เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 349 สายลมแห่งความวุ่นวายที่โชยพัดเข้ามาอีกครั้ง

ตอนที่ 349 สายลมแห่งความวุ่นวายที่โชยพัดเข้ามาอีกครั้ง

 

“โครม —— ”

 

ท่ามกลางอากาศ เสียงแตกเป็นเสี่ยงๆก็ได้ดังขึ้นมา และสีหน้าขององค์ชายใหญ่ตระกูลถังนั้นในตอนนี้ก็ได้ปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เขาพลิกทั้งสองมือราวกับจงใจที่จะผนึกเข้าไปยังบริเวณทรวงอกก็ปาน จากความเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้ปรากฏเงาของกระดองเพลิงขึ้นบริเวณร่างากายของเขา

 

“กระดองป้องกันเพลิง ! ”

 

“ก้อง —— ”

 

นั้นนั้นดังขึ้นมาทุ่มต่ำอย่างเบาๆ เงากระดองเพลิงในตอนนี้กลายเป็นดุจดั่งแผ่นโล่ขนาดใหญ่ก็มิปาน แล้วก็ได้ก่อตัวรวมเข้ากันอยู่บริเวณทางด้านหน้าร่างกายขององค์ชายใหญ่ตระกูลถัง

 

“ซูม —— ”

 

พริบตานั้นเอง หมัดของเยี่ยจงก็ได้เข้าปะทะสังหารเข้าไปเช่นนี้ กระทบเข้ากับโล่กระดองเพลิงอย่างรุนแรง

 

วินาทีนั้นที่ได้เข้าปะทะกัน ประกายแสงก็ได้ถูกก่อรวมเข้าหากันในตอนนี้ดุจดั่งแสงอาทิคย์สาดทอออกไปก็มิปาน ทำให้ทุกผู้คนอดไม่ได้ที่จะต้องหลับตาลง แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บแสบอย่างไร้ที่เปรียบจนทำให้ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาต้องหลั่งน้ำตาออกมา

 

“ตูม —— ”

 

สายลมแห่งความน่าหลัวก็ได้หมุนวนไปมาไม่หยุด แตกกระจายทลายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า พลังหมัดของเยี่ยจงที่ดูไปแสนจะธรรมดาเช่นนี้ ถึงกับสามารถสะสมพลังอันมหาศาลอย่างน่าหวาดกลัวเฉกเช่นนี้ได้

 

บนพื้นดินขนาดใหญ่ในตอนนี้ก็ได้มีเสียงดังกึกกึกขึ้นมา ผืนฟ้าในตอนนี้ก็ราวกับถูกเขย่าไปมา ด้วยระดับที่พุ่งสูงขึ้นมาของกระบวนท่านี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือพลังขั้นก่อฟ้าพลังปราณขอบเขตปราณครบรอบปกติธรรมดา ก็คงจะต้องถูกทำลายลงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที

 

พลังความน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เพียงพอที่จะหยุดยั้งความเคลื่อนไหวได้หลายนาที จึงจะทำให้ประกายสายตาที่ยังคงมองตาค้างอยู่นับไม่ถ้วนหลายคู่ค่อยๆสลายหายไปได้

 

รอคอยจนสายลมบ้าคลั่งนี้ได้หายไปจนหมดแล้ว ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็ยังส่งสายตามองเข้าไปในเวลาเดียว

 

ตอนนี้ บริเวณที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน หมัดของเยี่ยจงก็ได้ปะทะออกไป ประจวบเข้าปะทะกับบริเวณทั้งแขนทั้งสองข้างขององค์ชายใหญ่ตระกูลถัง ราวกับว่าทั้งสองคนได้เก็บงับพลังความแข็งแกร่งเช่นนี้เอาไว้มาโดยตลอดก็มิปาน

 

ใบหน้าของเยี่ยจงตอนนี้ก็ได้ขาวซีดอย่างถึงที่สุด แต่ว่าสีหน้าของเขากลับเย็นเยียบอย่างมาก เพียงแต่ส่งสายตาเย็นชาหัวเราะไปทางด้านองค์ชายใหญ่ตระกูลถัง กล่าว”กระบวนท่านี้ เป็นเจ้าแพ้แล้ว ! ”

 

องค์ชายใหญ่ตระกูลถังเหม่อมองไปทางด้านของเยี่ยจงด้วยสายตาที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง หลังจากที่ได้ผ่อนลมหายใจออก ร่างกายของเขาก็ได้เกิดการโอนเอนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับว่าพลังอันมหาศาลที่ก่อรวมอยู่ภายในร่างกายของเขา ได้ปะทุขึ้นมาในตอนนี้ก็มิปาน เมื่อได้ยินเสียงที่ระเบิดขึ้นมา ร่างกายของเขาก็ได้ถอยออกไปทางด้านหลังกระเด็นลอยออกไปยังท่ามกลางอากาศนับสิบเมตรได้ และจากนั้นจึงค่อยได้หยุดลง กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

 

“อะไรกัน ! ? ”

 

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่อมองไปที่ฉากเบื้องหน้า ทั้งยังมีอาการอ้าปากตาค้างขึ้นมาหลายส่วน เยี่ยจงผู้นี้ เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถจัดการจนองค์ชายใหญ่ตระกูลถังได้รับบาดเจ็บได้อย่างงั้นหรือ ?

 

ถึงแม้จะเป็นมิใช่อาการบาดเจ็บหนัก แต่ว่าบอกได้ถึงความหมายชนิดหนึ่งขึ้นมาได้ กระบวนท่านี้ แน่นอนว่าเป็นองค์ชายใหญ่ตระกูลถังแพ้แล้ว

 

“เจ้า ไม่เลวเลยนะ ” องค์ชายใหญ่ตระกูลถังทอสีหน้าซับซ้อน ภายในดวงตาก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นอย่างลึกล้ำ ผลลัพธ์เช่นนี้ต่อให้เขาคิดก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน หลังจากนั้นเองก็ได้จ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจงด้วยรสชาติยากจะอธิบายออกมาได้ชนิดหนึ่ง เขาก็ได้หันกายจากไป

 

“ตามข้อตกลงที่นัดกันเอาไว้ของพวกเรา ในเมื่อเจ้าสามารถรับกระบวนท่าทั้งสามของข้าไว้ได้ เช่นนั้นในวันนี้ บัญชีความแค้นระหว่างเจ้าและตระกูลถังเราถือได้ว่าสุดแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าวันนี้เจ้าจะสามาระจากไปอย่างมีชีวิตได้ วันหน้าข้าจะมาขอคำชี้แนะอีกครั้ง ”

 

ภายใต้เสียงที่ได้ทอดลงมา องค์ชายใหญ่ตระกูลถังก็ได้กลับเข้าไปจนถึงยังบริเวณของยอดฝีมือตระกูลถัง เขาก็ได้นั่งขัดสมาธิลงลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ เริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบเชียบ เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่พบเห็นก่อนหน้า เขาไม่คิดที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย

 

ท่ามกลางสนาม ท่ามกลางความเงียบสงบอย่างประหลาดชนิดหนึ่งได้ถาโถมเข้ามา ถึงแม้ไม่ว่าใครต่างก็ทราบว่า ท้ายที่สุดแล้วกระบวนท่าสุดท้ายของเยี่ยจงนี้จะเป็นการหยิบยืมมาจากภายนอก แต่ว่าถึงกับสามารถเอาชนะองค์ชายใหญ่ตระกูลถังได้ภายในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า ตอนนี้เขาได้ใช้ออกมาด้วยพลังการต่อสู้ทั้งหมดออกมาแล้ว

 

พลังฝีมือของพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ ภายในดินแดนซีฮวงนี้เพียงพอที่จะเป็นระดับชนชั้นราชันได้แล้ว ด้วยพลังฝีมือขององค์ชายใหญ่ตระกูลถัง ถือได้ว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของท่ามกลางสนามนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่ากับสุดยอดฝีมือแห้งแดนลับแล แต่ว่าก็ถือได้ว่าไม่ง่ายดายอย่างถึงที่สุด และแม้แต่เขาก็ยังไม่อาจที่จะทำอะไรเยี่ยจงได้ คนอื่นๆก่อนที่จะลงมือนั้น แน่นอนว่าจะต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนแน่นอน

 

“ยังมีผู้ใดจะเข้ามาอีก ! ? ”

 

เยี่ยจงตอบกลับไป กวาดสายตาอันเย็นชามองไปยังสายตาที่มองเข้ามาของยอดฝีมือมากมาย ในตอนนี้ เขาก็ได้เคลื่อนไหวพลังภายในร่างเอาไว้ กลายเป็นขุมพลังอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งขึ้นมา แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นความน่าหวาดกลัวกระจายตัวเข้ากดดันออกไปชนิดหนึ่ง จนถึงขั้นทำให้กลุ่มคนส่วนหนึ่งไม่กล้าที่จะสบตามองเข้าไปได้

 

“สหายน้อย เจ้าก็เพียงแค่ได้ชัยชนะอย่างบังเอิญภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้นเอง นี้ใช้สิ่งที่สมควรนำมาอวดอ้างงั้นหรือ …… เจ้าตอนนี้ถึงแม้จะไม่ธรรมดา แต่ว่า เจ้าจะสามารถยืนหยัดได้นานแค่ไหนกัน หนึ่งวันหรือว่าครึ่งวัน ? ต่อให้เจ้าสามารถยืนหยัดได้อีกหลายวัน นอกเสียจากว่าเจ้าจะคิดจริงๆว่า พวกข้าจะไร้หนทางในการสังหารเจ้างั้นหรือ ? เจ้ายังไงเสียก็ยังเป็นได้เพียงแค่ชนชั้นรุ่นหลังที่อยู่ในขอบเขตพลังขั้นก่อเกิดเท่านั้นเอง ! ” ชายชราแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้สาดทอสายฟ้าอัสนีขึ้นมา

 

“ข้าความจริงยังไม่คิดที่จะอยู่นานนักหรอก เพียงแต่ว่า ถ้าข้าต้องไปตอนนี้แล้วละก็ พวกเจ้าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ขัดขวางไม่ได้หรอก”เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ภายในน้ำเสียงยังมีความเย็นชาขึ้นมาด้วยอีกวายหนึ่ง

 

“เจ้าอย่าได้คิดว่า คนของรัฐต้าโจวพวกเจ้าไปแล้ว เจ้าจะสามารรถโอหังอย่างงั้นหรือ ? เจ้าในวันนี้หากกล้าที่จะหลบหนีไป ข้าขอรับรองว่า รัฐต้าโจวของเจ้ายังไม่มีวันข้างหน้าอีกแน่นอน”ชายชราแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับหัวเราะขึ้นมาอย่างเยียบเย็น 明显在威胁เห็นได้ชัดว่ากำลังข่มขู่เยี่ยจงอยู่

 

“พวกเจ้าเตรียมที่จะกระทำการโอหังอย่างงั้นหรือ ? ”เยี่ยจงจ้องมองไปยังผู้คนเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า หวาดเกรงว่าตนเองจะหลบหนีไปได้ พวกเขาไม่กล้าที่จะกดดันมากจนเกินไป แต่ว่าในก็ยังไม่ต้องการที่จะให้ตนเองจากไปได้

 

“แล้วจะเป็นอย่างไร ? ” ชายชราแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับยิ้มขึ้นมาน้อยๆ

 

“เยี่ยมมาก ” เยี่ยจงพยักหน้า”วันนี้ถ้าหากข้าสามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ แน่นอนว่าจะต้องเสาะหาสถานที่เร้นลับ เก็บตัวสงบใจฝึกฝน ไม่เข้าสู่ขั้นชนชั้นมหาราชันจะไม่ปรากฏตัวออกมา รอคอยจนถึงวันที่ข้าอยู่ในชนชั้นมหาราชัน แน่นอนว่าจะจ้องไปเยี่ยมเยียนตำหนักอัสนีลี้ลับเจ้า”

 

เพียงแค่ชนชั้นราชัน ด้วยส่วนมากแล้วก็มักจะอยู่ในระดับพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเท่านั้น และเป็นการบ่งชี้ไปจนถึงพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตเทวะ

 

พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตเทวะ ถือได้ว่าเป็นระดับขอบเขตขั้นสุดท้ายของพลังขั้นก่อฟ้า ขอบเขตนี้เอง ก็ถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของดินแดนซีฮวงแล้ว หากว่าขึ้นสูงขึ้นไปอีก ก็จะเรียกได้ว่าเป็นระดับราชันราชา แต่ว่าระดับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ภายในดินแดนซีฮวง จะมีเพียงซักกี่คนที่สามารถเข้าไปจนถึงขั้นราชันราชาได้กัน ?

 

“เจ้า …… ” สีหน้าของชายชราแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ถ้ามองจากด้วยการแสงดออกของเยี่ยจงในตอนนี้ที่บ่งบอกถึงความกระจ่างชัดและพลังฝีมือแล้วละก็ หากว่าเขาไปถึงระดับมหาราชัน เช่นนั้นพลังฝีมือก็จะจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดหวังมาก่อน ว่าตนเองจะมีการพัฒนาที่มีความสำเร็จได้จนถึงขั้นนั้นเอง

 

“น่าเสียดาย ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าในวันนี้ก็ต้องจากไปไม่ได้ ! ” ยอดฝีมือของสำนักเสวียนหวินก็ได้เดินออกมาอีกทางด้านหนึ่ง ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างมาก เห็นได้ชัด เขาได้เตรียมพร้อมที่จะร่วมลงมือพร้อมกับยอดฝีมือของตำหนักอัสนีลี้ลับ เพื่อฆ่าสังหารเยี่ยจง

 

“หากว่าเจ้าสามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างมีชีวิต เกียรติยศของพวกข้าจะเอาแขวนไว้อยู่ที่ใดกัน วันนี้จะจัดการให้เจ้าพิกลพิการ แล้วจับกลับยังเผ่าข้า ลงทัณฑ์ทุกชั่ววันกาลปาศาล”แล้วก็ได้มียอดฝีมือเผ่าปีกเดินออกมาจากท่ามกลางกลุ่มผู้คน จ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความเย็นชาขึ้นมาทีละน้อย เห็นได้ชัดว่า เขาก็ต้องตามมนต์ตราเทพที่เยี่ยจงใช้ออกมาก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน

 

ในขณะนี้เอง บรรยากาศอันน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบก็ได้แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของยอดฝีมือทั้งสามคน พวกขุมพลังภายในร่างกายของพวกเขา ต่างก็ถือได้ว่าอ่อนด้อยกว่าองค์ชายใหญ่ตระกูลถังก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัด การฝึกปรือของพวกเขาต่างก็อยู่ในระดับพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตก่อพลังปราณแล้ว ถือได้ว่าจัดอยู่ในชนชั้นระดับราชัน

 

ยอดฝีมือราชันทั้งสามคน ก็ได้เคลื่อนไหวแบ่งแยกออกไปเป็นสามทางในเวลาเดียวกัน ฝ่าเท้าของเขาก็ได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ แล้วก็ได้ค่อยๆมุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ พวกเขาเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่คิดที่จะให้โอกาสเยี่ยจงหลบหนีรอดไปได้ สิ่งที่พวกเขาต้องกระทำก็คือ ค่อยๆจัดการสังหารเยี่ยจงลงไปอย่างระมัดระวังอย่างช้าๆ หากว่าสามารถจับเป็นได้ ก็ถือได้ว่ายิ่งเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง

 

เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นชา เขามิได้มีความคิดที่จะหันกายหลบหนีไปแม้แต่น้อย เพียงแต่ยกทั้งสองมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ไหลเวียนพลังลมปราณกระบี่หกสุสานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงพลังที่ไร้ผู้ต้านและไม่ถอย ที่ถือเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่ง เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียยบขึ้นมา แผ่รังสีของพลังไร้ที่เปรียบออกมา จนเพียงพอที่จะทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็เกิดความหวั่นไหวได้

 

ต่อให้ตอนนี้ยอดฝีมือราชันทั้งสามคนค่อยๆเดินกดดันเข้ามาใกล้ ภายใต้การถูกจ้องมองของเยี่ยจงเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาที่เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงกับสามารถมีรังสีพลังได้ถึงเพียงนี้ หากว่าปล่อยให้เติบใหญ่ขึ้นมาแล้วละก็ จะไปได้ถึงขนาดไหนกัน ?

 

“ตูม —— ”

 

แล้วก็ได้ก้าวออกไปอีกหลายก้าว พริบตานี้เอง สุดยอดฝีมือทั้งสามคนในตอนนี้ก็ได้สบตามองกัน พวกเขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง วินาทีนั้น ก็ได้พวยพุ่งทักษะปราณออกมาทั้งสามสาย ทั้งสามสายนี้ต่างก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับวิชาเสมือนเซียนแล้ว ถึงแม้ว่าในด้านพลังจะไม่ได้มีพลังจนถึงขั้นทักษะเซียน ยิ่งมิอาจที่จะเทียบได้กับมนต์ตราเทพ แต่ว่า การลงมือของยอดฝีมือระดับราชันทั้งสามคนนี้ ภายใต้การลงมือ ก็ได้ก่อขึ้นมาจนกลายเป็นพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวที่ผสานกันเข้าสังหารออกไป

 

เยี่ยจงยังคงตระหง่านอยู่ที่เดิม ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณบนร้างกายก็ได้ส่องเป็นประกายแสงทมิฬขึ้นมา ผมสีดกดำของเขาก็ได้พลิ้วไหวลอยไปมา ดูแล้วองอาจอย่างถึงที่สุด

 

หลังจากพริบตานั้นเอง เขาก็ได้ลงมือออกไป !

 

“โครม —— ”

 

พลังเกล็ดสีม่วงแต่ละสายก็ได้ปรากฏขึ้นมายังบริเวณไหล่ขวาของเยี่ยจงอีกคครั้ง บนไหลขวาของเขาก็ได้ปะทุพลังเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวจนนับไม่ถ้วน แล้วเขาก็ได้ปล่อยหมัดออกไป ทั้งยังรวมไว้ด้วยขุมพลังที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้ชนิดหนุ่งมุ่งหน้าเข้าสังหารออกไป

 

อักขระกิเลนขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนในตอนนี้ก็ได้ลอยวนเวียนอยู่ไปแขนกิเลน ในตอนนี้ก็ได้ก่อเกิดเสียงดุจดั่งมังกรคำรามพยัคฆ์คำรน กระบวนท่านี้ได้มาจากสำนักอาจารย์เมื่อชาติที่แล้วของเยี่ยจง ในตอนนี้ราวกับว่าได้พลิกปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกได้แล้วก็มิปาน

 

“แย่แล้ว ! ทักษะเซียนของเผ่ากิเลน ! ” สีหน้าของชายชราแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ต่อให้เขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ ภายใตกระบวนท่านี้ของเยี่ยจก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมาหาศาลชนิดหนึ่งกดดันเข้ามา ถึงแม้ว่าขอบเขตของพวกเขาจะอยู่เหนือกว่าเยี่ยจงก็ตามที แต่ว่าเยี่ยจงในตอนนี้กลับได้ใช้ออกมาด้วยสภาวะของร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณรวมไปจนถึงแขนกิเลนนี้ ถือได้ว่ายากที่จะคาดเดาเอาไว้ได้

 

เพียงแต่ว่า ในเมื่อเรื่องราวได้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยอดฝีมือราชันทั้งสามคนก็ไม่คิดที่จะถอยกลับ พวกเขาเพียงแต่สามารถใช้ออกมาด้วยพลังปราณภายในทั้งหมดขึ้นมา หมายที่จะตั้งรับกระบวนท่านี้ของเยี่ยจงเอาไว้

 

จากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้กลายเป็นช้าลงอย่างมาก พลังหมัดของเยี่ยจงตอนนี้ดุจดั่งแขนของกิเลนที่แท้จริงก็มิปาน สะท้านไปทั่วทั้งผืนท้องนภา ทั้งยังก่อเกิดอักขระกิเลนออกมาไม่หยุด จนระเบิดพลังออกเฉกเช่นนี้

 

ในช่วงโบราณกาล เผ่ากิเลนถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชิวตที่เป็นดุจดั่งเผ่าเทพที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งขุมพลังชนิดหนึ่งแห่งฟ้าดิน น่าหวาดกลัวสุดเปรียบปาน ไร้ซึ่งสิ่งที่จะต้านทานได้

 

“ซูม —— ”

 

ร่างกายของยอดฝีมือราชันทั้งสามคนก็ได้เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางอากาศในเวลาเดียวกัน ทักษะยุทธ์ที่พวกใช้ปะทะเข้ามาในตอนนี้ก็ได้แตกสลายลง แต่ละคนต่างก็กระอักโลหิตถอยหลังออกไป ใบหน้าขาวซีดอย่างถึงที่สุด

 

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจ ก็คือเยี่ยจงสามารถล้มองค์ชายใหญ่ตระกูลถังได้ภายในกระบวนท่าเดียวก็ว่าแล้วไป แต่ว่าตอนนี้ ยอดฝีมือราชันทั้งสามคนผสานมือกัน ยังถึงกับถูกเขาสวนกลับจนกระอักโลหิตออกมาภายในกระบวนท่าเดียว ? นี้มันถือได้ว่ายากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว !

 

ยอดฝีมือราชันของสำนักเสวียนหวินก็ได้ตื่นตกใจขึ้นมา เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา”พลังแห่งฟ้าดิน เด็กน้อยผู้นี้ ถึงกับสามารถควบคุมทักษะเซียนของเผ่ากิเลนได้จนถึงขั้นนี้ สามารถควบคุมทักษะเซียนก่อรวมเข้าด้วยกันกับพลังแห่งฟ้าดินได้ นี้ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของการใช้ออกมาด้วยพลังแห่งฟ้าดิน เด็กคนนี้วันข้างหน้าจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แน่นอนว่ามิอาจที่จะให้เขาจากไปได้ ! ”

 

หลังจากที่เงียบงัน ยอดฝีมือที่รายล้อมอยู่ไม่น้อยต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา เยี่ยจงผู้นี้อายุยังน้อยเพียงแค่นี้ ถึงกับมีความกระจ่างแจ้งถึงวิทยายุทธ์ได้จนถึงระดับนี้เชียว หากว่าปล่อยให้มีชีวิตรอดเติบใหญ่ขึ้นจนถึงวันข้างหน้า คงจะต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่นอน

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์(INBOX FANPAGE) ครับ

80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9/10 ราคา 600
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690

กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770

กลุ่ม10 https://goo.gl/L8awva ตอนที่ 771-850 ล่าสุด 788 18/80ตอน

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset