เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 384 งานเลี้ยงที่วังหลัง

ตอนที่ 384 งานเลี้ยงที่วังหลัง

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาออกมา เพียงแต่ส่งเสียงดังเชอะออกมา วินาทีนั้น ร่างกายของเขาก็ได้ทอพลังปะทุออกมาจากร่างกายขึ้นมาหลายเท่า ดุจดั่งมังกรที่ตื่นจากการหลับใหล มังกรทะยานออกมาจากมหาสมุทร ประดุจมังกรกริ้วที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็มิปาน ถูกพลังความน่าหวาดกลัวอันแข็งแกร่งชนิดหนึ่งเคลื่อนไหวไปมา จนทำให้ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา

 

ยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนภายในตึกใหญ่ก็ได้เกิดอาการหวาดผวาขึ้น บรรยากาศเช่นนี้、ความน่าหวาดกลัวเช่นนี้ อีกทั้งยังความเคลื่อนไหวเช่นนี้ กลับมีเคยมีชื่อเสียงได้อย่างไรกัน ! ? สมควรที่จะเรียกได้ว่าเป็นดั่งสุดยอดอัจฉริยะที่แท้จริงจึงจะถูกต้อง!

 

ภายในดวงตาขององค์หญิงจื่อหวินซิงก็ได้ทอประกายความเคลื่อนไหวของพลังปราณขึ้นมา จนสายตาทอเป็นประกายอันสวยงามออกมาไม่หยุด ราวกับว่าต้องการที่จะทำความรู้จักกับเยี่ยจงใหม่ก็มิปาน

 

ตามความเป็นจริง การแสดงออกมาก่อนหน้านี้ของเยี่ยจงก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง ยอดฝีมือผู้พรสวรรค์ปกติธรรมดาย่อมไม่อาจที่จะกระทำเช่นนี้ออกมาได้แม้แต่น้อย แต่ว่าเขาในตอนนี้ก็ได้แผ่พุ่งพลังความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างถึงที่สุด ทั้งยังมีท่าทีที่องอาจเป็นสง่า จนทำให้ผู้คนทั้งหลายไม่อาจที่จะไม่มองดูได้

 

เยี่ยจงก้าวออกไปหนึ่งก้าว ในขณะนี้เอง ดุจดั่งเด็กเทพราชันหนุ่มที่ก้าวเข้าสู่ยุทธภพก็มิปาน ก่อเกิดพลังความน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบปกคลุมอยู่ไปทั่วทั้งร่างกายของหยี่หม่า จนทำให้เขาไม่อาจที่ถอยหลังออกไปด้วยตนเองอย่างไม่รู้สึกได้ อีกทั้งยังทอสีหน้าขาวซีดออกมา

 

“กึง——”

 

ท่ามกลางท้องนภาที่มีเมฆสีดำคลุมปกคลุมอยู่ก็ได้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของหยี่หม่านั้นก็ได้ปั้นยากขึ้นมา เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน พลังลมปราณภายในร่างกายของตนเองในตอนนี้ก็ได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมา จนทำให้เลือดเนื้อบนร่างกายของเขาเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นมา ดุจดั่งจะแตกกระจายก็มิปาน

 

เยี่ยจงก้าวออกไปก้าวที่สอง ในครั้งนี้ทั่วทั้งร่างกายของหยี่หม่าก็ได้เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมา มุมปากมีโลหิตไหลออกมา ซวนเซถอยไปทางด้านหลัง ในขณะนี้เอง สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง

 

เยี่ยจงก้าวออกไปก้าวที่สาม หยี่หม่าก็อดเอาไว้ไม่อยู่อีก เขาก็ได้พ่นโลหิตคำโตกระอักจนมีเสียงออกมา ตลอดทั่วทั้งคนก็ได้ลอยกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับกำแพงของตึกใหญ่ แล้วก็ได้กระแทกลงอยู่บนพื้น เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ของจื่อเฮ่าม่ทราบว่ารุนแรงกว่าไม่รู้กี่เท่า

 

ท่ามกลางตึกใหญ่ผู้คนทั้งหมดก็ได้เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมา ราวกับว่าในขณะนี้เองได้ทำความรู้จักกับเยี่ยจงใหม่ก็มิปาน หากกล่าวไปว่าการแสดงออกของเยี่ยจงก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการกระทำของอัจฉริยะ เช่นนั้นในตอนนี้แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถเรียกได้ว่าเป็นถึงสุดยอดแห่งรุ่นเลยก็ว่าได้

 

ถึงกับสามารถใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณขุมหนึ่งก็สามารถที่จะทำให้ยอดฝีมือที่เกือบจะเข้าใกล้ระดับราชันผู้หนึ่งต้องลอยกระเด็นจนกระอักโลหิตออกมาได้ เรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้

 

เยี่ยจงมิได้มองเข้าไปยังหยี่หม่าที่กระอักโลหิตและถอยออก จากนั้นก็ได้โบกมือขึ้น หันหน้าทำท่าคารวะไปทางด้านขององค์หญิงจื่อหวิน กล่าวตอบเสียงแผ่วเบา “องค์หญิง แล้วข้าจะรอพบกันในวันงานฉลองก็แล้วกัน”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เขาก็ได้หันกายก้าวออกไปอย่างช้าๆ ร่างกายก็ได้เก็บงำประกายพลังเอาไว้ ดุจดั่งบุคคลปกติธรรมดาคนหนึ่งก็มิปาน แต่ว่าในขณะนี้เอง ท่ามกลางตึกใหญ่จะมีผู้ใดที่คิดว่าเขาเป็นดุจดั่งคนธรรมดากัน?

 

“คนผู้นี้ อย่างมากก็มีอายุเพียงแค่ยี่สิบปีละกระมั่ง?ประจวบกันอยู่ในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดแห่งชีวิต ไม่ทราบว่าเขาที่แท้แล้วมาจากดินแดนแห่งใด นี้แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นสุดยอดฝีมือผู้หนึ่งอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่า ยังถึงกับยังมีแดนลับแลที่ถึงกับสามารถเพาะเลี้ยงบุคคลเช่นนี้ออกมาได้อีก เรียกได้ว่าอยู่เกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้!” มีคนถอนหายใจออกมา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏเค้าความนับถือขึ้นมา

 

“คนผู้นี้อย่างน้อยก็พอที่จะสามารถเทียบได้กับเด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือราชันบ้าคลั่งเยี่ยจงได้แล้วกระมั่ง?หากมิใช่ว่าเขามีอายุที่ดูมากหน่อยแล้วละก็ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะคิดว่าเขาเป็นราชันบ้าคลั่งเยี่ยจงก็เป็นได้!” มีคนเอ่ยปากขึ้นมา

 

“ใช่แล้ว คนผู้นี้แน่นอนว่าจะต้องสามารถเทียบได้กับเยี่ยจงอย่างแน่นอน อีกทั้งพวกเจ้ายังสังเกตเห็นหรือไม่ว่า คนผู้นี้ก็เป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน……เผ่ามนุษย์ในรุ่นนี้มีความแข็งแกร่งได้จนถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังปรากฏสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่นไม่ขาดสาย นี้ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิของเผ่ามนุษย์เลยก็ว่าได้!”

 

“สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น ซิง เกรงว่าอีกไม่นานนามนี้คงจะสามารถสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศอย่างแน่นอน ที่สามารถเทียบได้กับเด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจง!”

 

“ไม่ทราบว่าเมื่อสุดยอดฝีมือทั้งสองคนนี้ถ้าเกิดได้พบพานกันแล้วละก็ จะสามารถปะทุสุดยอดการต่อสู้ขึ้นมาได้น่าสนใจถึงระดับใดกันแน่!”

 

สิ่งมีชีวิตต่างๆ ของแต่ละเผ่าต่างก็ได้ถอนหายใจออกมา นั้นก็เพราะว่าในครั้งนี้เยี่ยจงได้แสดงพลังความแข็งแกร่งในระดับนั้นออกมา เรียกได้ว่ามีอยู่ในระดับที่น่าตกใจจนเกินไป จนทำให้ผู้คนมากมายต่างก็ราวกับต้องมนต์สะกดเอาไว้

 

องค์หญิงจื่อหวินนิ่งเงียบไม่พูดจา สักพักจึงได้ค่อยกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา “คนผู้นี้อย่างน้อยก็ผ่านระดับพลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายแล้ว อีกทั้ง ข้ายังสามารถที่จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน พลังกายเนื้อของเขานั้นมีความแข็งแกร่งเต็มสิบส่วน ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับที่เข้าใกล้กับคำว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่ายากนักที่จะสามารถฝึกปรือพลังในขอบเขตพลังกายเนื้อไม่สูญสลายในระดับนี้ได้……ภายในวัยเดียวกัน นอกเสียจากอัจฉริยะแห่งตระกูล、หรือไม่ก็เป็นสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่นเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ยากนักที่จะมีคนที่จะสามารถรับมือกับเขาได้”

 

ในหมู่ผู้คนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป องค์หญิงจื่อหวินที่มีชื่อเสียงเลี่ยงลือไปจรดดินแดน แต่ว่าก็ในอีกทางเดียวกันนั้น นางก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งหุบเขาเมฆาม่วง เมื่อครู่ที่คนที่มีนามว่าซิงนั้นถึงกับสามารถได้รับการยอมรับจากองค์หญิงจื่อหวินได้ถึงเพียงนี้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกได้ถึงระดับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว

 

เรียกได้ว่าในวัยเดียวกันถือได้ว่าไร้ผู้ต้านทานแล้วละก็ เกรงว่าคงจะมีแต่เพียงระดับสุดยอดที่ประเภทเยี่ยจงเท่านั้น จึงจะสามารถเทียบเคียงได้

 

ไม่นานนัก อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีข่าวลือออกมา ว่าภายในอาณาจักรไฟได้ปะทุความเคลื่อนไหวขึ้นมา กระนั้นไม่ว่าจะเป็นจื่อเฮ่าหรือเป็นหยี่หม่า ต่างก็ถือได้ว่ามีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ความจริงที่มีระดับพลังพรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ว่าบุคคลเช่นนี้ยังถึงกับต้องพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่ให้กับเด็กน้อยผู้นั้น สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น——นามซิงที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร คงจะเริ่มที่จะเปิดเผยสู่สาธารณะแล้ว

 

“สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น ซิง”

 

เยี่ยจงกอดอก ยืนอยู่ทางด้านบนของกำแพงเมือง จ้องมองไปยังบริเวณเมืองขนาดใหญ่ทางด้านล่าง บนใบหน้าก็ได้เผยรอยยิ้มอันข่มขืนออกมาเล็กน้อย

 

เขาย่อมทราบดีแก่ใจอยู่แล้วว่าการกระทำของตนเองนั้นเรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับใด เพียงแค่การลงมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้กลายเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งได้ภายในชั่วค่ำคืน อีกทั้งเรื่องนี้ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อตัวของเขาเองในการเตรียมการาภายในอาณาจักรไฟถูกจับตาดูเอาไว้ได้

 

เพียงแต่ว่า เช่นนี้ก็ถือได้ว่าได้รับประโยชน์แล้วละ ขอเพียงตนเองกระทำเรื่องราวอย่างระมัดระวังอยู่หลายส่วนแล้วละก็ อย่างน้อยก็พอที่จะทำให้ไม่มีผู้คนสามารถคาดเดาได้ ว่าแท้จริงแล้วเด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจงที่ถูกกล่าวขานกันอยู่นั้นก็คือตนเอง ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องเข้ามา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหตุผลในความข้อนี้ก็เป็นได้

 

“สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น ซิง” เสี่ยวหลุนก็ได้เอ่ยออกมาด้วยอย่างอับจนปัญญา คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นมันก็ได้ปลอบใจเยี่ยจง ส่งเสียงดังเฮอะออกมา “เจ้าวางใจเถอะ เมื่อมีปู่หลุนอยู่ด้วย ท่ามกลางในอาณาจักรไฟเจ้าคงจะไม่เสียเปรียบอันใดอย่างแน่นอน ทว่าในครั้งต่อไปเจ้าจะต้องจำเอาไว้ว่าถ้าหากมีสิ่งของจำพวกศิลาชำระสวรรค์จำพวกนั้นมา จะต้องเตรียมมาถวายปู่หลุนให้มากไว้ ปู่หลุนไม่เอาเปรียบเจ้าอยู่แล้วละ!”

 

“งั้นหรือ?” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาน้อยๆ บนใบหน้าก็ได้เผยรอบยิ้มอันแปลกประหลาดออกมา “ข้าในตอนนี้ไม่อาจใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือมากมายนัก ท่านปู่หลุนเจ้ายังไงก็ไม่เอาเปรียบข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นก็มอบทักษะเซียน、มนต์ตราเทพจำพวกนี้มาให้หน่อยก็ยังดี ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว มิใช่หรือ?”

 

“นี้คือ……” เสี่ยวหลุนลังเลขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้เงียบลง ค่อยกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา “มิใช่ว่าข้าไม่สอนเจ้า อีกทั้งที่ข้าถือครองอยู่นั้นเรียกได้ว่ามีอยู่มากมาย แต่ทว่าต่างก็หยิบยืมมาจากเหล่าแดนลับแลต่างๆ มาทั้งนั้น หากว่าเจ้าไม่ถือสิ่งเหล่านี้แล้วละก็ ที่โดยส่วนมากแล้วอาจจะนำพาความยุ่งยากมาให้แก่เจ้าได้อย่างมากมาย”

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงกลอกตาไปมา คำว่า “หยิบยืม” นี้ ก็ได้ทำให้เข้าเข้าใจขึ้นมาได้อย่างมากมาย เมื่อกาลก่อนคนผู้นี้อย่างน้อยคงจะต้องไปหลอกลวงขโมยมาจากผู้อื่นอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็คงจะไม่อาจที่จะหยิบยืมทักษะเซียน、มนต์ตราเทพมาได้อย่างมากมายถึงเพียงนี้หรอก?

 

“ทว่า ก็ใช่ว่าไม่อาจที่จะไม่สอนเจ้าส่วนหนึ่งได้ เพียงแต่ว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่สำนักเล็ก เจ้าอาจจะสามารถนำออกมาใช้เป็นครั้งคราวก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดที่จะนำมาใช้เพื่อการต่อสู้ประชันครั้งใหญ่ โดยส่วนมากแล้วแทบจะมิอาจที่จะใช้ประโยชน์อันใดได้” หลังจากที่เสี่ยวหลุนครุ่นคิด ก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“มีทักษะยุทธ์ซักหลายอย่างก็เป็นใช้ได้แล้ว” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ทราบอยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าตนเองไม่อาจที่จะได้รับสิ่งที่ดีเยี่ยมอันใด

 

“รอจนหลังจากที่ข้าสามารถมีพลังคุ้มครองตนเองได้อย่างแท้จริงได้แล้ว ต่อให้เจ้าถ่ายทอดพลังระดับเทวะให้แล้วจะเป็นไรกัน?ก็เพียงแค่ทักษะเซียน、มนต์ตราเทพ ยังไงเสียปู่หลุนก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังเชอะขึ้นมา “ช่างเถอะ นำสิ่งของให้เจ้าก่อน ดีกว่าเจ้าไม่มีจะใช้ก็แล้วกัน”

 

ไม่นานนัก เสี่ยวหลุนก็ได้ถ่ายทอดทักษะยุทธ์ชุดหนึ่งมาให้ เยี่ยจงถึงแม้ว่าจะไม่แยแสสนใจ แต่ทว่าก็ยังเสาะหาโรงเตี๊ยมอันเงียบสงบอยู่แห่งหนึ่ง จดจ่อตั้งใจที่จะฝึกปรือ

 

หลังจากที่ได้ผ่านพ้นไปหลายวัน ในบริเวณตำแหน่งทางเหนือของอาณาจักรไฟที่เป็นตำหนักวังหลัง ในสถานที่แห่งนี้ ก็ได้รวมไว้ด้วยยอดฝีมือแต่ละฝ่ายเอาไว้อย่างมากมาย ตามช่วงเวลาตามปกติอาจจะไม่เห็นอัจฉริยะแห่งสี่ดินแดนมารวมตัวกัน เห็นได้ชัด ผู้คนมากมายต่างก็มาอย่างมีเป้าหมายเพื่อตำนานจองหงสาไม่สูญสลาย เหล่ายอดฝีมือที่มีพื้นเพมาจากดินแดนซีฮวงและอีกสามดินแดน ขอเพียงได้รับบัตรเชิญจากทางราชวัง ต่างก็สามารถมารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้ได้ พบปะกันในสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่า จะต้องมีคนอยู่ส่วนหนึ่งที่มิได้รับบัตรเชิญเข้ามายังบริเวณทางด้านของวังหลัง เพียงแต่ว่า เหล่าผู้คุ้มกันของทางวังหลังก็ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นก็มิปาน ในมือถือเอาไว้ด้วยบัตรเชิญ พวกเขาก็รับกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าไปจะเป็นผู้ใด จะมีบัตรเชิญหรือไม่ พวกเขาก็เหมือนกับมองไปไม่เห็น นั้นก็เพราะว่าพวกเขาทราบอยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า ตอนนี้ภายในอาณาจักรไฟนั้นก็ได้เริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่ว่าผู้ใดที่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่แน่ว่าต่างก็อาจจะมีด้านที่แข็งแกร่ง หากว่ามีปัญหาด้วยแล้วละก็ คงจะเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย

 

สถานที่เรียกว่าวังหลังนั้นมีความใหญ่โตยิ่ง อีกทั้งยังมีประตูที่ใหญ่โต เรียกได้ว่ามีความงดงามและประวัติศาสตร์มากมายอย่างเต็มเปี่ยม บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศต่างก็มีแสงไฟสลัวสว่างขึ้นมาไม่ขาดสาย ท่ามกลางพื้นก็ได้ถูกสร้างมาจากหินปราณ จึงได้ทอเป็นประกายแสงสีขาวสว่างไสวไปทั่วทั้งฟ้าดิน ดุจดั่งตึกรามที่สร้างมาจากหยกทุกส่วนก็มิปาน ทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตะลึงขึ้นมา

 

“เฮอะ นั้นราวกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งจากหุบเขาเทพเมฆาเขียวเลยนะ กล่าวกันว่าศิษย์น้องของเขาก่อนหน้านี้ไม่นานมานี้ได้ไล่ตามฆ่าสังหารเด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจงแต่กลับถูกสังหารแทน คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับมีความสนใจที่จะมายังอาณาจักรไฟได้!”

 

“แน่นอนว่าเขาต้องมีเป้าหมายมาเพื่อเยี่ยจง ท่านบัญชาสวรรค์ก็ได้คำนวณออกมาแล้วว่า เด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจงจะปรากฏตัวขึ้นมาภายในอาณาจักรไฟมิใช่หรือ?”

 

“ทว่าเขาจะสามารถเป็นคู่มือให้กับเด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจงได้จริงอย่างงั้นหรือ?เหอะ อย่าได้ถูกฆ่าเองก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดก็เป็นได้!”

 

“เหลวไหล กล่าวกันว่าในครั้งนี้ ได้มีการปรากฏของอัจฉริยะที่แท้จริงออกมาแล้ว พวกเขานั้นถึงแม้จะมีอายุที่มากกว่าเยี่ยจงอยู่หลายปี แต่พลังการฝึกปรือก็ถือได้ว่าดำเนินมาอย่างยาวไกลยิ่งกว่า ต่อให้ไม่อาจที่จะจัดการสะบัดหัวของเยี่ยจงลงมาได้ แต่ว่าการปกป้องตนเองย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด แล้วยังมีอีกคำถามหนึ่งก็คือ นอกเสียจากอัจฉริยะจากหุบเขาเทพเมฆาเขียวแล้ว ก็ยังมีการปรากฏตัวของบุคคลอีกไม่น้อยเลยทีเดียว!”

 

“เอ๊ะ นั้นมิใช่อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่าจูเยียนหรือไง?กล่าวกันว่าในครั้งนี้เผ่าจูเยียนถือได้ว่าพลาดท่าในการต่อสู้จากภายในดินแดนซีฮวงไปอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมิได้ล้อมโจมตีลัทธิแห่งดวงดาว แต่ว่าย่อมต้องคิดที่จะลงมือต่อเยี่ยจงอย่างแน่นอน?”

 

“เอ๊ะ นอกเสียจากเหล่าขุมกำลังดั้งเดิมที่มีอัจฉริยะอยู่มากมายแล้ว ยอดฝีมือจากดินแดนทั้งสามก็ถือได้ว่ามีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน!”

 

“นั้นมิใช่คนของสำนักหวู่หว่างงั้นหรือ?ดูเหมือนว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีใบหน้าที่ดำกันนะ คล้ายกับมีคนติดค้างเงินจากพวกเขามากมายก็มิปาน?” มีคนมองออกไปอีกทางด้านหนึ่ง แล้วก็ยิ้มขึ้นยกมุมปากกล่าวออกมา

 

“เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น?คนของสำนักหวู่หว่างได้ถูกคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้จักที่มาที่ไปนามซิงจัดการไปถึงสองครั้งสองครา ไม่ว่าจะเป็นแดนลับแลอันใดก็เรียกได้ว่าเสียหน้าไปแล้วไม่น้อยเลยทีเดียว ใบหน้าของพวกเขาถึงได้ดำคล้ำเช่นนี้ไง?พวกเขาอย่างน้อยก็คิดที่จะมาทวงหนี้ที่ติดค้างภายในงานเลี้ยงนี้อย่างแน่นอน ทว่ากล่าวกันว่าผู้ที่มีนามว่าซิงผู้นั้น มีความแข็งแกร่งอย่างมากมาย สำนักหวู่หว่างไม่ทราบว่าจะสามารถสมความปรารถนาได้หรือไม่ ! ? ”

 

“เฮอะ นั้นมันนางเซียนชิงหญิงแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ?คิดไม่ถึงว่านางก็มาแล้ว! ทางด้านนั้นก็คนของลัทธิเทพแดนลี้ลับ……หรือว่า เรื่องราวตำนานหงสาไม่สูญสลายนี้ถึงกับเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ?ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เพราะเหตุใดถึงได้ว่าอัจฉริยะรวมตัวกันได้อย่างมากมายถึงเพียงนี้กัน! ท่ามกลางสนามแห่งนี้ ช่างยิ่งใหญ่เสียนี้กระไร!” ในหมู่ยอดฝีมือมากมายก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าผู้คนตามปกติที่มักจะไม่ปรากฏตัวออกมาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วในตอนนี้ จึงได้ทำให้พวกเข้าอดที่จะตกใจขึ้นมามิได้

 

“จากที่มองเช่นนี้แล้วละก็ เรื่องของตำนานหงสาไม่สูญสลาย อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นเรื่องจริงแล้ว บวกกับการแสดงออกที่สั่นสะเทือนฟ้าที่หอสวรรค์ เด็กหนุ่มสุดยอดฝีมือเยี่ยจงจะต้องปรากฏตัวที่อาณาจักรไฟแน่นอน เรื่องที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ หากรวมทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน อาณาจักรไฟนี้ไม่คึกครืนก็ถือว่าแปลกแล้ว!” ท่ามกลางกลุ่มผู้คนต่างก็มีอาการคึกคักกันขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็พอจะคาดเดาออกมาได้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset