เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 335 แนวทางของตนเอง

ตอนที่ 335 แนวทางของตนเอง

 

 

“ ตายไปซะ ! “

 

สีหน้าของเสวียนเฮ่ามืดมนเต็มสิบส่วน ในตอนนี้เขาได้ใช้พลังไปทั้งหมดกับมนต์ตราดูดอัสนี คิดที่จะสังหารเยี่ยจงให้ตายทั้งเป็น ตอนนี้เลือดลมภายในร่างกายก็ได้เดือดขึ้นมา ก่อเกิดบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบแผ่กระจายปกคลุมกระจายอยู่บริเวณร่างกายของเขา จนปรากฏประกายแสงอัสนีเป็นสายเกิดขึ้นภายในกระดูกเลือดเนื้อของเขา เห็นได้ชัด แม้แต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในขั้นขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย พลังฟ้าดินภายในร่างกายทั้งหมดในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นพลังมายาอัสนีออกมาเป็นจำนวนมาก

 

“ เจ้าไม่ไหวเลยนะ เสวียนเฮ่า ! คิดที่จะสังหารข้า ? ช่างเป็นคำพูดที่เพ้อฝันเสียจริง ! “ เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ พลิกรอยตราทั้งสองมือไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะใช้ออก พลังแห่งผนึกนภาก็ได้แผ่กระจาย

 

พลังความน่าหวาดกลัวทั้งสองสายก็ได้ปะทะเข้าหากันไม่หยุด ด้วยพลังอันมหาศาลชนิดนี้ราวกับสามารถแยกอากาศออกมาเป็นทางยาวได้ เรียกได้ว่าทำให้ยากที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ ผู้เยาว์ทั้งสองคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นก่อฟ้า ถึงกับสามารถสร้างพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งได้จนถึงระดับนี้ได้

 

“ โครม —— “

 

หลังจากนั้นเอง มุมปากของทั้งสองคนก็ได้มีโลหิตไหลออกมาในเวลาเดียวกัน เพราะว่าการปะทะเช่นนี้ได้ทำให้สูญเสียพลังไปอย่างมาก แทบจะไม่มีพลังเหลือไว้ใช้คุ้มครองร่างกายเลย ทั้งสองฝ่ายถึงแม้ว่าจะได้เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายไปแล้ว แต่ว่าก็ยังคงสามารถที่จะตายได้อยู่ ถึงแม้ว่าการปะทะกันเช่นนี้จะมีความเสี่ยงที่สูง อีกทั้งยังมีพลังความน่าหวาดกลัวที่ยากจะคาดเดาได้จนถึงขั้นนี้

 

“ กึง —— “

 

พริบตานั้นเอง เสียงสวดภายในท่ามกลางอารามหลักก็ได้ดังขึ้นมา เสียงสวดเหล่านี้ราวกับดังรวมกันขึ้นมาจากทางด้านหน้าของแท่นเวที ทั้งยังดูวุ่นวายอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ว่าก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความลี้ลับสุดยั้งคาด

 

เสวียนเฮ่าขมวดคิ้ว เขาในตอนนี้แทบจะไม่มีสมาธิที่จะไปฟังเสียงสวดที่ดังขึ้นมาเหล่านั้น ที่เขาต้องทำทั้งหมดนั้น ก็คือต้องฆ่าสังหารเยี่ยจง。

 

และเยี่ยจงกลับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน แบ่งสมาธิในการฟังเสียงที่ดังขึ้นมา。

 

“ โครม —— “

 

ทันใดนั้นเสวียนเฮ่าก็ได้ใช้ออกด้วยพลัง ร่างกายของเยี่ยจงที่อยู่ท่ามกลางสนามก็ได้ถอยออกไปทางด้านหลัง เสวียนเฮ่าพลิกรอยตราทั้งสองมือขึ้นเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลังจากที่ใช้ออกด้วยมนต์ตราดูดอัสนีแล้ว ฝ่ามือมายาอัสนีและเขาปีศาจอัสนีก็ได้ถูกใช้ออกเข้าสังหารในเวลาเดียวกัน ทั้งยังเป็นความเคลื่อนไหวแบบซ้อนทับ หมายมั่นที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงไปในทันที。

 

“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้。 “

 

แต่ทว่า ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงสวดที่ดังรวมกันเมื่อครู่นี้ถือได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความแปลกประหลาด ถึงแม้ว่าผู้คนโดยทั่วไปจะไม่อาจที่จะทำความเข้าใจอันใดได้ แต่ว่าราวกับว่าทันพริบตานั้นเป็นเหมือนกำลังชี้นำเส้นทางสายหนึ่งอยู่ เต็มเปี่ยมไปด้วยโอกาสของความลี้ลับอย่างยิ่ง

 

และยิ่งไปกว่านั้นเยี่ยจงในตอนนี้ ก็ได้ใช้ทักษะยุทธ์และความรู้ในแขนงนี้ของตนเองออกมา เพื่อที่จะทำให้ตนเองทราบมากขึ้นกว่าเดิม

 

“ เชอะ —— “

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ย่างกรายหลบหลีกประกายอัสนีไป ร่างกายหายวับไปดุจดั่งประกายแสงสายหนึ่ง ตราผนึกนภาในมือยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ว่าพลังตราผนึกนภาที่กลับถูกรวมเอาไว้มิได้ถูกปล่อยออกมา มุ่งหน้าเข้าใกล้ไปทางด้านหน้าไม่หยุด

 

สีหน้าของเสวียนเฮ่าเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในทันที ปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายได้ถูกดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ เขาย่อมมีความกระจ่างถึงพลังฝีมือของเยี่ยจงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว。แต่ว่าพริบตานั้นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ก็ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปทั้งหมด จนทำให้จิตใจเกิดความหวั่นไหวขึ้นไม่หยุดนิ่ง

 

“ ซูม —— “

 

เมื่อได้มองดูความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ทันใดนั้นจิตใจของเสวียนเฮ่าก็ได้วุ่นวายขึ้นมา ร่างกายเกิดการสั่นเทาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง。

 

“ ติ่ง —— “

 

ราวกับในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้หายวาบออกไปบริเวณทางด้านหน้าของเสวียนเฮ่าดุจดั่งภูตพรายก็มิปาน เขาทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา พลิกรอยตราทั้งสองมือดันออกไป จนทำให้ตลอดทั้งร่างของเสวียนเฮ่าลอยขึ้นไปท่ามกลางอากาศ。

 

“ นี้มันเป็นไปได้อย่างไร ……เจ้าที่แท้…… “ เสวียนเฮ่าแตกตื่นขึ้นมา อ้าปากจนไม่อาจที่จะส่งเสียง。

 

“ นี้ก็คือเส้นทางของข้า ถึงแม้ว่าข้าในตอนนี้ จะมีความเข้าใจอยู่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น。 “ เยี่ยจงหัวเราะขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้ยื่นมือขวาออกมา รีดเร้นพลังดัชนีออกไป。

 

“ กึง —— “

 

พลังสายนี้ก็ได้พวยพุ่งออกไป ประจวบเข้าไปยังบริเวณหว่างคิ้วของเสวียนเฮ่าพอดิบพอดี วินาทีนั้นเองก็ได้หลั่งโลหิตโชมกายกระเด็นลอยออกไป

 

“ อา —— “

 

เสวียนเฮ่าขยับร่างกายคราหนึ่ง ร่างกายก็ได้ถอยไปบริเวณทางด้านหลังอย่างดุร้าย ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้ปะทุประกายแสงสีทองคมกล้าออกมา ปรากฏความยากที่จะเชื่ออยู่บนใบหน้า

 

ควรทราบว่า เขาที่อยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายไปแล้ว เข้าใกล้สู่การไม่ดับสูญ แต่ว่าเพราะเหตุใดเยี่ยจงถึงกับสามารถทะลวงหมัดทะลุร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดายกัน

 

“ ตูม —— “

 

ทันใดนั้นเอง ใจกลางฝ่ามือเสวียนเฮ่าก็ได้เปลี่ยนรอยตราขึ้น คมอัสนีแต่ละสายก็ได้แผ่กระจายกันออกมา ร่างกายของเขาในตอนนี้ดุจดั่งมนุษย์สายฟ้าก็มิปาน เห็นได้ชัด เสวียนเฮ่าในตอนนี้ได้ใช้พลังอันมหาศาลจากร่างกายของตนเองอย่างไม่ความหวาดกลัวแล้ว เขาจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น ก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

“ สายเกินไปแล้ว ! “

 

ใจกลางฝ่ามือเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนรอยตราขึ้น ตราผนึกฟ้าก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาเพียงแค่ใช้ออกมาอย่างช้าๆ และก็ได้เข้ากดดันสังหารพลังอันมหาศาลที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเสวียนเฮ่าออกมา จากนั้นเขาก็ได้ดึงรั้งพลังภายในร่างกายกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

ฉากเบื้องหน้านี้เรียกได้ว่าน่าประหลาดอย่างไร้ที่เปรียบ ทำให้ผู้คนทั้งหมดที่ชมดูการต่อสู้ต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาบนแผ่นหลัง ขนทั่วทั้งร่างกายก็ได้ชูชันขึ้นมาคล้ายหนังไก่ เยี่ยจงในตอนนี้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เรียกได้ว่ามิได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ว่าด้วยทักษะเซียนที่เขาได้ใช้ออกมาเพื่อต่อกร ทั้งใช้ออกมาได้ทั้งประณีตและสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังเป็นทักษะยุทธ์ที่ถูกใช้ออกมาในอย่างที่มิได้มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันโดยทั้งสิ้น ต่างก็เป็นวิชาที่โดดเดียวเพียงชนิดเดียว ทำให้เขาทั้งคนมีบรรยากาศที่ลึกลับ ราวกับว่า เขาในตอนนี้กำลังอยู่ในเส้นทางการบำเพ็ญก็มิปาน

 

โดยเฉพาะเหล่าสุดยอดฝีมือเหล่านั้น ในตอนนี้แต่ละคนก็ได้แต่กรอกตาไปมา สีหน้าปั้นยากขึ้นมา หากว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดามาไม่ผิดแล้วละก็ เช่นนั้นเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว ควรทราบว่า ต่อให้พวกเขากลุ่มนี้เป็นสุดยอดฝีมือแห่งดินแดนซีฮวง ฝึกฝนวิทยายุทธ์มาเนิ่นนาน ต่างก็ยังเดินในเส้นทางของคนรุ่นก่อนเท่านั้น แต่ว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ในตอนนี้กลับสามารถบัญญัติแนวทางเป็นของตนเองที่ไม่มีที่มาที่ไปได้ ถึงแม้ว่า นี้จะเป็นเพียงการคาดเดาในมุมมองหนึ่งเท่านั้น แต่ว่า แนวทางที่เขาก้าวเดินออกมานี้ กลับถือได้ว่ากว้างไกลและรวดเร็วกว่าผู้คนมากมายเป็นอย่างมาก

 

ในที่สุด พลังอันมหาศาลนับไม่ถ้วนก็ได้กลับเข้าสู่ภายในร่างกายของเสวียนเฮ่า เลือดเนื้อของเขาในตอนนี้ยังคงอยู่ในอาการสั่นเทาไม่หยุด ดุจดั่งลูกหนังขนาดใหญ่ลูกหนึ่งที่กำลังสั่นไหวไปมาก็มิปาน ร่างกายของเขาเริ่มต้นที่จะไม่อาจควบคุมการดูดซับพลังอัสนีบาตเหล่านี้ได้อีก จึงได้เริ่มที่จะหลั่งโลหิตออกมา

 

“ โครม —— “

 

ทันใดนั้นคมอัสนีบาตรสายนี้เสวียนเฮ่าก็ได้ไหลรินออกมาจากบริเวณใจกลางหว่างคิ้ว ในครั้งนี้ บนเหนือศีรษะของเขาก็ได้ถูกทะลวงออกไปทั้งหน้าหลัง จากนั้นก็ได้แสดงสีหน้าที่ยากจะเชื่อได้ ล้มลงไปด้วยลักษณะนี้

 

เห็นได้ชัด ต่อให้เป็นเสวียนเฮ่าเองก็ยังคิดไม่ถึง ตนเองถึงกับต้องมาพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ เยี่ยจงผู้นี้ จะอยู่ในขอบเขตที่ไร้ผู้ต้านจริงแล้วอย่างงั้นหรือ ?

 

“ น่าเสียดาย กระนั้นก็ยังเข้าใจได้เพียงผิวเผินส่วนหนึ่ง ยังมิใช่แนวทางที่แท้จริง …… “ เยี่ยจงบ่นอยู่กับตัวเอง สีหน้าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อก่อนหน้านี้เขาถือได้ว่ามีประสบการณ์ที่ไม่เป็นรองยอดฝีมือคนใด ย่อมต้องเข้าใจถึงตนเอง เมื่อครู่ตนเองได้เข้าสู่ขอบเขตอันใดบางอย่างที่ไม่อาจที่จะทราบได้ว่าเป็นสิ่งใด แต่ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะสามารถสังหารเสวียนเฮ่าลงได้ ความรู้สึกอันลี้ลับก็ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว จนทำให้เขาทอสีหน้าประหลาดออกมา

 

ทันใดนั้นเอง สายตาของเยี่ยจงก็ได้มองไปยังบริเวณของบัลลังราชา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าที่ใต้ชั้นหนังสือเงินอ่อนนั้นคืออะไร แต่ว่า เพียงแต่ว่ามันกลับปล่อยรังสีออกมาเพียงเล็กน้อย ราวกับจะทำให้ตนเองสามารถดำเนินเส้นทางของตนเองต่อไปได้ ดังนั้น วัตถุนี้ในวันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้อย่างแน่นอน

 

ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้เข้าใจขึ้นมา หากมิใช่ว่าตนเองมีความเข้าใจในสิ่งนี้ได้ในพริบตาแล้วละก็ เสวียนเฮ่านั้นก็คงยังยากที่จะต่อกรได้อยู่ดี เขาที่ยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าองค์ชายสิบสามอีกขั้น เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่เข้ากลับโชคร้ายจนเกินไป ในชั่วเวลาที่คับขันกลับต้องมาพบเจอกับตนเอง ได้แต่เพียงโทษดวงชะตาที่ไม่ดีของเขาไปแล้ว

 

ในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้เข้าสู่ห้วงแห่งความคิดอยู่ เริ่มต้นที่จะผนึกพลังของตนเองเตรียมที่จะเผชิญศึกที่อยู่ตรงหน้า แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะตั้งจิตมั่นได้ หากว่าในเวลาเช่นนี้มีคนที่ได้เข้าใจในท่าทีของตนเองแล้วละก็ เช่นนั้นบุคคลอื่นๆก็คงจะไม่รั้งรอตนเองอย่างแน่นอน

 

“ ตูม —— “

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ลืมตาขึ้นมาในทันที มุ่งหน้าก้าวยาวๆเข้าไปยังบริเวณของบัลลังราชัน ลงมือออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว ชั้นหนังสือเงินอ่อนก็ได้หายไป แต่ว่ามูลฐานธรรมดานี้อีกย่อมมิอาจที่จะผิดพลาดไปได้อย่างแน่นอน

 

“ ซวบ —— “

 

ตอนนี้ ผู้คนมากมายที่ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมาจากฉากเมื่อครู่นี้ ก็ได้พบว่าเยี่ยจงถึงกับลงมือต่อชั้นหนังสือเงินอ่อนอย่างไร้ความหวาดกลัว แล้วก็ได้มีคนที่ลงมือไปในทันที จู่โจมเข้าหาเยี่ยจง

 

“ กับเจ้ายังคิดที่จะต้านข้า เจ้ายังไม่คู่ควร ! “

 

เยี่ยจงมิได้หันหน้ากลับไป เขาเพียงพลิกมือฟาดออกไป เพียงผนึกพลังสายหนึ่งเข้าปะทะกับการโจมตีสายนั้น จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้าอีกครั้ง

 

“ เหอะเหอะ พี่เยี่ย ดูเหมือนว่าระหว่างเราท่านยังถือว่ามีความเหมาะสมที่จะร่วมมือกันต่อไปนะ “ หมิงหยี่หัวเราะขึ้นช้าๆ แล้วก็ได้โผล่ออกมาจาอีกทางด้านหนึ่ง

 

“ เอาหนังสือเงินอ่อนออกมาก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง “ โหยวเหลียนจู่ๆก็ได้โผล่ขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่ง พวกเขาทั้งสองคนยังไงเสียก็เคยร่วมมือกันมาก่อน ในตอนนี้ต่างก็ได้เข้าใจ พึ่งพากำลังของคนเพียงคนเดียว คิดที่จะครอบครองรากฐานแห่งหนังสือเงินอ่อนคงจะเป็นไปไม่ได้ ไม่อาจที่จะไม่ลงมือกันก่อน เมื่อได้รับหนังสือเงินอ่อนมาแล้วค่อยว่าอย่างอื่นกันอีกทีก็ยังไม่สาย

 

เยี่ยจงพยักหน้าอย่างเงียบงัน สายตาของเขาก็ได้ทอดมองไปยังชั้นหนังสือเงินอ่อนนั้น เกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ทางด้านล่าง แต่ว่าเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่ก้าวยาวๆออกไปทางด้านหน้า แน่นอนว่าไม่อาจที่จะให้คนผู้อื่นทราบความข้อนี้ได้ โดยเฉพาะไม่อาจที่จะให้จื่อจุนเทียนพบเห็นความข้อนี้ได้แม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าเขาน่าหวาดกลัวจนเกินไป แม้แต่เยี่ยจงในตอนนี้ก็ยังไม่ถือว่าสามารถต่อกรกับเขาได้

 

จื่อจุนเทียนทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา เขาเหม่อมองไปยังการเคลื่อนไหวของเยี่ยจงและพวกทั้งสามคน ไม่ทราบว่ากำลังคิดอันใดอยู่จึงได้ถึงกับไม่ลงมือขัดขวาง อีกทั้งชิงหยิงก็เพียงขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ กระนั้นก็มิได้ขยับเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน

 

เพียงแต่ว่า สุดยอดฝีมือหลายคนในตอนนี้ก็ได้ขวางทางเอาไว้อยู่ทางด้านหน้า พวกเขาต่างก็มาจากขุมกำลังใหญ่หลายแห่ง ในตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่หลายส่วน แต่ว่าก็ยังคงออกมาหยุดยั้งเยี่ยจงเอาไว้ เพราะว่า พวกเขาย่อมไม่อาจที่จะให้เยี่ยจงแข็งแกร่งขึ้นได้อีก หากว่าเยี่ยจงกลายเป็นเข็มแข็งขึ้น ย่อมต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ในจุดสูงสุดผู้นี้เกิดผงาดขึ้นมา แน่นอนว่าต้องทำให้พวกเขานอนไม่หลับกินไม่ได้อย่างแน่นอน

 

“ ไสหัวไป —— “

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ เกี่ยวกับเด็กน้อยเหล่านี้เขาย่อมไม่อาจที่จะเกรงใจได้อย่างแน่นอน กระบี่ดำก็ได้แทงออกไปในทันที จนทอเป็นประกายแสงคมกล้าไม่เสื่อมคลาย

 

“ ฆ่า —— “

 

“ ติ่ง —— “

 

โหยวเหลียนและหมิงหยี่ก็ได้ลงมือไปในเวลาเดียวกัน พลังฝีมือของทั้งสองคนแน่นอนว่าย่อมไม่อ่อนโทรม วินาทีนั้น การโจมตีของทั้งสามคนก็ได้ผสานเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นการพลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัวหมุนวนออกไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทั้งสามคน ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือหลายคนก็ยังต้องสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง หลบเลี่ยงถอยออกไปอีกทางด้านหนึ่ง มองไปด้วยสีหน้าที่ปั้นยาก

 

พวกเขาถึงแม้ว่าต่างก็จัดว่าเป็นสุดยอดฝีมือ แต่ว่าในตอนนี้การใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเต็มสิบส่วนนั้นถือได้ว่ายังมีข้อจำกัดอยู่ ภายใต้กฎเกณฑ์ของมีแต่ตายสถานเดียวของสมรภูมิฮวงกู่ ถ้าหากไม่ระวังแม้แต่น้อยแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องถูกสังหารตายไปอย่างแน่นอน

 

ในที่สุดเมื่อไม่มีกลุ่มสุดยอดฝีมือคอยขัดขวางแล้ว เยี่ยจงและพวกทั้งสามคนก็ได้มุ่งหน้าไปอีกครั้งโดยที่มิมีผู้ใดคิดที่ขวางทาง ผู้คนมากมายต่างก็ได้ทอดสายตากลับไปมองอีกครั้ง ทั้งสามคนก็ได้ยื่นมือออกไปในเวลาเดียวกัน คว้าจับไปยังทางด้านของชั้นหนังสือเงินอ่อน

 

ไม่มีผู้ใดพอที่จะขัดขวางได้แล้วในเวลาเช่นนี้ เพราะว่าไม่มีผู้คนเชื่อได้ว่า พวกเขาทั้งสามคนจะสามารถร่วมมือกันภายใต้สถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ได้ ในช่วงเวลานี้อย่างน้อยก็คงจะต้องลงมืออย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่า ชั้นหนังสือเงินอ่อนเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีค่าอันใด

 

“ กึง —— “

 

แต่ทว่า ฉากเบื้องหน้ายังไม่ทันจะเกิดขึ้น ฝ่ามือของทั้งสามคนก็ได้กดลงไปยังชั้นหนังสือเงินอ่อนขึ้นมาในทันที ประกายแสงคมกล้าอันแปลกประหลาดสายหนึ่งก็ได้แผ่กระจายกันออกมา แบ่งกันทอดลงไปยังหว่างคิ้วของทั้งสามคน

 

ร่างกายของทั้งสามคนราวกับไม่อาจที่จะขยับได้ในตอนนี้ ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏแววตายากที่จะเชื่อออกมา

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9 ราคา 550
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690

กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770 ล่าสุด750

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset