลเฉกเช่นองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง คงจะต้องไปยังที่แห่งนั้นแน่นอน ที่แห่งนั้นถือได้ว่าเป็นดั่งสถานที่แก่งแย่งกันอย่างแท้จริง ถ้าพวกเราอยู่ในสถานที่แห่งนั้น คุ้มครองตนเองคงไม่ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่ว่าคิดที่จะลงมือต่อศิษย์พี่ใหญ่สำนักเสวียนหวิน คงจะยากอยู่เล็กน้อย “

 

“ สุสานกระบี่ ? “ เยี่ยจงครุ่นคิด หลังจากนั้นเขาจึงตอบกลับไป “ ไปกันเถอะ พวกเราเดินทางกัน ไปแย่งชิงกับพวกคนของสำนักเสวียนหวินทางด้านหน้า จัดการสังหารศิษย์พี่ใหญ่คนนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เมื่อถึงเวลาน่าจะเกิดความยุ่งยากขึ้นอย่างมากแล้ว กระนั้นเรื่องที่พวกเราก็ครอบครองสมบัติมังกรโลหิตแท้แล้ว ยังไงเสียก็อย่าให้ได้แพร่ออกไปจะดีเสียกว่า “

 

องค์หญิงสี่จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ได้พยักหน้า จากนั้นนางก็ได้นำเรือปราณออกมา ร่างของทั้งสองคนก็ได้ขึ้นไปปรากฏบนตัวเรือปราณ ออกเดินทางด้วยความรวดเร็ว

 

ในครั้งนี้ เป้าหมายของทั้งสองคนชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ก็คือไปยังสุสานกระบี่ที่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางของสมรภูมิฮวงกู่ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเดินทางไปด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง

 

ตลอดรายทางมานี้ ก็สามารถที่จะพบกับการปรากฏตัวของผู้มีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย ผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ต่างก็ได้มาจากตระกูลต่างๆ รัฐใหญ่ต่างๆ น่ากลัวสุดเปรียบปาน ในตอนนี้ยังได้รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน อีกทั้งเป้าหมายต่างก็คือไปยังสุสานกระบี่แห่งนั้น

 

เกิดการรวมตัวของผู้มีพรสวรรค์มากมายถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีการบาดหมางกันบ้าง ไม่อาจที่จะหลีกหนีจากการต่อสู้ได้

 

ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายต่อเยี่ยจงและองค์หญิงสี่มากมายนัก นั้นก็เพราะว่าพวกเขาได้เดินทางโดยใช้เรือปราณ อีกทั้งยังใช้ด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อเดินทาง เพื่อที่เวลาให้ใกล้นี้จะสามารถเสาะหาศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขากลุ่มคนของสำนักเสวียนหวินเพื่อที่จะได้จัดการตัดปัญหาแต่เนิ่นๆ

 

ทว่าต่อให้เร่งความเร็วขึ้นเช่นนี้ การเดินทางของทั้งสองก็ชั่วเวลาก็ได้ผ่านไปราวครึ่งค่อนเดือนได้แล้ว ยังดีที่องค์หญิงสี่มาจากตระกูลมั่งคั่ง บนกายจึงมีโอสถปราณอยู่มากมาย ทั้งสองคนจึงสามารถผ่านมันไปได้

 

คงเป็นเพราะการเดินทางตลอดมานี้ หลังจากที่ได้ผ่านไปครึ่งเดือน เรือปราณก็ได้สั่นไหวคราหนึ่ง มุ่งไปทางด้านพื้นดินด้วยความรวดเร็ว

 

สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป แล้วก็ได้ย่างกรายออกไปในเวลาเดียวกัน ไปจนถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“ เขตเมืองม่อคง (หวงห้ามอากาศ) “ เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ทอสีหน้าสงสัย บริเวณที่แห่งนี้ถึงกับมีกฎเกณฑ์อันประหลาดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่ยากจะย่างกรายเข้าไปได้

 

“ น่าจะมาถึงแล้ว “ องค์หญิงสี่พยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าปรากฏความจริงจังขึ้น

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 575

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset