เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 377 เส้นทางที่แน่นอน

ตอนที่ 377 เส้นทางที่แน่นอน

 

 

ยามรุ่งอรุณ พฤกษชาตินานาพันธ์ อาบแสงยามรุ่งที่สาดลงมา ทุ้งหญ้ารอบด้านที่ขึ้นจนรก แทบมิอาจที่จะสามารถพบเจอกับเงาของมนุษย์ได้เลย

 

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างออกไปจากบริเวณที่ตั้งของลัทธิแห่งดวงดาวแห่งสามรัฐใหญ่ สมควรที่จะอยู่ห่างออกไปนับหมื่นลี้ได้ แม้แต่เยี่ยจงเองในเวลานี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าตนเองนั้นอยู่ในพื้นที่แห่งใด นั้นก็เพราะว่าเขาแทบจะเดินทางอย่างไร้จุดหมาย บวกกับใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ เกรงแม้ระหว่างโลกใบนี้ ในตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดที่พอจะสามารถทราบได้ ว่าที่แท้เขากำลังไปยังสถานที่แห่งใด

 

อีกทั้งยังนั่งอยู่บนก้อนหินที่อยู่ท่ามกลางพื้นหญิง ทางด้านหน้าของเยี่ยจงก็ก่อไฟเอาไว้ หมาป่าเงินตัวหนึ่งที่มีโลหิตก็กำลังถูกเสียบย่างเอาไว้อยู่บนกองไฟในตอนนี้ จนเกิดเสียงดังเปรี้ยงปรังขึ้น แต่ว่าเยี่ยจงกลับมิได้แม้แต่จะมองเข้าไปยังเนื้อหมาป่าเงินเลย เพียงแต่อยู่ในอาการครุ่นคิด

 

เขาในตอนนี้ก็ได้หลบรอดออกมาจากการฆ่าสังหารลบล้างสำนักเอาไว้ได้ เพราะว่าเขาย่อมทราบดี หากว่ายังเอาแต่อยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้ตลอดแล้วละก็ คงจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางของตนเองได้

 

และในเวลาเดียวกันที่กำลังจะปล่อยวางจิตใจลง เยี่ยจงกลับดำดิ่งเข้าสู่สภาพจิตใจที่ย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวที่ได้ผ่านมาทีละอย่าง การต่อสู้ของยอดฝีมือมหาราชัน จนหลบหนีไปพันลี้ และท้ายที่สุดก็ได้ฆ่าสังหารอัจฉริยะไปอีกรอบหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ผ่านพ้นมาก็ได้ถูกเยี่ยจงหวนนึกถึงอย่างช้าๆ เข้าสู่ห้วงความคิดอย่างละเอียด เพื่อที่จะจับจุดของแต่ละฉากออกมา

 

เพราะว่า การต่อสู้นี้ถือได้ว่ายากจะพบพานได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมมองของผู้ฝึกยุทธคนใดก็ตาม ต่างก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ยากจะพบพานได้ โดยเฉพาะการต่อสู้ของมหาราชัน เยี่ยจงนำเอาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมาเพื่อที่จะเปรียบเทียบการต่อสู้ขึ้น ในระหว่างที่เปรียบเทียบอยู่ ตนเองก็ได้มีความคิดหลายอย่างเพิ่มเข้ามา

 

“ ข้าเข้าสู่ในพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าระดับขอบเขตลมปราณได้เร็วจนเกินไป อย่างน้อยก็ยังมิได้สะสมประสบการณ์และอย่างมั่นใจ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความมั่นคงขึ้นภายในจิตใจ อีกทั้งยังต้องเพิ่มระดับความการฝึกฝนจิตใจของตนเองอีก เพื่อที่ในระหว่างการแย่งชิงของระดับพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณจะได้เพิ่มสภาวะให้มากยิ่งขึ้น เข้าสู่เส้นทางที่ตนเองยังไม่เคยก้าวเข้าไปได้ลึกซึ้งมากขึ้น ดังนั้น ตลอดมาทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องไม่รีบร้อน ต้องปล่อยให้ไหลดุจดั่งลำน้ำ ” เยี่ยจงบ่นกำตนเอง วินาทีนั้นเขาก็ได้ค่อยๆที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้เข้าสู่การฝึกปรือต่อไป ถึงแม้เขาจะทราบ หากว่าตนเองในตอนนี้ฝึกปรือแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะสามารถเข้าสู่ระดับพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณสูงสุดได้ หรืออาจจะถึงขั้นเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าปราณหล่อหลอมได้ทุกเมื่อ สำเร็จสู่ระดับขั้นราชัน แต่ว่าเขาก็ยังควบคุมตนเองไม่ให้ทำเรื่องเช่นนั้น

 

เส้นทางแห่งวิทยายุทธ์จำเป็นที่จะต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป มีบางช่วงเวลาที่หยุดอยู่กับที่ ก็มิได้หมายความว่าเป็นเพราะมิอาจที่จะก้าวเดินต่อไปได้ เพียงแต่เป็นการหาจุดพักที่สมควรก็เท่านั้น เมื่อเดินอย่างมั่นคงแล้ว หลังจากนี้ก็จะสามารถก้าวต่อออกไปได้ไกลยิ่งขึ้น

 

หากว่าในตอนนี้มียอดฝีมือระดับมหาราชันทราบถึงความคิดนี้ของเยี่ยจงแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมตื่นตกใจอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นจึงเป็นผู้ที่ทราบความเกี่ยวข้องของระดับพลังขอบเขตนี้ดี การวางรากฐานให้ดีถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ตามความเป็นจริงแล้ว ขอบเขตของแต่ละวิทยายุทธ์นั้นต่างก็ถือได้ว่ามีความสำคัญเหมือนๆกัน มิได้มีขอบเขตใดที่สามารถก้าวข้ามขั้นไปด้วยความรวดเร็วได้ ตามความเป็นจริงแล้ว ก็เหมือนกับพลังขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้นก็มิปาน เมื่อคนมากมายได้เข้าสู่ระดับพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดแล้ว มักจะปล่อยวางเส้นทางที่ยากเย็นเอาไว้ เข้าสู่ระดับพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ เช่นนี้ถึงแม้จะแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นในชั่วพริบตา แต่ว่า ตามความเป็นจริงแล้วก็เหมือนกับการปิดเส้นทางความก้าวหน้าของตนเองไว้

 

แน่นอนว่า เมื่อมองจากในมุมมองของผู้คนมากมาย พวกเขาต่างก็มองไม่ออกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นมาเช่นนั้นเข้าสักวัน แต่ว่า หากเป็นผู้ที่ฝึกฝนมาจนถึงระดับขอบเขตนี้แล้วละก็ พวกเขาก็จนพบว่า การก้าวเดินอย่างผิดพลาดเพียงก้าวเดียว และในวันนี้ก็ต้องจ่ายออกด้วยราคาที่มากขึ้นกว่าเดิม

 

นี้ก็เหมือนกับภาษาของร่างกายชนิดหนึ่ง เป็นดั่งความคิดของหลักวิทยายุทธ์ กล่าวกันโดยทั่วไป ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันก็ไม่กล่าวสิ่งเหล่านี้ออกไปต่อบุคคลภายนอกแน่ ได้แต่เพียงบ่มเพาะเก็บไว้ภายในสำนักตระกูล เพื่อที่ในช่วงเวลาที่เหล่าอัจฉริยะของสำนัก จะได้มีแนวทางที่ถูกต้องเกี่ยวกับความคิดเหล่านี้

 

“ ต่อจากนี้ไปสมควรทำอย่างไรดี ? ” เยี่ยจงค่อยไปที่สูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็ได้ก็ได้ครุ่นคิดขึ้นมา หลังจากนั้นสักพัก เขาจึงค่อยได้นำเอาคัมภีร์ไม้เก่าแก่เล่มหนึ่งออกมา แล้วก็ได้ค่อยๆคลี่ออกมาเบาๆ

 

แผนที่แผ่นหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมายังใจกลาง ทางด้านในได้มีเครื่องหมายและเส้นทางเก่าแก่ระบุเอาไว้ เพียงแต่ว่า ตัวแผนที่นั้นมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ถูกทำลายไป ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะทราบได้อย่างแน่ชัด ได้แต่เพียงคำนวณความเป็นไปได้ออกมา

 

ตัวแผนที่นี้ที่ระบุออกมาถึงเส้นทางทั้งหมด ราวกับกำลังระบุตำแหน่งของตำแหน่งพื้นที่กำแพงเมืองขนาดใหญ่ และภายในกำแพงเมือง ยังมีระบุเครื่องหมายทั้งหมด เพียงแต่ว่าถ้าไม่ไปถึงเมืองโบราณแห่งนั้น ก็คงยากที่จะทำความเข้าใจได้ ว่าที่แท้บริเวณสถานที่แห่งนั้นแท้จริงแล้วระบุไว้เป็นสถานที่อันใด

 

“ นี้คือ—— ”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ภายใต้ท่ามกลางภายใต้จิตสำนึก ก็จดจำได้ว่าในตัวแผนที่ปกติมิได้มีเมืองที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ระบุไว้ในแผนที่มาก่อน ทว่าเขาก็ได้แต่ถอนหายในออกมาคำหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าตัวด้านในแผนที่นี้ได้ระบุคำอธิบายเอาไว้ นั้นก็คือสถานที่ของเป้าหมาย เพื่อที่จะได้นำทางเข้าไปยังสุสานของบรรพบุรุษลัทธิแห่งดวงดาว เช่นนั้นก็คงจะต้องเป็นไปตามนี้ ขอเพียงสามารถที่จะเสาะหาเมืองใหญ่แห่งนี้ได้ เช่นนั้นอย่างน้อยเขาก็จะสามารถเสาะหาสุสานของบรรพบุรุษของลัทธิแห่งดวงดาวได้ ไปพบกับหลิงเยว่ เยี่ยถงและพวกอีกครั้ง

 

เมื่อคิดมาจนถึงตอนนี้ สีหน้าเยี่ยจงก็ได้ผ่อนคลายลงหลายส่วน หลิงเยว่และเยี่ยถงทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือไปจากวิทยายุทธ์แล้ว หนึ่งนั้นคือวิญญาณของอาจารย์ที่เป็นประดุจความฝัน อีกหนึ่งนั้นก็คือน้องสาวของตนเอง ขอเพียงทั้งสองคนไร้เรื่องราว เยี่ยจงจึงค่อยวางใจลงได้ เมื่อคิดจนมาถึงตอนนี้ สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ผ่อนคลายลงอยู่หลายส่วน หลิงเยว่และเยี่ยถงทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ยิ่งใหญ่นอกเหนือไปจากวิทยายุทธ์ คนหนึ่งเป็นอาจารย์ที่เป็นเหมือนดั่งความฝันเมื่อชาติปางก่อน คนหนึ่งเป็นน้องสาวของตนเอง ขอเพียงทั้งสองคนไร้เรื่องราว เยี่ยจงจึงค่อยสามารถวางใจได้

 

และสุสานบรรพบุรุษของลัทธิแห่งดวงดาวที่เป็นลี้ลับเช่นนี้ ที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายยังสามารถส่งไปได้เพียงแค่ครั้งเดียว ส่วนคนอื่นๆที่ต้องการเข้าไป คงจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนกับการบ่งบอกว่า สุสานบรรพบุรุษนั้นก็คือไพ่ตายสุดท้ายที่ถูกเก็บเอาไว้ของลัทธิแห่งดวงดาว แน่นอนว่าย่อมต้องปลอดภัย ขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นอย่างน้อยกคงจะตรวจสอบไม่พบถึงการมีอยู่ของสุสานบรรพบุรุษแห่งนี้

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้วางใจลง ต่อจากนี้เรื่องที่ตนเองจะกระทำก็ถือได้ว่าง่ายดายมากยิ่งขึ้น นั้นก็คือการเสาะหาเมืองใหญ่แห่งนี้ แล้วเข้าไปยังสุสานบรรพบุรุษ

 

“ เสี่ยวหลุน เจ้านอนพอแล้วหรือยัง ” เมื่อมีเป้าหมายแล้ว สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ผ่อนคลายลงไปหลายส่วน เขาแยกเขี้ยวเหมือนดั่งหมาป่าพบเห็นเหยื่อก็มิปาน เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

บริเวณติ่งหูก็ได้มีประกายแสงสีขาวสาดส่องออกมา เสี่ยวหลุนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันส่งเสียงตอบคำ: “ เยี่ยจง เจ้าหลอกลวงข้า ครั้งนี้ข้าสูญเสียไปมากเลยนะ ตกลงกันอย่างดีแล้วว่าของสิ่งนั้นจะนำเอามาให้แก่ข้า เจ้าจนถึงตอนนี้ยังไม่ลงมือแย่งกลับมาอีก ”

 

“ ข้าเคยบอกต่อเจ้าแล้วว่าจะนำเอามาให้เจ้า แน่นอนว่าย่อมต้องให้แก่เจ้า เพียงแต่ว่าในเวลาเช่นนี้ยังไม่มีโอกาส ” เยี่ยจงหัวเราะออกมา “ เจ้าวางใจ ต่อจากนี้ไปสถานที่ที่พวกเราจะไปนั้น ตลอดการเดินทาง พวกเราจะค่อยๆออกเดินทาง ข้าจะเสาะหาวิธีที่จะของสิ่งของส่วนหนึ่งมาเพื่อชดเชยให้แก่เจ้า ดีหรือไม่ ? ”

 

ระหว่างที่สนทนา เยี่ยจงก็ได้ยื่นตัวแผนที่นั้นไปจนถึงด้านหน้าของเสี่ยวหลุนอย่างระมัดระวัง

 

“ ในที่แห่งนี้ เจ้าเคยพบพานมาก่อนหรือไม่ ? ”

 

“ นี้น่าจะเป็น อาณาจักรอัสนี(เหร่ย) ? ” เสี่ยวหลุนครุ่นคิดชั่วครู่ ภายในคำพูดได้เกิดความลังเลไม่แน่นอนอยู่หลายส่วน

 

“ แต่ว่า สุสานบรรพบุรุษของลัทธิแห่งดวงดาวพวกเจ้า คงมิได้มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรอัสนีหรอกนะ ? ”

 

“ อาณาจักรอัสนี ที่เจ้ากล่าวออกมาก็คืออาณาจักรอัสนีแห่งรัฐอัสนีงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าก็ได้ปรากฏแววตาความสงสัยขึ้นมาเป็นสาย

 

ดินแดนซีฮวงนั้นกว้างใหญ่ไร้ที่เปรียบ เผ่ามนุษย์ในดินแดนซีฮวงถึงแม้จะมิได้มีความมั่นคงที่แน่นอนมากนัก แต่ว่ากล่าวกันว่าพื้นที่ที่ปักหลักไปก็ถือได้ว่าเฟื้องฟูและอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก

 

เผ่ามนุษย์มีด้วยกันทั้งหมดเก้ารัฐใหญ่ รัฐเก่าแก่เหล่านี้ได้มีการคงอยู่มาอย่างยาวนาน มีอยู่กลุ่มหนึ่งได้มีแดนลับแลคอยหนุนหลังอยู่ มิใช่สิ่งที่รัฐธรรมดาๆจะสามารถเทียบเคียงได้

 

และรัฐอัสนี กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในรัฐใหญ่โบราณทั้งเก้าของเผ่ามนุษย์ มีที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของดินแดนซีฮวง โอบล้อมเปี่ยมไปด้วยพลังดุจดั่งสายอัสนี กินอาณาเขตปกครองนับแสนลี้ ถือได้ว่ามีพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวไร้ที่เปรียบ

 

“ เมื่อก่อนหน้านี้ข้าก็เคยเข้าไปยังอาณาจักรอัสนี อีกทั้งยังได้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงแม้ว่าในเวลานั้นอาณาจักรอัสนีจะยังมิได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่าในแผนที่ก็ตามที แต่ว่าก็ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่อยู่ไม่น้อย สมควรที่จะเป็นอาณาจักรอัสนีมิผิดอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า มีเรื่องยุ่งยากอยู่เรื่องหนึ่ง…… ” เสี่ยวหลุนคล้ายกับกำลังขมวดคิ้วขึ้นมา เอ่ยขึ้นมาด้วยความลังเล

 

“ เรื่องยุ่งยากอันใด ? ” เยี่ยจงถามออกไป

 

“ อาณาจักรอัสนีมีระยะห่างจากพื้นที่รกร้างที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ อย่างน้อยๆก็ร้อยหมื่นลี้(หนึ่งล้าน)แล้ว หากว่าเจ้าคิดที่จะเดินทางไปเพียงคนเดียวแล้วละก็ อย่างน้อยก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเดินทางนานนับปีเพื่อไปถึงยังอาณาจักรอัสนี ” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา ภายในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความสนใจอยู่หลายส่วน

 

“ ร้อยหมื่นลี้—— ” เยี่ยจงกรอกนัยน์ตาไปมา ทอสีหน้าประหลาดพิกล ถึงแม้ว่าเขาจะครอบครองวิชาดำดินรุกคืบ ซึ่งเผ่ามนุษย์นี้สามารถใช้ออกมาด้วยความเร็วในระดับสูงสุดได้ แต่ว่าวิชาดำดินรุกคืบนั้นถือได้ว่าสูญเสียพลังเป็นอย่างมาก เพียงแค่เขาเดินทางไปนับร้อยลี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เหนื่อยแทบตายได้แล้ว

 

หากต้องพึ่งพาเพียงแค่สองเท้าแล้วละก็ คิดที่จะเดินทางนับร้อยหมื่นลี้คงเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย

 

“ อีกทั้ง ดินแดนระหว่างร้อยหมื่นลี้นี้ถึงแม้ว่าจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ว่า ระหว่างทางเจ้าก็จะพบเจอกับสถานที่ต่างๆมากมาย กว่าครึ่งก็น่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเจ้า หากว่าเจ้าเปิดเผยใบหน้าออกไป หรือหากว่าใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบแล้วมีคนจดจำออก ก็คงจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อย ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาติดต่อกัน เพื่อเตือนสติของเยี่ยจง

 

“ งั้นจะให้ทำยังไง ? ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา เริ่มที่จะรู้สึกจนปัญญา

 

“ วิธีที่ดีที่สุด แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นการเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายของแต่ละหัวเมืองใหญ่ ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่มากมายอย่างแน่นอน แต่ว่าด้วยสภาพฐานะของเจ้าในตอนนี้แล้ว ยังพอที่จะสามารถรับเอาไว้ได้อยู่ เช่นนี้แล้วละก็ อย่างน้อยก็จะสามารถลดทอนระยะเวลาในการเดินนับร้อยหมื่นลี้ของเจ้าได้ อีกทั้งนอกจากอาณาจักรอัสนีแล้ว พลังอัสนีที่ปกคลุมอยู่ตลอดเส้นทางนั้น นั้นก็เพราะว่าผลที่ออกมาจากพลังอัสนี ไม่อาจที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินทางด้วยเท้าเท่านั้น ทว่าระยะทางก็คงอยู่ในระหว่างประมาณสิบหมื่น(แสน)ลี้เท่านั้น ด้วยพลังความสามารถของเจ้า อย่างน้อยก็พอที่จะสามารถเดินทางด้วยตัวเองได้ อีกทั้งท่ามกลางพลังอัสนีนั้นถือได้ว่ามีอันตรายอยู่อย่างมากมาย อีกทั้งระหว่างทางยังมีของดีอยู่ไม่น้อย เจ้าอย่างน้อยก็คงจะชื่นชอบ ” เสี่ยวหลุนกล่าว

 

“ แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นวิธีที่ดี ค่ายกลเคลื่อนย้ายงั้นหรือ…… ” เยี่ยจงพยักหน้า จากนั้นก็ได้เก็บแผนที่เอาไว้ จากนั้นก็ได้หัวเราะแล้วกล่าวออกมา “ ต่อจากนี้ยังมีปัญหาเล็กน้อยอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ ใบหน้าของข้านี้อย่างน้อยก็คงจะมีผู้คนจดจำออกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวแล้วกระมั่ง ? ปัญหานี้จะจัดการอย่างไรดี ? ”

 

นี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดที่สุดอย่างหนึ่ง หากมองในมุมมองของเหล่าราชัน มหาราชัน พลังฝีมือทั่วไปคงจะไม่อาจที่จะต้านทานพลังในการจำแนกของพวกเขาได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หากว่าเยี่ยจงสมารถปลอมแปลงใบหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่แล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะถูกปิดล้อมอีกครั้ง และท่ามกลางภายในเมืองใหญ่ก็คงจะมีค่ายกลแต่ละชนิดอย่างมากมาย หากว่าตนเองตกอยู่ภายใต้ร่างแหนี้ไปแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงไม่ต่างจากการที่ตนเองเข้าไปหาที่ตายเอง ไม่หลงเหลือแม้แต่โอกาสเพียงน้อยนิด

 

“ ปัญหาข้อนี้ข้าพอที่จะสามารถจัดการแก้ไขให้ได้ เพียงแต่ว่า ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากอยู่…… ” เสี่ยวหลุนเอ่ยปากขึ้นมา แต่ว่าก็ยังคงคงเกิดความลังเลอยู่หลายส่วน

 

“ สมบัติเซียนทั้งหมดห้าชิ้น ” เยี่ยจงและเสี่ยวหลุนรู้จักกันมาก็นาน ย่อมต้องเข้าใจความคิดนิสัยของอีกฝ่ายอย่างกระจ่าง ต่อมาก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วกล่าวออกไป

 

“ สิบชิ้น ! ” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา

 

“ อย่างมากก็เจ็ดชิ้น เยอะกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เจ้าควรจะทราบว่า พวกเราในตอนที่อยู่ที่ท่ามลกางสมรภูมิฮวงกู่ ไม่อาจที่จะสามารถแย่งชิงสิ่งของได้อย่างเปิดเผย สมบัติเซียนเหล่านี้ ก็มิใช่ดั่งผักปลาที่ขึ้นอยู่ตามรายทาง ข้าอย่างน้อยก็ต้องนำเอาไปขายบ้างเพื่อที่จะหา…… ” เยี่ยจงราวกับกำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ สมบัติปราณทั้งหมดเจ็ดชิ้น ซึ่งเรียกได้ว่าสามารถที่จะทำให้เขาสูญเสียทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากสมรภูมิฮวงกู๋ที่ได้มาไปกว่าครึ่งแล้ว ราคาค่างวดนี้ก็มากจนเกินไปแล้ว

 

“ เอาเถอะ เจ็ดชิ้นก็เจ็ดชิ้น ทว่าเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าเอาเปรียบเจ้ามาเกินไปละ ความจริงแล้ว ที่ได้กำไรนั้นมันก็คือเจ้าเองหรอกนะ ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงร้องชิร์ดังขึ้นมา ภายในน้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่หลายส่วน

 

หลังจากที่สิ้นเสียง มันก็ได้สาดประกายอักขระแสงสีขาวออกมา สาดลงไปยังบริเวณใจกลางของหัวใจของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา และหลังจากทันใดนั้น บนใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

 

เจ็ดสิบสองลักษณ์ นี้ก็คือทักษะยุทธ์ที่เสี่ยวหลุนมอบให้แก่เยี่ยจง ถึงแม้ว่าทักษะยุทธ์นี้จะธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะและรูปลักษณ์ได้อย่างง่ายดาย แต่กล่าวกันว่าวิชาคัมภีร์เจ็ดสิบสองลักษณ์ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่รู้จบ ซึ่งถือเป็นทักษะยุทธ์ที่เยี่ยจงต้องการมากที่สุดนั้นเอง

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500 [โปรหมดเขต 15/04/19]

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset