เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 371 ที่มาของศาลาพำนัก

ตอนที่ 371 ที่มาของศาลาพำนัก

 

 

 

“เยี่ยจงในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้วงั้นหรือ ?”

 

ทางด้านบนของยอดเขา ราวกับว่าสายตาของผู้คนทั้งหมดที่เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ต่างก็เปลี่ยนแปรไป

 

ท่ามกลางในบริเวณของบริเวณที่ต่อสู้ ยังถึงกับสามรถรวมตัวกันในสถานที่เช่นนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ย่อมต้องมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

 

ท่ามกลางกลุ่มคนของพวกขา ต่างก็เป็นคนในสำนักเดียวกันโดยทั้งสิ้น ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้เป็นดั่งเช่นเดียวกัน ต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถ แข็.แกร่งและน่าหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม

 

อัจฉริยะกลุ่มนี้ถือได้ว่าแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าจะมิได้เข้าร่วมการแย่งชิงที่สมรภูมิฮวงกู่ และการปรากฏตัวของพวกเขาในครั้งนี้ ต่างก็มุ่งเป้าไปยังเยี่ยจงโดยเฉพาะ

 

“สามารถที่จะสังหารร่างแบ่งของศิษย์น้องชางเฟยไป่ได้ นี้ก็บอกได้ถึงความสามารถของเยี่ยจงนั้นมีอยู่จริง ศิษย์น้องชางเจ้าวางใจเถอะ ในครั้งนี้ข้าผู้พี่จะลงมือด้วยตนเอง เพื่อแก้แค้นให้กับเจ้า”คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือจากเผ่าปีก บนหลังของเขามีปีกที่ดูไปสุกไสวอย่างชัดเจน อีกทั้งใบหน้าเขายังขาวผ่องบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกที่มั่นใจในตัวเองในอีกแบบหนึ่ง เขาที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของเผ่าปีกนามยวีจิงหลุน ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่สุดยอดของเผ่าพันธ์ที่นำทัพมา มีฐานะเทียบเท่ากับหญิงปราญช์ม่อมู่ซื่อของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว แน่นอนว่าย่อมพอที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอในการกล่าวออกมาเช่นนี้

 

“ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงศิษย์พี่ยวีหรอก”ชางเฟยไป่ก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน จากนั้นเขาก็ได้ล้วงเอาโอสถปราณกลืนเข้าไป จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ”เยี่ยจงผู้นี้ข้าจะฆ่าสังหารด้วยตัวข้าเอง ไม่จำเป็นต้องให้ทุกท่านลงมือ”

 

“เหอะ ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวพวกเจ้า นี้เตรียมที่จะกินกันเองแล้วอย่างงั้นหรือ ?”อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งหัวเราะน้อยๆออกมา ทั้งยังมีเสียงที่ดูเย้ยหยัยอยู่ชนิดหนึ่ง”ร่างแบ่งของเจ้าได้เคยถูกสังหารไปแล้ว หากว่าถูกเขาสังหารร่างจริงเข้าแล้วละก็ คงจะไม่ใช่เพียงแค่นี้แล้วละ ? ยังไงซะพวกเราที่รวมตัวกันขึ้นมาในวันนี้ก็มีเป้าหมายอยู่ที่ การจับเป็นเยี่ยจง ในเมื่อได้ทราบข่าวไปแล้ว เช่นนั้นก็ลงมือพร้อมกันเถอะ ดูว่าผู้ใดจะสามารถจับเป็นเยี่ยจงได้ ก็คงต้องดูความสามารถของแต่ละฝ่ายแล้ว เป็นอย่างไร ?”

 

“ได้ ! งั้นก็เอาตามนี้ !”อัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกหลายคนที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งก็ได้หัวเราะออกมา อัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เยี่ยจงต่อให้มีพลังอยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายแล้วจะเป็นอย่างไร ? ในสถานที่แห่งนี้มิใช่สมรภูมิฮวงกู่ มิใช่เขตแดนกักพลังแต่อย่างไร

 

“เฟยไป่ เจ้าก็บอกสถานที่ที่เยี่ยจงอยู่ออกมาเถอะ ในเมื่อพี่น้องทุกคนต่างก็มีความเห็นเดียวกันแล้ว ทุกคนก็ลงมือด้วยกันจะดียิ่งเสียกว่า”ม่อมู่ซื่อเอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

 

เมื่อได้ยินม่อมู่ซื่อเอ่ยขึ้นมา สีหน้าของชางเฟยไป่ก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานึกถึงช่วงเวลาที่พูดคุยกันกับเยี่ยจงในขณะที่ประมือกัน สีหน้าก็ได้ปั้นยากขึ้นมา เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นในที่สุดเขาก็ได้พยักหน้าไปมา จากนั้นก็ชี้มือออกไปทางด้านหลัง

 

“เยี่ยม ! พี่น้องทุกท่าน วันนี้ดูว่าพวกข้าหรือใครจะสามารถจับกุมเยี่ยจงได้ ผู้น้อยขอนำไปก่อน !”ยวีจิงหลุนอัจฉริยะเผ่าปีกก็ได้หัวเราะฮ่าฮ่าออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ได้ถอยกายออกไปอย่างรวดเร็ว หายวับไปดุจดั่งสายฟ้าแลบ

 

อัจฉริยะอื่นๆนั้นก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ละคนก็ได้อแสดงฝีมือติดตามออกไป

 

คนเหล่านี้ต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างถึงที่สุด นับตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ต่างก็มิได้เตรียมที่จะส่งสารกลับไปยังเบื้องบนแต่อย่างไร พวกเขาต่างก็คิดจะลิ้มลองเยี่ยจงดูซักศึกหนึ่ง

 

ชางเฟยไป่ทอสีหน้าเย็นเยียบ ร่างแบ่งของเขาได้เคยประมือกับเยี่ยจงมาก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องทราบดีถึงความแข็งแกร่งที่ไม่นับว่าธรรมดา ตอนนี้เขาก็มิได้เอ่ยปากขึ้นเพื่อขัดขวาง เพียงแต่ค่อยๆลุกขึ้นยืน เดินมุ่งหน้าออกไปทางด้านนั้น

 

“ข้าก็อยากจะลองดูหน่อยสิว่า ท้ายที่สุดพวกเจ้าจะสามารถรับมือเยี่ยจงแล้วมีชีวิตกลับมาได้สักกี่คน !”

 

…………

 

ทางด้านหัวมุมของสถานที่แห่งนี้ ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้หลบหนีไปยังทางด้านกลุ่มศิษย์สายนอกอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่ามีระหว่างที่ไล่ตามอยู่ เขาราวกับบ้าคลั่งขึ้นมา นั้นก็เพราะว่ากลุ่มศิษย์ที่เขาช่วยเอาอย่างไม่ง่ายดายเลยเหล่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสสาขานอกทั้งสองคนต่างก็ถูกจัดการจนตายไป อีกทั้งดูจากลักษณะของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าได้ประสบพบเจอกับการต่อสู้ครั้งใหญ่

 

เยี่ยจงสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับได้สูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งหมดไป ความน่าเวทนาตลอดมานี้ ได้ทำให้เขายากที่จะทนทานเอาไว้ได้

 

“โครม——”

 

ไม่นานนัก ในบริเวณที่ห่างไกลก็ได้เกิดเสียงฆ่าฟันจากการต่อสู้ดังขึ้นมา เยี่ยจงเก็บอาการบาดเจ็บเอาไว้ แล้วก็มองเข้าไป แล้วก็ได้พบกับกลุ่มศิษย์สาขาในกลุ่มหนึ่งกำลังถูกคนอีกกลุ่มหนึ่งไล่ฆ่าตามมาอยู่ ทั้งสองฝ่ายได้ประจันหน้ากัน ตายตกกันอย่างไม่ขาดสาย

 

“พวกเจ้าไปเร็ว !”

 

ร่างของเยี่ยจงแผ่พุ่งรังสีสังหารออกมา ทันใดนั้นเขาก็ได้ฆ่าสังหารออกไป ในระหว่างที่ผู้ไล่ล่านังไม่ทันจะมีปฏิกิรยากลับมาได้ทัน ก็ได้ถูกเก็งกวาดไปอย่างบ้าคลั่ง

 

“ซูมซูม——”

 

คนผู้หนึ่งก็ได้พุ่งทะยานลงมายังพื้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในอาการตระลึง แต่ว่า ไม่นานนักทั่งสองฝ่ายก็จดจำออกถึงสถานะของเยี่ยจงได้

 

“เป็นเจ้า ! เยี่ยจง !”

 

ผู้ไล่ฆ่าเหล่านั้นต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น

 

“หยางเฮ่า”เยี่ยจงเหม่อมองไปยังคนที่เป็นคนนำทัพของศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาว แท้ที่จริงแล้วก็คือหยางเฮ่าที่เคยมีความแค้นด้วยหลายส่วนนี้เอง

 

“คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดจะสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ ชีวิตคนเราก็ช่างไม่แน่ไม่นอนเอาเสียเลยนะ !”หยางเฮ่าหัวเราะฮ่าฮ่าออกมายกใหญ่ ภายในรอยยิ้มก็ได้เผยให้เห็นถึงความเกลียดชังที่สูญสิ้นและความห้าวหาญที่จะเผชิญหน้ารับกับความตาย

 

ในตอนนี้ที่สำนักมีภัยมาถึงตรงหน้า ความแค้นแต่เก่าก่อนของคนๆหนึ่งก็ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น

 

“เอาคำพูดไร้สาระมาจากไหนตั้งมากมายกัน เจ้าพาพวกเขาไปเถอะ ข้าจะรั้งท้ายให้เอง”เยี่ยจงก็ได้ใช้ดัชนีออกไป แล้วก็ได้เข้าปะทะสังหารกับผู้ที่ไล่ล่าที่กำลังนำยันต์ปราณออกมา พร้อมทั้งยิ้มแล้วกล่าวออกมา

 

“มิต้องแล้ว วันนี้ข้าก็ได้ทำการอัญญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นดั่งเช่นเดียวกันกับศิษย์สาขาในทุกคนเช่นเดียวกัน เวลามีไม่มากแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สู้ให้ข้าตายในการต่อสู้ยังดีเสียกว่า ดังนั้นข้าจึงได้รั้งท้ายเอาไว้ เยี่ยจงเจ้านำพาคนอื่นๆจากไปเถอะ”หยางเฮ่าส่ายหน้า ท่าทางดูสบายอย่างยิ่ง พร้อมทั้งยิ้มแล้วกล่าวออกมา

 

เขามิได้มีความโกรธแค้นหรือความเกลียดชัง มีแต่เพียงความสงบอย่างยิ่ง ราวกับว่าเรื่องที่พูดออกมามิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับเขา

 

“ใช่แล้ว การกลับมาของเจ้าในครั้งนี้ ความจริงยังคิดที่จะดูว่าเจ้าจะใช่อันดับหนึ่งของสาขาในหรือไม่ ตอนนี้ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้แล้ว นั้นก็เพราะว่าเหล่าศิษย์พี่ต่างก็ได้ตายในระหว่างต่อสู้กันไปแล้ว”หยางเฮ่าหัวเราะฮาฮาออกมา จากนั้นเขาก็ได้โบกมือขึ้นมา เป็นสัญญาณบอกให้เยี่ยจงจากไป จกนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปฆ่าสังหารออกไปทางด้านหลัง

 

เยี่ยจงทอสีหน้าซับซ้อน แต่ว่าไม่นานนักเขาก็ได้หันกายไปอย่างรวดเร็ว นำพาศิษย์สาขาในคนอื่นๆจากไป นั้นก็เพราะว่าเขาเข้าใจเป็นอย่างดี หยางเฮ่าอย่างน้อยในตอนสุดท้ายแล้วคงเลือกที่จะพลีชีพอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเหล่าเจ้าตำหนักหรือว่าจะเป็นเหล่าผู้อาวุโส ไม่ว่าคนของลัทธิแห่งดวงดาวคนใดที่สามารถอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมาได้สำเร็จ ต่างก็เลือกที่จะกระทำเฉกเช่นเดียวกัน แล้วก็คงจะเป็นทางเลือกสุดท้ายอีกด้วย

 

ต่อจากนั้นก็ได้ผ่านพ้นไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ตลอดทางมานี้เยี่ยจงก็ได้นำพพาศิษย์มากมายหลบหนี ระหว่างทางก็ได้รวบรวมเหล่าลูกศิษย์เอาไว้ได้ไม่น้อย ในที่สุดก็ได้ออกมาจนถึงทางด้านหน้าหุบเขาสายหนึ่งของเมืองหมื่นดารา ในที่ห่างไกลก็ได้ถูกขุมกำลังนับสิบปิดล้อมเอาไว้อยู่

 

บนยอดเขาลูกหนึ่ง เส้นทางเขาสายหนึ่ง ศาลาพักพิงหลังหนึ่ง

 

เยี่ยจงนั่งอยู่ภายในพักพิง มิได้จากไป เขาเพียงส่งสายตามองไปยังศิษย์สาขานอกในที่กำลังจากไป ตนเองทิ้งท้ายอยู่ในสถานที่แห่งนี้

 

ตามความเป็นจริง ในครั้งนี้ลัทธิแห่งดวงดาวถือได้ว่าเกิดความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาล อย่างน้อยที่เยี่ยจงได้พบเจอมา ก็มีแต่เพียงเหล่าศิษย์ส่วนหนึ่งที่พึ่งจะได้เข้าสู่สำนักที่ยังมีชีวิตอยู่ และเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสและศิษย์ที่มีความสามารถเหล่านั้น ก็ได้ตายตกไปแล้วกว่าครึ่ง

 

สายตาของเยี่ยจงได้จ้องมองออกยังบริเวณท้องฟ้า ที่มิอาจเห็นการต่อสู้ของเจ้าลัทธิอันหงเจินและสี่สุดยอดมหาราชันผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเยี่ยจงก็พอจะคาดเดาได้ ต่อให้เจ้าลัทธิสามารถสังหารมหาราชันคนหรือสองคนได้ แต่ว่าตัวเขาเองท้ายที่สุดก็คงจะต้องตายลงอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว

 

“ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว、แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์、ตำหนักอัสนีลี้ลับ、หมู่ตึกไร้คำนึง

、สำนักร้อยยุทธ์ 、เผ่าปีก、เผ่าซือ、หุบเขาจิตจันทร์ครึ่งเสี้ยว、หุบเขาเทพชิงหวินเ……”

 

เยี่ยจงยื่นนิ้วมือวาดออกมา ค่อยๆบรรจงขีดเขียนอยู่บนโต๊ะที่อยู่ภายในศาลา แต่ละตัวอักษรจมลึกลงไป ให้ความรู้สึกสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารของความเกลียดชังอีกอย่างหนึ่ง

 

“วันนี้ ข้าไม่อาจที่จะทำลายเผ่าพันธุ์ตระกูลของพวกเจ้า เพื่อที่จะล้างแค้นให้แก่ลัทธิแห่งดวงดาวข้า เพียงแต่ว่า ยังไงเสียก็ให้ข้าได้อันใดกลับไปบ้างก็ยังดี !”

 

ทันใดนั้น เยี่ยจงก็หันหน้ากลับไป จ้องมองไปยังบริเวณทางด้านหลัง ภายในดวงตาในขณะนี้ ก็ได้ทอประกายเย็นเยี่ยมอย่างเต็มเปี่ยม

 

ท่ามกลางบนฟากฟ้า ในตอนนี้ก็ได้มีเงาร่างนับสิบสายพวงพุ่งออกมา รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แผ่กระจายอย่างเต็มที ให้ความรู้สึกอันน่าหวาดหวั่นชนิดหนึ่ง

 

ไม่นานนัก เงาร่างนับสิบสายนี้ราวกับว่าตรวจสอบพบกับทุกสิ่งก็มิปาน พวกเขาก็ได้หยุดอยู่ท่ามกลางอากาศในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ได้เข้าไปจนถึงบริเวณศาลาอย่างรวดเร็ว

 

เงาร่างเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นอัจฉริยะของแต่ละขุมกำลังใหญ่ ในตอนนี้พวกเขาก็ได้ไล่ตามมาติดต่อกันหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดก็ได้ไล่ตามมาเยี่ยจงจนทัน ในขณะนั้นเอง ราวกับว่าได้มีมีสายตาของคนมองเข้าไปยังภายในของศาลา สีหน้าของมุกผู้คนต่างก็มีอยู่หลายส่วนที่ไม่เหมือนกัน

 

ท่ามกลางภายในศาลา ไม่ทราบว่าเยี่ยจงได้นำเอาชุดชาและแก้วชาออกมาจากที่ใด อีกทั้งยังกำลังก่อฟืนต้มน้ำอยู่ ตนเองก็ได้จัดการเสร็จสรรพด้วยตัวเอง เขามิได้มองเข้าไปยังอัจฉริยะเหล่านั้น สีหน้าเยียบเย็นอย่างยิ่ง ไม่ได้มีอาการใดๆเพราะการปรากฏตัวของอัจฉริยะเหล่านี้แม้แต่น้อย

 

“คนผู้นี้ก็คือสุดยอดอันดับหนึ่งรุ่นเยาว์แห่งดินแดนซีฮวงเรา ราชันบ้าคลั่งเยี่ยจงงั้นหรือ ? แต่ก็ที่ดูเหมาะกับคำว่าราชันบ้าคลั่งนี้ ก็คงจะมีแต่คำว่าบ้าคลั่ง”เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีผมสีเงินอยู่เต็มศีรษะ ก็ได้สาดประกายพลังแสงอัสนีขึ้นมา เขานั้นได้มาจากตำหนักอัสนีลี้ลับ ซึ่งมีความแค้นกับเยี่ยจงอย่างลึกล้ำ ในตอนนี้เขาเป็นคนแรกที่เอ่ยวาจาเย้ยหยันขึ้นมา จ้องมองไปยังเยี่ยจงอย่างเย็นชา

 

เยี่ยจงมิได้สนใจเขา ยังคงกระทำเรื่องของตัวเองต่อไป ดุจดั่งกำลังดื่มด่ำอยู่

 

สีหน้าของอัจฉริยะของตำหนักอัสนีลี้ลับผู้นั้นก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังมิได้ลงมือ นั้นก็เพราะว่าชื่อเสียงของเยี่ยจงนั้นเลื่องลือจนเกินไป ในตอนนี้ทางด้านของพวกเขาถึงแม้จะมีคนอยู่มาก แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะลงมือก่อน

 

“ศิษย์น้องเยี่ยจง ไม่เจอกันนานเลยนะ เจ้าไม่คิดที่จะเชิญพวกข้าไปดื่มชาซักหน่อยหรือ ?”ม่อมู่ซื่ออดที่จะหัวเราะออกมามิได้ ค่อยๆก้าวเดินออกไป นางก็ได้เข้ามานั่งลงยังทางด้านของโต๊ะหินที่เยี่ยจงกำลังนั่งอยู่ กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ก็แค่ชงชาเท่านั้น หากว่าท่านหญิงปราญช์มีความสนใจ ก็เชิญตามสบาย”เยี่ยจงกวาดตามองไปยังม่อมู่ซื่อคราหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ แทบจะไม่เห็นหญิงปราญช์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวผู้นี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

“ขอบใจมาก”จากนั้น ม่อมู่ซื่อก็ได้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย นางพลิกมือนำเอาจอกยกใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็ได้ยกจอกนี้เพื่อที่จะลิ้มรสชาติความหอม จากนั้นก็อดที่จะถอนหายใจแล้วกล่าวออกมามิได้ว่า”ใบชานี้สดใหม่เสียนี้กระไร หากว่าภายในแฝงไว้ด้วยรสชาติที่หวานหอม แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นของชั้นเลิศ……หากว่าศิษย์น้องเยี่ยจงท่านชมชอบในชา วันหน้าข้าจะมอบให้สักหอบหนึ่ง”

 

เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองเข้าไปยังดวงตาของม่อมู่ซื่ออย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา”เยี่ยม เห็นแก่ที่เจ้าได้ตระเตรียมใบชาให้แก่ข้า วันนี้ก็จะไม่ฆ่าเจ้าก็แล้วกัน !”

 

คำพูดเช่นนี้ ได้ทำให้สีหน้าของอัจฉริยะมากมายกลายเป็นงงงันขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงผู้นี้เรียกได้ว่าทั้งเหิ้มเกริมและบังอาจเสียจริง ในช่วงเวลาที่พบเจอกับกลุ่มอัจฉริยะเฉกเช่นพวกเขา ไม่เพียงแต่ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังถึงกับทำเหมือนพวกเขาเหมือนปลาตากแห้งที่กำลังถูกแขวนอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้ ได้ทำให้อัจฉริยะกลุ่มนี้แต่ละคนเกิดเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นอยู่ภายในใจ

 

พวกเขาต่างฝ่ายต่างก็มาจากเผ่าพันธ์สำนักของตน ต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง อีกทั้งก็ถือได้ว่ามีอายุที่มากอยู่ไม่น้อย เพียงแค่ชนชั้นรุ่นหลังที่มีพลังในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย แต่ว่าตอนนี้ในสายตาของเยี่ยจง ราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นได้แม้แต่สิ่งใดก็มิปาน

 

“เยี่ยจง……นี้เป็นเจ้าต้องการหาที่ตายเองงั้นหรือ ?”ชางเฟยไป่หัวเราะอย่างเย็นชา จ้องมองเยี่ยจง ภายในจิตใจของเขาก็ได้ก่อรังสีฆ่าฟันขึ้นมา เขาความจริงไม่คิดที่จะทำการโจ่งแจ้งเช่นนี้ แต่ว่าเยี่ยจงก็ยังถึงกับกระทำเช่นนี้ต่อปราญช์หญิงเช่นนี้ ก็ได้ทำให้เขาเกิดแววตาของความโกรธขึ้นมา ในตอนนี้ก็ได้แต่เพียงจ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ

 

“ช่างไม่รู้จักเจียมตัว น่าจะทราบสถานะของตนเองบ้างนะ”เยี่ยจงจับจ้องไปที่เขาคราหนึ่ง ด้วยสายตาที่ไม่แยแส

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500 [โปรหมดเขต 15/04/19]

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset