เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 354 สูงสุดคืนสู่สามัญ

ตอนที่ 354 สูงสุดคืนสู่สามัญ

 

 

นี้คือบริเวณสถานที่ภายในแห่งหนึ่งอันลี้ลับที่อยู่ชั้นใต้ดินของตำหนักใหญ่ลี้ลับ เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นไออันเก่าแก่และความผกผัน

 

อันหงเจินนำพาร่างกายของเยี่ยจง มาจนถึงบริเวณนี้ แล้วก็ได้จัดร่างกายของนั่งอยู่บนแท่นศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง

 

“ ข้าไม่ทราบว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ เจ้าที่แท้ได้รับบาดเจ็บจากอะไรมากบ้าง เพียงแต่ว่าเจ้าในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างประหลาด อีกทั้ง แม้แต่ข้าเองก็ใช่ว่าจะมีพลังที่จะช่วยเหลือเจ้าได้ จะฟื้นคืนกลับมาได้หรือไม่นั้น คงต้องดูที่ตัวของเจ้าเองแล้วละ” อันหงเจินจ้องมองไปที่เยี่ยจง หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา เขาถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือในชนชั้นราชัน แต่ว่าจากร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ทำให้สัมผัสได้กลิ่นไอความผิดบาปภายในจิตใจ ด้วยสายตาของเขาย่อมต้องเข้าใจเป็นอย่างดี เยี่ยจงแน่นอนว่าจะใช้ออกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง จนทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จนถึงขีดสุด

 

เยี่ยจงที่มีพลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย อยู่ในระดับพลังขั้นก่อเกิดในระดับสูงสุด เขาทราบได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทว่าอันหงเจินในตอนนี้กลับมิได้พูดอะไรออกมามากมายนัก เพียงแต่สายหน้าไปมา ค่อยๆถอยออกไปจากตำหนักเก่าแก่แห่งนี้ไปอย่างช้าๆ เพราะว่าในตอนนี้ นอกเสียจากเยี่ยจงเองแล้ว ก็ไม่อาจมีผู้ใดที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้อีกแล้ว

 

“ สภาพย่ำแย่ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ ? “

 

หลังจากที่ร่างกายของอันหงเจินได้หายไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้นั่งสมาธิขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นดังขึ้นมา ร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้ปกคลุมไว้ด้วยเกราะของกิเลน แต่ว่าก็ได้แตกกระจายลง ตัวเขาเองย่อมสัมผัสและรู้สึกได้อย่างชัดเจน บาดแผลหาบนร่างกายของตนมีนับไม่ถ้วน ราวกับว่าจะสามารถแตกสลายได้ในทันที ในขณะนี้ เยี่ยจงราวกับว่ายังไม่มีความกล้าพอที่จะปลดร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณลง

 

เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงนั้นเอง พริบตานั้นเอง ก็ได้พลิกรอยตราทั้งสองมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง เกราะกิเลนก็ได้หายไป ประกายแสงสีดำก็ได้ประทับอยู่บนร่างกายไหลเวียนเข้าไปยังภายในกายเนื้ออย่างรวดเร็ว

 

“ ฝุบ ——”

 

ทันทีที่ได้ถอดร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณออก เยี่ยจงร่างกายก็ได้สั่นเทาขึ้นมา กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งออกไป ตลอดทั้งร่างเกิดอาการสั่นกึกกึกดังขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบายได้ชนิดหนึ่ง จนทำให้เขาราวกับจะสลบลงไปในทันทีก็ยังได้

 

การแตกร้าวยิ่งรุกลามลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจง จนสามารถทำให้ผู้คนพบเห็นได้ว่า ร่างกายกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาก็ได้เริ่มที่จะเกิดการแตกกระจายลามไปอย่างมากมายนับไม่ถ้วน ประกายแสงสีทองนับไม่ถ้วนก็ได้แตกกระจายลามไปทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงออกไป จนกลายเป็นดั่งเกล็ดปลิวออกไปรอบด้าน เยี่ยจงในตอนนี้ดุจดั่งเทพเซียนก็มิปาน

 

แต่ว่า ตามความเป็นจริงแล้ว ด้วยสามารถที่แสดงให้เห็นออกมาดุจดั่งเทพปราชญ์ เยี่ยจงที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้าไปสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย แต่ว่าตอนนี้กายเนื้อไม่สูญสลายนี้ราวกับได้สูญสิ้นแล้ว อีกทั้งยังเกือบจะเกิดรอยร้าวขึ้น

 

กายเนื้อไม่สูญสลายเขา เรียกได้ว่าได้เข้าใกล้กับการไม่แตกสลาย แต่ว่ายังคงสามารถส่งผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นมาในที่แห่งนี้ได้อยู่ เพียงพอที่จะทำให้ทราบได้ว่าช่วงวันเวลาที่ผ่านมาเหล่านี้ที่แท้เข้าได้ผ่านสมรภูมิเช่นไรมาบ้าง

 

“ นี้ ——”

 

ในจุดอับนั้น อันหงเจินจ้องมองฉากเบื้องหน้า ร่างกายของเขาก็ได้สั่นไปมา ราวกับคิดที่จะพุ่งออกไป แต่ว่าที่อดไม่ได้ที่สุดก็คือ เพราะว่าการเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายของเยี่ยจง ได้เดินออกมาจากนอกเหนือเส้นทางจากสามัยเข้าสู่เส้นทางของปราชญ์แล้ว เส้นทางที่ดูแล้วคดเคี้ยวเช่นนี้ ต่อให้เป็นดั่งตำนานอันยาวนานของลัทธิแห่งดวงดาวก็ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น อันหงเจินในตอนนี้ที่ถือได้ว่าเป็นดั่งบุคคลที่ทรงคุณค่าในชนชั้นราชันของสำนัก เขาก็ยังถึงกับไม่ทราบถึงสิ่งที่เยี่ยจงคิดขึ้นมาได้แม้แต่น้อย เขาได้แต่เพียงแมงเข้าไป มองดูอย่างสงบเงียบ

 

“ เยี่ยจง ” อีกทางด้านหนึ่งเอง ท่ามกลางห้องอันลี้ลับแห่งนี้ หลิงเยว่ เยี่ยถง ซูหยี่ หวังโม่เป็นต้นที่มีความใกล้กับเยี่ยจง ตอนนี้ต่างออกมาที่ซ่อนตัว พวกเขาต่างก็เป็นห่วงเยี่ยจงอย่างไร้ที่เปรียบ เฝ้าภาวนาเป็นเวลานานอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่ากลับพบกับฉากเช่นนี้

 

“ พี่——” เยี่ยถงหลั่งน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งคู่ ร่างกายอันอ้อนแอ้นก็ได้สั่นเทาไปมา พี่ชายของตนเองได้เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ถูกเรียกขานว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง มีความแข็งแกร่งในระดับที่เหนือธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ว่าร่างกายของเขาในตอนนี้ได้ราวกับแตกออก สามารถคาดคิดได้เลยว่าเขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานมากมายขนาดไหน

 

หวังโม่ยิ่งเป็นห่วงจนเกือบจะกระอักโลหิตออกมา แต่ว่าเขาก็ได้แต่กัดไฟอย่างเอาเป็นเอาตาย เกรงว่าเสียงของตนเองจะเป็นการรบกวนเยี่ยจง

 

เยี่ยจงนั่งสมาธิอยู่ พลิกทั้งสองมือเปลี่ยนแปลงรอยตราอย่างช้าๆ เลือดลมภายในกายก็ได้ไหลเวียนขึ้นมา เคล็ดพลังกระบี่หกสุสานถูกใช้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ใช้พลังทั้งหมดเข้าซ่อมแซม คิดที่จะต้องการชำระโลหิตบริสุทธิ์และผนึกกายเนื้อที่อยู่ภายในของตนเองเอาไว้ ไม่ให้พลังเซียนเหล่านี้หลั่งไหลออกมา

 

ตามความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ก็ได้ทำให้ประกายแสงสายสีทองค่อยๆหายไปได้ในที่สุด แต่ว่าบนร่างกายของเขายังคงมารอยแตกร้าวอยู่ เป็นที่ตกใจของผู้คนที่มองเข้ามายิ่งนัก

 

“ กายเนื้อไม่สูญสลาย ขึ้นชื่อในเรื่องความเป็นอมตะของร่างกาย ขอเพียงมีบาดแผล ยังไงซะก็ยังสามารถฟื้นฟูด้วยตัวเองได้ …… แต่ว่า ในครั้งนี้ข้าสูญเสียพลังไปมากจนเกินไป ได้รับบาดเจ็บไปจนถึงรากฐาน ต่อให้ฟื้นพลังกลับคืน อย่างน้อยก็ยังคงหลงเหลือพิษบาดแผลเอาไว้ นับจากตอนนี้เป็นต้นไปถือได้ว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ” เยี่ยจงที่เป็นมนุษย์สองภพ สายตาที่มองโลก สายตาอันเฉียบขาดที่มองออกถึงวิกฤตที่จะเกิดขึ้นได้มาถึงยังดินแดนซีฮวงแล้ว ถึงแม้ว่าเขาเมื่อชาติที่แล้วมิได้เลือกที่จะเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย แต่ว่าประสบการณ์ที่สะสมมาจากหนังสือโบราณที่ได้ศึกษามานานหลายปี ทำให้ตนเองมีความเข้าใจถึงความเป็นไปของโลก

 

“ หากเป็นเพียงวิธีการในการฟื้นฟู ยังเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ยากอย่างยิ่ง แต่ว่าอย่างน้อยยังไงเสียก็ยังต้องสูญเสียช่วงเวลาเหล่านี้ไปอย่างช่วยมิได้ …… แต่ว่า อาการบาดเจ็บในครั้งนี้ทำให้ข้าเข้าใจขึ้นมาได้เล็กน้อย นั้นก็คือ ครั้งที่แล้วที่ข้าได้เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย กระนั้นยังเป็นเพียงการพึ่งพาหยาดน้ำเทพหยดนั้น หยิบยืมพลังจากภายนอกมาใช้ ผ่านด่านความเป็นความตายเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายมาได้ เช่นนี้ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าองค์ชายสิบสามก็ตาม แต่ว่าก็ยังถือได้ว่ามีข้อจำกัดอยู่ …… หากว่าเป็นเพราะสิ่งนี้ จำเป็นที่จะต้องจัดการกับรากฐานแห่งการสูงสุดคืนสู่สามัญ เข้าสู่พลังยุทธ์พลังขั้นก่อเกิดใหม่อีกครั้ง ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย……” อันตรายในระดับนี้ แต่ว่าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงความคิดนึงความนึกคิดปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในท่ามกลางห้วงสมองของเยี่ยจง เมื่อขณะที่เขาคิดได้ก็ตกใจขึ้นมา ตกใจจะทำให้ตนเองแทบจะกระโดดขึ้นมา

 

แต่ว่า หลังจากขณะนั้น เขากลับสงบเยือกเย็นกลับมาได้ในทันที หากว่าเป็นเส้นทางในการกลับเข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดอีกครั้ง เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องหยิบยืมพลังมาจากภายนอกแล้วละก็ เช่นนั้นในครั้งนี้ การเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายของตนเองแน่นอนว่าย่อมต้องอยู่เหนือเส้นทางสามัญสู่ปราชญ์อย่างแน่นอน

 

แน่นอนว่า อันตรายในระดับนี้ย่อมต้องมีความสำเร็จไม่ถึงหนึ่งในสิบเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีพลังอย่างมากมายมหาศาล ไม่เช่นนั้นแล้วคงมิอาจที่จะทำได้

 

แต่กระนั้นเยี่ยจง หลังจากที่ได้ครุ่นคิดไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏความหวังขึ้นมาอยู่บนใบหน้าในทันที

 

“ ครั้งนี้สูญเสียพลังไปก็มาก ยิ่งการฟื้นฟู ก็ยิ่งส่งผลเสีย ทำให้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ถ้าพบเจอกับบุคคลอื่นแน่นอนว่าย่อมไม่เกิดปัญหาอันใด แต่ว่าถ้าหากว่าวันข้างหน้าพบเจอกับบุคคลเช่นจื่อจุนเทียน เกรงว่าคงจะอ่อนแอกว่าเสียหลายส่วน ในช่วงเวลาที่ได้ประมือ ความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจที่จะหมายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเส้นทางสายนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องก้าวผ่าน สูงสุดคืนสู่สามัญ ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายอีกครั้ง!”

 

“ กลับสู่สามัญตลอดกาล แตกดับตลอดกาล เข้าสู่พลังไม่สูญสลายอีกครั้ง!”

 

เยี่ยจงพูดเสียงทุ่มต่ำ แต่ทว่าภายในน้ำเสียงกลับสะท้อนไปทั่วทั้งท่ามกลางตำหนักแห่งนี้ออกไป จากนั้น เขาก็ได้มองเข้าไปยังเส้นทางทั้งหมดที่เขาเคยได้ก้าวผ่านมาอย่างละเอียด หลังจากนั้น เขาก็พลิกทั้งสองมือขึ้นมา พลังทั่วทั้งร่างกายจากเส้นลมปราณ ผิวหนัง กระดูก ในตอนนี้ก็คล้ายดั่งจะระเบิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กลายเป็นผืนพลังเทพแผ่กระจายออกมา

 

“ ตูม ——”

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ขยับทั่วทั้งร่างกาย กระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายสั่นไหวไปมา ราวกับว่าจะตายลงไปในทันที นี้เป็นเหมือนดั่งกับการฆ่าตัวตาย อันตรายอย่างถึงที่สุด หากว่าเป็นคนโดยทั่วไป แน่นอนว่าคงจะตายตกลงไปในทันทีแล้ว

 

“ เด็กน้อยผู้นี้ …… ถึงกับต้องการที่จะเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายอีกครั้งจริงงั้นหรือ! ? “

 

อันหงเจินอ้าปากต้าค้าง เรื่องเช่นนี้เขาแม้แต่จะคิดก็ไม่เคยที่จะคิดมาก่อน เมื่อได้เข้ามาสู่จุดสูงสุดของพลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ต่อให้ได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อวันเวลาผ่านเลยไป ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้ แต่ว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงถึงกับมีความคิดที่” ยิ่งใหญ่” เช่นนี้ได้ ฝึกปรือร่างกายจากสูงสุดคืนสู่สามัญ คิดที่จะฝึกปรือใหม่อีกครั้ง

 

พลังแห่งจิตวิญญาณอันแข็งกล้สเช่นนี้ ช่างแข็งแกร่งจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว

 

โดยเฉพาะอันหงเจิน ที่ในตอนนี้ยังไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน เขาก็สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนพลังอันแข็งแกร่งขึ้นมาได้ เกิดอาการตกใจและเป็นห่วงเยี่ยจงสุดเปรียบปาน

 

“ เคล็ดพลังกระบี่หกสุสาน เปลี่ยน!”

 

พริบตาที่ได้ใช้พลังฝึกปรือทั้งหมดเพื่อเข้าสู่เขตแดนสูงสุดคืนสู่สามัญ เยี่ยจงก็ได้ควบคุมพลังเคล็ดพลังกระบี่หกสุสานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เริ่มที่การฝึกปรือขึ้นอีกครั้ง

 

ความจริงเหล่าพลังเทพเซียนที่ได้ลอยออกไปจากร่างกายของเขา ในตอนนี้ก็ได้ลอยกลับเข้าไป จนก่อเกิดพลังอันมหาศาลอย่างไร้ที่เปรียบปะทุขึ้นมา จนทำให้ร่างกายของเยี่ยจงแทบจะเกิดการแตกระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

 

ครั้งนี้ ร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวไปมา การแตกร้าวตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่าง ก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงกระดูกอันขาวผ่อง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสลดมิได้

 

“ พี่……” ภายในดวงตาของเยี่ยถงก็ได้เริ่มที่จะมีน้ำตาหลั่งไหลออกมา พลังบนร่างกายก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาก็มิปาน

 

“ สูงสุดคืนสู่สามัญแม้จะง่ายดาย แต่ก็กลับคืนมาอีกครั้งนั้นถือได้ว่ายากเย็นอย่างยิ่ง การฝึกปรือวิทยายุทธ์เช่นนี้ถือได่ว่าเป็นสิ่งหวงห้ามอย่างหนึ่ง นับแต่โบราณกาลมา ดั่งความคิดเช่นนี้ยังถือได้ว่ายากที่จะมีได้เลย ? “ หลิงเยว่ถอนหายใจออกมา น้ำเสียงทั้งแฝงไว้ด้วยความสั่นเครืออย่างเจ็บปวดและความเป็นห่วง

 

ซูหยี่และหวังโม่ต่างก็ไม่มีอะไรจะพูด พวกเขาถามกับตัวเอง แน่นอนว่าตนเองย่อมไม่อาจที่จะตัดสินใจเลือกที่จะกระทำเช่นนี้แน่ ตอนนี้ก็เพียงได้แต่แอบมองเข้าไปเท่านั้น

 

ทว่า ตัวของเยี่ยจงเองกลับมิได้สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงเพียงนั้น เพียงแต่เขาย่อมเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการตัดสินใจของเขาในตอนนี้อย่างชัดเจน เรื่องที่ตนเองกำลังจะทำแม้จะยากเย็นอย่างถึงที่สุด แต่ว่า เขากลับยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ต้องทำตามมาอีก คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ในมือ ยังไงเสียตนเองก็ต้องก้าวผ่านพ้นเส้นทางนี้ไปให้จงได้ ในตอนนี้คงไม่มีทางให้ถอยไปได้อีกแล้ว

 

“ อีกครั้ง!”

 

เยี่ยจงร้องชิขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ สีหน้ายังคงดั่งเดิม พลิกรอยตราทั้งสองมือเปลี่ยนไปมาขึ้นอีกครั้ง วินาทีนั้น ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ปะทุพลังเทพเซียนออกมาเป็นสาย จนทำให้เขาตะโกนออกมาเสียงดังอีกครั้ง แล้วก็เป็นการบ่งบอกถึงความล้มเหลวอีกครั้ง

 

“ มาอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อหรอก!”

 

เยี่ยจงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน กระอักโลหิตคำโต แต่ว่ายังคงขยับเคลื่อนไหวมือไปมาไม่หยุด เขาทราบว่าตนเองได้เลือกเดินในเส้นทางที่ยากเย็นยิ่งกว่าปีนปายขึ้นสวรรค์ แต่ว่าก็มิอาจที่จะหยุดได้ เพราะว่าเขาในตอนนี้กลับไม่มีทางเลือกอีกแล้ว คงจะมีแต่เส้นทางสายนี้เท่านั้น

 

แล้วเช่นนี้ ก็ได้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า อันหงเจินที่คอยมองดูอยู่ในที่ห่างไกลอย่างห่างๆต่างก็เกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมา เขาที่เป็นถึงชนชั้นราชัน มีพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าพลังปราณขอบเขตปราณครบรอบ ยังคิดว่าแม้แต่ตนเองก็ยังมิอาจที่จะกระทำเรื่องราวเช่นนี้ออกมาได้เหมือนดั่งเยี่ยจง

 

ทว่า ด้วยการหมุนวนพลังไปมาเช่นนี้จนใกล้จะครบครั้งที่หนึ่งรอย จนในที่สุดก็ได้ปรากฏโอกาสสายน้อยๆขึ้นมา เยี่ยจงได้รีบเกาะกุมโอกาสที่สัมผัสได้ในครั้งนี้อีกครั้งเพื่อที่จะเข้าสู่เส้นทางสายนี้

 

“ ตูม ——”

 

ในครั้งนี้ ทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เกิดเสียงดังกุกกักดังขึ้นมา คล้ายเสียงของเม็ดถั่วแตกระเบิดดังลอดออกมาจนทำให้ทั่วทั้งร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ในที่สุด ร่างกายของเขาก็ได้กลับคืนสู่เส้นทางปกติดุจดั่งเดิม พลังฝีมือเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วราวกับก้าวกระโดด พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่หนึ่ง พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่สอง พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่หก พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่หก พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่เจ็ด พลังยุทธ์ขั้นก่อเกิดขั้นที่แปดซานกวานเทียนทง ……

 

ทว่าราวกับผ่านไปเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เยี่ยจงก็ได้สำเร็จพลังยุทธ์เข้ามาสู่ด่านทั้งแปดของพลังขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้น จนทำให้พลังของตนเองได้ฟื้นฟูกลับมาจนถึงในระดับพลังซานกวานเทียนทงขอบเขตชั้นฟ้า

 

“ สำเร็จแล้ว ? “

 

เยี่ยจงบ่นกับตนเอง จากนั้นก็สัมผัสความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาสามารถสัมผัสได้อย่างกระจ่างชัดเจนว่า ร่างกายของตนเองในตอนนี้เมื่อเทียบกับการฝึกปรือพลังขั้นก่อเกิดในครั้งแรก ยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าถึงอีกขั้นหนึ่ง แต่ว่าถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าในระดับอีกขั้นหนึ่ง กลับก็ยังคงเป็นเส้นทางที่ตนเองไม่ได้เลือก ที่เป็นเหมือนดั่งความสับสนอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมาภายในจิตใจ

 

“ สำเร็จแล้วงั้นหรือ ? “ อันหงเจินเอ่ยขึ้นมาเสียงดังกังวาน มองไปยังเยี่ยจงที่สำเร็จจนได้ในที่สุด เขาอดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง รอคอยจนเยี่ยจงเข้าสู่พลังขอบเขตขั้นสุดท้าย

 

หลิงเยว่ เยี่ยถง ซูหยี่และพวกผ่อนลมหายใจออกมาคำหนึ่ง พวกเขาต่างก็ปรากฏสีหน้าที่ผ่อนคลายลง

 

“ ราวกับว่ายังไม่พออยู่เลย หรือไม่ก็ ลองดูอีกสักครั้ง ? “ บริเวณใจกลางสนาม เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง แต่ว่าระดับความเสี่ยงและความอันตรายก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจของเขาเอง จนทำให้ในห้วงสมองของเขาเกิดความคิดมากมายนับหมื่นชนิด แต่ว่าท้ายที่สุด เขาก็ยังคงกัดฟันไปมา เข้าสู่พลังสูงสุดคืนสู่สามัญอีกครั้ง

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์(INBOX FANPAGE) ครับ

80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9/10 ราคา 600
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690

กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770

กลุ่ม10 https://goo.gl/L8awva ตอนที่ 771-850 ล่าสุด 796 26/80ตอน

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset