เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 260 เด็กหนุ่มผู้ปิดกั้นเส้นทาง

ตอนที่ 260 เด็กหนุ่มผู้ปิดกั้นเส้นทาง

 

 

หลุมฝังสุดยอดกระบี่ดูแล้วงดงามเป็นอย่างมาก ทัศนียภาพอันสวยงาม หากมองในเส้นทางน้อยหินอ่อน ก็ยังไม่อาจที่จะเห็นสุดปลายทาง ซุ่ยยิ่นกว่างเก้าเซ่อซื่อ ( สายธารแห่งการทดสอบ ) ซุ่ยยิ่นกว่างเก้าเซ่อซื่อตั้งอยู่ภายในพื้นที่บนยอดเขาก็มิปาน ให้บรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโบราณจนมาถึงตอนนี้ การเดินทางบนยอดเขาแห่งนี้ ทุกๆการย่างเก้า ราวกับกำลังไหลเวียนอยู่ท่ามกลางอดีตกาล ทุกๆก้าวที่เดินนั้นลำบากอย่างสุดแสน จนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกดดันขนาดใหญ่

 

และหลังจากที่ได้เข้ามายังหลุมฝังสุดยอดกระบี่แล้ว เยี่ยจงก็ค่อยได้เข้าใจ สถานที่แห่งนี้แน่นอนว่าไม่ใช่จุดลี้ลับหรือที่บำเพ็ญอันใด นั้นก็เพราะว่า ในอาคารที่เก่าแก่อันวุ่นวายทั้งในนอกนั้น ก็สามารถที่จะพบกับโครงกระดูกอยู่ไม่น้อย โครงกระดูกเหล่านี้ได้กลายเป็นหินไปแล้ว ยังมีอยู่บางส่วนที่ยังคงความใหม่อยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อหลายวันมานี้

 

ทว่ากระดูกเหล่านี้ต่อให้เสียไปแล้ว ในตัวของมันก็ยังแผ่ออกมาด้วยรังสีอันแข็งแกร่งอย่างเข้มข้นชนิดหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่สามารถที่จะมาถึงยอดเขาถือได้ว่าไม่ธรรมดา ส่วนมากต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ของแต่ละฝ่าย

 

น่าเสียดาย จากโบราณกาลจนถึงตอนนี้ ไม่ทราบว่าต้องมีผู้มีพรสวรรค์ในระดับนี้ต้องทิ้งเถ้ากระดูกไว้ในที่แห่งนี้มากมายเท่าไหร่ ทั้งน่ากลัวและน่าเสียดาบอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงทอดตามองไปยังโครงกระดูกเหล่านี้ จากนั้นก็ได้เกิดความสงสัยขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่หรือว่าสดใหม่ แต่ว่าบนโครงกระดูกเหล่านี้กลับไม่มีสมบัติปราณใดๆเลย ราวกับว่ามีกฎประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง ได้ทำให้สมบัติปราณบนร่างของพวกเขาไม่มีอยู่ก็มิปาน

 

เยี่ยจงครุ่นคิด จากนั้นก็ได้เริ่มที่จะเข้าใจ หลังจากที่เจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้ตายไปแล้ว คาดว่าคงจะถูกยอดฝีมือพวกเดียวกันกับเขาเก็บกวาดไปจนหมดสิ้น จึงไม่ได้มีอะไรหลงเหลือให้แก่ผู้ที่ผ่านทางมา

 

ต่อให้ถึงแม้จะมีอะไรหลงเหลืออยู่ก็ตามที การที่จะเสาะหาสมบัติปราณท่ามกลางโครงกระดูกนับพันนับหมื่นออกมาได้นั้นถือได้ว่ายากเย็นเป็นอย่างยิ่ง ขึ้นไปสู่บนยอดของหุบเขาเพื่อหาสมบัติโดยเร็วยังจะดีกว่า

 

ในช่วงเวลานี้เอง เยี่ยจงกลับไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างไร เพียงแต่ได้ค่อยๆเดินขึ้นไปสู่ยอดเขา ราวกับมาเพื่อชมนกชมไม้ก็มิปาน ในแต่ละก้าวก็ได้ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง นั้นก็เพราะว่าหุบเขาแห่งนี้อันตรายอย่างมาก ทั้งสี่ด้านที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกนับพันนับหมื่น ก็เพียงพอที่จะบอกกล่าวในข้อนี้ได้แล้ว

 

“ เชอะ “

 

ทันใดนั้นเอง ประกายคมกล้าอันเย็นเยียบสายหนึ่งก็ได้ปรากฏออกมา มุ่งหน้ามาจนถึงบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง นี้เป็นศรอันคมกริบดอกหนึ่ง ก่อเกิดรังสีการฆ่าฟันชนิดหนึ่ง มันเข้ามาอย่างทันทีทันใดเช่นนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังไม่มีเค้ารางใดๆออกมา

 

ต่อให้เยี่ยจงมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าลงมือไม่ทันการแล้ว ได้แต่เพียงขยับกายออกไปก้าวหนึ่ง เพื่อที่จะให้คมศรดอกนี้เฉียดผ่านหัวไหล่ไป จนเสียบเข้ากับต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง

 

ได้ยินแต่เพียงเสียง”กร๊อบแกร๊บ” ต้นไม้โบราณต้นนี้ที่เพียงพอที่จะให้ผู้คนหลายคนโอบล้อมเอาไว้ก็ได้มีช่องว่างเกิดขึ้นตรงกลาง จนท้ายที่สุดก็ได้แตกแยกออกเป็นสองซีก

 

“ ซวบซวบซวบ “

 

หลังจากยิงศรมาดอกหนึ่งแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเวลาให้เยี่ยจงมีปฏิกิริยาตอบกลับมา คมศรแต่ละสายยังคงสาดทอเข้ามา ราวกับหมู่ดาวตกก็มิปาน หมุนวนเข้ามาจากทั้งสี่ทิศแปดด้านเข้ามา วินาทีนั้นก็ได้ก่อเกิดรังสีฆ่าฟันขยายใหญ่ขึ้น จนเรียกได้ว่าน่าตกใจ

 

เยี่ยจงถอยกายไปอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าที่ขยับถูกใช้ออกปานสายฟ้า ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้เพิ่มระดับความเร็วจนถึงระดับสูงสุด ราวกับว่าไม่อาจที่จะหลบคมศรทั้งหมดในเวลานี้ได้ จากนั้นร่างกายก็ได้มาถึงยังหินศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง

 

เมื่อมาถึงในเวลานี้ เยี่ยจงก็ได้ค่อยใช้สายตาสาดมองรังสีของศรเหล่านี้

 

นี้เป็นชายหนุ่มเผ่าปีกคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบเต็มสิบส่วน อีกที่หลังทั้งสองคมกลีบปานคมดาบ ขยับไปมาเบาๆ ในมือของเขาถือไว้ด้วยธนูขนาดใหญ่ ในตอนนี้สายธนูกำลังถูกดึงออก วินาทีนั้น ก็ได้มีคมศรขนาดใหญ่ก่อรวมตัวขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดว่า ในมือของเขาเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง ทั้งยังเป็นสมบัติสังหารอย่างแน่นอน อีกทั้งยังให้แรงกดดันอันน่ากลัวชนิดหนึ่ง

 

เยี่ยจงยืนยันได้ว่า ก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยพบพานกับชายหนุ่มเผ่าปีกผู้นี้มาก่อน ในตอนนี้เขากลับลงมือสังหาร เป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง

 

“ เผ่าปีก ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? “ เยี่ยจงเริ่มกล่าวออกมาอย่างช้าๆ จ้องมองไปยังคนผู้นี้ เสียงดังกังวาน

 

“ นายน้อยตระกูลข้ามีคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่คิดจะขึ้นยังด้านบนเขา สังหารไม่ให้เหลือ “ ชายหนุ่มเผ่าปีกจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจง ก่อนหน้านี้เขาได้สังหารผู้มีพรสวรรค์ที่ขึ้นมาบนเขาไปไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าบุคคลเบื้องหน้าสายตาผู้นี้กลับสามารถที่หลบรอดจากกระบวนท่าสังหารของเขาไปได้

 

เยี่ยจงทอประกายตาเย็นชา เขามองไปที่ชายหนุ่มเผ่าปีกอย่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา “ ข้าคิดว่าข้ามีความบ้าบิ่นที่เพียงพอแล้วนะ คิดไม่ถึงกลับมีคนที่มีคนที่มากกว่าข้าอีก “

 

“ เจ้าจะเอายังไง ทั้งเจ้าก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับข้า ? ในตอนนี้ให้โอกาสเจ้าอีกเพียงครั้งเดียว หากว่าถอยไป ข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากว่าไม่ถอย ก็ตายซะเถอะ “ ชายหนุ่มเผ่าปีกเอ่ยขึ้นเสียงดังกังวาน ท่ามกลางนัยน์ตาปรากฏดั่งสายอัสนีขึ้นเป็นสาย เหมือนดั่งพบเจอกับปีศาจร้ายก็มิปาน

 

เห็นได้ชัดว่า บุคคลผู้นี้ในท่ามกลางเผ่าปีก สมควรที่จะต้องเป็นหนึ่งในยอดอัจฉริยะอย่างแน่นอน ทั้งยังยากที่จะคาดคิดได้ว่า นายน้อยของบุคคลเช่นนี้เป็นคนอย่างไรกัน

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้รับคำแต่อย่างไร

 

ชายหนุ่มเผ่าปีกอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็ได้เล็งเป้าไปอย่างช้าๆ วินาทีนั้นก็ได้พบว่าธนูที่อยู่บนมือของเขาได้เกิดเสียงดังขึ้นมาสายชนิดหนึ่ง ราวกับเสียงร้องของมังกรอสรพิษก็มิปาน

 

“ นี้คือสมบัติเซียน เจ้าต้องระวังเอาไว้หน่อยละ “ เสียงของเสี่ยวหลุนดังขึ้นมาภายในห้วงสมอง เคร่งคิดไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัดว่า ธนูยักษ์ของชายหนุ่มเผ่าปีกเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

 

เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย พลังกระบี่หกสุสานได้ไหลเวียนจากภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองไปทางด้านหน้า เตรียมพร้อมระวังเอาไว้

 

ชายหนุ่มเผ่าปีกเมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ก็ได้ยิ้มขึ้นที่มุมปาก และทันใดนั้นต่อมา เขาก็ง้างธนูอีกครั้งจนโค้งงอ ดุจดั่งรูปประจันทร์ก็มิปาน และในตอนนี้ก็ได้มีเสียงของมังกรคำรามออกมาพร้อมกับตอนที่ปล่อยธนูออกมา ปรากฏก่อตัวเป็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดที่ประหลาดที่สุดที่มีลำตัวเป็นดั่งมังกรเศียรเป็นพยัคฆ์ มาจากทางด้านบนของเยี่ยจง

 

“ ฮูเจรียว “ เยี่ยจงจดจำออกตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง ดวงตาหนักแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่า ในตอนที่ฝึกปรือสมบัติเซียนนี้ คงจะต้องผนึกฮูเจรียวเข้าไปเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่อาจที่จะน่ากลัวเช่นนี้ได้

 

“ เชอะ “

 

เมื่อพบเห็นสีหน้าของเยี่ยจง สีหน้าของชายหนุ่มเผ่าปีกก็ได้ปรากฏความดุร้ายขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ได้คลายมือออก คมศรสายหนึ่งสีสดใสก็ได้พุ่งเข้ามาด้วยระดับความเร็วที่สูงยิ่ง ทั้งยังให้บรรยากาศของการเผ่าไหม้ของชีวิตอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง มุ่งหน้าไปหมุนวนไปทางด้านของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงหน้าเปลี่ยนสี การโจมตีสายนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับคมศรก่อนหน้านี้ถือได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะถอยออกไปครึ่งก้าว เข้าหลบหาที่กำบัง

 

ถึงแม้ในตัวของเยี่ยจงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ที่อยู่ในระดับขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้าแล้ว แต่ว่าเขาในตอนนี้ กลับไม่คิดที่จะเข้าปะทะกับการโจมตีเช่นนี้โดยตรง

 

“ กร๊อบ “

 

เสียงที่ดังออกมา บริเวณตลอดเส้นทางมานี้ ทั่วทั้งผิวดินของพื้นหินอ่อนต่างก็แตกกระจาย มีสิ่งปลูกสร้างโบราณไม่น้อยที่ถูกทำลายในทันที จนกลายเป็นเศษศิลาขนาดใหญ่

 

แต่ว่า หลังจากคมศรสายนี้ที่ได้พรากชีวิตของสิ่งมีชีวิตไปไม่น้อยแล้ว กลับไม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังทำลาย พุ่งออกมาภายในท่ามกลางอากาศด้วยความเส้นทางอันประหลาดสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีพลังทำลายอันน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

 

บริเวณใจกลางฝ่ามือของเยี่ยจง ก็ได้มีพลังตราประทับซ้อนทับขึ้นมาในทันที ราวกับโพยพุ่งเงาดำทมิฬขึ้นก็มิปาน ภายใต้ฝ่ามือที่ถูกใช้ออกมาของเยี่ยจง ก็ได้มุ่งหน้าเข้าปะทะกับคมศรนั้นเข้าไปอย่างรุนแรง

 

“ ซูม “

 

เสียงนั้นดังลอดออกมาสนั่นหวั่นไหว วินาทีนั้น ก็ได้เกิดคลื่นลมแรงกระจายไปทั่ว พลังกระบี่ตราประทับในมือของเยี่ยจงถึงแม้ในตอนนี้จะปรากฏรอยร้างขึ้นมา จนกลายเป็นเพียงประกายแสงที่สว่างขึ้นมานับไม่ถ้วนจนเลือนหายไป

 

จากนั้นคมศรสายนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมา หายไปอย่างช้าๆ

 

ทันใดนั้นร่างกายของเยี่ยจง ก็ได้จ้องเขม็งไปทางด้านชายหนุ่มเผ่าปีก สีหน้าหนักแน่นอย่างไร้ที่เปรียบ นี้ถือเป็นศัตรูที่น่ากลัวผู้หนึ่ง

 

นับตั้งแต่เริ่ม เยี่ยจงก็ไม่ได้ดูถูกเขาแม้แต่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เขาถึงกับมีความร้ายกาจจนถึงขั้นนี้ได้ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มเผ่าปีกผู้นี้จะมีเพียงพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตพสุธา อีกทั้งด้วยพลังฝีมือในขอบเขตพสุธานี้ แต่ว่าเมื่อเพิ่มด้วยธนูด้ามนี้ในมือแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องมีพลังฝีมือในขั้นขอบเขตชั้นฟ้าได้แล้ว เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

ไม่แปลกใจเลยที่มนุษย์ยักษ์สองหัว หมาป่าทมิฬ นกฮวางเชวียน แรดสวรรค์ มนุษย์ไร้ความตาย สัตว์ประหลาดคายหมิงในตอนนี้ต่างก็ไม่อาจที่จะขึ้นไปบนเขาได้ นั้นก็เพราะว่ามีผู้มีพรสวรรค์เผ่าปีกเช่นนี้ขวางทางเอาไว้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ใดๆ ต่างก็ต้องตายระหว่างเส้นทางสายนี้

 

ต่อให้เป็นตัวของเยี่ยจงเอง หากว่าในตอนนี้ไม่ได้ฝึกปรือจนถึงขอบเขตชั้นฟ้าแล้ว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่กระบวนท่าแรกก็เป็นได้

 

“ มีความหมายอยู่บ้าง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหาญกล้าที่จะขึ้นมายังยอดเขาเพียงคนเดียว แต่ว่าก็ยังไม่พอ ฉันแปลกใจอย่างยิ่ง เจ้ายังถึงกับสามารถรับกระบวนท่าของข้าได้ตั้งหลายครั้ง ? “ ชายหนุ่มเผ่าปีกยิ้มเยาะขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทั้งยังให้ความรู้สึกเย้ยหยัน

 

“ เจ้าแข็งแกร่งมาก คิดว่าเจ้าคงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีพรสวรรค์ไร้นามของเผ่าปีก แจ้งนามออกมา อย่างน้อยข้าก็จะได้ทราบ ว่าผู้ที่ตายภายใต้น้ำมือข้านั้นคือผู้ใด “ เยี่ยจงหรี่ตามอง เอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ ไม่ได้เป็นเพราะว่าชายหนุ่มเผ่าปีกผู้นี้มีความแข็งแกร่งที่เกินไปแม้แต่น้อย

 

“ เจ้าไม่คู่ควรที่จะทราบ “ ชายหนุ่มเผ่าปีกส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ได้ขยับธนูยักษ์อย่างช้าๆ วินาทีนั้น เงาร่างของฮูเจรียวก็ได้ปรากฏขึ้นบริเวณทางด้านหลังของเขา เสียงมังกรคำถามดังกึกก้อง พุ่งออกสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

 

ในตอนนี้ บริเวณทางด้านใต้หุบเขา มนุษย์ยักษ์สองหัว หมาป่าทมิฬ นกฮวางเชวียน แรดสวรรค์ มนุษย์ไร้ความตาย สัตว์ประหลาดคายหมิงต่างก็ได้หรี่ตาจ้องมองไปยังบริเวณของไหล่เขา สีหน้าของแต่ละคนปรากฏความประหลาดใจออกมา ในตอนนี้ เงาร่างของฮูเจรียวขนาดใหญ่ ต่อให้เป็นบริเวณที่พวกเขาอยู่ก็สามารถที่จะเห็นได้ เห็นได้ชัดว่า ในตอนนี้ชายหนุ่มเผ่าปีกที่ปิดทางเอาไว้อยู่กำลังลงมือกับเยี่ยจงอยู่ ทำให้พวกเขาตกใจขึ้นมา

 

“ จากที่ดูไปแล้ว เยี่ยจงผู้นี้ถือได้ว่ามีความสามารถที่แท้จริงอยู่หลายส่วน มิได้ถูกสังหารไปในทันทีตั้งแต่แรก อีกทั้งยังสามารถต้านทานศรดอกแรกได้ ไม่ทราบว่าเขาสามารถต้านทานได้นานแค่ไหน “ มนุษย์ยักษ์สองหัวก็ได้เอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงมีความหนักแน่นขึ้นมาเป็นสาย

 

“ เด็กน้อยผู้นั้นความจริงก็น่ากลัวอยู่แล้ว แล้วยังถึงกลับได้รับสมบัติเซียนที่แข็งแกร่งอีก ต่อให้ข้าประมือกับเขา เรียกได้ว่าพ่ายมากกว่าชนะอย่างแน่นอน เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับสามารถยืนหยัดได้นานถึงเพียงนี้เชียว ? ทว่าทางที่ดีก็บาดเจ็บพ่ายแพ้ไปทั้งคู่ เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการขึ้นไปของพวกเราด้วย “ สัตว์ประหลาดคายหมิงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย

 

“ รอดูกันต่อไปเถอะ นี้พึ่งจะดอกที่สอง “ นกฮวางเชรียวเอ่ยขึ้นเสียงเบา แต่กลับหนักแน่น

 

“ ตายซะ “

 

บริเวณท่ามกลางหุบเขา ร่างกายของชายหนุ่มเผ่าปีกก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ อดที่จะเกิดรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าไม่ได้ ธนูยักษ์ในมือก็ได้ถูกจับกระชับขึ้น วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นเงาร่างของฮูเจรียวขึ้นมาทางด้านหลังของเขา ราวกับเป็นเหมือนปีศาจร้ายขึ้นมาก็มิปาน ทั้งยังมีเสียงคำรามที่ลากยาว มุ่งฆ่าสังหารออกไป

 

พลังทำลายของคมศรสายนี้ อย่างน้อยก็มากกว่าศรดอกแรกถึงเท่าตัว ทั้งยังก่อรวมพลังกดดันอันมากมายเข้าไปด้วย สามารถที่ทำลายร่างของผู้คนแตกกระจายได้อย่างง่ายดาย

 

“ สิ้นชีพไปซะ “

 

เยี่ยจงร้องขึ้นมาอย่างเย็นชา คมหมัดในมือที่มีพลังกระบี่ตราประทับถึงชั้นที่สิบแปด ก็ได้กลายเป็นพลังโจมตีอันน่ากลัวขึ้น โจมตีออกไปในทันที

 

“ ซูม “

 

การใช้ออกด้วยพลังกระบี่ตราประทับในครั้งนี้ถือได้ว่าแหวกออกจากกฎเกณฑ์จนแปลกประหลาดขึ้น ดุจดั่งการใช้ออกด้วยค่ายกลยันต์ปราณก็มิปาน ทันใดนั้นเองก็ได้เข้าปะทะกับคมศรเข้าด้วยกัน วินาทีนั้น สายลมบ้าคลั่งอันน่ากลัวก็ได้หมุนวนออกมา จนทำให้พื้นดินที่เป็นพื้นศิลาอ่อนแตกกระจายกลายเป็นผงจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ในที่สุด คมศรก็ได้เลือนหายไป เงาร่างฮูเจรียวก็เลือนหายไป แต่เยี่ยจงกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ พลังหมัดดุจดั่งพลังทำลายของกระบี่

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 590

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset