เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 376 ความวุ่นวายของฟ้าดิน

ตอนที่ 376 ความวุ่นวายของฟ้าดิน

 

 

เพียงแต่ว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว อัจฉริยะสามคนก็ได้ถูกเยี่ยจงสังหารไปในพริบตา ในตอนนี้ก็หลงเหลือไว้แต่เพียงเด็กหนุ่มที่อุ้มกระบี่แห่งสำนักร้อยยุทธ์ เด็กหนุ่มชุดเขียวจากหุบเขาเทพชิงหวินและยวีจิงหลุน ม่อมู่ซื่อ

รวมทั้งสิ้นสี่คน หญิงสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์แล้วก็ยังมี ชางเฟยไป่ อัจฉริยะเผ่าซือ อัจฉริยะที่มาจากตำหนักอัสนีลี้ลับต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่างก็เรียกได้ว่าได้สูญเสียพลังในการต่อสู้ไปแล้ว

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อัจฉริยะเหล่านี้ที่ได้เข้าร่วมกันต่อสู้มากมายนับไม่ถ้วน ทุกผู้คนต่างก็ทราบดี หากว่าต้องสู้ต่อไปแล้วละก็ อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะต้องทิ้งร่างอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

 

“เชอะ——”

 

ยวีจิงหลุนทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาหันกายไปอย่างยาก แล้วก็ได้ขยับปีกอันกระจ่างใสทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีความคิดที่จะหันกายจากออกไป

 

“พรึบ——”

 

เยี่ยจงก้าวออกไปหนางก้าว วิชาดำดินรุกคืบในตอนนี้ก็ได้ถูกเขาใช้ออกมา แล้วในระหว่างนั้นเองก็ได้ปรากฏกายขึ้นอยู่บริเวณทางด้านหน้าของยวีจิงหลุน จากนั้นเขาก็ได้ฟาดฟันกระบี่ดำในมือลงไป

 

เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา ยวีจิงหลุนอัจฉริยะเผ่าปีกในตอนนี้ก็แทบจะมิอาจต้านทานไว้ได้ ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ขาดออกไปเป็นสองท่อนในทันที อีกทั้งบนใบหน้ายังแฝงเอาไว้ด้วยความยากที่เชื่อในสิ่งที่เห็น

 

เขาที่เป็นถึงอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์ มีความน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ มีความแข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร แต่ว่าที่ทำให้เขาไม่อาจเชื่อได้ ตนเองกลับต้องมาตายตกลงกับเช่นนี้ เยี่ยจงผู้นี้มีความสำเร็จของความแข็งแกร่งในระดับใดกันแล้ว ?

 

“หนี——”

 

ทั้งสามคนที่หลงเหลือก็ได้เอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสามคนมุ่งออกไปคนละทิศละทาง เยี่ยจงผู้นี้เป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในข้อนี้ถือได้ว่าเป็นที่แน่ชัดอยู่แล้ว ด้วยการลงมืออันน่าหวาดกลัวของเขา ถ้าไม่หนีก็มีแต่ต้องตาย

 

“ไหนๆก็มากันแล้ว จะไปเช่นนี้งั้นหรือ ?”เยี่ยจงขยับกายเล็กน้อย จนมาถึงบริเวณทางด้านหน้าของอัจฉริยะของสำนักร้อยยุทธ์ กวาดออกไปกระบี่หนึ่ง

 

“เยี่ยจง เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าเกรงกลัวเจ้าจริงอย่างงั้นหรือ ?”อัจฉริยะของสำนักร้อยยุทธ์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ลงมือด้วยพลังทั้งหมด

 

แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ เพียงแค่ขยับร่างกายออกไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แขนทั้งสองข้างของเขาก็ได้ขาดออกจากร่างกาย ศีรษะลอยกระเด็นสูงขึ้นไป จนโลหิตฉีดพุ่งออกมา

 

หลังจากที่ฆ่าสังหารอัจฉริยะของสำนักร้อยยุทธ์ไปได้อย่างง่ายดายไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างกายของอัจฉริยะที่มาจากหุบเขาเทพชิงหวินเ แล้วก็ขยับร่างกายออกไป แล้วก็ได้เข้าขวางรั้งเส้นทางของเขาเอาไว้

 

อัจฉริยะของหุบเขาเทพชิงหวินในตอนนี้ก็มิได้มีสีหน้าที่มั่นคงดุจดั่งในตอนแรก ซากศพที่กองอยู่บนพื้น ได้ทำให้เขาขนลุกขนพองขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดต่างก็ถือได้ว่ามีความสามารถเทียบเท่าเช่นเดียวกับเขา ไม่นานก่อนหน้านี้ทุกคนยังวางแผนการนับแรมเดือนในการสังหารเยี่ยจง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าต้องมาจบเจอกับผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ได้

 

ควรทราบว่า ผู้ที่ตายตกภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงเหล่านี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้อย่างแท้จริง มีพลังฝีมืออันน่าสะพรึง ที่มาจากการบ่มเพาะของแต่ละเผ่าพันธุ์แต่ละสำนัก อีกทั้งอย่างมากก็เลี้ยงดูออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น บุคคลเฉกเช่นนี้ วันข้างหน้าแน่นอนว่าย่อมต้องถือได้ว่าเป็นเหล่าราชันผู้ปกครองแห่งดินแดนซีฮวงอย่างแน่นอน บงการทุกสิ่งทุกอย่างของขุมกำลังที่แปรปรวนอันนับไม่ถ้วน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในวันนี้กลับต้องมาถูกเยี่ยจงฆ่าสังหารลงอย่างแปลกประหลาดในบริเวณสถานที่แห่งนี้

 

สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่ทำให้ผู้คนแตกตื่นตกใจ

 

“เป็นไร เจ้าไม่คิดจะหนีอีกแล้วงั้นหรือ ?”เยี่ยจงยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วก็ได้เผยรอยยิ้มน้อยๆจ้องมองไปยังอัจฉริยะที่มาจากหุบเขาเทพชิงหวิน ด้วยสีหน้าที่สงสัยอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาและความดูถูกเย้ยหยันเอาไว้

 

“เจ้าคิดที่จะฆ่าสังหารให้หมดได้อย่างงั้นหรือ ? เป็นคนก็คนเหลือน้ำใจไว้บ้าง วันข้างหน้ายังถือได้ว่าสามารถมองหน้ากันได้อีก”อัจฉริยะผู้มาจากหุบเขาเทพชิงหวินกล่าวออกมาเสียงเบา ร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้สั่นเทาขึ้นมาไม่หยุด รอยอักษรสีเขียวบนร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวไปมา เขาพยายามที่จะควบคุมความเยือกเย็นเอาไว้ เพื่อข่มความหวาดกลัวของตนเอง เพื่อสนทนากับเยี่ยจง

 

“เจ้าคุกเข่าลงอ้อนวอนข้า หากว่าข้าจิตใจเบิกบานแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะปล่อยเจ้าจากไป……”เยี่ยจงยิ้มออกมาเล็กน้อย “แน่นอนว่า เจ้ายังมีทางเลือก เจ้าก็มองเห็นแล้วใช่หรือไม่ หญิงสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์ก็ยังไม่ตาย อัจฉริยะแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับผู้นั้นก็ยังไม่ตาย อัจฉริยะของเผ่าซือผู้นั้นก็ยังไม่ตาย เจ้าก็เลือกมาซักคน ข้าก็จะปล่อยเจ้าจากไป”

 

อัจฉริยะผู้มาจากหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้มีสีหน้าเงียบงันลง ทอดตามองไปยังบริเวณทางด้านล่าง จากนั้นก็ได้พยักหน้าตอบรับ พุ่งเข้าสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ซูม——”

 

ในที่สุดเขาก็ได้เลือกที่จะลงมือต่อหญิงสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์ รุ้สึกได้ว่าต้องถนอมบุษผางาม เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง ตัดเข้าไปยังศีรษะของอัจฉริยะเผ่าซือลง

 

หลังจากที่จบสิ้นความเคลื่อนไหวนี้แล้ว เขาก็ได้ยกมือคารวะไปทางด้านของเยี่ยจง ไม่กล่าวอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว หันหน้าเดินจากไปเช่นนี้

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงมิได้ขวางรั้งเอาไว้ เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมา เขาก็ได้มองไปยังบุคคลที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่แห่งนี้ บนใบหน้ายิ่งทวีรอยยิ้มที่ประหลาดขึ้นมา “ชางเฟยไป่ สิ่งที่ข้าให้เจ้าเลือกนั้นง่ายดายอย่างยิ่ง สังหารอัจฉริยะแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับซะ แล้วเจ้าก็จะสามารถจากไป ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ให้โอกาสนี้แก่เขา ให้โอกาสเขาได้เป็นผู้ที่จากไป หรือไม่ก็เจ้าที่จากไป”

 

ชางเฟยไป่ถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง เขามองไปยังทางด้านของเยี่ยจงด้วยแววตาอาฆาตแค้น และก็ได้ค่อยๆลุกขึ้นมา มุ่งหน้าเดินเข้าไปยังทางด้านบริเวณที่อัจฉริยะแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับอยู่

 

“ชางเฟยไป่ เจ้ากล้า !”

 

อัจฉริยะแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้มีโทสะขึ้นมายกใหญ่ ปลดปล่อยประกายแสงอัสนีขึ้นมาเป็นสาย หมายจะเข้าปะทะกับชางเฟยไป่ ทั้งสองฝ่ายประมือกัน หลังจากที่ผ่านไปได้ประกายสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว ชางเฟยไป่ก็ได้ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ กระแทกเข้าไปยังเด็กหนุ่มแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับตายตกลงในทันที

 

“ยอดมาก ไม่เลวเลย เจ้าสามารถไปได้แล้วละ”เยี่ยจงยิ้มออกมาเล็กน้อย เต็มเปี่ยมไปด้วยความพอใจ

 

จากนั้นเขาก็ได้หันกลับมา จ้องมองไปยังร่างของม่อมู่ซื่อ บนใบหน้าก็ได้ทอแววตาประหลาดพร้อมกับรอยยิ้มขึ้นมา “รวมทั้งเจ้า ซื่อเอ่อ เราเจ้าในเมื่อเป็นสามีภรรยากันวันเดียวก็เหมือนมีความคิดคะนึงหานับร้อยวัน เจ้าไปเถอะ ในเมื่อเจ้าในตอนนี้ไม่ชมชอบข้า แต่ว่าย่อมต้องมีซักวัน เจ้าจะเสียใจกับสิ่งที่กระทำขึ้นมาในวันนี้”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา หันกายหมายจากไป ในตอนนี้เขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ร่างกายหายลับไปอย่างด้วยความรวดเร็วอย่างถึงที่สุด เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ได้หายจนลับขอบฟ้าไปไกลแล้ว

 

ท่ามกลางบริเวณสถานที่แห่งนี้ ก็หลงเหลือแต่เพียงม่อมู่ซื่อ ชางเฟยไป่และเด็กสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์ เพียงแต่ว่าเด็กสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์ในตอนนี้ไม่อาจที่จะขยับเขยื้อนได้ เส้นลมปราณต้นกำเนิดของนางได้ถูกทำลายลง กลายเป็นคนพิกลพิการอย่างแน่นอน และชางเฟยไป่ในตอนนี้ก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต เนื่องเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมไปจนถึงอัจฉริยะคนอื่นๆ ในตอนนี้ที่ต่างก็ได้กลับกลายเป็นซากศพกองอยู่บนพื้น ตายตกอย่างอเนจอนาจ

 

แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว บนร่างของม่อมู่ซื่อมิได้มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย รวมไปจนถึงโลหิตหยดเดียวก็ยังมิได้หลั่งออกมา ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง

 

ชางเฟยไป่กุมไปที่หน้าอก เขาเงยหน้าจ้องมองไปยังม่อมู่ซื่อ หลังจากนั้นสักพัก ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นสาย “ปราชญ์หญิง ไม่ว่าเจ้าในครั้งนี้จะมีความสัมพันธ์กับเยี่ยจงหรือไม่ แต่ว่าในครั้งนี้ พวกเราลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวก็คงจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว ! ดังนั้น นางจำเป็นที่จะต้องตาย !”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ชางเฟยไป่ก็ได้โบกมือขึ้นคราหนึ่ง ลงมือฆ่าสังหารเด็กสาวเผ่าหมาป่าสวรรค์ในทันที จากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ก็คือทิศทางของทางด้านที่อัจฉริยะผู้มาจากหุบเขาเทพชิงหวินหลบหนีจากไป

 

“เขาก็จำเป็นที่จะต้องตาย ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร การตายตกมากมายของอัจฉริยะในครั้งนี้ ทุกฝ่ายย่อมต้องเกิดความเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน หากว่าเขาไม่ตาย ปล่อยให้เปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ออกไป แน่นอนว่าย่อมต้องดึงดูดความสงสัยของผู้คนหมู่มาก เมื่อถึงเวลานั้น ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวพวกเราต่อให้นำแม่น้ำเป่ยไห่มาชำระก็คงจะยากที่หลบเลี่ยงได้”ชางเฟยไป่บ่นพึมพำออกมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาเต็มสิบส่วน

 

“แล้วจะทำอันใดได้ ?”ม่อมู่ซื่อถอนหายใจออกมา “หากว่าแม้แต่เขาก็ตายไป มีแต่เพียงคนของพวกเราลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวที่ยังมีชีวิตรอด หรือไม่ก็ เจ้ารู้สึกว่าคนเหล่านั้นจะไม่เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างงั้นหรือ ? เยี่ยจง……พวกเราถือได้ว่าดูแคลนเจ้าเกินไปแล้ว”

 

ชางเฟยไป่ตะลึงขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาจนถึงขีดสุด เป็นดุจดั่งที่ม่อมู่ซื่อกล่าวออกมาก็มิปาน อัจฉริยะนับสิบคนได้ลงมือพร้อมกัน ท้ายที่สุดกลับหลงเหลือแต่เพียงลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวทั้งสองคนที่ปกติไร้เรื่องราว มีหรือที่ขุมกำลังอื่นจะไม่คิดเช่นนี้ ?

 

“ตูม——”

 

ด้านบนท้องนภา พริบตานั้นเองก็ได้เกิดเสียงดังระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นมา ดุจดั่งการแตกระเบิดออกมาของเดือนตะวันก็มิปาน จนทำให้รอบบริเวณนับหมื่นลี้กลับกลายเป็นโลหิตสีแดงระเรืองขึ้นมา

 

“เจ้าลัทธิแห่งลัทธิแห่งดวงดาว ยอมสละร่างแล้ว ! สี่สุดยอดฝีมือมหาราชันต่างก็ไม่อาจขัดขวางการพลีชีพของเขาเอาไว้ได้ อีกทั้งอย่างน้อยต่างก็คงจะได้รับบาดเจ็บ——เจ้าลัทธิพลีชีพ เบื้องล่างก็เจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสอย่างน้อยก็คงจะกระทำตามๆกัน ลัทธิแห่งดวงดาว จบสิ้นแล้ว……การศึกที่เกิดขึ้นมาในครั้งนี้ เพียงแต่……”ม่อมู่ซื่อมีสีหน้าที่แปลกประหลาดขึ้นมา ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยคำพูดที่เข้าใจได้ยาก การร่วมมือของขุมกำลังมากมายในครั้งนี้ ที่มาก็เพื่อเยี่ยจงโดยเฉพาะ แต่ว่าท้ายที่สุดเยี่ยจงก็มิได้หลงเหลือสิ่งใดเอาไว้ จึงมิได้รับประโยชน์อันใดไป อีกทั้งยังเกิดการสูญเสียของผู้คนไปมากมายถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะการตายตกของเหล่าอัจฉริยะ เพียงพอที่จะทำให้เหล่าขุมกำลังเหล่านี้ต่างก็เกิดการสูญเสียอย่างมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

ในเวลาเดียวกัน เรื่องการตายตกของอัจฉริยะ อย่างน้อยยังถือได้ว่าสามารถที่จะแผ่กระจายออกมาได้อย่างมากมาย จนทำให้ม่อมู่ซื่อและชางเฟยไป่ทั้งสองคนเกือบที่จะกอดคอกันตายแต่เพียงเท่านี้ นั้นก็เพราะว่าเรื่องราวเช่นนี้แทบจะมิอาจมีวิธีที่จะจัดการได้ อีกทั้งยังไม่มีวิธีที่จะคลีคลายลงได้

 

บริเวณหมื่นลี้รอบด้าน ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้มาจนถึงบริเวณยอดเขาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ได้หันกลับไปมอง เหม่อมองไปยังบริเวณทางด้านที่เป็นที่ตั้งของลัทธิแห่งดวงดาว ที่ท้องนภากลายเป็นดั่งโลหิตสายหนึ่ง สูญสิ้นสีสันอื่นๆไปจนหมด

 

“ท่านเจ้าลัทธิ ได้ตายแล้ว……”

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็ได้หันกายแต่ก็อดมิได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้ง เรื่องราวในครั้งนี้เป็นเพราะเขาก่อขึ้นมา แต่ว่าเขาจากออกมาอย่างมีชีวิต เหมือนกับเป็นชะตากรรมอย่างหนึ่ง ที่ยากจะหลบเลี่ยงได้

 

“เรื่องราวในวันนี้ จะไม่มีวันลืมเลือนตลอดไป !”

 

หลังจากที่ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ เยี่ยจงก็ได้หันกายจากไป ร่างกายก็ได้หันไปในพริบตา เขามิได้ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ แล้วก็มิได้ร่ำไห้ เขาย่อมเข้าใจดีอย่างเต็มเปี่ยม สิ่งที่เขาสมควรกระทำในตอนนี้เรียกได้ว่าง่ายดายอย่างยิ่ง นั้นก็คือการจากออกไปอย่างปลอดภัย ไม่อาจที่จะทำให้ความคาดหวังของลัทธิแห่งดวงดาว เจ้าตำหนัก ผู้อาวุโส ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ต้องมาสูญเปล่าเพราะเพียงอารมรณ์ชั่ววูบ จะต้องแข็งแกร่งขึ้น จนกลายเป็นดั่งมังกรทะยานทั่วทั้งนภาเก้าดวงเดือน กลายเป็นไร้ผู้ต้านในแดนเทพ ฆ่าสังหารศัตรูทุกสำนักเผ่าพันธุ์

 

…………

 

ลัทธิแห่งดวงดาวได้ถูกลบล้างไป ได้ดึงดูดความความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นมา สามารถกล่าวได้ว่าเกิดความเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งดินแดนซีฮวง

 

นั้นก็เพราะความสัมพันธ์ของเยี่ยจง ราวกับว่าในตอนนี้ทั่วทั้งดินแดนซีฮวงต่างก็ทราบได้ถึงนามของลัทธิแห่งดวงดาวนี้ ยิ่งทวีพลังความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นออกมา ลัทธิแห่งดวงดาวก็ได้ถูกนับกลายเป็นหนึ่งในดินแดนไม่สูญสลายไปแล้ว กลายเป็นตำนานที่อยู่คู่กับกาลเวลา ที่ยังคงมิได้ตายลง

 

แต่ก็คิดไม่ถึงว่า วันนี้กลับกลายเป็นขุมกำลังนับสิบที่ร่วมมือกันนั้นแทบจะถูกลบล้างไป

 

แต่ว่าไม่นานนัก ก็ได้มีข่าวลือส่วนหนึ่งกระจายออกมา ที่มาก่อนหน้าก็คือ มีคนได้รับข่าวสารว่า เยี่ยจงถึงกับสามารถจากออกไปได้อย่างปลอดภัย แต่ก็น้อยคนนักที่จะทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน ว่าในครั้งนี้ขุมกำลังนับสิบได้มุ่งเป้าหมายไปที่เยี่ยจง แต่ว่าเยี่ยจงถึงกลับจากไปได้อย่างปลอดภัย มิได้ถูกจับกุมไป จึงได้กลายเป็นที่จับตามองที่ใหญ่ที่สุด ขุมกำลังเหล่านี้ เกรงว่าคงจะอยู่ในสภาพกินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดไปแล้ว

 

และข่าวสารอีกจากทางด้านหนึ่ง การเข้าปิดล้อมลัทธิแห่งดวงดาวที่ผ่านมาในครั้งนี้ ขุมกำลังนับสิบสายก็ได้กลายเป็นได้รับการสูญเสียที่หนักยิ่ง ทั้งยังต้องสูญเสียยอดฝีมือสูงส่งที่ตายตกไปในการส่งออกไปในครั้งนี้ไปกว่าสองในสามส่วนขึ้นไป โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่ได้ไปจนถึงระดับราชันต่างก็ได้ตายตกลง จนทำให้เหล่าขุมกำลังเหล่านี้แทบจะอยู่ในวิกฤตที่กระชั้นชิดอย่างมากมาย

 

และสิ่งเหล่านี้ยังมิใช่ใจความสำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดก็คือ อัจฉริยะแห่งขุมกำลังนับสิบไล่ฆ่าเยี่ยจง แต่ว่าท้ายที่สุดถึงกับถูกฆ่าตายไปมากมาย หลงเหลือแต่เพียงลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวม่อมู่ซื่อ ชางเฟยไป่ แล้วก็ยังคงมีอัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพชิงหวิน

 

เรื่องราวเช่นนี้ก็ได้มีขุมกำลังนับสิบต่างก็ไม่อาจจะเชื่อได้ลง กล่าวกันว่าอัจฉริยะทั้งสามคนได้ถูกเชิญตัวไปสอบปากคำ แต่ว่ากลับมีข่าวสารภายในหลุดออกมาว่า ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวคิดที่จะหยิบยืมมือของเยี่ยจงในการฆ่าสังหารอัจฉริยะของขุมกำลังอื่นๆ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คนของพวกเขาก็คงจะไม่อาจที่ปลอดภัยไร้เรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

 

ข่าวสารที่ได้แพร่กระจายออกมานี้ ได้ทำให้ผู้คนเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมาชนิดหนึ่ง หากว่าเรื่องราวเช่นนี้กลายเป็นความจริง เช่นนั้นเกรงว่าการอยู่ภายในดินแดนซีฮวงคงยากที่อยู่อย่างสงบได้ ทั่วทั้งผืนฟ้าผืนดินต่างก็จะก่อเกิดความวุ่นวายขึ้นมา การสูญเสียอัจฉริยะของแต่ละขุมกำลังย่อมไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวและหุบเขาเทพชิงหวินแน่นอนว่าจับมือกันในก่อเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน

 

ทั่วทั้งฟ้าดิน ก่อเกิดความวุ่นวาย

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500 [โปรหมดเขต 15/04/19]

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset