เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 385 เปิดตัว

ตอนที่ 385 เปิดตัว

 

ทัศนียภาพของวังหลัง เรียกได้ว่าเป็นที่น่าดึงดูดผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ทางเดินถูกสร้างมาจากหินปราณ ให้ความรู้สึกที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดคิดว่าอยู่บนสรวงสวรรค์ก็มิปาน

 

เยี่ยจงเดินมือไพล่หลังก้าวเข้าสู่ภายในวังหลัง ทอดตามองเข้าไปยังทั่วทั้งสี่ด้าน เพื่อที่จะชมความงดงามของวังหลังสายนี้ ทว่ากลับมีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก มีกำแพงอยู่ส่วนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้โบราณที่เต็มไปด้วยอักขระประทับอยู่ ตัวอักขระเหล่านี้ก็ได้หลุดลอกออกมาไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพียงแต่พอที่จะสามารถมองออกถึงความเก่าแก่ แต่ว่ายังมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ยังคงทอเป็นประกายอย่างแรงกล้า เห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของผู้ที่ผนึกตัวอักขระลงไปนั้นมีความแข็งแกร่งในระดับใด

 

เพียงแต่น่าเสียดายที่เหล่าตัวอักขระเหล่านี้ได้หลุดลอกออกมาไป ถึงแม้จะหลงเหลืออยู่เพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะปรากฏสิ่งใดออกมาให้เห็นได้ มีแต่เพียงสามารถสัมผัสได้จากภายในท่ามกลางอากาศ หากนึกตามภาพที่เกิดขึ้นในตอนนี้ รัฐนี้ในช่วงเวลาสมัยก่อน รัฐไฟแห่งนี้เรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งในระดับใด

 

เยี่ยจงก็ได้ออกมาจากทางด้านข้างประตู ไม่นานนักก็ได้มาจนถึงบริเวณที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยาบริเวณวังหลัง ในบริเวณท่ามกลางวังหลังก็ได้มีกลิ่นหอมหวนโชยพัดเข้ามาภายในจมูก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตทั่วทุกหนแห่ง อีกทั้งยังสามารถที่จะพบเจอกับยาปราณที่มีค่าถูกเพาะพันธุ์เอาไว้ดุจดั่งสวนดอกไม้

 

“ถือได้ว่าเป็นของดีแทบทั้งสิ้น ! ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ยาปราณส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้เขาไม่แค่เพียงรู้สึกคุ้นตาอยู่หลายส่วน เพียงแต่ว่า คิดว่าคงจะไม่มีผู้ใดคิดที่จะลงมือเด็ดยาปราณในสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าอาจจะทำให้สูญเสียคุณค่าในตัวของมันไปได้

 

นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว ท่ามกลางบริเวณลานแห่งนี้ก็ได้รวมตัวเอาไว้ด้วยผู้คนมากมายอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้รวมกลุ่มกันสามถึงห้าคน อยู่ในระหว่างสนทนา แลกเปลี่ยนข่าวสาร และถกถึงความคิดเห็นของแต่ละคน

 

เพราะว่ายอดฝีมือที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวังหลังเรียกได้ว่ามีอยู่จนมากจนเกินไป ต่อให้เป็นพระราชวังแห่งรัฐไฟก็ยังไม่อาจที่จะรองรับผู้คนทั้งหมดเอาไว้อยู่ในสถานที่เดียวกันเอาไว้ได้ ได้แต่เพียงจัดการแบ่งกลุ่มออกมาแบ่งเป็นหลายพื้นที่เท่านั้น

 

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม ในสถานที่แห่งนี้ก็ยังรวมเอาไว้ด้วยเหล่าผู้กล้าเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์มากมายในที่แห่งนี้ก็ได้สนทนากัน อีกทั้งในระหว่างที่สนทนาก็ได้แลกเปลี่ยนข่าวสารและวิทยายุทธ์ เพื่อที่จะได้เป็นส่วนช่วยในการศึกษาของตนเองทั้งหมด

 

กระนั้น การชุมนุมกันในครั้งนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมกันระหว่างยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนเหนือใต้ออกตกทั้งสี่ทิศก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว การที่เข้ามาอยู่ในสถานที่เช่นนี้นานสักหน่อย ก็เพียงพอที่จะสามารถได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

 

แน่นอนว่า ในสถานที่แห่งนี้ย่อมต้องมีการแย่งชิงอยู่ไม่น้อย มีผู้คนไม่น้อยต่างก็มีความแค้นกันมาตั้งแต่รุ่นก่อน มีคนอยู่ส่วนหนึ่งที่อาจจะเข้ากันไม่ได้ พวกเขาต่างก็มีลงไม้ลงมือกันบ้าง แต่การลงมือยังไม่ถือว่าเด็กขาดจนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส

 

และภายในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าองครักษ์รัฐไฟต่างก็ได้กรูกันออกมา สอดส่องมองไปทั่วทั้งสี่ด้าน ถ้าหากมิใช่สิ่งที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมาย หรือไม่เห็นว่าจะถึงขั้นเอาชีวิตของผู้คนแล้วละก็ พวกเขาโดยส่วนมากแล้วก็จะไม่สอดมือเข้ายุ่งเกี่ยว แต่ว่าถ้าหากถึงขั้นจะเอาชีวิตกัน ทางด้านของอาณาจักรไฟย่อมต้องลงมือเข้าขัดขวาง

 

ตลอดทางมานี้ เยี่ยจงก็ได้มองเห็นผู้ที่ลงมือกันทั้งหมดสามคู่ อีกทั้งการลงมือต่างก็คิดหมายเอาชีวิตอีกฝ่าย หากมิใช่เป็นเพราะองครักษ์แห่งรัฐไฟลงมือแล้วละก็ อย่างน้อยก็ต้องเกิดการนองเลือดอย่างแน่นอน

 

นอกเสียจากบริเวณแห่งนี้แล้ว ต่อให้เป็นเยี่ยจงในตอนนี้ก็ยังมิกล้าตัดสินใจที่จะกระทำการใดออกมา แต่ว่าด้วยท่าทางที่องอาจจบแดนที่มีมากจนเกินไป ตัวเขาเองนั้นก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่ไม่น้อย จากนั้นคนเหล่านั้นก็ได้ตื่นตกใจขึ้นมา เมื่อจดจำได้ถึงสถานะของเขาออก

 

“อัจฉริยะอันดับหนึ่ง ซิง ! ”

 

มีคนที่ได้สูดลมหายใจเข้าออกอย่างตื่นเต้น คิดไม่ถึงว่าบุคคลเช่นนี้กระนั้นถึงกับปรากฏตัวขึ้นมาในบริเวณสถานที่แห่งนี้ วันนี้ที่งานเลี้ยงวังหลัง ไม่ว่าจะมองดูเช่นไร ก็ไม่อาจมองได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติแต่อย่างไร

 

ทว่าเยี่ยจงกลับทำเหมือนมิได้มองเห็นสายตาที่ทอดมองเข้ามาเหล่านั้น เพียงแต่นำตัวเองเดินเข้าไปยังส่วนลึกของวังหลัง ไม่นานนักก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณที่เปรียบเสมือนดั่งใจกลางของวังหลัง ในสถานที่แห่งนี้ประกอบไว้ด้วยธารน้ำสายหนึ่งที่ห้อมล้อมสวนพฤกษชาติเอาไว้ ในสถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่ในการชุมนุม ต่างก็อัดแน่นเอาไว้ด้วยชนชั้นแนวหน้าจากดินแดนทั้งสี่

 

“หุบเขาลำธารดุจดั่งภาพวาด ช่วงเวลาหนึ่งจะมีผู้กล้ามามากน้อย ชีวิตคนดุจดั่งความฝัน ถามหาผู้ใดที่เปรียบเสมือนที่สุดจบแดน……” มีคนที่เมาสุราเมรัย เอ่ยคำกลอนท่ามกลางสายธาร บนใบหน้าฉายไว้ด้วยความเย้ยหยัน “การชุมนุมของสุดยอดรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งชั้นแนวหน้าจากทั่วทั้งสี่ดินแดนอะไรกัน แม้แต่สุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา จะบอกว่าเป็นชั้นแนวหน้าได้ยังไงกัน ! เกิดเป็นมาทั้งชีวิต กลับไม่สามารถที่จะพบเจอกับได้เยี่ยจงแม้ซักครา ! ”

 

ท่ามกลางสายตาของหมู่ผู้คน ก็ได้จดจ้องมองเข้าไปยังผู้ที่เอ่ยขึ้นมา คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มสวมไว้ด้วยชุดสีขาวทั้งตัว ตอนนี้เขากลับมีผมเผ้ายุ่งเหยิง ในมือถือเอาไว้ด้วยจอกสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวราวกับเป็นดั่งสุนัขหมาป่า

 

“อย่าได้ไปรบกวนเขา นี้สมควรเป็นเจ้าบ้าแห่งดินแดนตงฮวง ! คนผู้นี้มีพลังฝีมือมากที่สุดที่ในหมู่ผู้คน ถูกเรียกขานว่าสุดยอดไร้ผู้ต้านอันดับหนึ่งแห่งดินแดนตงฮวง หากว่าลงมือขึ้นมา ดุจดั่งสุนัขที่บ้าคลั่ง ผู้ใดก็ไม่คิดที่จะไปรบกวนเขา” มีคนกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ เปิดเผยสถานะของคนผู้นี้

 

“ทว่าเมื่อกล่าวขึ้นมา สุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงผู้นั้นเพราะอะไรทำถึงยังไม่ปรากฏตัว ต่างก็มีคนกล่าวกันว่าเขาถือได้ว่าเป็นที่สุดในแผ่นดิน บุคคลเช่นนี้ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วมีความน่าตื่นตระหนกได้ถึงเพียงใดกันแน่ ? ” มีคนถอนหายใจออกมา คิดที่จะต้องการเปิดประเด็นเรื่องราวขึ้นมา

 

“พวกเจ้าลืมเลือนไปแล้วงั้นหรือ ? ภายในดินแดนซีฮวงในตอนนี้อย่างน้อยก็มีขุมกำลังนับสิบกำลังตามหาตัวเขาอยู่ เขาก็มิใช่คนโง่เขลา จะปรากฏตัวออกมาได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน ? ” มีคนที่ไม่คิดจะแยแส กล่าวออกมาพร้อมกับส่งเสียงดังชิร์

 

“ทว่าก็พูดได้ยาก ภาพนิมิตของท่านบัญชาสวรรค์ก็ได้บอกออกมาตั้งแต่แรก เยี่ยจงไม่แต่เพียงจะปรากฏตัวขึ้นมาในรัฐไฟ อีกทั้งยังเข้าร่วมการแย่งชิง ข้าก็ยังคงได้แต่เฝ้ารออยู่เช่นนี้แหลาะ ถ้าหากว่าเขาเปิดเผยตัวออกมาแล้วละก็ จะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นตาถึงเพียงใด ในครั้งนี้เขาจะกระทำเรื่องราวใหญ่โตอันใดขึ้นมาอีก ! ” มีคนเอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความยกย่อง

 

“เหอะ พวกเจ้าอย่าได้คิดจนไกลเกินไป หลายวันก่อนหน้านี้ ที่หอสวรรค์มิใช่ได้มีการปรากฏตัวของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งมิใช่หรือ ? กล่าวกันว่าคนผู้นี้ได้จัดการสำนักหวูหว่าง แล้วก็จัดการกับหุบเขาเมฆาม่วงอีก รวมไปถึงยังนั่งสนทนากับองค์หญิงจื่อหวินด้วย มีความแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด มีคนมากมายต่างก็ลงความเห็นเช่นเดียวกันว่า เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะจากแดนลับแลแห่งหนึ่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ ตอนนี้จึงพึ่งออกมาท่องยุทธภพ มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น อีกทั้งยังน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ! ”

 

“เมื่อกล่าวถึงคนผู้นี้ ราวกับว่าเขาก็เป็นคนของเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน ! สองสุดยอดแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะมีความน่ากลัวได้ถึงระดับไหนกัน เผ่ามนุษย์จะมีความน่ายินดีถึงเพียงนี้จริงอย่างงั้นหรือ ? ”

 

“นี้ก็พูดได้ยาก เผ่ามนุษย์ถึงแม้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธ์มากมาย แต่ว่าเผ่ามนุษย์ก็เกิดการแก่งแย่งชิงดีภายในอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังไม่อาจที่จะจัดการได้ คิดที่จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีคงจะเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง จากที่ข้าดูแล้วสุดยอดแห่งเผ่ามนุษย์ทั้งสองคนนี้ ช้าเร็วยังไงก็ต้องต่อสู้ห้ำหั่นกันซักครา ! ”

 

“ทว่าถ้าหากเยี่ยจงยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมา กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ตำแหน่งชนชั้นแนวหน้าที่มีพึ่งจะมีขึ้นมาเพื่อที่จะให้แก่สุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่นคงจะต้องตกเป็นของ ซิงผู้นี้แล้วละ ! ”

 

“เมื่อกล่าวขึ้นมา ราวกับสำนักหวูหว่างและหุบเขาเมฆาม่วง ในครั้งนี้ต่างก็เข้าร่วมอัจฉริยะงานเลี้ยงวังหลัง ไม่ทราบว่าหากว่าซิงปรากฏตัวแล้วละก็ จะมีการปะทะที่น่าสนใจได้ถึงในระดับใดกัน”

 

เมื่อกล่าวมาจนถึงตอนนี้ ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาเบาๆ อยู่ภายในกลุ่ม เรื่องราวเช่นนี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย จนทำให้เกิดความสนใจอยู่ไม่น้อย

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง ก็ได้มีพลังอันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาหมุนวนอยู่ท่ามกลางสวนแห่งนี้ออกไป แล้วก็ได้มีชายหนุ่มผมสีเงินทอประกายสายตาอันเย็นเยียบขึ้นมา ใช้สายตากวาดมองเข้าไปยังกลุ่มคนที่กำลังหัวเราะกันอยู่อย่างช้าๆ อีกทั้งยังให้แฝงไว้ด้วยสายตาที่ไม่เห็นอยู่ในสายตาชนิดหนึ่ง

 

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ต่างก็ไม่อาจที่จะมาเหยียดหยามสำนักหวูหว่างข้า ซิง ขอเพียงเจ้าปรากฏตัวออกมา ข้าพเจ้าจะสังหารเจ้าเอง” ชายหนุ่มผมเงินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ภายในน้ำเสียงได้เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันที่ไม่คิดจะเก็บซ่อนเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ก็ได้แผ่พุ่งรังสีสังหารออกมา

 

บริเวณใกล้เคียงก็ได้เงียบสงบลงในทันที ผู้คนไม่น้อยต่างก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มผมสีเงินผู้นี้ ด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

 

“นี้ก็คืออัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่าง หยินจวอ”

 

“คนผู้นี้กล่าวกันว่าได้มีพลังอยู่ในระดับราชันไปแล้ว มีความแข็งแกร่งอันน่าหวาดกลัว การปรากฏตัวของเขาในครั้งนี้ อย่างน้อยก็คงจะมาเพื่อที่จะช่วงชิงเกียรติของสำนักหวูหว่างกลับคืนมา”

 

“หุบปาก ระวังจะกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวนะ” ยอดฝีมือส่วนหนึ่งต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ออกมาเสียงแผ่วเบา แต่ว่ากระนั้นก็ยังไม่กล้าที่จะไม่เกรงใจจนเกินไป

 

ทว่า ตอนนี้ยอดฝีมือมากมายต่างก็อยู่ในการรอคอย เรื่องที่เกิดขึ้นที่หอสวรรค์อย่างน้อยก็ยังไม่อาจที่จะเจื่อจางลงได้ หากว่าบุคคลนามซิงผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมาแล้วละก็ อย่างน้อยคงจะเป็นที่ดึงดูดการฆ่าฟันของอัจฉริยะแห่งสำนักหวูหว่างอย่างแน่นอน แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดการต่อสู้ที่น่าตกใจขึ้น

 

ท่ามกลางกลุ่มผู้คน เยี่ยจงก็ได้กวาดสายตามองไปทางด้านของหยินจวอผู้นั้นอย่างเย็นชาคราหนึ่ง แต่ก็ยังคงมิได้ลงมือออกมา บุคคลเช่นนี้เขาพบเจอมาก็มากมาย ที่ตนเองมีความเชื่อมั่นอย่างเหลือล้น เพียงแต่ว่าถ้าหากอีกฝ่ายไม่ลงมือก่อนแล้วละก็ เขาก็ไม่คิดที่จะลงมือก่อนอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นยังไม่คู่ควร

 

หลังจากที่นั่นก็ได้เดินผ่านท่ามกลางวงสุราไปอีกหลายก้าว เยี่ยจงทอดตามองเข้าไปยังบริเวณใจกลางของงานเลี้ยงแห่งนี้ สถานที่แห่งนั้นดุจดั่งเป็นจุดรวมตัวเอาไว้อยู่ประดุจพฤกษชาตินานาพันธุ์ท่ามกลางส่วนลึกของป่าเขาก็มิปาน สถานที่ที่พวกนางรวมตัวกันนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนในของตำหนัก เป็นที่น่าจำตามองอย่างน่าหลงใหล ประดุจดอกไม้นับร้อยที่กำลังเบิงบานก็มิปาน ดึงดูดผู้คนเป็นอย่างยิ่ง

 

ตอนนี้ นอกเสียจากเยี่ยจง สายตาเด็กหนุ่มยอดฝีมือมากมายท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ต่างก็ทอเป็นประกายมองเข้ายังบริเวณทางด้านหนึ่ง ภายในดวงตาของผู้คนไม่น้อยต่างก็ทอประกายแวววับเร่าร้อนขึ้น แต่ทว่าก็ไม่อาจหาญพอที่จะเข้าไปใกล้

 

“ชิงหญิง โหยวเหลียน องค์หญิงจื่อหวิน……ที่หลงเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง สมควรที่จะเป็นองค์หญิงแห่งรัฐไฟผู้นั้นแล้วละมั่ง ? ” เยี่ยจงทอดตากวาดมองเข้าไปยังบนร่างของหญิงสาวทั้งสี่ ด้วยสีหน้าที่ประหลาดอยู่หลายส่วน

 

นั้นก็เพราะว่าท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ทั้งสี่คนถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลืออย่างยิ่ง ดุจดั่งนางเซียนปรากฏตัวขึ้นมาในโลกมนุษย์ อีกทั้งยังมีด้วยกันทั้งหมดสามคนที่เคยไปมาหาสู่กับเขาอยู่ไม่น้อย ได้แต่เพียงสามารถกล่าวได้ว่าชีวิตคนเรานี้ก็ช่างน่าแปลกเสียจริง

 

“เรื่องของตำนานแห่งหงสาไม่สูญสลาย อย่างน้อยก็คงเป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยนิสัยของชิงหญิงและโหยวเหลียน อย่างน้อยคงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ เรื่องนี้ดูท่าจะยุ่งยากขึ้นมาหลายส่วนแล้ว……” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ได้หันกายเตรียมจะจากออกไป

 

“อุ๊ย ท่านซิง ท่านในที่สุดก็มาแล้ว เมื่อครู่ข้ายังตามหาท่านอยู่เลย ! ” องค์หญิงจื่อหวินมีสายตาที่ดียิ่ง คราเดียวก็จดจำเยี่ยจงออก ต่อมาก็อดมิได้ที่จะเอ่ยปากออกมา

 

“ซวบ——”

 

ในช่วงวินาทีนั้นเอง ผู้คนท่ามกลางสถานที่แห่งนี้นับไม่ถ้วนก็ได้จ้องมองเข้ามาที่ร่างของเยี่ยจงในทันที ต่อให้เขาคิดที่จะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันกาลแล้ว

 

และนั้นก็คืออัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่างหยินจวอ ตอนนี้ภายในดวงตาก็ได้สาดทอประกายเพลิงแค้นขึ้นมาเป็นสาย จนเกือบคิดที่จะลงมือ เพียงแต่ว่า ราวกับว่าเขามีความหวาดเกรงต่อองค์หญิงจื่อหวินอยู่หลายส่วน กระนั้นจึงได้ข่มกลั้นเอาไว้ แต่ว่าสายตาของเขาก็ยังทอดมองไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง จากนั้นก็ครุ่นคิดขึ้น อยู่ในระหว่างวิเคราะห์พิจารณา

 

“ขอเข้าพบองค์หญิง” เยี่ยจงไม่ทราบจะกล่าวอะไร จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปทางด้านหน้า ยกมือทำท่าคารวะไปทางด้านขององค์หญิงจื่อหวิน จากนั้นเขาก็ได้ทอดสายตามองเข้าไปยังร่างกายของชิงหญิงและพวก แล้วก็ยิ้มขึ้นน้อยๆ พร้อมกับกล่าว “ท่านผู้นี้คือ……”

 

“สหายซิงท่านไม่รู้จักพี่หญิงทั้งสองท่านนี้จริงอย่างงั้นหรือ ? คนผู้นี้ก็คือนางเซียนชิงหญิงแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนผู้นี้ก็คือหญิงศักดิ์สิทธิ์โหยวเหลียนแห่งลัทธิเทพแดนลี้ลับ” องค์หญิงจื่อหวินทอประกายแววตาสงสัย ก่อนหน้านี้เห็นๆ อยู่ว่าท่าทีของเยี่ยจงเหมือนกับมีความคุ้นเคยกับหญิงสาวทั้งสอง แต่ว่าในตอนนี้ราวกับไม่รู้จักกันก็มิปาน ทว่านางก็ไม่ได้เปิดเผยออกมา แต่ว่าเพียงมองออกไปด้วยสายตาที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม

 

“ที่แท้ก็เป็นนางเซียนชิงหญิงและหญิงศักดิ์สิทธิ์โหยวเหลียนนั้นเอง” เยี่ยจงพยักหน้าตอบ บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ได้ยินได้ฟังนามอันเกรียงไกรของท่านทั้งสองมานานแล้ว เป็นดุจดั่งนางเซียนจากภาพวาด สง่างามดุจดั่งเทพเซียน วันนี้ที่ได้พบ ผู้น้อยคงย่อมต้องมีความสุขไปถึงสามชาติภพแล้ว”

 

นางเซียนชิงหญิงพยักหน้าตอบเบาๆ ใบหน้าน้อยๆ ประดุจภาพวาดก็ได้ปรากฏความสงสัยขึ้นมา ลักษณะท่าทางของเยี่ยจงในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาหลายส่วน แต่ว่ากลับนึกไม่ออกว่าเคยพบเจอกันในสถานที่แห่งใด

 

“นางเซียนมีความสนใจที่จะดื่มกับผู้น้อยสักสองจอกหรือไม่ ? ” เยี่ยจงพบว่าชิงหญิงกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง ก็อดที่จะหัวเราะออกมามิได้ เอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“อิอิ พี่สาว ในเมื่อท่านซิงมีความสนใจต่อท่านถึงขั้นนี้แล้วละก็ หรือไม่พวกท่านก็มาดื่มด้วยกันซักสามจอกเป็นอย่างไร ? ได้ยินมาว่าท่านซิงก็มีคุณสมบัติของสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น ถือได้ว่ามีความเหมาะสมฐานะกับนางเซียนแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แล้วกระมั่ง ? ” โหยวเหลียนหัวเราะแล้วกล่าวออกมา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์แห่งพงไพรก็มิปาน อีกทั้งยังมีพลังปราณไหลเวียนอย่างไร้ที่เปรียบ จนทำให้ผู้คนเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาได้

 

“หรือไม่เทพหญิงก็มาดื่มด้วยกันซักสามจอก เช่นนั้นเกรงว่าผู้น้อยจะกลายเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในค่ำคืนนี้แล้ว” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาน้อยๆ จ้องมองไปทางด้านของโหยวเหลียนแล้วเอ่ยปากขึ้นมา เขาทราบว่าโหยวเหลียนมีความคุ้นเคยกับตนเองเป็นอย่างมากอยู่แล้ว หากว่าไม่รุกเข้าไปก่อน คงจะเป็นที่จดจำออกอย่างแน่นอน

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset