เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 264 กระบี่ดำ

ตอนที่ 264    กระบี่ดำ

ใจกลางกระบี่เปลี่ยนแปลงนับพันหมื่น ในทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ไม่ทราบครุ่นคิดไปมากน้อยเพียงใด แต่ว่าในขณะนั้นเอง เขากลับกัดฟันแล้วก้าวเดินออกไป จากนั้นก็ได้คว้าจับไปที่กระบี่ดำเล่มนั้น คิดที่จะคว้าเอาไว้

ในทันทีที่และจากที่เขาคว้าจับไปที่ด้ามกระบี่ กระแสพลังที่เต็มไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟันได้ปกคลุมหมุนวนอยู่ทั่วทั้งกระบี่ดำเล่มนี้ออกมา ไหลผ่านเข้าสู่ภายในทั่วทั้งร่างกายของเขา ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงค่อยพบเห็นฉากสงครามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยซากศพจากสมรภูมิ ด้านในนั้นมีทั้งมังกรแท้จริง ยังมีเทพหงสา มีมนุษย์ยักษ์ทองคำ มีอสูระ มีราชสีแท้ ยังมีอสรพิษยักษ์เก้าเศียร ……..

ซากศพของสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งแต่ละชนิดได้ก่อรวมอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ ราวกับภูเขาซากศพทะเลโลหิตก็มิปาน น่าหวาดกลัวสุดเปรียบปาน

บรรยากาศชนิดนี้ก็ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวจนเกินไป เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่แปดร่างแตกกระจายออกมาได้ ต่อให้แม้แต่เยี่ยจงเองในตอนนี้ก็ยังต้องร่างกายสั่นเทาขึ้นมา อาจจะร่างแตกกระจายก็เป็นได้

“ ก๊ง “

และในทันใดนั้นเอง เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงขึ้นมาบริเวณติ่งหูของคนเองจนเกิดความวิงเวียนขึ้นมาเป็นสาย วินาทีนั้นก็ได้พบกับรังสีสังหารถูกเก็บเข้าไปดั่งเดิม แล้วก็ไม่อาจที่จะได้พบอีก และกระบี่ดำเล่มนั้นก็ได้ถูกเยี่ยจงตบเข้าไปจนเกิดเสียง”เคร่ง”ออกมา ดูแล้วทั้งเก่าแก่และธรรมดาอย่างไร้ที่เปรียบ

เมื่อครู่ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ต่างก็ได้ก่อเกิดประกายไฟแลบขึ้นบนหิน แทบจะไม่มีผู้ใดสามารถมองออกได้ว่าเมื่อครู่นั้นได้เกิดอันใดขึ้น เยี่ยจงเหมือนดั่งกลับมาจากความตายแล้วครั้งหนึ่งก็มิปาน

ทว่านี้ก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์อันใด อย่างน้อย ในขณะนี้เยี่ยจงก็สามารถเข้าใจได้แล้ว สิ่งที่ตนเองสัมผัสได้ย่อมต้องไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน กระบี่ดำเล่มนี้ย่อมต้องเป็นสมบัติสังหารในกาลก่อนอย่างแน่นอน น่ากลัวสุดเปรียบปาน ตนเองหากว่าสามารถที่จะทำให้มันฟื้นคืนมาแล้วละก็ ย่อมต้องทำให้พลังในการต่อสู้ของตนเองก้าวกระโดดขึ้นแน่ แน่นอนว่าต้องเกิดประโยชน์อย่างมาก

“ เหอะ ความชอบของท่านเยี่ยจง ช่างแปลกพิสดารเสียจริง “

มีคนหัวเราะออกมาเบาๆ พวกเขานั้นถือได้ว่าเป็นกลุ่มผู้มีพรสวรรค์ในตอนนี้ ต่างก็ถือเป็นยอดอัจฉริยะประจำตระกูล อีกทั้งยังไม่ได้เกรงกลัวเยี่ยจงมากนัก ในตอนนี่เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ก็ได้มีเกิดความยินดีขึ้น มีทั้งเย็นชาและเร้าร้อน ถึงแม้ว่าบุคคลเช่นเยี่ยจงจะแข็งแกร่ง หากว่าสามารถได้รับสิ่งที่ดีแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมเกิดความว้าวุ่นภายในจิตใจของผู้คนแน่

“ วัตถุชิ้นนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำมาเพื่อเผ่ามนุษย์เช่นอย่างพวกเจ้า ถือได้ว่าไม่เลวเลย “ มีเสือขาวอยู่ตนหนึ่งเผยสีหน้าประหลาดออกมา ยิ้มออกมาแล้วกล่าว

“ เฮ้อ พี่เยี่ยจง …… “

หมิงหยี่ก็ได้ถอนหายใจออกมา ด้วยสายตาของเขากลับไม่อาจที่จะดูออกว่ากระบี่เล่มนี้มีความไม่ธรรมดาอยู่ที่ใด ความจริงเขายังต้องการที่จะส่งเสริมให้เยี่ยจงได้รับสมบัติสังหารเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ในวันข้างหน้าเยี่ยจงจะต้องเป็นความยุ่งยากที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่ว่าอย่างน้อยในการรวมมือในการจัดการกับองค์ชายสิบสามของทั้งสองคน นี้จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง

เยี่ยจงกวาดสายตาไปยังกลุ่มผู้คนที่มองเข้ามา แต่ก็มิได้กล่าวอันใดมากมาย เพียงแต่เสาะหาสถานที่เพื่อนั่งสมาธิลง เริ่มต้นที่จะทำพิธีผสานใจกับกระบี่ดำเล่มนี้ คนเหล่านี้ไม่ทราบว่าตนเองที่แท้กำลังคิดอันใด เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี นั้นก็เพราะว่าทุกคนต่างก็ถือเป็นศัตรู มีได้มีเครื่องมือสังหารเช่นนี้อยู่ในมือ ทั้งยังไม่มีผู้ใดทราบ คงไม่มีเรื่องใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงเป็นเช่นนี้ มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอันใดมากมาย เพียงแต่เสาะหาวาสนาของตนเองต่อไป ทว่าก็ยังมีผู้มีพรสวรรค์หลายคนส่งสายตาที่แปลกประหลาดออกมา ถึงแม้จะเดินถอยออกไปอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าต้องการที่จะส่งข่าวออกไป

เจ็ดวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ภายในเจ็ดวันมานี้ เฉลี่ยออกมาแล้วมีหนึ่งคนต่อสมบัติปราณหนึ่งชิ้นเท่านั้น แต่ว่าเมื่อสมบัติปราณชิ้นที่แปดปรากฏขึ้นมาแล้ว สุสานกระบี่นั้นก็ได้ก่อเกิดพลังแรงกดดันประหลาดขึ้นมา จดทำให้ทุกผู้คนต่างก็ได้ออกไปจากบริเวณแห่งนี้

รวมไปทั้งเยี่ยจงด้วย ผู้คนทั้งหมดไม่อาจที่ทดทานพลังแรงกดดันเช่นนี้จนต้องถอยออกมา

ในครั้งนี้ได้มีการปรากฏของสมบัติปราณทั้งหมดแปดชิ้น ทั้งแปดชิ้นยังตกอยู่ในมือของยอดยุทธ์อีกด้วย แน่นอนว่า ถ้าหากรวมกับสมบัติที่คนผู้นั้นได้รับและกระบี่ดำที่อยู่ในมือของเยี่ยจงแล้วละก็ เช่นนั้นทั้งหมดก็ครบสิบชิ้นพอดี

“ สิบสมบัติเซียนปรากฏออกมา หากนับตามกฎ คงได้แต่รอครั้งต่อไปที่สมรภูมิเปิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น สุสานกระบี่นี้จึงจะสามารถที่จะเข้าไปได้ “ มีคนถอนหายใจออกมา เกิดสายตาอิจฉาตาร้อนขึ้นมามองไปทางด้านของยอดฝีมือที่ได้รับสมบัติเซียนทั้งแปดชิ้น ทั้งยังบังเกิดความโลภขึ้นมาหลายส่วน

แล้วก็ได้มีสายตาของผู้คนกวาดมองไปทางด้านของเยี่ยจง แต่ก็มิได้มีความโลภแต่อย่างไร มีแต่เพียงเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่า กระบี่ดำที่จะพังไม่พังอยู่แล้วของเยี่ยจงนั้น เรียกได้ว่าไม่ต้องตาผู้ใดเลย

“ เป็นยังไงบ้าง พี่หมิงหยี่ได้รับโชคลาภบ้างหรือไม่ ? “ เยี่ยจงเก็บกระบี่ดำเอาไว้ ยิ้มให้ไปทางด้านของหมิงหยี่ สายตาทอดไปยังทางด้านของชายหนุ่มทั้งหลายที่ได้ถือสมบัติปราณเอาไว้อยู่กับตัว

“ ดวงของข้านั้นไม่ค่อยจะดี ไม่ได้รับอะไรเลย “ หมิงหยี่หยักไหล่ “ ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ยังถือได้ว่าพี่เยี่ยจงฉลาด อย่างน้อยก็ยังได้รับสิ่งของอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่ข้ากลับต้องมือเปล่ากลับไป “

เยี่ยจงหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป ในสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้คงไม่มีความหมายอันใดอีกต่อไป อีกทั้งเขายังมองรอบๆอย่างละเอียดอีกรอบ แต่ก็ยังจดจำไม่ออกว่าผู้ใดคือศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเสวียนหวิน

“ หรือว่าที่แท้แล้วเจ้าเด็กน้อยผู้โชคร้ายผู้นั้นคงมิใช่ถูกสามยอดอัจฉริยะสังหารไปแล้ว ? “ เยี่ยจงบ่นกับตนเอง แล้วก็พกความสงสัยขึ้นมา

“ พี่เยี่ยจง ไม่ทราบว่าต่อจากนี้มีกำหนดการเช่นไรบ้าง ? “ หมิงหยี่เข้ามาทางด้านข้างของเยี่ยจง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา คิดที่จะทราบว่าต่อจากนี้เยี่ยจงจะไปทำอะไรกันบ้าง

“ ท่ามกลางสุสานกระบี่แห่งนี้มิใช่ว่ายังมีสถานที่อื่นอยู่อีกอย่างงั้นหรือ ? ฉันเตรียมที่จะไปเสาะหาวาสนาดูหน่อย “ เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา

“ หากว่าเป็นพี่เยี่ยจงมีเวลาแล้วละก็ สถานที่ข้าจะไปต่อ ข้าพอที่จะทราบว่าองค์ชายสิบสามผู้นั้นอยู่ในสถานที่ใด สถานที่แห่งนั้นเรียกว่าแอ่งชำระกระบี่ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่มีสมบัติอยู่ในสุสานกระบี่นี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะไปยังสถานที่แห่งนั้น เพื่อที่จะชำระง้าวไท่หยางของพวกเขา “ สีหน้าของหมิงหยี่สาดประกายขึ้น กล่าวตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

“ แอ่งชำระกระบี่ “ เยี่ยจงครุ่นคิด คิดถึงกระบี่ดำในมือ หลังจากนั้นก็ได้พยักหน้า ตอบกลับไป “ ในเมื่อพี่หมิงหยี่ก็ได้ยกประเด็นขึ้นมาแล้ว พวกเราก็ไปแสวงหาโชคกันเถอะ “

“ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ขอเชิญ “ หมิงหยี่ยิ้มออกมาช้าๆ เขาและเยี่ยจง องค์ชายสิบสามและพวก ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งยุค หากว่าเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งแล้วละก็ คงยากที่จะแบ่งผลแพ้ชนะออกมาได้ แต่ว่าถ้าหากร่วมมือกัน การที่จะสังหารสุดยอดอัจฉริยะแห่งยุคคนหนึ่งย่อมมิใช่ปัญหาที่ใหญ่โตนัก

ถึงแม้ว่าต่อสู้จะมีแบ่งผลแพ้ชนะอยู่หลายส่วน แต่ว่าหุบเขาหยินหยางและหุบเขาตระกูลถังมีความแค้นกันอย่างล้ำลึก ในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงมือต่อกันมักจะไม่กล่าวถึงเหตุผล ขอเพียงแค่สังหารฝ่ายตรงข้ามได้ก็พอแล้ว

“ ผู้ใดคือเยี่ยจง ? “

ทั้งสองคนกำลังจะออกเดินทาง ทันใดนั้นก็ได้พบเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาบนเนินหน้าผา เขาตะโกนออกไปดังทั่วทั้งสี่ทิศ เห็นได้ชัดว่าจดจำเยี่ยจงไม่ออก

“ เป็นข้าเอง พี่ท่านนี้มีอันใดจะชี้แนะ ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ได้เดินขึ้นไปก้าวหนึ่ง ยกมือขึ้นคารวะแล้วกล่าวออกไป

“ เจ้าก็คือเยี่ยจงงั้นหรือ ? งั้นก็ดี พวกเรานั้นมาจากรัฐเหรี่ยเทียนหวังเฉา คนของรัฐต้าโจวพวกเจ้าตอนนี้ได้ถูกล้อมฆ่าอยู่ อยู่ในสถานที่ไม่ห่างจากสุสานกระบี่แห่งนี้ หากว่าเจ้าไม่ไปออกหน้าแล้วละก็ คาดว่าพวกเขาคงจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอนแล้ว “ คนผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบและตัดทอด

เยี่ยจงหรี่ตามองออกไป คนของรัฐต้าโจวสมควรที่จะออกไปจากสุสานกระบี่แล้วจึงจะถูกต้อง เพราะเหตุใดถึงไปๆมาๆกลับปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ไม่ไกลจากสุสานกระบี่ได้ อีกทั้ง องค์หญิงสี่สมควรที่จะอยู่ร่วมกันกับพวกเขา นั้นก็เพราะว่าเบื้องหลังและพลังฝีมือขององค์หญิงสี่ คงไม่มีผู้ใดที่กล้าลงมือต่อนางอย่างวู่วามอยู่แล้ว ?

ทันใดนั้นเอง สายตาของเยี่ยจงก็ได้เย็นชาขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่คนผู้นี้ แล้วตอบกลับไป “ ต่อให้เรื่องที่พวกท่านบอกมาเป็นจริง เพราะเหตุใดท่านถึงทราบได้ว่าข้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้กัน ? “

“ หลายวันมานี้ที่ใต้หุบเขาสุสานกระบี่ต่างก็กล่าวขานกัน ว่าเยี่ยจงได้รับกระบี่ดำแตกหักอยู่เล่มหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงเดาได้ว่าเจ้าอยู่ในที่แห่งนี้ “ คนผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ เจ้าที่แท้จะไปช่วยคนหรือไม่ ถ้าจะไป ข้าจะนำทางให้เอง หากว่าเจ้าไม่ไป ก็ช่างมันเถอะ “

เยี่ยจงสาดประกายตาออกไป แล้วก็ใคร่ครวญอย่างชัดเจนขึ้น นี้สมควรที่จะเป็นการจัดฉากสังหารเพื่อที่จะให้ตนเองเดินเข้าไป ไม่เช่นนั้นกลุ่มคนของรัฐต้าโจวอยู่ในสถานที่แห่งนั้นจริง หากว่าตนเองไม่ไป พวกเขาจะต้องถูกสังหารไปอย่างแน่นอน

“ พี่เยี่ยจง นี้เป็นกับดัก “ หมิงหยี่ก้าวเดินออกมา ส่ายหัวช้าๆแล้วกล่าวออกมา

“ ไม่เป็นไร “ ในขณะที่เยี่ยจงเกิดความลังเล จากนั้นก็ได้ยิ้มขึ้น “ ข้าก็อยากที่จะดูเหมือนกัน ว่าที่แท้เป็นผู้ใดกันที่ต้องการจะจัดฉากสังหารข้า หรือจะเป็นคนที่ข้ากำลังตามหาอยู่พอดีกัน ? “

“ นำทาง “

เมื่อสิ้นเสียงลง เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ติดตามยอดฝีมือแห่งรัฐเหร่ยเทียนหวังเฉาไป แล้วก็ได้มุ่งหน้าลงไปยังปลายเขาสุสานกระบี่

ยอดฝีมือมากมายที่พบเห็นฉากเบื้องหน้าที่เกิดขึ้นที่เนินหน้าผาสุสานกระบี่ สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ได้เปลี่ยนเป็นประหลาดขึ้นมา ทันใดนั้นเอง แล้วก็ได้มีอยู่หลายคนที่ติดตามไปด้วย

นั้นก็เพราะว่าชื่อเสียงของเยี่ยจงนั้นถือได้ว่าขจรขจายเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ในเมื่อมีคนที่หาญกล้าลงมือต่อเขา เรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ ที่แท้เป็นผู้ใดกันที่มีความกล้าเช่นนี้กัน

อีกทั้ง อีกฝ่ายยังถึงกับจัดฉากขึ้นอีกด้วย อย่างน้อยก็คงต้องมีอันใดให้ดูอย่างแน่นอน อย่างเช่นการชิงชัยของมังกรพยัคฆ์ ยอดอัจฉริยะปะทะกัน จะมีผู้ใดที่ยินยอมพลาดได้ ทุกผู้คนต่างก็ต้องการที่จะไปดู ต่อจากนี้จะเกิดอันใดขึ้นกัน

……

ลงเขานั้นถือได้ว่าง่ายกว่าตอนขึ้นเขา ประมาณครึ่งชั่วยามผ่านไป เยี่ยจงและเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐเหร่ยเทียนหวังเฉาก็ได้ออกมาจากยอดเขาสุสานกระบี่แล้ว จากนั้นก็ได้ลงมาทางด้านใต้หุบเขาของสุสานกระบี่เข้าสู่สถานที่ที่ดูโบราณเก่าแก่แห่งหนึ่ง

ในตอนนี้ ท่ามกลางสถานที่โบราณเช่นนี้ คาดว่าการต่อสู้คงจะได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ละด้านต่างก็พบเห็นเต็มไปด้วยคราบเลือด

เยี่ยจงกวาดสายตาออกไป แล้วก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ก็มีอยู่อย่างน้อยสิบศพ และเจ้าของซากศพเหล่านี้กว่าครึ่งเขาก็เคยพบเจอมาก่อน โดยส่วนมากจะเป็นผู้ที่มาจากเมืองเยียจิงนั้นเอง

นอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ไม่นานนักก็ได้พบกับจ้านหวังน้อยชีซือกึ่งพิงร่างอยู่กับพื้น แล้วก็ได้มีบาดแผลที่มีโลหิตไหลออกมาจากหน้าอกของเขา โลหิตสีดำกำลังไหลรินออกมา

บริเวณข้างกายของเขา ก็ได้มีองครักษ์เสื้อแพรลัวเฉิงอยู่ราวกับถึงฟ้าผ่าที่หัวไหล่ก็มิปาน อาบไปด้วยโลหิตสีดำเต็มร่าง ในตอนนี้เขากำลังคุกเข่าลงอยู่กับพื้น หอบหายใจอย่างรุนแรง คิดที่จะลุกขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้

และเหร่ยทิงเหอแห่งตระกูลเหร่ยในตอนนี้เสื้อผ้าก็ขาดกระจุยกระจาย เผยให้เห็นผิวพรรณอันขาวผ่องออกมา แต่ว่าอีกฝ่ายที่ลงมือเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นแก่บุพภางามแต่อย่างไร ร่างกายในตอนนี้ของเหร่ยทิงเหอก็ได้มีบาดแผลเห็นจนถึงกระดูก น้อยๆใหญ่ๆนับสิบแห่ง อีกทั้งดูไปคงเจ็บปวดสุดเปรียบปาน

นอกจากนี้แล้ว ยังมีคุณชายสี่ทิศ เกือบทั้งหมดจำนวนสิบกว่าคน ในตอนนี้แต่ละคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนักเต็มร่าง ล้มฟุบอยู่กับพื้น

ในตอนนี้ยังมีองค์หญิงหกอยู่ในบริเวณนี้ แต่ว่าสีหน้าของนางกลับขาวซีด ในมือจับเอาไว้ที่ป้ายหยก สาดประกายเจิดจ้าและรุนแรง เห็นได้ชัดว่า เพราะพึ่งพาสมบัติประจำรัฐต้าโจวชิ้นนี้คุ้มครองร่างเอาไว้ องค์หญิงหกจึงไม่ได้มีบาดแผลอันใดในตอนนี้ แน่นอนว่า อีกฝ่ายคงจะเห็นว่ามีสถานะที่พิเศษ จึงมิได้ลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นด้วยพลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด คาดว่าสถานการณ์ต่อไปก็ใช่ว่าจะดีไปไหนได้

สายตาของเยี่ยจง ในขณะนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา เขาหันกายไปอย่างช้าๆ ทอดตามองไปยังฝ่ายตรงข้าม จ้องเขม็งไปยังกลุ่มคนที่ตอนนี้กำลังกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มอยู่ ต่างก็กำลังยืนเกาะอกกันอยู่
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 595
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset