เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 365 วันล้มสลายของสำนัก(บทที่สอง)

ตอนที่ 365 วันล้มสลายของสำนัก(บทที่สอง)

 

 

 

“เพราะอะไร ! “

 

เยี่ยจงครุ่นคิดถามออกไป ดวงตาของของแดงก่ำขึ้นมา แต่ว่าก็ไม่กล้าที่จะปะทุออกไปในตอนนี้ นั้นก็เพราะว่าถ้าเกิดทำเช่นนี้ไปคงจะทำให้ศิษย์พี่น้องของตนเองได้รับบาดเจ็บไปหลายคน

 

“ศิษย์น้องเยี่ยจง วันนี้พวกข้ายังสามารถตายได้ มีแต่เพียงเจ้าที่ไม่อาจตายได้ ! “มีศิษย์สาขาในกำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน กำลังอยู่ในสภาวะเกลียดชังนับไม่ถ้วน” เจ้าที่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายไปแล้ว มีร่างกายที่ไม่ดับสูญ วันเวลาต่อจากนี้คงจะมีการความสำเร็จอีกมากมาย เจ้าจะต้องมีชีวิตออกไป ขอเพียงเจ้าไม่ตาย เรื่องในวันนี้ก็จะไม่ถือว่าสิ้นสุด ถึงแม้ในอีกร้อยพันปีเจ้าจะสามารถลบล้างแดนลับแลไปได้ แต่ว่าก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ! “

 

“นอกเสียจากพวกข้าต่างก็ตายกันไปหมด ไม่เช่นนั้น พวกเราก็ไม่ให้โอกาสเจ้าได้ลงมือหรอก เจ้าจะต้องเก็บออมพลังเอาไว้หลบหนี เพื่อที่จะได้มีพลังทั้งหมดไว้หลบหนีจากความตาย นี้จึงเป็นคำขอร้องเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา ! “อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีศิษย์น้องสาขาในยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขาถึงแม้จะมีอายุน้อยอยู่ เพียงแค่สิบสามสิบสี่ปี แต่ว่าบนใบหน้ากลับฉายแววความกล้าหาญขึ้น

 

ทางด้านศิษย์พี่น้องของลัทธิแห่งดวงดาวอีกหลายคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะกันออกมา จากนั้นก็ได้พาเยี่ยจงฆ่าสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างก็ได้ใช้ออกด้วยพลังฝีมือทั้งหมด เพื่อที่จะขวางรั้งเหล่ายอดฝีมือจากขุมกำลังใหญ่ที่ไล่สังหารตามมา ภายในดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั้ง

 

ในขณะนี้เอง เจ้าตำหนัก ผู้อาวุโส ลูกศิษย์ทั้งหมดของลัทธิแห่งดวงดาว จำนวนคนของพวกเขาและพลังฝีมือเรียกได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าแดนลับแลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นเลย ยอดฝีมือของขุมกำลัง แต่ว่าความบ้าคลั่งและรังสีสังหารชนิดนี้ มีแต่เพียงทำให้เหล่าขุมกำลังจากแดนลับแลเหล่านี้ถูกไล่ฆ่าสังหารออกไปตามๆกัน

 

เยี่ยจงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน กัดจนมีโลหิตไหลออกมาจากปากเป็นทาง เขาคิดที่จะฆ่าสังหารออกไป เพื่อที่จะฆ่าสะงหารออกไป หมายจะสังหารเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากที่ขวางทางเอาไว้อยู่ แต่ว่าเขาในตอนนี้ก็เข้าใจเป็นอย่างดี ด้วยพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ การที่จะใช้ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างมากก็คงจะสามารถขวางรั้งชั้นมหาราชันได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ว่าถ้าเกิดมาถึงสองคน ตนเองก็คงจะไม่เหลือทางรอด นั้นก็เพราะว่าชนชั้นมหาราชันนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เยี่ยจงย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีมากกว่าใครๆ

 

ตอนนี้เขาคงได้แต่เพียงยับยั้งรังสีสังหารของตนเองเอาไว้ ภายในดวงตาแดงฉานถอนออกไป เป็นดั่งเช่นศิษย์พี่น้องกล่าวออกไป มีแต่ต้องหลบหนีออกจากบริเวณนี้ จึงจะสามารถมีความหวังครั้งสุดท้ายได้

 

ในขณะนี้ บริเวณรอบข้างทั่วทั้งเมืองหมื่นดาราก็มีแต่ความวุ่นวายไร้ที่เปรียบ ยอดฝีมือราชัน มหาราชันเหล่านั้นต่างก็เข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ในทุกๆครั้งที่ได้เข้าปะทะกัน ต่างก็จะก่อเกิดเสียงแตกระเบิดออกมาดังไม่ขาดสาย

 

ร่วมทั้งเหล่าศิษย์ธรรมดานั้น ต่างก็ได้ถูกเข่นฆ่าอเนจอนาจเสียยิ่งกว่า ทุกกระบวนท่าต้องได้เห็นได้เลือด ทั้งยังมีการตายตกได้ทุกชั่วเวลา

 

การต่อสู้ที่อยู่บนพื้น ก็ได้มีรังสีโลหิตแผ่กระจายออกมา แต่ว่ายังพอที่จะเห็นถึงความหวังได้ ราวกับว่าคนของลัทธิแห่งดวงดาวยังพอสามารถฆ่าสังหารออกไปได้ก็มิปาน แต่ว่าท่ามกลางอากาศนั้น กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันต่างๆนาๆ

 

ด้านบนชั้นเหนือเมฆ ร่างกายอันหงเจินก็ได้แผ่พุ่งรังสีโลหิตออกมา จนถึงในขณะนี้ พลังฝีมือของเขาก็ถือได้ว่าขึ้นไปจนถึงในระดับที่สูงล้ำยิ่ง น่าหวาดกลัวสุดเปรียบปาน แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาก็ยังสามารถมองออกว่า เขาในตอนนี้ได้เผาพลาญพลังชีวิตทั้งหมดจนกลายเป็นพลังแล้ว การจ่ายค่าชดเชยในครั้งนี้ก็ถือได้ว่ามากมายอย่างมหาศาล

 

“อัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ เหล่าเฒ่าชราในสมัยก่อนของลัทธิแห่งดวงดาวพวกเราต่างก็หันรั้นกันเช่นนี้ รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องตายอยู่แล้ว ยังจะอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ อีกทั้งยังไม่คิดจะประนีประนอมเลย ดังนั้น ตำนานของลัทธิแห่งดวงดาวพวกเจ้าถึงได้ขาดสบั่นเช่นนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมามีชื่อเสียงอยู่มากมาย ในวันนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ได้” เงาร่างที่ปกคลุมไปด้วยเส้นขนสีทองก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา เสียงของเขาดุจดั่งสายอัสนีฝ่าลงมาก็มิปาน จนก่อเกิดการระเบิดออกมารอบทิศทาง

 

อันหงเจินยิ้มอย่างเย็นชา ภายในดวงตาก็ได้เกิดความเย้ยหยันขึ้น เขาคร้านที่จะเอ่ยปากขึ้นมา เพียงแต่จ้องมองไปที่เงาร่างสีทองนั้นอย่างเย็นชา

 

“ที่ข้ามายังสถานที่แห่งนี้มิได้มีเหตุผลอื่นใด ขอเพียงเยี่ยจง หากว่าเจ้าส่งตัวเยี่ยจงออกมา ข้าสามารถลงมือได้ ปกป้องทุกชีวิตทั้งหมดของลัทธิแห่งดวงดาวพวกเจ้าได้ เจ้าควรจะทราบว่า หุบเขาหมื่นปีศาจข้า มีนิสัยเช่นไร “เงาร่างสีทองเอ่ยขึ้นมา ภายในคำพูดแฝงไว้ด้วยความจริงใจอยู่หลายส่วน

 

“หุบเขาหมื่นปีศาจ ราชาปีศาจลิ่วเอ่อ(หกใบหู) “อันหงเจินยิ้มอย่างเย็นชา เปิดเผยสถานะของปีศาจบรรพกาลเบื้องหน้าสายตาออกมา ที่แท้มันก็คือหนึ่งในมหาราชัน มีฐานะดุจดั่งราชาในมวลมนุษย์ มีความแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

“หึหึหึ เหล่าลิ่วเอ่อ(สหายเฒ่าหกใบหู) ดูเหมือนว่าผู้ที่มาไม่คิดที่จะต้องการเห็นแก่หน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้ยังถึงกับเปิดเผยสถานะของเจ้าออกมา วันนี้ขอเพียงมีคนของลัทธิแห่งดวงดาวหลบหนีออกไปได้แม้เพียงคนเดียว เกรงว่าเห่าลิ่วเอ่อเจ้าวันข้างหน้าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับซะแล้วกระมั่ง ? “เสียงที่ฟังแล้วไม่เสนาะหูดังออกมา กลับเป็นสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายขนาดใหญ่และดุดัน บนร่างของมันมีปีกงอกออมาเป็นชั้นๆ กระพือไปมาอยู่ท่ามกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันก็ได้สร้างพลังเพลิงผลาญสีทองขึ้นมา ภายในดวงตาดุจดั่งแสงอาทิตย์ดวงหนึ่งก็มิปาน และครึ่งร่างของเขากลับมาสามขา ในขาทุกข้างจะหยิบจับเอาไว้โดยอาวุธอันน่าหวาดกลัวด้ามหนึ่ง ดูไปแล้วน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง

 

“บรรพบุรุษวิหคทอง ในครั้งนี้ท่านก็ได้มาเพื่อตระกูลถังเช่นนั้น หรือว่าจะเป็นการมาเพื่ออินทรีอสุระกัน ? กล่าวกันว่าองค์ชายสิบสามเป็นถึงศิษย์สายตรงของท่านเลยก็ว่าได้ ศิษย์ของตนเองได้ถูกผู้คนฆ่าสังหาร คงรู้สึกไม่น้อยเลยสินะ ? “ในสถานที่ห่างไกล ก็มีคนยิ้มอย่างเย็นชา เปิดเผยสถานะของคนผู้นี้ออกมา จนทำให้บรรพบุรุษวิหคทองสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา

 

หลังจากนั้น ก็ได้พบเห็นเงาร่างสายหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ร่างกายของเขาดุจดั่งคล้ายกับเผ่ามนุษย์ก็มิปาน มีทั้งความแข็งแกร่งและลี้ลับ แต่ว่าบริเวณทางด้านกลับมีปีกคู่สีทองเข้มคู่หนึ่ง ถือได้ว่าเป็นเครื่องบ่งบอกถึงสถานะของเขาเอง

 

“ราชาเผ่าปีก ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาเพื่อชมดูความครึกครื้นสินะ “ราชาปีศาจลิ่วเอ่อยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา สีหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

 

“ยังไม่ถือว่ามาชมดูความครึกครื้นหรอก ทว่าหลานเหลนอัจฉริยะเผ่าปีกอันดับที่สิบเก้า ข้าที่มีศักดิ์ฐานะเป็นปู่ทวดหากว่าไม่มาเอาความเป็นธรรมคืน เกรงว่าคงจะไม่เป็นที่ยอมรับของเผ่าพันธุ์แล้ว “ราชาเผ่าปีกถอนหายใจ แสดงออกมาถึงเป้าหมายของตนเอง เพียงแต่ว่าแม้แต่คนตาบอดก็ยังทราบได้ว่า การมาของเขาในวันนี้ เป้าหมายที่แท้จริงนั้นคืออะไร

 

“เจ้าลัทธิอัน ข้าเห็นแก่ท่านที่เป็นถึงเจ้าลัทธิของสำนักหนึ่ง ไม่คิดที่จะทำให้ท่านลำบากใจ ขอเพียงท่านส่งมอบตัวเยี่ยจงออกมา ให้เขามาขอขมาให้กับเผ่าพันธุ์ของเรา เช่นนั้นในวันนี้ข้าจะช่วยเชิญกลับไปซักหลายคน คุ้มครองความปลอดภัยของลัทธิแห่งดวงดาว “

 

อันหงเจินสีหน้าเย็นชาขึ้นมา เขาไม่เอ่ยอันใดออกมา จ้องมองไปยังบนร่างของราชาเผ่าปีกด้วยสีหน้าเย็นชา เขามิได้กล่าวอันใดออกมา สายตาเพียงทอดลงไปยังราชาเผ่าปีก มีแต่เพียงความเย้ยหยัน เพราะว่าเขาก็ทราบดีอย่างชัดเจน ที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นแทบจะไม่ต่างอีนมดจากลมปากเท่านั้น

 

“ราชามังกรน้ำ ในเมื่อได้มาถึงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ? “ราชาเผ่าปีกจ้องมองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ตูม——”

 

ท่ามกลางสายธารแห่งหนึ่งในบริเวณที่ห่างไกล ก็ได้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ได้ปกคลุมอยู่บนร่างกายอันลี้ลับสายหนึ่งเอาไว้อยู่ ในตอนนี้มันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา ดวงตาทอแววเย็นเยียบออกมา เพียงแต่หลังจากที่ได้จ้องมองไปยังอันหงเจินอย่างครุ่นคิดแล้ว ก็ได้มุ่งหน้ากวาดออกไปยังพื้นด้านหน้า เพียงแต่ว่า บริเวณพื้นดินในขณะนี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นสาย แทบจะมองไปไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร ต่อให้ท่ามกลางหมู่คนนั้นก็ได้มียอดฝีมือปีศาจบรรพกาลอยู่หลายคน ที่ได้มีพลังฝีมือในระดับชนชั้นราชัน และการที่เผ่าพันธุ์หนึ่งมีการมีอยู่ของราชันนั้น ก็ยังไม่อาจที่จะสามารถเสาะหาเยี่ยจงที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเหล่านี้ได้

 

ท่ามกลางการต่อสู้อันวุ่นวายนี้ เยี่ยจงก็ได้เงยกน้าขึ้น ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาง

 

ยอดฝีมือระดับมหาราชัน ถือได้ว่าได้ทะลวงเข้าสู่ระดับขั้นสูงสุดพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าแล้วก็ว่าได้ หลังจากที่ได้ผ่านพลังยุทธ์ขั้นฟ่อฟ้าขอบเขตขั้นสูงสุดแล้ว ก็จะถือว่าเป็นการเข้าสู่พลังขอบเขตใหม่ทั้งหมด ขอบเขตอันยิ่งใหญ่นี้มีชื่อเรียกว่า สามด่านเป็นตาย

 

ยอดฝีมือที่ใกล้เข้าสู่ขอบเขตขั้นสามด่านเป็นตาย จึงจะสามารถเรียกได้ว่ามหาราชันได้ ละยอดฝีมือเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่จะสามารถพึ่งพาวัตถุภายนอกก็สามารถทะลวงได้

 

ดังนั้น ในขณะนี้เยี่ยจงก็ได้เก็บอารมณ์เย็นชาลง ในตอนนี้ตนเองยังมิได้ปรากฏกายขึ้น เช่นนั้นขุมกำลังแต่ละฝ่ายยังถึงกับลงมือได้ระมัดระวังเพียงถ่ายเดียว เพื่อที่จะยิ่งสร้างโอกาสให้แก่ลัทธิแห่งดวงดาวมากยิ่งขึ้น

 

แต่ว่าถ้าหากตนเองตกไปอยู่ในมือของศัตรูแล้วละก็ เช่นนั้นขุมกำลังเหล่านี้คงไม่อาจประนีประนอมอีกต่อไปแน่ขอเพียงมีคนสามารถขว้างรั้งอันหงเจินในตอนนี้ได้ เช่นนั้นเพียงแค่ให้ยอดฝีมือชนชั้นมหาราชันเป็นคนลงมือ เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถที่จะทำให้กลายเป็นซากศพได้แล้ว โลหิตไหลรินดุจดั่งสายธาร

 

ดังนั้น ในตอนนี้ ตนเองย่อมไม่อาจเปิดเผยตัวตน จำเป็นต้องหลบหนีจากไปเพียงถ่ายเดียวเท่านั้น

 

เมื่อคิดขึ้นอย่างกระจ่างแจ้งในข้อนี้แล้ว สีหน้าของเยี่ยจงก็ยิ่งทวีความเย็นเยียบขึ้นมา จากมุมมองของเขา นี้เป็นเหมือนกับการทรมารและเคี่ยวกรำชนิดหนึ่ง เป็นเพราะการได้เห็นผู้คนมากมายในสำนักเดียวกันได้ลงมือ ตายตก บาดเจ็บ พลีชีพ นี้ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่จากจะพบพานได้ ทุกครั้งที่ได้มองเข้าไป ก็ได้ทำให้สายตาของเยี่ยจงทวีความเย็นเยียบขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง

 

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาด !

 

“ไป——”

 

ศิษย์พี่น้องสาขาในหลายคนอีกทางด้านเมื่อครู่นี้ในตอนนี้ก็ได้มีโลหิตหลั่งออกมาทั่วทั้งร่างกาย แต่ว่าพวกเขายังคงคุ้มกันอยู่ทางด้านข้างของเยี่ยจง ฆ่าสังหารใยงบ้อมออกไปอย่างหนักหน่วง มุ่งหน้าหลบหนีออกไปให้ไกลยิ่งขึ้น

 

บริเวณทางด้านหลัง ยอดฝีมือระดับราชันยังคงอยู่ในการต่อสู้อยู่ มีผู้อาวุโสสาขานอกพลีชีพไปแล้วหลายคน เพื่อที่จะลากดึงยอดฝีมือระดับราชันของอีกฝ่ายกลายเป็นดั่งฝนโลหิตพร้อมกัน ท่ามกลางอากาศ ยังคงมีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งลอดออกมาไม่ขาดสาย

 

ทั่วทั้งสนามรบในตอนนี้ดูไปแล้วน่าอเนจอนาจอย่างไร้ที่เปรียบ เมืองหมื่นดารากลายเป็นสว่างสไหวขึ้นมาไปทั่วทุกพื้นที่ ในตอนนี้ก็ได้เต็มไปด้วยเศษซากของโลหิตจำนวนมาก เพียงแต่ว่าก็ไม่อาจที่จะทราบได้ว่า โลหิตเหล่านั้นกลับมาจากลัทธิแห่งดวงดาวเสียมากกว่า หรือว่ามาจากขุมกำลังอื่นใดมากกว่ากันแน่

 

บริเวณทั่วทั้งผืนฟ้า ยอดฝีมือสี่มหาราชันผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้ยืนอยู่ทั้งสี่ด้าน ต่างก็ทอแววตาอันเย็นเยียบจ้องมองไปยังบนร่างของอันหงเจิน พวกเขามีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง

 

“เพียงเพื่อข้าที่ยังไม่อาจที่จะเข้าไปถึงราชันได้เพียงคนเดียว ในวันนี้ถึงกับให้สี่สุดยอดฝีมือมหาราชันลงมือได้ ทั้งยังมีราชาปีศาจลิ่วเอ่อ ราชาเผ่าปีกและบุคคลอันยิ่งใหญ่ ผู้น้อยช่างรู้สึกภาคภูมิใจอย่างไร้ที่เปรียบเสียจริง ! “อันหงเจินในที่สุดก็ได้เอ่ยขึ้นมา แต่ว่าสีหน้าของเขากลับทอแววเย้ยหยันต่างจากที่กล้าวออกมา ไม่ดูเหมือนกับมีความสุขแต่อย่างไร

 

“เจ้าลัทธิอันไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวเกินไป ส่งมอบสุดยอดรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของสำนักออกมา นี้ถือได้ว่าเป็นการให้เกียรติแก่ลัทธิอันทรงเกียรติของท่านแล้ว ยิ่งปล่อยให้เผ่าของพวกเขารอคอย อัจฉริยะถึงแม้จะมีอยู่มากมาย แต่ว่าที่เป็นสุดยอดนั้นนับพันหมื่นปีจะเกิดขึ้นมาสักคน……ตัวอย่างเช่นลัทธิ ที่มีความแข็งแกร่ง ที่มีความมั่งคั่ง หากว่าลัทธิแห่งดวงดาวได้เตรียมตัวที่จะทำสิ่งต่างๆมากมายให้พวกเขาแล้วละก็ พวกเขาก็คงจะไม่หาญกล้ามาหรอก……เจ้าดู ในตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่อัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษได้สำเร็จ ทั้งยังมีพลังฝีมือในการต่อสู้เทียบเท่ากับมหาราชันแล้วมิใช่หรือ ? “ราชาเผ่าปีกยิ้มขึ้นมาเบาๆ ภายในเสียงหัวเราะก็ได้มีความเคร่งเครียดขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่า ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงนั้น ได้ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความระแวงลัทธิแห่งดวงดาว จึงมิกล้าหาญพอที่จะดูแคลนแม้แต่น้อย

 

ยังไม่ทันได้เปิดเผยร่างของราชามังกรน้ำทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา น้ำเสียงของมันกระจ่างสดใส ที่แท้ก็เป็นหญิงสาวนางหนึ่งนั้นเอง “เจ้าลัทธิอัน เผ่าพันธุ์ของพวกเราและลัทธิแห่งดวงดาวท่านมิได้มีความแค้นต่อกัน ขอเพียงท่านส่งมอบเยี่ยจงออกมา ข้าขอรับรองว่าจะใช้ทุกความสามารถในการปกป้องชีวิตของเยี่ยจงไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่ผ่านพ้นไปสิบปี จะส่งมอบกลับคืนให้ รวมไปทั้งศิษย์คนอื่นๆของลัทธิท่าน เผ่าพันธุ์ข้ามีความสามารถพอที่จะคุ้มครองทั้งหมดได้ เจ้าย่อมทราบดีแก่ใจอยู่แล้ว เผ่าพันธุ์ของพวกเรารักษาสัญญาอยู่แล้ว นี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของท่านแล้ว ถ้าหากยังไม่ยินยอม ก็คงต้องดูที่ตัวท่านเองแล้ว ! “

 

หลังจากที่เงียบงัน ลิ่วเอ่อก็ได้สะท้านขึ้นมา ราชาเผ่าปีก บรรพบุรุษวิหคทองต่างก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา สีหน้าของแต่ละคนต่างก็มิมีไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง

 

อันหงเจินถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง บนใบหน้าก็ได้ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาหลายส่วน หลังจากนั้น เขาจึงได้ค่อยๆพยักหน้าไปมา กล่าวออกมาอย่างเย็นชา” ต่อให้เจ้าไม่คิดที่จะล้างผลาญลัทธิแห่งดวงดาวข้า แต่ว่าคนอื่นๆนั้นจะปล่อยไปเช่นนั้นหรือ ? ต่อให้ส่งมอบเยี่ยจงออกไป แต่ว่าพวกเจ้าจะไม่สังหารเขาจริงเช่นนั้นหรือ ? การปล่อยให้สุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งเติบใหญ่ขึ้นมาได้ เกรงว่า คงจะทำให้พวกเจ้ากินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วกระมั่ง ? “

 

“คำพูดไร้สาระก็สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้เถอะ ในเมื่อยอดฝีมือสี่มหาราชันผู้ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้น เช่นนั้น ก็มาสู้กันเถอะ ! “อันหงเจินส่งเสียงตัดรอนขึ้นมา ทั่วทั้งร่างกายก็ได้ปะทุแสงโลหิตออกมา พลังโลหิตพุ่งขึ้นสูง ดุจดั่งคันศรที่ถูกเหนี่ยวออกมา !

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset