เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 257 เข้าสู่ส่วนลึกต่อไป

ตอนที่ 257 เข้าสู่ส่วนลึกต่อไป

 

 

ช่วงเวลาไหลเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าการสังหารก็ได้ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งจิตใจผู้คนมากมาย ทั้งในทุกวินาทีที่หลบซ่อน ในทุกวินาทีต่างก็เจ็บปวด

 

กลุ่มผู้คนที่ถูกวิญญาณปราณวีรชนสังหารไปดุจดั่งสายน้ำไหลพรากก็มิปาน บริเวณที่คล้ายดั่งหมุนไป สามารถที่จะพบเห็นซากศพนำหมื่น ไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดยั้งไว้ได้

 

ยังดีที่สถานการณ์เช่นนี้มิได้ผ่านไปเนิ่นนานนัก เพียงผ่านไปสามชั่วยามเท่านั้น แต่ว่าหลังจากผ่านไปแล้วสามชั่วยาม ท่ามกลางสนามก็มีผู้มีพรสวรรค์ถูกสังหารไปเกือบพันคน บาดแผลจากการตายของพวกเขาถือได้ว่าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อมองในข้อนี้ที่เหมือนดั่งถูกสูบโลหิตไปจนหมด กลายเป็นซากศพที่แห้งผาด ตายได้สยดสยองยิ่ง อีกทางด้านหนึ่งที่กลายเป็นชิ้นๆนับไม่ถ้วน เลือดเนื้อกระจายเต็มพื้น ยังมีคนที่ดูคล้ายกับยังมีชีวิตอยู่ก็มิปาน สติดูล่องลอย แต่ว่าก็ได้สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วทั้งหมด

 

ฉากของการฆ่าฟันได้ผ่านไป เหล่าพวกที่หลบซ่อนอยู่ ถือได้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะหลบซ่อนที่จะผ่านการพบเจอของกลุ่มยอดฝีมือขนาดนั้น พวกเขาเหม่อมองไปทั่วทั้งสี่ด้าน สีหน้าต่างก็ปั้นยากอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังมีผู้คนไม่น้อยที่เกิดความคิดล่าถอยไป ถึงแม้สุสานกระบี่นี้จะมีสมบัติอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีตำนานอย่างวาสนาเพียงสายเดียวอยู่ แต่ว่าของสิ่งนั้นก็ถือได้ว่ายากที่จะครอบครองเอาไว้ได้ ทั้งยังอันตรายอย่างที่สุด

 

เยี่ยจงและพวกที่ได้เดินออกมาจากท่ามกลางสุสาน เมื่อครู่ถือได้ว่าพวกเขาสามารถหลบรอดด่านนี้ไปได้ แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นยอดฝีมือที่ได้ทอดร่างไปนับไม่ถ้วนด้วยตาตัวเอง ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังยากที่จะจินตนาการได้

 

เยี่ยจงหันกลับมา พบว่านอกจากองค์หญิงสี่แล้ว ผู้มีพรสวรรค์ต้าโจวคนอื่นๆในตอนนี้ต่างก็มีใบหน้าขาวซีด มีสายตาของผู้คนไม่น้อยที่เผยความต้องการที่จะถอยจากไป ถึงแม้ว่าในหลายวันก่อนหน้านี้ ในหมู่พวกเขาต่างก็ได้รับสมบัติปราณที่แตกร้าวไปไม่น้อย แต่ก็ถือได้ว่าได้รับผลประโยชน์กันไปแล้ว และในพื้นที่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดที่จะอยู่อีกนาน

 

“ หากว่าพวกเจ้าไม่คิดที่จะเข้าไปอีกแล้วละก็ เช่นนั้นถอยไปในเวลานี้ก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไป “ เยี่ยจงกวาดสายตามองไปยังกลุ่มผู้คนเหล่านี้คราหนึ่ง แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ แต่ว่า ถึงแม้ว่าจะถอยไปในตอนนี้ …….. “ มีคนที่มีสีหน้าอึดอัน สถานที่แห่งนี้อันตรายจนเกินไป ต่อให้ถอยจากไปพวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัว

 

องค์หญิงสี่มองไปที่คนเหล่านี้คราหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองระหว่างพวกเขากับเยี่ยจง ครุ่นคิดขึ้นแล้วกล่าว “ ท่านเยี่ยจง เช่นนั้นพวกเราก็ได้เวลาที่จะแยกทางกันแล้ว คนอื่นข้าอาจที่จะไม่สนใจได้ แต่ว่าเพื่อยังจำเป็นที่จะต้องปกป้องคุ้มครองน้องหกของข้าจากไป นางอยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าอันตรายจนเกินไป “

 

เยี่ยจงครุ่นคิดขึ้น แล้วก็ได้พยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาและองค์หญิงหกจะมีเป้าหมายเดียวกันอยู่ ก็คือการฆ่าสังหารศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเสวียนหวิน แต่ว่าเรื่องราวก็ได้เกิดขึ้นจนถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่อาจที่จะให้องค์หญิงหกติดตามพวกเขาไปตายได้อย่างแน่นอน

 

“ ข้าจะกลับมาโดยเร็ว เจ้ารอข้าหน่อยก็นะ “ องค์หญิงสี่ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย เพียงแค่โบกมือคราหนึ่ง นำสมบัติเรือปราณออกมา แล้วก็นำพาองค์หญิงหกและพวกผู้มีพรสวรรค์ถอยจากไปอย่างรวดเร็ว

 

จากนั้นเยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปทางด้านที่พวกเขาจากไปในตอนนี้ แล้วก็ได้ส่ายศีรษะไปมา จากนั้นก็ได้หันกายเข้าไปยังส่วนลึกของสุสานกระบี่ต่อไป

 

ท่ามกลางเส้นทางต่อจากนี้ ก็ได้ผ่านไปราวครึ่งเดือนได้แล้ว เยี่ยจงก็ได้เข้ามาถึงยังส่วนลึกของสุสานกระบี่มานับพันลี้ ภายใต้การเดินทาง ก็ได้มีการปรากฏของวิญญาณปราณวีรชนขึ้นอยู่หลายครั้ง ทว่าเยี่ยจงโดยส่วนมากเมื่อพบเจอกับวิญญาณปราณวีรชนก็ได้หาพื้นที่หลบซ่อนในทันที หลบรอดจากการฆ่าฟัน

 

อีกทั้ง เขายังค้นพบว่าการปรากฏตัวของเหล่าวิญญาณปราณวีรชนนั้นไม่ได้มีอะไรที่แน่นอน โดยส่วนมากจะเป็นสามถึงห้าวันต่อครั้ง จากนั้นจึงได้ปรากฏตัวขึ้นมา แล้วก็ได้หายลับไปยังสถานที่อันลึกลับ เห็นได้ชัดว่า วิญญาณปราณวีรชนเหล่านี้น่าจะมีความรู้สึกความต้องการต่อพลังชีวิตเป็นพิเศษ

 

นั้นก็เพราะว่าในตอนนี้ หลังจากที่เยี่ยจงได้เลือกเส่นทางสายหนึ่งแล้ว กระนั้นก็ถือได้ว่าได้พลาดสมบัติที่เปร่งประกายขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็ถือได้ว่ามีความปลอดภัยอยู่มาก ทำให้เขาสามารถที่จะเดินทางมุ่งหน้าต่อไปได้อย่างปลอดภัย

 

“ อีกทั้ง ไม่นานนักก็คงจะไปถึงสุดขอบแล้ว “

 

ก่อนที่จะจากไป องค์หญิงสี่ก็ได้กระซิบบอกต่อเขาถึง บริเวณใจกลางสุดของสุสานกระบี่สายนี้ ในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้มาถึงยังด้านล่างของเทือกเขาแห่งหนึ่ง ด้านบนของเทือกเขาแห่งนี้ ในเวลานี้ก็ได้มีประกายสมบัติขึ้นสู่ฟ้า สร้างแรงดึงดูดผู้คนอยู่ไม่น้อย

 

“ ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ บริเวณสถานที่แห่งนี้มีสมบัติที่ข้าสามารถใช้ได้อยู่ไม่น้อย ทว่าต่างก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงแค่พึ่งพาเจ้าแล้วละก็ มีความเป็นไปได้ไม่อาจที่จะครอบครองเอามาได้ “ เสี่ยวหลุนส่งเสียงขึ้นมากะทันหัน ทั้งยังมีความสลดอยู่หลายส่วน

 

“ เจ้าไม่ใช่ต้องตาเตาโบหราณของหุบเขามังกรโลหิตอย่างงั้นหรือ ? ไม่ใช่ว่าเมื่อเจ้าได้กลืนกินมันไปแล้วก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งได้อย่างงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงร้องเชอะออกมาคำหนึ่ง

 

“ เตาโบราณนั้นถือได้ว่าเป็นของชั้นดี ถึงข้าจะต้องการที่จะกลืนกิน แต่ว่าถ้าหากไม่มีเตาโบราณนั้น ข้าก็ไม่อาจที่จะหาวิธีในการช่วยเจ้าสร้างโอสถเทพได้ นี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องของน้ำใจ ยังไงก็ได้ทำให้แก่เจ้า จากนั้นเจ้าถึงจะสามารถค่อยๆเห็นถึงคุณค่าในตัวของข้า “ เสี่ยวหลุนเอ่ยปากขึ้นมาถี่ยิบ “ ใช่แล้ว ต่อจากนี้พวกเราคงต้องลองค้นหาดู ว่าจะมีหยดน้ำก่อฟ้าและจิตใจพสุธา หากว่ามีทั้งสองสิ่งนี้แล้ว ข้าก็จะสามารถสร้างโอสถเทพให้แก่เจ้าได้ “

 

“ หยดน้ำก่อฟ้า ข้ามี “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิด จึงค่อยเอ่ยปากขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “ ทว่าจิตใจพสุธานั้นกลับไม่มี “

 

“ เจ้ามีหยดน้ำก่อฟ้างั้นหรือ ? “ เสียงของเสี่ยวหลุนนั้นมีอาการตื่นเต้นดีใจอยู่หลายส่วน แต่มันก็ได้ร้องชิชิชะชะขึ้น “ เอาเถอะเอาเถอะ หลายวันมานี้นายน้อยข้าก็ได้ลำบากมาไม่น้อย ดูว่าจะสามารถเสาะหาจิตใจพสุธาให้เจ้าได้ไหม เพื่อที่จะสร้างหยดน้ำเทพได้ นี้ก็ถือการสร้างบุญคุณนะ ข้าจะดูว่าวันหน้าเจ้าจะคืนให้แก่ข้ายังไง “

 

“ เป็นไรแล้ว ? ตอนนี้เจ้าไม่กลัวข้าจะไม่ตอบแทนเจ้าอย่างงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเกิดความสงสัย ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้ยินวิธีการพูดคุยเช่นนี้ จึงได้ทำให้เขามีความสงสัยขึ้นหลายส่วน

 

“ เพียงเพื่อให้สร้างโอสถเทพให้แก่เจ้า จะตอบแทนหรือไม่ตอบแทน ทว่าหากว่าให้ข้าลงมือ เจ้านอกจากจะตอบแทนข้าจริงหรือไม่นั้น นั้นก็แน่นัก “ น้ำเสียงของเสี่ยวหลุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นหลายส่วน ภายในน้ำเสียงราวกับมีรังสีฆ่าฟันเทียบฟ้าเกิดขึ้นก็มิปาน จนทำให้ผู้คนหนาวเย็นจับใจ

 

เยี่ยจงกรอกนัยน์ตาไปมา แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ เขาพบเจอสิ่งที่ไม่ธรรมดามาก็ไม่น้อย ย่อมเข้าใจดีว่า คำว่าบุญคุณสองคำนี้มีความหมายของความสัมพันธ์อยู่ ไม่ได้ง่ายดายอะไรปานนั้น และพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ยังถือได้ว่าอ่อนแอ ไม่คิดที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ นั้นก็เพราะทราบดีถึงทั้งส่วนดีแล้วไม่ดีเป็นอย่างดี

 

“ ทางด้านนั้นสมควรที่จะมีสมบัติบางอย่างอยู่ เจ้าสามาถที่จะไปเก็บได้ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อข้าอยู่หลายส่วน “ เสี่ยวหลุนส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะชี้แนะเยี่ยจงให้ไปอีกทางด้านหนึ่ง

 

เยี่ยจงยกมุมปากขึ้น จากนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะมุ่งหน้าไปอีกทางด้านหนึ่ง

 

สถานที่แห่งนั้นเป็นดั่งพื้นที่แตกร้าวและเต็มไปด้วยเศษซาก ด้านในราวกับว่ามีแสงที่เปร่งประกายขึ้นสายหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามีสมบัติปราณที่พึ่งจะกำเนิดขึ้นมา

 

สีหน้าของเยี่ยจงเริ่มที่จะขยับอย่างช้าๆ พุ่งกายออกไป เข้าไปถึงยังพื้นที่ท่ามกลางรอยแตก

 

บนท่ามกลางพื้นที่รอยแตก ก็ได้มีเศษซากโบราณอยู่ชิ้นหนึ่ง เศษซากนี้ราวกับเป็นดั่งเช่นลานพิธีการ ท่ามกลางลานพิธีการนั้น ในตอนนี้ก็ได้มีเข็มน้อยๆปรากฏขึ้นมา เปล่งพลังถึงความโบราณอันซับซ้อนเคลื่อนไหวไปมา เพียงแต่ว่าความเสื่อมโทรมนั้นถือได้ว่าไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจที่จะกลับมาสามารถใช้ประโยชน์ได้ถึงหนึ่งในสิบส่วน

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้สูดลมหายใจเข้าคำโตอย่างช้าๆ หากว่าสมบัตินี้มีความสมบูรณ์พร้อมแล้วละก็ กับสถานะภาพของตนเองในตอนนี้เพื่อที่จะครอบครองมัน คงถือได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่ามันในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพึ่งจะฟื้นคืนกลับมา จึงถือได้ว่าเป็นเหมือนเช่นโอกาสให้แก่ตนเอง

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ชักกระบี่คงหมิงและหอกอัสนีออกมา จากนั้นเงาหอกคมกระบี่ก็ได้พุ่งปะทะสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าเข้ากดดันทางด้านหน้า คิดหมายนำเข็มเล็กนี้มาครอบครอง

 

“ ติ้ง “

 

เข็มเล็กราวกับสัมผัสได้ จากนั้นก็ได้สั่นไหวช้าๆ จนก่อเกิดส่งร้องดังขึ้นมา ทั้งยังสาดประกายแสงโบราณอันคมกล้าหมุนวนออกมา เป็นที่น่าตกใจเป็นที่สุด

 

“ เสี่ยวหลุนนี้ก็ช่างมีสายตาที่คมกล้ายิ่งนัก สิ่งของที่ต้องตายังไงเสียก็ไม่อาจที่จะธรรมดาได้ “ เยี่ยจงกลืนน้ำลาย วัตถุชิ้นนี้หากมีความสมบูรณ์พร้อมย่อมต้องน่ากลัวเต็มสิบส่วน ต่อให้สามาถครอบครองได้ในตอนนี้ แล้วสามารถฟื้นฟูกลับคืนแล้วละก็ ย่อมต้องถือเป็นสมบัติแห่งการฆ่าฟันได้อย่างแน่นอน

 

ในช่วงทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เกิดอาการเปลี่ยนเป็นเสียดายขึ้นมาหลายส่วน

 

“ ทว่าก็เป็นเพียงแค่สมบัติเซียนที่เสื่อมโทรม ไม่ได้มีประโยชน์อันใด คิดๆดูเรื่องที่นายน้อยอย่างข้าทั้งยังต้องหล่อมสร้างหยดน้ำเซียนให้ นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำให้เจ้าสามารถเข้าสู่ขอบเขตขั้นกายเนื้อไม่สูญสลายเลยนะ “ เสี่ยวหลุนร้องชิชิชะชะออกมา เพื่อที่จะเตือนสติของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงค่อยๆที่จะยิ้มกว้างขึ้นมา ไม่ทราบว่าเสี่ยวหลุนนี้จะพึ่งพาได้หรือเปล่า ทว่าในตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากอีกแล้ว เพียงแต่กุมกระบี่คงหมิงหอกอัสนีเคลื่อนไหวไปมา ทำการเข้าปะทะสังหารอีกครั้ง

 

วินาทีนั้น คมกระบี่และประกายแสงโบราณก็ได้พุ่งขึ้นสู่ฟ้าเป็นสายพร้อมกัน จนก่อเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

 

บริเวณที่ไม่ไกลมากนัก ในตอนนี้ก็ได้มีกลุ่มยอดฝีมือรวมตัวกัน ทั้งคนที่เป็นผู้นำยังเคยพบพานกับเยี่ยจงมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างอินทรีย์ทองสุริยาด้วย ตอนนี้มันก็ได้หันกายมา สายตาที่มองมาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เหม่อมองไปทางด้านหน้า “ มีสมบัติกำเนิดขึ้น พวกเราไปดูกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด สังหารให้สิ้น แล้วนำสิ่งของมา “

 

“ ขอรับ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ยอดฝีมือที่อยู่ทางด้านหลังมัน ก็ได้ทะยานร่างออกไป คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเผ่ามนุษย์ สวมชุดไว้ด้วยชุดฝึกยุทธ์สีทอง เห็นได้ชัดว่าต่างก็เป็นบริวารของอินทรีย์ทองสุริยา ตอนนี้เมื่อได้ยินคำสั่ง กลุ่มที่มีคนเกือบสิบคนต่างก็ได้พุ่งออกไปปานสายฟ้าแลบ หากมองจากด้านของพวกเขา คำสั่งของอินทรีย์ทองสุริยาก็เป็นดุจดั่งคำสั่งของราชา

 

“ ตูม “

 

เมื่อร่างกายได้ลงสู่พื้น เหล่าบริวารก็ไม่ได้สนใจว่าที่แท้เป็นผู้ใดกำลังลงมืออยู่ เพียงแต่เคลื่อนไหวโจมตีเข้าไปโดยตรง ทักษะยุทธ์ถูกใช้ออกเข้าปะทะเป็นสาย หมุนวนจนกลายเป็นประกายแสงสีทอง ราวกับมีพระอาทิตย์ขนาดใหญ่กำลังตกดินลงมาก็มิปาน ทั้งยังหมายที่จะสังหารเยี่ยจงไปในที่แห่งนี้

 

“ ตูม “

 

ในช่วงเวลาอันคับขัน เยี่ยจงก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง ใช้ฝ่ามือหนึ่งฟาดออกไปบริเวณทางด้านหลัง อีกทั้งยังถูกการโจมตีอันน่ากลัวนี้เข้าขัดขวาง อีกทั้งสีหน้าในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้ที่เปรียบ เมื่อครู่อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้รับเข็มเสื่อมโทรมนี้มาอยู่ในมือ แต่ว่าเมื่อมีคนสอดมือเข้ามา จนทำให้เขาต้องสูญเสียความเคลื่อนไหว เกือบที่จะทอดกลายในที่แห่งนี้ มีหรือที่จะไม่โกรธได้

 

“ พวกเจ้าหาที่ตาย “

 

เยี่ยจงหันกาย เขาในตอนนี้คร้านที่จะกล่าวอันใดมากมาย และเพียงก็ใช้ออกด้วยฝ่ามืออกไป จนวินาทีนั้น บนร่างกายก็ได้มีพลังสังหารของปราณสีรุ้งออกมา มุ่งหน้าลงมือโจมตีเข้าปะทะไปทางด้านกลุ่มบริวารเหล่านั้นออกไป

 

อีกฝ่ายถึงแม้จะไม่สนว่าจะลงมือเช่นไร เห็นได้ชัดว่าหมายที่จะลงมือสังหารให้ตาย ในช่วงเวลาเช่นนี้เยี่ยจงจึงไม่อาจที่จะยั้งมีไว้ไมตรีได้ ทั้งยังใช้ออกด้วยฝ่ามือมังกรสีรุ้ง เพียงพบว่า เมื่อได้เข้าไปใกล้กับบริวารสองคนก็เกิดเสียง “เปรี้ยง” ขึ้นมาจนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว ส่วนที่เหลือนั้นต่างก็กระอักโลหิตถอยออกไป สีหน้าของแต่ละคนทอแววตาปั้นยากขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดว่า พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะถึงกับมีความแข็งแกร่งได้จนถึงขั้นนี้

 

“ เจ้าพวกไร้ประโยชน์ “ อินทรีย์ทองสุริยาส่งเสียงออกมา จากนั้นก็ได้ปรากฏตัวที่บริเวณทางเข้าของหุบเขา ในช่วงเวลาที่สายตาได้จับจ้องไปทางด้านของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความเย็นเยียบขึ้น “ ที่แท้ก็เป็นเจ้า ที่อาจหาญท้าทายองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถังทางด้านนอกสุสานกระบี่ เจ้าหาที่ตายแล้ว ในครั้งนี้ไม่มีเจ้าไร้ประโยชน์หมิงหยี่และเด็กน้อยแห่งลัทธิเหวินซื่อเซินเจวียวอยู่อีกแล้ว เจ้าหนีไม่รอดแน่ ลงมือพร้อมกัน สังหารมันซะ “

 

หลังจากที่เงียบงัน บริวารเหล่านี้แต่ละคนก็ทอแววตาเย็นชาขึ้น พวกเขาก็ได้ควบคุมทักษะยุทธ์พร้อมกับปาดโลหิตที่อยู่มุมปากในเวลาเดียวกัน ยิ่งเพิ่มความน่าหวาดกลัวให้กับการโจมตีที่ใช้ปะทะออกมา

 

“ กล้าที่จะแย่งชิงสมบัติปราณกับนายท่านอย่างข้า แค่คิดก็อย่าได้คิด “ อินทรีย์ทองสุริยาจ้องมองไปที่เยี่ยจง แล้วก็หัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 588

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset