เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 277 สนามของผู้แข็งแกร่ง

ตอนที่ 277 สนามของผู้แข็งแกร่ง

 

 

“ ตูม “

 

ในขณะที่มียอดฝีมือจ้องมองเข้ามา เยี่ยจงก้าวออกไปหนึ่งก้าว ในที่สุดก็ได้เข้าไปใกล้ยังแอ่งชำระกระบี่ด้วยคนเอง ย่างกรายเข้าไปยังเขตแดนภายใน

 

พลังแรงกดดันอันมหาศาลได้ถูกแผ่กระจายออกมาในตอนนี้ จนทำให้เยี่ยจงรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อของตนเองจะถูกกดทับไปเลยก็มิปาน แต่ว่าถึงแม้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบของเขา ก็เป็นเพียงความรู้สึกเพียงชั่วขณะเท่านั้นเอง ทันใดนั้นเอง ก็ได้เปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงอยู่หลายส่วน จนกลสยเป็นยากที่จะทนทานรับได้

 

หลังจากนั้นเอง เยี่ยจงจึงได้ค่อยตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง หลังจากที่เท้าข้างหนึ่งได้ย่างกรายเข้าไปอีกก้าว เป้าหมายของเขาก็คือหัวใจพสุธา ถึงแม้ว่าเมื่อครู่เขาจะท้าทายเด็กน้อยเหล่านั้นไม่หยุดหย่อน แต่ว่าเขาก็ยังไม่ต้องการที่จะลงมือออกมในเวลานี้ ดังนั้น เยี่ยจงจึงได้เลือกเส้นทางที่ดูเหมือนจะปลอดภัยเอาไว้สายหนึ่ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับเงาร่างสายอื่นที่เข้าไปก่อนหน้านี้

 

หลังจากที่ทอดน่องไปอย่างผ่อนคลายไปทางด้านหน้า เยี่ยจงถึงค่อยได้เข้าใจ ว่าทำไมเงาเหล่านั้นเมื่อได้เข้าไปใกล้ยังแอ่งชำระกระบี่ได้ราวสิบก้าว ความเร็วถึงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ นั้นก็เพราะว่า ทุกย่างเก้าทาได้เดินเข้าไป จะยิ่งมีอรงกดดันเพิ่มมากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ราวกับตนเองกำลังแบกภูเขาเล็กๆทั้งลูกอยู่ก็มิปาน ถือได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายผู้คน หากว่าเข้าไปจนถึงก้าวสุดท้ายของแอ่งชำระกระบี่แล้ว แรงกดดันจะแข็งกล้าขนาดไหนกัน

 

ด้านบนพื้นดิน ก็จะพบกับคราบโลหิตกลุ่มหนึ่งเป็นระยะ สดใหม่อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มียอดฝีมือได้พยายามเข้ามายังแอ่งชำระกระบี่ แต่ว่าความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อยังไม่แกร่งพอ จึงได้กลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลวในทันที

 

สิ่งนี้ได้ว่าปกติอย่างมาก ในสถานที่แห่งนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นแอ่งชำระกระบี่ในตำนาน จึงได้มีผู้คนไม่น้อยคิดที่จะเข้ามา เพียงแต่ว่าพวกเขาแค่พ่ายแพ้ไปก่อนก็เท่านั้น

 

และโลหิตเหล่านี้ กลับยิ่งเป็นการเตือนสติเยี่ยจงเอาไว้ ว่าในเวลานี้ต้องระวังเอาไว้ให้ดี

 

ทว่ากลับมีสิ่งที่มีความคิดต่างจากเยี่ยจง เสี่ยวหลุนนั้นกลับมีความยินดีเสียมากกว่า สถานที่อันแข็งกล้านี้เมื่อกล่าวโดยมันแล้วละก็ แทบจะไม่ส่งผลใดต่อมันแม้แต่น้อย ตลอดรายทางมานี้มันได้คอยหลบเลี่ยงรังสีสีทองที่แผ่กระจายออกมา สาดประกายสีขาวออกมาอย่างระมัดระวัง คอยสกัดโลหิตบริสุทธิ์จากโลหิตเหล่านี้

 

เยี่ยจงรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างถึงที่สุด จนท้ายที่สุด เขาก็คร้านที่จะมองไปยังการเคลื่อนไหวเช่นนี้ของเสี่ยวหลุน นั้นก็เพราะว่าวิธีการเช่นนี้ก็เหมือนดั่งการเอาเศษซากมาขโมยสกัดโลหิตบริสุทธิ์ แต่ทว่าถึงแม้จะไม่ยินยอมก็ตาม ตลอดรายทางมานี้ เยี่ยจงก็ได้พบกับซากศพรวมเจ็ดแปดซาก ซากศพเหล่านี้ดูแล้วสดใหม่อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าพึ่งจะตายไปได้ไม่นาน ทว่าพวกเขาต่างก็ยังคงถูกเสี่ยวหลุนสกัดโลหิตบริสุทธิ์ออกมา เป็นไปได้ว่าคงยากที่จะตายคาหลับได้

 

“ กร๊อบ “

 

ในขณะที่เยี่ยจงกำลังเคลื่อนกาไปทางด้านหน้าก็ได้มีเสียงดังขึ้นมา หลังจากที่ได้เดินเข้าไปประมาณยี่สิบก้าวได้ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่ง พลังกดดันนี้ได้ทำให้กระดูกในกายของเขาส่งเสียงดังขึ้นมา ราวกับว่ากล้ามเนื้อจะแตกออก

 

เยี่ยจงสูดลมหายใจยาวๆออกมาคำหนึ่ง ก็ได้จัดการกับสภาวะอยู่กับที่ ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ หลังจากที่ได้ก้าวมาแล้วนับสิบก้าว เหล่ายอดฝีมืออันแข็งแกร่งต่างก็ยังก้าวออกไปทางด้านหน้าอย่างช้าๆ นั้นก็เพราะว่าต่อให้มีความแข็งแกร่งดั่งเช่นองค์ชายสิบสาม อย่างน้อยก็ยังต้องจัดการกับสภาวะให้อยู่ในจุดสูงสุด จึงจะสามารถก้าวออกไปอีกก้าวได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ซากศพมากมายที่อยู่บนพื้น คงถือว่าเป็นบทเรียนก็ว่าได้

 

และเมื่อมาถึงก้าวนี้ เยี่ยจงก็เริ่มที่จะยืนยันได้ว่า รวมไปทั้งเงาร่างสีขาวที่อยู่ทางด้านหลัง หลายคนที่ยังอยู่ในมี่แห่งนี้ แน่นอนว่าต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะ อีกทั้ง แต่ละคนต่างก็สมควรที่จะฝึกปรือจนถึงขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้ากันแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คงไม่มีทางที่จะมาถึงขั้นนี้ได้

 

ทว่าเยี่ยจงก็มิได้เกิดอาการตกใจขึ้นมาแค่จนมากเกินไป ขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้าถึงแม้จะฝึกปรือได้ยาก แต่ว่าก็ไม่จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว เมื่อก่อนหน้าตอนที่อยู่ที่ดินแดนซานเชียนเซินเจี่ยก็พอจะทราบแล้วว่า เหล่ายอดฝีมืออันแข็งแกร่งต่างก็หาวิธีที่จะสร้างหยาดน้ำปราณออกมาไม่น้อย หลังจากที่ได้แช่อยู่นานพอสมควร ก็พอจะที่จะสร้างยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่แปดในระดับสูงสุดได้ตั้งแต่เยาว์วัย ก็คือขอบเขตชั้นฟ้านั้นเอง

 

แต่ว่า ระดับขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายในตำนานนั้นกลับไม่เหมือนกัน ต่อให้เปผ้นภายในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ก็มีเพียงส่วนน้อยที่พอจะฝึกปรือได้จนสำเร็จ นั้นก็เพราะว่ายังจำเป็นที่จะต้องมีวาสนาและความมุ่งมั่นในจิตใจ ไม่ว่ายอดฝีมือขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายคนใด ต่างก็ยากที่จะพบได้ สามาถพอที่จะก้าวสู่เส้นทางที่ยากคาดเดาเอาไว้ได้

 

ต่อให้เป็นตัวเยี่ยจงเอง ก็ใช่ว่าจะมีความมั่นใจในการฝึกฝนของตนเองในการเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ทว่า ในตอนนี้กลับพบกับวาสนาที่ยากจะพบได้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจผิดพลาดไปได้

 

ช่วงเวลาได้ไหลเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ใช่สภาวะ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจยาวๆออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ได้ก้าวออกไป ร่างกายเหมือนดั่งถูกกระแทกเข้าไป กระดูกราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ว่าเขาก็ยังพยายามฝืนทนผ่านไปได้ จนก้าวออกไปอีกก้าวหนึ่ง

 

เงาร่างทางด้านหน้าเหล่านั้นต่างก็ราวกับหันกลับมามองเขาคราหนึ่ง เพียงแต่ว่าประกายสีทองนั้นกลับทอแสงอย่างเข้มข้นในบริเวณสถานที่แห่งนี้ จึงไม่อาจที่จะมีผู้ใดพอที่จะสามารถมองออกว่าอีกฝ่ายนั้นคือผู้ใด นเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมองออกว่า ความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่ได้ส่งผลต่อเยี่ยจงมากมายนัก หรือจะกล่าวได้ว่า พลังฝีมือของเยี่ยจงในตอนนี้ เพียงพอที่จะเทียบเคียงกับพวกเขาได้แล้ว อีกทั้งยังอาจจะแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่หลายส่วน

 

“ เผ่าพันธุ์มนุษย์ เฮอะเฮอะ เผ่าพันธุ์มนุษย์ “

 

มีคนส่งเสียงเย็นเยียบออกมา เสียงนั้นดังไปทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่อาจที่จะมองออกได้ว่าเป็นผู้ใดที่เป็นคนส่งเสียงออกมา

 

ทว่าเยี่ยจงก็ยังต้องขมวดคิ้วขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าบุคคลที่เอ่ยขึ้นมามีปัญหากับเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นอย่างมาก บวกกับเงาร่างสีขาวก็ได้อยู่กับองค์ชายสิบสามมาตั้งแต่แรก หากว่าตนเองไม่มีการตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วละก็ จนทำให้ผู้คนทั้งหมดเข้ามายังแอ่งชำระกระบี่พร้อมกัน เกรงว่าเรื่องราวคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแน่

 

ทว่าหลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว ในตอนนี้เยี่ยจงก็ยังไม่มีวิธีใดที่ดีแต่อย่างไร แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ นั้นก็คือรักษาความปลอดภัยของตนเองเอาไว้ให้ดี เพื่อที่จะเพิ่มระดับความเร็วมากกว่าก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้ไปแย่งชิงยังแอ่งชำระกระบี่ให้เร็วกว่าผู้อื่นเพื่อที่จะได้เข้าไปแย่งชิงหัวใจพสุธาในช่วงแรก

 

ช่วงเวลาได้ล่วงเลยไปวินาทีแล้วนาทีเล่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็ได้ผ่าน้ลยไปถึงสามวันสามคืน ทว่าภายในสามวันสามคืนนี้ เยี่ยจงก็เท่าได้เพียงก้าวเดินไปได้เพียงแค่สิบกว่าก้าวเท้านั้น เขาจดจ้องไปยังสภาพอันแข็งแกร่งของสถานที่แห่งนี้ ในที่สุดเมื่อพบว่าไม่ได้ต่างอะไรกับบุคคลเหล่านี้

 

และสถานการณ์ของผู้คนเหล่านั้นต่างก็ถือได้ว่าน่าแปลกอย่างถึงที่สุด มีบางคนที่ใช้วันทั้งสามวันยังเดินไปเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และยังมีบางคนที่ยังยืนอยู่กับที่ แต่ก็ไม่ทราบว่ากำลังทำอันใด

 

“ ตูม “

 

จากนั้นก็ได้เดินออกไปอีกก้าว แรงกดดันอันมหาศาลก็ได้กดทับเข้ามาอีก เยี่ยจงเพียงรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ราวกับเป็นดั่งห้วงลึกของสุดมหาสมุทร จากนั้นห็ได้มีความรุนแรงกดทับมายังร่างของตนเองก็มิปาน เป็นความรู้สึกราวกับถูกกดทับจนแทบจะแหลกเหลวไปในช่วงเวลานั้น จนทำให้สีหน้าของเยี่ยจงทอแววเคร่งเครียดขึ้นมา

 

เมื่อมาถึงก้าวนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะเพิ่มความเร็วอีก เพียงแต่ไหลเวียนพลังลมปราณกระบี่หกสุสานอย่างรวดเร็ว เพื่อฟื้นคืนพลังกลับมา ยังดีที่ไม่ได้ใช้ด้วยทักษะยุทธ์ วิชาลมปราณกระบี่หกสุสานนี้ยังพอที่จะสามารถไหลเวียนอยู่ภายในกายได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คงจะไม่มีทางฟื้นคืนพลังในสภาพเช่นนี้ได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้ที่ฝึกปรือจนถึงขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย มิเช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดที่สามารถจะออกมาจนถึงขั้นนี้ได้

 

“ อึก “

 

ทันใดนั้น เงาร่างทางด้านซ้ายของเยี่ยจงก็ได้ขยับคราเล็กน้อย กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง สั่นกระตุกไปทั่วทั้งสรรพร่าง เห็นได้ชัดว่ากระดูกได้มีการแตกร้าวขึ้น และคนผู้นี้ก็ได้ไม่ฝืนอีกต่อไป ทั้งยังไม่ส่งเสียงใดๆ เพียงแต่ถอยออกไปในทันที หมายที่จะจากไปยังสถานที่แห่งนี้

 

“ เปรี้ยง “

 

จากนั้น หลังจากที่เงาร่างสายนี้ยังไม่ทันจะได้ถอยออกไป ร่างกายของเงาร่างสีขาวที่เอ่ยปากขึ้นมาในตอนแรกก็ได้ถอยออกมาอย่างกะทันหันไปทางด้านหนึ่ง แล้วก็ได้มีมือที่คล้ายดั่งหยดน้ำปริศนายื่นออกมา เพื่อที่จะปิดทางหนีของเงาร่างสายนั้นที่อยู่บริเวณทางด้านหลัง จนทำให้ถูกดึงกลับไป

 

“ อา “

 

เงาร่างสายนั้นร่ำร้องออกมา ด้วยการที่ถูกสถานที่แห่งนี้กดทับลง จนร่างกายแตกกระจาย กลายเป็นเพียงเลือดเนื้อก้อนหนึ่ง

 

เงาร่างสีขาวนั้นก็ได้ยื่นมือออกมา แล้วหลังจากที่ได้นำแหวนจักรวาลออกมาแล้ว ก็ได้กลับไปยังจุดที่ตนเองยืนอยู่

 

เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้าแต่ก็ไม่ได้ออ่ยปากกล่าวอันใด สีหน้าเคร่งเครียดเต็มสิบส่วน ยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้าผู้หนึ่งถึงกับต้องมาตายเช่นนี้ เรียกได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่งและในช่วยเวลาที่สำคัญที่สุดก็คือ ด้วยความเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าคงจะไม่มีผูใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างแน่นอน เรื่องที่พวกเขาพอจะกระทำได้ก็คือ ยืนอยู่กับที่เหมือนดั่งก้อนหิน เพื่อที่จะรอคอยโอกาสที่ดี

 

ถ้าเกิดตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คงต้องระมัดระวังเอาไว้หน่อยแล้ว นั้นก็เพราะว่าถ้าหากเกิดจุดอ่อนขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อยแล้วละก็ เยี่ยจงเชื่อว่า ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ด้านคงจะไม่เกรงใจอย่างแน่นอน ถ้าเกิดมีโอกาสสังหารตนเองได้แล้วละก็ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

 

“ ครั้งต่อไป ก็จะเป็นเจ้าแล้ว “ เงาร่างสีขาวราวกับสามารถมองเห็นสีหน้าที่ปั่นยากขึ้นมาของเยี่ยจง มันจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความเย็นเยียบกว่าเดิม

 

“ งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มขึ้น “ พอดีข้าเองก็กำลังต้องการโลหิตบริสุทธิ์ไม่น้อยในการหลอมยาขึ้นมา เจ้าอยากได้ มัวแต่เกรงใจข้าเช่นนั้นเถอะ “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ก็ไม่จำเป็นที่จะให้เยี่ยจงสั่งอันใด ในครั้งนี้เสี่ยวหลุนก็ได้สาดประกายสีขาวขนาดใหญ่ออกมา ทันใดนั้นก็ได้ใช้วิชาสกัดโลหิตบริสุทธิ์ออกมาจากกองเลือด จากนั้นโลหิตบนพื้นโดยส่วนมากก็ได้หายไป ซากศพเมื่อครู่ก็ได้กลายเป็นแห่งเหือดลง

 

ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเยี่ยจง ทั้งไม่ได้พูดอันใดต่อเสี่ยวหลุน หลังจากที่กระทำไปทั้งหมดแล้ว เขาจึงค่อยได้ใช้สายตามองไปทางด้านของเงาสีขาว กล่าวออกมาเสียงดัง “ ข้าก็อยากทราบเหมือนกัน ว่าถ้าหากนำโลหิตบริสุทธิ์ของเจ้ามาสกัดเป็นยาแล้วละก็ จะสามารถทำให้ข้าหลอมหยาดน้ำได้ถึงระดับใดกัน ? “

 

“ เจ้า “

 

เงาร่างสีขาวนั้นก็ได้แผ่รังสีอันเย็นเยียบออกมา สีหน้าทอแววปั้นยากขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม ต่อให้มันมีความเป็นมาที่แข็งแกร่ง ก็เพียงแค่แย่งชิงแหวนจักรวาลของผู้อื่นเท่านั้น แต่ว่าเยี่ยจงกลับโหดเหี้ยมยิ่งกว่า กลับทำให้กลายเป็นโลหิตบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้ลงมือต่อยอดฝีมือที่มีชีวิตอยู่ แต่ว่าการกระทำเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าเด็กน้อยรอบข้างเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

 

ทั่วทั้งสนามต่างก็เกิดความลังเล ในช่วงเวลานี้เอง ก็ไม่ได้มีผู้ใดที่คิดว่าเยี่ยจงง่ายที่จะต่อกร แล้วก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะดูแคลนเพราะเป็นแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งเหล่านี้ต่างก็เกิดความลังเล ไม่มีผู้ใดที่กล้าเคลื่อนไหว

 

“ ตูม “

 

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีคนย่างกรายออกไปอีกก้าว มุ่งหน้าเดินไปทางด้านบริเวณทางด้านหน้า และความเคลื่อนไหวของเขาก็ได้ทำลายความสงบลง กระนั้นก็ยังคงค่อยๆที่จะเดินเข้าไปทางด้านหน้า

 

นั้นก็เพราะการที่ได้จากบทเรียนที่ได้เห็น บุคคลเหล่านี้ในตอนนี้แต่ละคนต่างก็เกิดความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด นั้นก็เพราะว่าคงไม่มีผู้ใดคิดที่จะยินยอมกลายเป็นสมบัติของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องยินยอมกลายเป็นยาวให้แก่ผู้อื่นแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเต็มสิบส่วน

 

แต่ว่าผลลัพธ์ของการระมัดระวัง ก็ยิ่งทำให้ทวีความเชื่องช้ามากยิ่งขึ้น

 

กระนั้น เยี่ยจงที่ถือได้ว่านำหน้าของบุคคลเหล่านี้อยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปใกล้กันจนเกินไป แค่เพียงสามก้าวเท่านั้น แต่ว่าระยะห่างจากแอ่งชำระกระบี่นั้นกลับเหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เยี่ยจงกลับหยุดเท้าเอาไว้ จ้องมองไปบริเวณทางด้านหน้า สีหน้าเคร่งเครียดเต็มสิบส่วน

 

พื้นที่ของแอ่งชำระกระบี่นี้กลับมิได้ใหญ่มากนัก มีขนาดเพียงแค่หนึ่งชิกว่าเท่านั้น ท่ามกลางแอ่งน้ำต่างก็มีหยาดน้ำสีทองไหลออกมา สาดส่องกระพริบไปมา ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีรังสีฆ่าฟันอันสูงเสียดฟ้าพุ่งขึ้นไปบนฟ้าในเวลานี้ รังสีสังหารเหล่านี้มิได้เจาะจงไปที่ผู้ใดผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงยิ่งเพิ่มความน่าแปลกมากยิ่งขึ้น

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด618

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset