เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 276 การปรากฏของแอ่งชำระกระบี่

ตอนที่ 276 การปรากฏของแอ่งชำระกระบี่

 

 

 

“ เผ่าพยัคฆ์ขาวงั้นหรือ ? “

 

เยี่ยจงมองไปที่ศีรษะบนตัวของพยัคฆ์ขาว ทอสีหน้าสงสัย คงเป็นเพราะโชคชะตาที่เป็นดั่งเช่นการทดสอบ เผ่าพยัคฆ์ถือได้ว่าประหลาดยิ่งเผ่าพยัคฆ์โดยส่วนมากแล้วจะตัวเล็กอ่อนแอ มิอาจที่จะแข็งแกร่งได้มากมาย แต่ว่าเส้นลมปราณของเผ่าพยัคฆ์นี้กลับถือได้ว่าลึกล้ำเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าเป็นถึงหนึ่งในสี่เส้นลมปราณโบราณแห่งฟ้า ลึกล้ำเก่าแก่อย่างถึงที่สุด

 

“ นี้ถือเป็นตัวเลือกของยาที่ดีเลย “ เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังก้องอยู่ภายในห้วงสมองของเยี่ยจง กระตุ้นให้เยี่ยจงลงมือ สังหารพยัคฆ์ขาวตนนี้

 

เยี่ยจงมิได้รีบร้อนที่จะลงมือ เขากวาดสายตามองไปรอยด้าน ก็ได้พบกับฉากอันประหลาดปรากฏขึ้น ในตอนนี้ บริเวณทางด้านหลังไม่ไกลจากพยัคฆ์ขาว มีสวนยาอยู่แห่งหนึ่ง สวนยานี้มียาปราณอยู่จำนวนมาก คาดว่าต่างก็ถือได้ว่ามีอายุมานานเกินพันปีแล้ว

 

และในตอนนี้ก็ได้มีผู้มีพรสวรรค์พยายามจะเข้าไปใกล้เพื่อที่จะเก็บยาปราณเหล่านี้อยู่เรื่อยๆ อย่างว่าแต่ยาปราณเหล่านี้ ทั้งยังแผ่พลังอันแข็งแกร่งกดดันเอาไว้อยู่ จนทำให้เหล่าผู้คนที่มีความกล้าแต่ละคนต้องกระอักโลหิตออกมา ร่างกายราวกับจะระเบิดแตกออก

 

“ เป็นของดีทั้งหมดเลย หากว่าสามารถได้รับยาปราณเหล่านี้ และเพิ่มเติมด้วยโลหิตบริสุทธิ์ของเจ้าเด็กน้อยเหล่านั้นแล้วละก็ ขอเพียงได้ครอบครองหัวใจพสุธา ข้าก็จะสามารถสร้างหยดน้ำเซียนให้แก่เจ้าได้ในทันที “ เสี่ยวหลุนลิงโลดขึ้นมาอย่างวุ่นวาย พูดไปน้ำลายไหลไปออกมาเป็นทาง

 

เยี่ยจงขมวดคิ้ว ความรู้สึกเหมือนกับถูกหลอกชนิดหนึ่ง เด็กน้อยนี้ทำใมถึงมีความสนใจขนาดนี้ ? คงมิใช่คิดจะหักหลังตนเองในตอนท้ายหรอกนะ ?

“ เจ้าอย่าได้คาดคิดวุ่นวายจนเกินไป ทว่าตอนนี้ข้าก็ได้แต่ฝืนใจเหมือนเป็นคนของเจ้าแล้ว ? ขอเพียงสามารถทำให้ฝึกปรือจนถึงขอบเขตร่างกายไม่สูญสลายไปแล้วละก็ ข้าเองก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ถ้าจะคิดร้ายต่อเจ้าแล้วละก็ ข้าก็คงจะไม่หลอมโอสถให้เจ้าหรอก “ เสี่ยวหลุนเหมือนกับกำลังทุบไปที่หน้าอกของตนเองเพื่อยืนยันความหนักแน่นในคำพูด

 

“ งั้นก็ดี หวังว่าที่เจ้าว่ามานั้นจะเป็นความจริงนะ “ เยี่ยจงพูดออกมาเสียงดังพร้อมทั้งพยักหน้า จ้องมองไปยังบนร่างของพยัคฆ์ขาวอีกครั้ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกใจอยู่หลายส่วน “ เจ้าเสือน้อย นี้พวกเจ้ากำลังร่วมมือกันเพื่อที่จะนำยาออกมางั้นหรือ ? ทำไมเจ้าถึงไม่ไปด้วยตนเองเล่า ? “

 

“ เจ้าอยากตายงั้นหรือ ? “ สีหน้าของพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมาหลายส่วน มันค่อยๆลุกขึ้นมา จ้องเขม็งไปบนร่างของเยี่ยจง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เผ่ายมนุษย์ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากว่าไม่อยากตายแล้วละก็ ก็ทำตามเด็กน้อยเหล่านี้ซะ ไปเด็ดยามาไว้บ้า ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ตลอดรายทางเมื่อครู่นี้ที่เจ้าพบเห็นเด็กน้อยเหล่านั้น เจ้าก็จะเป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน “

 

“ ยอดฝีมือเมื่อครู่เหล่านั้นต่างก็ถูกเจ้าสังหารงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงเกิดความสงสัย จ้องมองไปยังบนร่างกายของพยักฆ์ขาว เด็กน้อยผู้นี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นไม่

 

“ นั้นมันตายเพราะฝีมือของอัจฉริยะในกลุ่มของข้า เจ้ายังถือได้ว่าโชคดีอยู่นะ รีบไปเด็ดยามาเร็วเข้า “ พยัคฆ์ขาวมองไปที่เยี่ยจงอย่างโมโห

 

“ กล่าวมาครึ่งค่อนวัน เจ้าก็เป็นเพียงแค่ลูกน้องนี้เอง “ เยี่ยจถอนหายใจ เพียงแต่จ้องมองไปยังสวนยาทางด้านบน กล่าวออกมาเสียบดัง “ เจ้าเสือน้อย เจ้ายังไงซะก็ไปเด็ดยามา จำเอาไว้ว่านำยากลับมาด้วย ข้าจะพิจารณาไม่สังหารเจ้า “

 

“ เจ้าหาที่ตาย เจ้าทราบหรือไม่ว่าข้านั้นมาจากสถานที่ใดกัน ? “ พยัคฆ์ขาวมองไปที่เยี่ยจงอย่างโมโห มันก้าวขึ้นมาอย่างช้าๆ บนร่างกายแผ่รังสีแห่งความตายมาอย่างเข้มข้น เห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งที่อยู่บนร่างกาย

 

เยี่ยจงจ้องมองไปที่เขา กล่าวเสียงแผ่วเบา “ เจ้าจะไม่ไปเด็ดยากลับมาจริงงั้นหรือ ? “

 

“ เจ้าหาที่ตาย “ จนในที่สุดความโมโหของพยัคห์ขาวในครั้งนี้ มันก็ได้พุ่งตัวหมายสังหารออกมา คิดที่จะขย้ำเยี่ยจงออกเป็นชิ้นๆ

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงสบัดฝ่ามือออกมาหนึ่งที ตบเข้าไปที่พยัคฆ์ขาวจนลอยกระเด็นออกไป จากนั้นก็สะบัดมือไปมา กล่าวเสียงดังขึ้น “ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปด ขอบเขตพสุธา พลังฝีมือนับว่าไม่เลว แต่น่าเสียดายที่มาพบเจอกับข้า “

 

“ เจ้า “

 

พยัคฆ์ขาวดันร่างลุกขึ้นมาจากพื้น เยี่ยจงใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่บริเวณหว่างคิ้วที่มีคำว่า “王หวัง”พอดี จนทำให้มันปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด ที่มาของเผ่าพันธุ์ของมันนั้นถือได้ว่ามึความแข็งแกร่งอย่างมมาก ตลอดเวลาที่เดินอยู่ในดินแดนซีฮวงยังไม่เกรงกลัวผู้ใด แต่ว่าในวันนี้กลับถือตบจนกระเด็นออกไปเพียงเพราะฝ่ามือเดียว เรียกได้ว่าเป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“ เผ่ามนุษย์ เจ้าหาที่ตาย “

 

พยัคฆ์ขาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา ขนสีเงินทั่วทั้งร่างกายที่เป็นดุจดั่งเข็มก็ได้ชูชันขึ้นมา อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาหมายสังหารเยี่ยจง สถานที่แห่งนี้พิสดารอย่างยิ่ง แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังแข็งแกร่งจนน่าตกใจ

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงสะบัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง ยังถึงกับสามารถตบพยัคฆ์ขาวลอยกระเด็นออกไปได้อย่างง่ายดาย สถานที่เช่นนี้ที่เปรียบเหมือนดั่งต้องพึ่งพากำลังกายเพียงอย่างเดียว เยี่ยจงที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้า จึงถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าพยัคฆ์ขาวขั้นหนึ่งพอดี ในสภาพเช่นตอนนี้ที่มิอาจที่จะใช้ทั้งทักษะยุทธ์และสมบัติปราณ คงจะได้แต่ใช้กำลังเพียงถ่ายเดียวเพื่อกดดันมันเท่านั้น

 

“ เอาละ ตอนนี้เจ้าได้เตรียมตัวที่จะให้ข้าฆ่าเจ้า หรือว่าเตรียมที่จะไปเก็บยามาให้ข้าอย่างว่าง่าย ใช่แล้ว พวกเจ้าทั้งหลายต่างก็จำเอาไว้ให้ดีว่าต้องไปเก็บยามาให้ข้าละ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าทีละคนเลย ทั้งยังจะดูดกลืนแทนยาอีกด้วย “ เยี่ยจงก้าวออกมาหนึ่งก้าว แล้วก็เตะพยัคฆ์ขาวออกไปทางด้านของสวนยา

 

ร่างกายของพยัคฆ์ขาวสั่นไปมา กระอักโลหิตออกมาคำโต สีหน้าทอแววหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด วินาทีก่อนหน้านี้ มันยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ สั่งให้ผู้คนไปเด็ดเก็บยา แต่ว่าในตอนนี้กลับ มีเผ่ามนุษย์ที่น่าตายไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน เพียงกลับต้องพ่ายแพ้ไปในแค่ไม่กี่กระบวนท่า ทั้งยังถูกสั่งให้มาเก็บยาในสถานที่แห่งนี้อีก

 

ในตอนนี้ จิตใจของพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนแปลงกลับกลาย เพราะแค่ชั่วพริบตาเดียว ทันทีที่พบเห็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ มันก็ต้องเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาในทันที ทั้งยังขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเริ่มต้นเก็บยา

 

“ เจ้ามนุษย์ รอจนยอดอัจฉริยะในกลุ่มของข้าเข้าไปยังแอ่งชำระกระบี่ได้ก่อนเถอะ นั้นก็จะเป็นเวลาตายของเจ้า “ พยัคฆ์ขาวส่งเสียงอันอาฆาตออกมา ทั้งยังดูลึกล้ำอยู่หลายส่วน

 

“ อะไรนะ ? แอ่งชำระกระบี่อยู่ที่ใดกัน ? “ เยี่ยจงตื่นตกใจ เขายังคิดที่จะไปค้นหาดูอีกหน่อย คิดไม่ถึงว่าแอ่งชำระกระบี่จะอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้

 

แล้วก็ได้หันไปมองดูโดยรอบ จากนั้นสายตาของเยี่ยจงก็ได้แข็งทื่อไป บรรจบอยู่ที่บริเวณทางด้านหนึ่ง

 

ที่ตรงนั้นมีแอ่งน้ำน้อยๆสีทองอยู่สายหนึ่ง พอที่จะทำให้ผู้คนเห็นได้โดยง่าย ด้านในมีประกายพลังปราณอยู่อย่างเข้มข้น มองดูแล้วเหมือนกับกระจกเทพก็มิปาน

 

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของแอ่งน้ำสีทองก็ได้ออกมาในมุมๆหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้มีแสงสีทองแผ่กระจายออกมาในระดับหนึ่ง เผยให้เห็นลานกว้างแห่งหนึ่ง กดดันทั้งสี่ทิศ ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปใกล้ได้

 

“ นี่ก็คือแอ่งชำระกระบี่ “ เสี่ยวหลุนยืนยันให้อย่างรวดเร็ว

 

เยี่ยจงพยักหน้า หันกายเดินมุ่งหน้าไปทางด้านนั้น ยาปราณมาแย่งชิงได้ช้าหน่อย แอ่งชำระกระบี่กลับยิ่งไม่อาจที่จะพลาดไปในตอนนี้ได้ นั้นก็เพราะว่าเขาสามารถสังเกตได้ว่า ทางด้านแอ่งชำระกระบี่ในตอนนี้มีเงาร่างอยู่หลายสาย ในตอนนี้พี่เขาต่างก็ตามไปยังทางด้านลานที่ดูกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง คิดหมายที่จะเข้าไปยังภายในแอ่งชำระกระบี่

 

“ เผ่ามนุษย์ “ ท่านใดนั้น ก็ได้มีเสียงเย็นชาลอดออกมา “ ถอยไปในตอนนี้ซะ ไปเด็ดยามาให้ข้า ข้ายังพอจะไว้ชีวิตเจ้าได้อยู่ “

 

เยี่ยจงกวาดตาจ้องมองไป จะหยุดอยู่ที่เงาร่างสายหนึ่ง ที่บนร่างแผ่กระจายแสงสีขาวออกมา ที่อยู่บริเวณใจกลางของที่แห่งนี้ อีกทั้งในตอนนี้เขายังอยู่ห่างจากแอ่งชำระกระบี่เพียงไม่กี่สิบก้าวเท่านั้น

 

และเงาร่างสายอื่นๆที่มีทั้งไกลและใกล้จากแอ่งชำระกระบี่เป็นระยะ ทว่าพวกเขาต่างก็สงบลงจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจง ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา

 

“ เพียงแค่เจ้า ? ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตชั้นฟ้า เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะผยองต่อหน้าข้า “ เยี่ยจงกล่าวออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไป มุ่งหน้าออกไปทางก้านของแอ่งชำระกระบี่ไป

 

“ เยี่ยจง เป็นเจ้า “

 

ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงที่ดังขึ้นมาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงแค้นอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากเงาร่างสายอื่นในกลุ่มนั้น

 

เสียงนี้คุ้นหูเยี่ยจงยิ่งนัก ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือได้ว่ามีบุญคุณความแค้นอย่างลึกล้ำกันอยู่หลายส่วน นั้นก็เพราะว่า ทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมา เยี่ยจงก็ได้ยิ้มแล้วตอบกลับไป “ ที่แท้องค์ชายสิบสามก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วย ครั้งนี้ข้าและหมิงหยี่ร่วมมือกัน เพื่อที่จะมาสังหารเจ้า ใช่แล้ว ขอบอกข่าวแก่เจ้า นกอินทรีย์ทองสุริยาที่ให้ความร่วมมือกับท่านเมื่อวันก่อนได้ร่วมกันลงมือกับหวินจงเทียนเพื่อลงมือต่อข้า ก็ได้ถูกข้าสังหารไปแล้ว ข้าทราบดีว่าเป็นเพราะท่านแนะนำให้เขากระทำเช่นนั้น …… แต่ว่าก็ยังดี สูญเสียผู้ช่วยเหลือที่สำคัญไป ในครั้งนี้ข้าจะสังหารเข้า ดูว่าจะมีผู้ใดขัดขวางได้ “

 

องค์ชายสิบสามร่างกายสั่นเทาขึ้นมาช้าๆ ถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างไม่ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความตกใจขึ้นภายในใจ ทั้งยังไม่มีกำลังมากพอในสถานที่เยี่ยงนี้ ทว่าหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว ขาก็ได้หัวเราะเย็นชาขึ้นมา กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “ เจ้าไร้ประโยชน์นั้นตายแล้วก็ช่างมัน เยี่ยจง ข้าในตอนนี้ไม่มีเวลาที่มาสนใจเจ้า รอจนหลังจากที่ข้าออกมาจากแอ่งชำระกระบี่แล้ว แน่นอนว่าต้องสังหารเข้าแน่ “

 

“ ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั่น “ เยี่ยจงยิ้มน้อยๆออกมา “ ในตอนนี้ข้าก็จะเข้าไปยังแอ่งชำระกระบี่เหมือนกัน ข้าจะสังหารเจ้าภายในแอ่งแล้วจะเป็นไร ? “

 

“ เจ้า “

 

องค์ชายสิบสามราวกับโมโหขึ้นมา ทว่าไม่นานนักเขาก็ได้สงบในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เข้าใจดี หากว่ายังต้องปะทะคารมกับเยี่ยจงต่อไปแล้วละก็ ตนเองคงจะต้องอกแตกตายอย่างแน่นอน ต่อมาเขาก็ไม่ได้กล่าวอันใดอีก เพียงแต่มุ่งหน้าเดินต่อไปทางด้านหน้าทีละก้าว ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น

 

“ เจ้าพวกคือหนึ่งในสี่ราชันเผ่าพันธุ์มนุษย์เยี่ยจงงั้นหรือ ? สมคำร่ำลือจริงๆ “ เงาร่างของคนผู้หนึ่งได้เริ่มที่จะเอ่ยปากขึ้นมาในตอนนี้ ทว่าในตอนนี้คำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน

 

สี่ราชันเผ่ามนุษย์ นามนี้ถึงแม้จะไม่เป็นประกายมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าส่งผลต่อพวกเขาเหล่าสิ่งมีชีวิตเขาหลิงซานและเผ่าพันธุ์โบราณ ด้วยคุณสมบัติความสามารถความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งสี่ สามารถกล่าวได้ว่า ที่เรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไร้ผู้ใดที่จะมาเทียบเปรียบได้

 

“ ได้ข่าวลือมาว่าเจ้าได้สังหารสามยอดขุนศึกของคนผู้นั้น ถึงกลับไม่รู้จักที่ตาย ทว่าข้าของจะให้โอกาสเจ้า เข้ามายังสำนักข้า หลังจากนี้ข้าจะดูแลปกป้องเจ้าเอง “ เงาร่างสายนั้นก็ได้เอ่ยขึ้นมา ทั้งยังมีสีหน้าสดใสอย่างประหลาดออกมาหลายส่วน

 

“ เจ้าคิดที่จะรับข้าไว้เป็นลูกน้องงั้นหรือ ? อย่างเจ้าเนี๊ยนะ ? “ เยี่ยจงสลายรอยยิ้ม หลังจากที่สำรวจเงาร่างของคนผู้นั้นแล้ว จึงค่อยพยักหน้าตอบกลับ “ ดูจากลักษณะของเจ้า อย่างมากก็คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากเขาหุบซานอะไรนั้น เส้นลมปราณสมควรที่จะเก่าแก่ไม่เบา พอดีข้าต้องการที่จะหลอมหยาดน้ำเซียนชนิดหนึ่งอยู่ ถ้านำโลหิตบริสุทธิ์ของเจ้ามาทำเป็นยาแล้วละก็ ผลลัพธ์คงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า มุ่งหน้าเดินเข้าไปยังบริเวณทางด้านแอ่งชำระกระบี่ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเงาร่างนั้นจะทำให้เค้าโมโหขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะต้องลงมือ แต่ว่าความจริงแล้วเขาก็เพียงแค่ต้องการที่จะหาข้ออ้างในการเข้าใกล้แอ่งชำระกระบี่ หากว่ามีคนทราบว่า ที่เขามาเพื่อตามหาหัวใจพสุธา อย่าว่าแต่บุคคลอื่น อย่างน้อยองค์ชายสิบสามคงจะไม่เอาแต่มองดูให้เขาได้ครอบครองหัวใจพสุธาได้สำเร็จอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าสิ่งนั้นเป็นถึงสมบัติที่สามารถทำให้ผู้คนฝึกปรือจนถึงขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายได้

 

“ เจ้ารอก่อน รอจนข้านำกระบี่ดำของข้าไปชำระรังสีความเครียดแค้นก่อนค่อยมาเก็บเจ้าทีหลัง “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้กวาดสายตามองไปที่องค์ชายสิบสามคราหนึ่ง “ แน่นอนว่า เจ้าไม่ต้องกลัวไป ข้าไม่ลืมเจ้าหรอก “

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7/8 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด613

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset