เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 269 เตาเผาไหม้เฟินหวิน

ตอนที่ 269 เตาเผาไหม้เฟินหวิน

 

 

 

เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังทางด้านร่างกายของคนผู้นี้ครู่หนึ่ง ดวงตาสาดประกายดุร้ายขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ เมื่อมาถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังไม่กล้าที่จะลงมือล้างแค้นให้สำนักของตนเองอีกงั้นหรือ ? กลัวข้าวันหน้าจะไปลบล้างสำนักเจ้าจนหมดงั้นหรือ ? “

 

“ เจ้ากลัวแล้วงั้นหรือ ? “ คนผู้นี้จ้องมองไปที่เยี่ยจง ลมหายใจของเขายังคงสงบไม่สั่นไหว ทั้งยังให้รสชาติเหมือนกับกำลังมองแมลงชนิดหนึ่งอยู่ หลังจากที่ได้มองเยี่ยจงเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้ยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นรอยยิ้มอันประหลาดขึ้นมา “ ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้ายังไงก็ถูกตัดสินให้ตายแล้ว วันนี้ก็จะให้เจ้าตายอย่างกระจ่าง นามของข้าก็คือหวินจงเทียน “

 

“ อะไรนะ ? หวินจงเทียน ? เป็นหวินจงเทียนที่เป็นซวางม่อแห่งสำนักเสวัยนหวินที่เล่าขานกัน กล่าวกันว่าบุคคลผู้นี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในสำนัก มีนามแฝงว่ารุ่นเยาว์กลับชาติมาเกิด ที่เป็นยอดอัจฉริยะแห่งดินแดนซีฮวง ที่แท้ก็เป็นเขา “

 

“ หวินจงเทียน เล่าขานกันว่าเมื่อตอนสองขวบก็ได้ฝึกปรือครรภ์ประหลาดอะไรนั้น ? “

 

ผู้คนมากมายโดยรอบต่างก็มองเข้าไป มีคนที่สูดหายใจแล้วเอ่ยปากขึ้นมา เมื่อได้ทราบถึงสถานะของคนผู้นี้ จึงได้ทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คน

 

หวินจงเทียน แน่นอนว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่สามารถเทียบเคียงได้กับองค์ชายสิบสามแห่งตระกูลถัง หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง อีกทั้งบุคคลเช่นนี้ จึงสามารถมีความกล้าที่จะท้าทายเยี่ยจงได้ คิดที่จะฆ่าสังหารเขา กระนั้น เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในยอดอัจฉริยะแล้วเช่นเดียวกัน

 

การปะทะของยอดอัจฉริยะเช่นนี้ เรียกได้ว่าสามารถดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก

 

“ สำนักเสวียนหวิน ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ “ เยี่ยจงพยักหน้า ดวงตาทอประกายประหลาดออกมา ในครั้งนี้ที่เขามายังสุสานกระบี่ความจริงก็เพื่อที่จะมาจัดการกับคนผู้นี้ แต่ว่าไม่ว่าจะเสาะหาอย่างไรก็หาไม่พบ คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้เขาถึงกับมาหาที่ตายเองถึงที่

 

และในระหว่างหวินจงเทียนผู้นี้ ทั้งยังไม่ได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมา อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยจงและสำนักเสวียนหวิน ทั้งสองฝ่ายในวันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องตาย และก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ไม่ได้มองไปที่หวินจงเทียนอีก เพียงแต่หันกลับมามอง แล้วชักกระบี่มุ่งหน้าหมายที่จะสังหารไปทางด้านอินทรีย์ทองสุริยาที่มีลมหายใจเพียงโรยริน ทั้งยังไม่มีแม้แต่ความใยดี อินทรีย์ทองสุริยาผู้นี้มีวาสนาที่ดีจนเกินไปแล้ว หากว่าในตอนนี้ไม่รีบฆ่าสังหาร การพบกันในครั้งต่อไม่ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเป็นตนเองที่ต้องพลาดพลั้งครั้งใหญ่แล้ว

 

“ เจ้า …….. เจ้าอย่าได้ฆ่าข้าเลยนะ ข้าเป็นทายาทของนกทองคำ ภายในร่างกายของข้าไหลเวียนไว้ด้วยโลหิตนกทองคำ เจ้าอย่าได้ฆ่าข้าเลยนะ “ อินทรีย์ทองสุริยาปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาชนิดหนึ่ง ร่างกายมันในตอนนี้สั่นไหวไม่หยุด เมื่อทราบว่าเยี่ยจงจะเข้ามาสังหารตน ก็ไม่อาจที่จะไม่อ้อนวอนได้

 

เยี่ยจงคร้านที่จะสนใจมัน เพิ่มระดับความเร็วของมือให้มากยิ่งขึ้น

 

“ พี่หวิน ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย พวกเราเป็นพวกเดียวกันนะ “ อินทรีย์ทองสุริยาร้ำร้องออกมา เหม่อมองทางด้านหวินจงเทียนอยู่บริเวณทางด้านหลัง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความคาดหวังและความบ้าคลั่งขึ้น มันทราบดีว่า หากว่าเยี่ยจงลงมือย่อมต้องไม่ไว้ไมตรีไว้แน่ ทั่วทั้งสนามที่พอช่วยตนเองได้ ก็มีแต่บุคคลเบื้องหน้าผู้นี้

 

“ ซวบ “

 

บริเวณทางด้านหลัง สีหน้าของเยี่ยจงที่ไร้อารมณ์ กระบี่ดำในมือก็ได้สาดประกายออกมาสายหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมา ในครั้งนี้ ศีรษะของอินทรีย์ทองสุริยาก็ได้หลุดลอยออกไป ทั้งยังนำฝนโลหิตสาดไปทั่ว

 

ภายในดวงตาของมันเต็มไปด้วยไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ไม่คิดว่าตนเองจะต้องจบสิ้นเช่นนี้ได้ แต่ว่าทันใดนั้นเอง ความแค้นอยู่ภายในกระบี่ดำก็ได้ตัดผ่านอากาศเข้ามา อินทรีย์ทองสุริยาก็ได้กลายเป็นศพที่กระแทกลงกับพื้นไปในทันที ทั้งยังตายตาไม่หลับ

 

“ เจ้าเป็นไอ้บ้าแท้ๆเลยนะ “ เยี่ยจงใช้มือสะบัดกระบี่ดำไปมา เงยหน้ามองไปอย่างดุดัน จ้องมองไปยังหวินจงเทียนแล้วเอ่ยปากขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

หวินจงเทียนกอดอกเอาไว้ ลมหายใจยังคงเรียบง่ายสงบดั่งเดิม เขามองไปทางด้านของสนาม ตอบกลับไปอย่างขอไปที “ ก่อนที่มันจะตายไปยังต้องให้เจ้าใช้ออกกระบี่หนึ่งได้ นี้ก็ถือได้ว่าเป็นข้อดีของเจ้าพวกไร้ประโยชน์แล้ว บอกกล่าวตามตรง มันก็ถือได้ว่าตายได้อย่างมีเกียรติแล้ว

 

“ เจ้าเกรงกลัวข้าขนาดนั้นเชียวหรือ ? แม้แต่การออกกระบี่เพิ่มเพียงสักครั้ง ยังทำให้เจ้ายินดีได้ถึงเพียงนี้เชียว ? “ เยี่ยจงเย้ยหยัน ใช้หางตามองไปที่หวินจงเทียน

 

บริเวณที่สูง หวินจงเทียนก็เกิดอาการลังเลขึ้น คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกับกล้าที่จะดูถูกตนเองเช่นนี้ ความกล้าก็มีมากเกินไปแล้วกระมั่ง

 

“ ปากกล้าขาแข็งเสียจริง “ เขาถอนหายใจ ทันใดนั้นเอง ก็ได้กล่าวเชิงออกคำสั่งออกมา “ พวกเจ้ายังมัวแต่ทำอันใดอยู่ ? ลงมือ “

 

“ ฆ่า “

 

เมื่อเสียงของหวินจงเทียนทอดลง ยอดฝีมือที่อยู่ใกล้นับสิบคนต่างก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา แต่จากนั้นก็ได้พุ่งตัวออกไปในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้นทักษะยุทธ์และสมบัติปราณก็ได้ถูกใช้ออกมาพร้อมกัน มุ่งหน้าเข้าสังหารบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

เห็นได้ชัดว่า แม้แต่มนุษย์ยักษ์สองหัวและอินทรีย์ทองสุริยาต่างก็ได้ตายด้วยน้ำมือของเยี่ยจง ยอดอัจฉริยะแห่งสำนักเหล่านี้ต่างก็เกิดความหวาดกลัวชนิดหนึ่งต่อเยี่ยจง เรียกได้ว่าไม่มีแม้แต่ความกล้าพอที่จะต่อกรตัวต่อตัวกับเยี่ยจงเลย อีกทั้งในตอนนี้พวกเขากลับทั้งยังใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดปะทะออกไป ใช้ออกมาด้วยสมบัติปราณที่ดีที่สุดในชีวิต ขอเพียงแค่สามารถสังหารเยี่ยจงลงได้ในเวลานี้ก็พอแล้ว

 

ท่ามกลางยอดฝีมือกลุ่มนี้ที่ลงมือ มีทั้งเผ่ามนุษย์ มีทั้งสิ่งมีชีวิตโบราณ มีทั้งสิ่งมีชีวิตแห่งเขาหลิงซาน ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะประจำตระกูลและเผ่าพันธุ์ น่ากลัวสุดเปรียบปาน ในตอนนี้มีผู้คนมากมายลงมือพร้อมกัน วินาทีนั้นก็ได้ก่อเกิดสายลมอันบ้าคลั่งขนาดใหญ่ พัดพาทั้งดินทรายก้อนหินออกไป ประกายเพลิงเต็มท้องฟ้า

 

การผสานลงมือกันนี้เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือธรรมดายังต้องถอนไปไกล

 

จ้านหวังน้อยและพวกในตอนนี้สีหน้าต่างก็เปลี่ยนไป หวินจงเทียนผู้นี้ก็เกินเยียวยาแล้ว เขาและเยี่ยจง ต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะแห่งดินแดนซีฮวง กล่าวกันตามเหตุผล ถ้าจะลงมือก็ลงมือกันทั้งสองคน แต่ว่าเขากลับไม่ทำอะไรเลย อีกทั้งยังถึงกลับให้อัจฉริยะมากมายเช่นนี้เป็นฝ่ายลงมือ เพียงเพื่อที่จะลดทอนพลังฝีมือของเยี่ยจง

 

อีกทั้ง อัจฉริยะมากมายต่างก็ลงมือกันเช่นนี้ เทียบจะเรียกได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่บุคคลธรรมดาจะสามารถรับมือได้

 

สีหน้าของเยี่ยจงทอแววเย็นชาขึ้น กระบี่ดำในมือก็ได้มุ่งหน้ากวาดออกไปทางด้านหน้า กระกายคมกล้าของรังสีเครียดแค้นก็ได้พัวพันกันโพยพุ่งออกมา เพียงแต่ว่าทันใดนั้น ก็ได้ทำลายประกายปราณทั้งหมดลง ต้านรับสมบัติปราณเหล่านี้เอาไว้

 

ประกายกระบี่ราวกับกำลังระเบิดออก มุ่งหน้าออกไปทางด้านยอดฝีมือเหล่านี้ทั้งหมด หมายที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดลงคราเดียว

 

ยอดฝีมือทั้งหมดที่ลงมือต่างก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที กระบี่ดำของเยี่ยจงเล่มนี้ก็ช่างประหลาดจนเกินไปแล้ว ใช้พลังความแค้นอันมหาศาลพุ่งขึ้นฟ้า เรียกได้ว่าบุคคลธรรมดาไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้ หากว่าถูกคมกระบี่นี้เข้าโจมตีตรงๆ สถานการณ์ต่อไปก็คงจะไม่ต่างจากอินทรีย์ทองสุริยา กลายเป็นเพียงแค่ซากศพ

 

“ พี่หวิน “

 

มีคนเกิดอาการตกใจ หากว่าหวินจงเทียนในตอนนี้ยังไม่ลงมืออีกแล้วละก็ พวกเขาทั้งหมดก็คงจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับอินทรีย์ทองสุริยาอย่างแน่นอน

 

“ ข้าบอกแล้ว พวกเจ้าเข้าไปสังหารได้เลย เขาใช้กระบี่ดำนั้นไม่ได้หรอก “

 

หวินจงเทียนหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเอง ก็ได้เห็นว่าเขาโบกมือคราหนึ่ง ภายใต้แขนเสื้อก็ได้มีประกายแสงพุ่งออกมาในทันที แล้วก็กลายเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ เตาโบราณนี้ได้ทอประกายแสงออกมาชนิดหนึ่ง จนต้านทานความแค้นทั้งหมดเอาไว้

 

“ นี้มันสมบัติปราณอันใดกัน ? “ ยอดฝีมือรอบด้านที่ต่างก็มองดูอย่างตกใจ สีหน้าของแต่ละคนทอแววประหลาดออกมา อีกทั้งยังไม่ทราบถึงที่มาของเตาโบราณนี้ ถึงกับสามารถนำมาต้านทานกระบี่ดำในมือเยี่ยจงได้

 

“ สมบัติเซียนชิ้นนี้สมควรที่จะเป็นสมบัติประจำสำนักเสวียนหวินแล้ว เตาเผาไหม้เฟินหวิน ในสมัยก่อนเมื่อนานมาแล้วเล่าขานกันว่า มีความน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ เกรงว่าในครั้งนี้เยี่ยจงคงจะพบกับความยุ่งยากแล้ว “

 

“ นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการปะทะของอัจฉริยะที่แท้จริง แล้วก็ไม่ทราบว่าท้ายที่สุดใครจะเป็นผู้มีชัย “

 

“ ถึงแม้ว่าเตาเผาไหม้เฟินหวินจะน่าหวาดกลัว แต่ว่ากระบี่ดำในมือของเยี่ยจงก็ถือว่าประหลาดอย่างไร้ที่เปรียบ แน่นอนว่าไม่อาจที่จะดูแคลนได้ “

 

เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาจากทั่วทั้งสี่ทิศ สายตาของผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้ทอประกายแววตาสงสัย การปะทะกันในครั้งนี้ เรียกได้ว่าหาดูได้ยากยิ่ง

 

“ ติ้ง “

 

กระบี่ดำในมือของเยี่ยจงก็ได้ระเบิดคมกระบี่ขึ้นมาเป็นสายในทันที ในครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่เหมือนกับสองครั้งแรก ราวกับว่ากระบี่ดำได้ปะทุความโกรธขึ้นมาก็มิปาน วินาทีนั้นเอง คมกระบี่ก็ได้โพยพุ่งออกมา จนกลายเป็นฆ่าสังหารออกไป มุ่งหน้าออกไปทางด้านของเตาออกไป

 

ในขณะที่เยี่ยจงกำลังปะทุพลังอยู่เตาเผาไหม้เฟินหวินก็ได้ระเบิดพลังประกายเพลิงออกมานับไม่ถ้วน มุ่งหน้าเผาผลาญไปทั่วทั้งสี่ทิศ วินาทีนั้นเอง รังสีกระบี่และประกายเพลิงก็ได้ปะทะกันท่ามกลางอากาศ ก่อเกิดเสียงของการปะทะออกมาไม่หยุด จนทำให้แม้แต่ผืนดินยังต้องสั่นสะเทือน

 

เตาเผาไหม้เฟินหวินมีประวัติอันยาวนาน ถือได้ว่าเป็นสมบัติประจำสำนักเสวียนหวิน ลี้ลับทั้งแข็งแกร่งอย่างมาก มีฉายานามอีกอย่างหนึ่งเรียกว่าเพลิงกาฬเผาผลาญ น่าหวาดกลัวสุดเปรียบปาน และกระบี่ดำในมือของเยี่ยจงก็เรียกได้ว่ามีที่มาที่คาดเดาได้ยาก ทั้งยังมีความแรงแค้นยิ่งใหญ่เท่าฟ้า ต่างก็น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

เมื่อการปะทะกันของสมบัติเซียนทั้งสอง ระดับของการปะทะกันเรียกได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมาย ยากที่คาดเดาผลลัพธ์เอาไว้ได้

 

เยี่ยจงเก็บสายตาเอาไว้ แขนของเขาในตอนนี้ก็ได้เกิดอาการชา มิใช่เป็นเขาที่ควบคุมกระบี่ดำ แต่เป็นกระบี่ดำคอยควบคุมปะทะออกไปด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีพลังความน่ากลัวที่มหาศาล

 

และหวินจงเทียนก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตลอดหลายปีมานี้ หายากนักที่จะให้เขาใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนประจำสำนักนี้ แต่ว่าในทุกครั้งที่ใช้ออก ต่างก็ถือได้ว่าได้รับผลลัพธ์ที่มากมายยิ่ง ทั้งยังสามารถฆ่าสังหารยอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย แต่ก็คิดไม่ถึงว่า วันนี้หลังจากที่ได้ใช้ออกด้วยสิ่งนี้ ถึงกับไม่อาจที่จะได้รับผลลัพธ์ที่ประหลาด ในทางกลับกันกลับทำให้สภาพในตอนนี้ยิ่งย่ำแย่ลง

 

“ ลงมือพร้อมกัน “

 

ยอดฝีมือหลายสิบคนที่อยู่ใกล้กับรังสีกระบี่ของเยี่ยจงในตอนแรกแต่ละคนก็ได้มีการตอบสนองขึ้นมาถอนออกไปในทันที ทันใดนั้นเองก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกไป เยี่ยจงในตอนนี้และหวินจงเทียนได้เข้าปะทะกัน ถือได้ว่าเป็นโอกาสในการลงมือที่ดีที่สุด หากว่าสามารถใช้โอกาสนี้สังหารเยี่ยจง มีหรือที่จะพลาดโอกาสอันดีนี้ไปได้

 

“ อ่อนหัด “

 

เยี่ยจงร้องเชอะอย่างเย็นชา กระบี่ดำในมือก็ได้สาดประกายคมกล้าออกมาเป็นสาย ทันใดนั้นเองก็ได้หยุดยั้งพลังความแข็งแกร่งของเตาเผาไหม้เฟินหวิน จากนั้นกระบี่ดำก็ได้หมุนวนคราหนึ่ง วินาทีนั้นก้ได้มีกระกายสีดำกวาดออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน มุ่งเป้าทีจะเข่นฆ่าสังหารยอดฝีมือที่พุ่งเข้ามา

 

“ กึ่ง “

 

หวินจงเทียนสีหน้าเปลี่ยนไป ในตอนนี้เขาก็ถือได้ว่าฝืนใจควบคุมเตาเผาไหม้เฟินหวิน จนสร้างประกายเปลวเพลิงขึ้นมาจนสำเร็จ หมายที่จะต้านการโจมตีของเยี่ยจง

 

เพียงแต่ว่า ในตอนนี้หวินจงเทียนได้ลงมือช้าไปก้าวหนึ่ง กระบี่ดำในตอนนี้ก็ได้สาดประกายคมกล้าหมุนวนออกมา ยอดฝีมือสองคนก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกคมกระบี่ล้อมเอไว้ ร่างกายแตกระจายออก กลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว ยอดฝีมือที่หลงเหลือต่างก็ขนลุกขนพอง แต่ละคนถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีความกล้าแล้ว

 

“ เจ้ายอดมาก “

 

หวินจงเทียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างไร้ที่เปรียบ เขายื่นมือออกมา ถึงแม้ว่าพรรคพวกของเขาจะถูกเยี่ยจงสังหารต่อหน้าต่อตา ก็เหมือนดังเขาถูกตบเข้าไปที่ใบหน้าคราหนึ่ง จนทำให้สีหน้าของเขาปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

“ พวกเจ้าต่างก็ถอยลงไป อย่าได้ให้คนอื่นๆหนีได้ก็พอ “ หวินจงเทียนเอ่ยขึ้นเสียงทุ่มต่ำ จากนั้นเขาก็ได้ก้าวเดินออกมา ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ได้มีหมอกเพลิงออกมาเป็นสาย ล้อมรอบอยู่บนตัวของเขา ราวกับกำลังพยุงการก้าวเดินของเขาก็มิปาน ให้ความรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลชนิดหนึ่ง

 

และในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขวาขึ้น แล้วก็ได้พบว่าเตาเผาไหม้เฟินหวินหมุนวนอยู่ท่ามกลางอากาศ แผ่พุ่งประกายเพลิงออกมานับหมื่นพุ่งออกมาในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าประทับไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่ เห็นได้ชัดว่าหมายที่จะสังหารเยี่ยจงให้ตายในทันที

 

เยี่ยจงหัวเราะเย็นชา กระบี่ดำในมือก็ได้ถูกยกขึ้น คมกระบี่พุ่งขึ้นฟ้า เข้าปะทะการโจมตีของหวินจงเทียน

 

“ ตูม “

 

คมกระบี่พุ่งออก ท่ามกลางอากาศก็ได้มีแสงเพลิงเข้าปะทะกัน วินาทีนั้นก็ได้ราวกับว่าเหมือนขุนเขาพุ่งเข้าชนกันก็มิปาน ก่อเกิดเสียงดังขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป จนก่อเกิดเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

.

.

.

.

 

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 600

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset