เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 386 หญิงศักดิ์สิทธิ์ปะทะหญิงศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 386 หญิงศักดิ์สิทธิ์ปะทะหญิงศักดิ์สิทธิ์

 

โหยวเหลียนทอประกายแววตาสงสัยอย่างไม่แน่ใจนักออกมา ทว่าไม่นานนักนางก็ได้ส่งสียงหัวเราะออกมาเสียงเบาๆ บนใบหน้าเผยให้เห็นความสับสนอยู่ภายในรอยยิ้ม: “ท่านซิงท่านอย่าได้คิดอันใดต่อข้าด้วยเลย ท่านยังคงให้ความสนใจไปที่พี่สาวชิงหญิงยังจะดีเสียกว่า นั้นเป็นถึงนางเซียนแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ หากว่าได้มาครอบครอง ก็จะสามารถเป็นที่ภาคภูมิได้เชียวนะ นับจากตอนนี้ก็เป็นดั่งนกยวนยางบินเคียงคู่กันแม้แต่เทพเซียนก็ยังต้องอิจฉา !”

 

นางแสดงท่าทีหยาดเยิ้มออกมา ดุจดั่งพลังปราณบริสุทธิ์ก็มิปาน เต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทีที่เย้ายวน จนทำให้ผู้คนทั้งก็เริ่มอ้าปากค้างขึ้นมา ในตอนนี้ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา ยิ่งทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะละสายตาไปได้

 

“น้องสาวก็พูดเล่นไปแล้ว ผู้ใดไม่ทราบกันว่าหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเทพแดนลี้ลับจะกลับทรงเสน่ห์ได้ถึงแพ้นี้ สยบชายหนุ่มนับหมื่นพันเอาไว้ใต้ชายกระโปรง คิดว่าถ้าหันมาให้ความสนใจต่อน้องสาวท่านคงจะง่ายที่จะครอบครองเสียยิ่งกว่าอีกนะ ? ” นางเซียนชิงหญิงหัวเราะคิดออกมา บนใบหน้าก็ได้ทอสีหน้าประหลาดออกมาอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติที่ดูเย้ยหยันชนิดหนึ่งออกมา ราวกับต้องการให้คนทั่วทั้งตำหนักได้ยิน

 

“ได้ยินหรือไม่ พี่สาวนางมิได้มีความสนใจต่อเจ้า นางถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีสิ่งที่ไม่ดีมาให้ข้า ข้าคิดว่าในเมื่อท่านก็ให้โอกาสแก่ข้า อีกทั้งเจ้ายังอายุเยาว์เช่นนี้ ข้าต้องตาเจ้าแล้วละ” โหยวเหลียนก็ได้ยื่นมือตบเข้าไปที่ไหล่ของเยี่ยจง แล้วก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความกระจ่างใสออกมา เต็มเปี่ยมไปด้วยความยุยง

 

“น้องสาว หากว่าเจ้าคิดที่จะลงมือต่อท่านซิง ก็ขอให้รีบลงมือเถอะ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นของข้าแล้วนะ” นางเซียนชิงหญิงหัวเราะออกมาอย่างมีเสน่ห์ ราวกับมิได้ยินสิ่งที่กล่าวออกมาจากปากของโหยวเหลียนก็มิปาน

 

เยี่ยจงเมื่อได้ฟังก็ได้ทอสีหน้าดำมืดขึ้นมา เขาทราบแต่แรกแล้วว่าระหว่างเด็กน้อยทั้งสองคนนี้มีความแค้นที่ฝังลึกอยู่ไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่า ยังถึงกับสามารถใช้ออกมาด้วยคำพูดที่ชวนให้ตลกขบขันเข้าปะทะคารมกันได้ถึงเพียงนี้ ความสามารถในการลงมือเช่นนี้เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดา ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตกใจได้แล้ว

 

“พี่สาวทั้งสองท่าน งานเลี้ยงที่ฉลองที่วังหลังของข้าในวันนี้ ได้เรียนเชิญพวกท่านมาโดยเฉพาะ พวกท่านคงไม่คิดที่จะตระเตรียมลงไม้ลงมือกันยกใหญ่ในที่ของข้านี้หรอกกระมั่ง ? ” หญิงสาวที่ยืนอยู่บริเวณทางด้านหลังที่สวมไว้ด้วยชุดกระโปรงสีแดงก็ได้หัวเราะคิกขึ้นมา นางเดินเข้ามา เพื่อที่จะแยกมืออันขาวผ่องของชิงหญิงและโหยวเหลียนออกจากกัน บนใบหน้าก็ได้ฉายอารมณ์เหมือนถูกรังแกขึ้นมา

 

“แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นพี่สาวที่ทำไม่ถูกต้อง วันนี้เป็นงานเลี้ยงของน้องสาวท่าน งั้นข้าก็จะปล่อยไปก็แล้วกัน” ชิงหญิงยิ้มขึ้นมา ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วอย่างยิ่ง

 

โหยวเหลียนได้แต่เพียงร้องเชอะออกมาเสียงเบา มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่ว่านางก็ยังส่งยิ้มมองไปทางด้านของหญิงสาวที่สวมไว้ด้วยชุดกระโปรงแดง กวักมือไปทางด้านของเยี่ยจง กล่าว: “มา ท่านซิง ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักสักหน่อย คนผู้นี้ก็คือองค์หญิงแห่งรัฐไฟ ท่านเหยียนหลงหลิง (炎ไฟ珑พญามังกร玲ท้องทะเลเพลิง) ”

 

หลังจากที่เงียบงัน ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ทอเป็นประกายแปลกใจขึ้นมา หลายวันมานี่ที่อยู่ภายในอาณาจักรไฟ นามของเหยียนหลงหลิงสามคำนี้ เขาก็ถือได้ว่าได้ยินได้ฟังมาอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

 

ท่านผู้นี้ก็คือท่านเหยียนหลงหลิงที่กล่าวกันว่าเป็นบุตรสาวที่ทั้งรักทะนุถนอมอย่างยิ่งของราชารัฐไฟในตอนนี้ ในเวลาเดียวกัน ก็มีคุณลักษณะที่สูงส่ง พลังฝีมือลึกล้ำ กล่าวกันว่าได้มีโลหิตแห่งหงสาที่ตื่นขึ้นมาอยู่ภายในร่างกาย มีความน่าหวาดกลัวเต็มสิบส่วน กล่าวกันว่าในวันข้างหน้าอาจจะได้กลายเป็นราชีนีแห่งยุคก็เป็นได้

 

แต่เมื่อได้จดจ้องไปยังเหยียนหลงหลิงในตอนนี้ ก็ได้พบเห็นร่างกายที่อ่อนช้อยและทรงเสน่ห์ของนาง อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามอย่างไร้ที่ติ ในเวลาเดียวกันก็เหมือนว่าเพลิงไฟลุกขึ้นมาจากชายกระโปรง กลายเป็นดุจดั่งวิหคลอยล่อง ให้ความอ่อนช้อยดุจดั่งออกมาจากภาพวาด ให้ความรู้สึกอันงดงามชนิดหนึ่งแก่ผู้คนอย่างน่าตกใจ

 

ในตอนนี้นางเหมือนดั่งหยกอันขาวผ่องที่อ่อนช้อย ในช่วงเวลานี้ก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างของเยี่ยจง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่เย็นชาอย่างแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง

 

“น้อมพบฝ่าบาท” เยี่ยจงก็ได้ยกมือคารวะแล้วจ้องมองไปทางด้านของเหยียนหลงหลิง บนใบหน้าก็ได้เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มออกมาสายหนึ่ง หากว่าเขาคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานหงสาไม่สูญสลาย จะต้องให้องค์หญิงเหยียนหลงหลิงผู้นี้เป็นคนกล่าวออกมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาในตอนนี้จึงได้มีความเสนาะสนใจต่อนางอยู่หลายส่วน

 

“เล่าลือกันว่าในช่วงเวลาที่อยู่ที่หอสวรรค์ ท่านยังเห็นแก่หน้าของรัฐไฟเรา มิได้ลงมือสังหาร ข้าต้องขอขอบคุณแทนรัฐไฟด้วย” เหยียนหลงหลิงโค้งให้กับเยี่ยจงอย่างมี อมยิ้มแล้วกล่าวออกมา

 

“ฝ่าบาทก็กล่าวหนักเกินไปแล้ว ทุกคนต่างก็เป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเบาๆ “ทว่าในครั้งนี้เมื่ออยู่หน้าพระพักตร์ ถ้าหากมีคนคิดที่จะลงมือต่อข้าภายในวังหลังแห่งนี้แล้วละก็ ข้าสามารถที่จะสังหารได้หรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นคงจะมีคนที่ยังไม่ทราบว่าอันใดเรียกว่าหาที่ตาย คงจะเอาแต่มารังควานข้า เป็นที่น่าปวดหัวของข้ายิ่งนัก”

 

“ท่ามกลางวังหลังได้จัดเตรียมลานประลองเอาไว้ หากว่าท่านซิงมีความต้องการแล้วละก็ ก็สามารถใช้ได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ว่าหากว่าขึ้นไปยังลานประลอง ความเป็นความตายเหล่านี้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐไฟเรา” องค์หญิงเหยียนหลงหลิงเอ่ยขึ้นมา ภายในคำพูดแฝงเอาไว้ด้วยความหนักแน่น

 

“เช่นนั้นก็เป็นพระกรุณาขององค์หญิงแล้ว หากว่ามีความจำเป็น ข้าย่อมต้องไปใช้ลานประลองอย่างแน่นอน” เยี่ยจงหัวเราะขึ้นเบาๆ

 

“ท่านซิง คนของหุบเขาเมฆาม่วงข้าได้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมควรที่จะไม่มีผู้ใดลงมือต่อท่านอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าหากมีคนไม่ฟังคำสั่งของข้าแล้วละก็ ก็ขอให้ท่านรีบลงมือได้เลย” องค์หญิงจื่อหวินกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มขึ้นมาในทันที

 

“เช่นนี้คงจะไม่ดีเท่าไรหรอกกระมั่ง ? ทุบตีจนตายจนบาดเจ็บไป ก็คงถือได้ว่าไม่เห็นแก่หน้าขององค์หญิงจนเกินไปแล้ว” เยี่ยจงตอบ

 

“ไม่หรอก” องค์หญิงจื่อหวินหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ “หากมีผู้ที่ไม่ยอมฟังคำกล่าวเตือนของข้า ข้าก็ทำเหมือนกับว่าเขานั้นมิได้เป็นคนของหุบเขาเมฆาม่วงก็แล้วกัน”

 

เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า ภายในดวงตาก็ได้ทอเป็นประกายประหลาดใจ ความหมายในคำพูดขององค์หญิงจื่อหวินเรียกได้ว่าเห็นได้ชัดเจน เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง คำสั่งของนางยังไม่อาจที่จะใช้ได้กับยอดฝีมือของหุบเขาเมฆาม่วงส่วนหนึ่งได้ คนเหล่านี้อย่างน้อยยังไงเสียก็คงจะต้องมาหาเรื่องตนเองอย่างแน่นอน

 

“เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วสิ !” เยี่ยจงส่ายหน้า เขามิได้เกิดความเกรงกลัวต่อยอดฝีมือชั้นปลายแถวเหล่านั้น เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขากลับไม่อาจที่จะสามารถใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือที่แท้จริงได้ นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุด

 

“ท่านซิงถูกกล่าวขานกันว่าเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่น อีกทั้งยังพึ่งจะท่องยุทธภพ ก็มีชื่อเสียงมาได้จนถึงขั้นนี้ คิดว่าวันนี้ที่มาคงจะต้องมีสิ่งที่ต้องการอยู่แล้วกระมั่ง ? ” โหยวเหลียนเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภายในดวงตาก็ทอเป็นประกายสว่างไสว อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยลึกลับชนิดหนึ่ง

 

“แน่นอน่าย่อมต้องมีสิ่งที่ต้องการอยู่” เยี่ยจงถอนหายใจ อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเบื่อหน่ายชนิดหนึ่ง “ถ้าหากข้าบอกต่อหญิงศักดิ์สิทธิ์ท่าน ว่าข้ามาเพื่อการประมูลในคืนนี้ คิดที่จะเสาะหาโอกาสนำเอาทักษะยุทธ์มาซักหลายชิ้น ไม่ทราบว่าท่านจะเชื่อหรือไม่”

 

โหยวเหลียนงงงันขึ้นมา จากนั้นก็ได้สลายรอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนหน้ากลับคืนไป ไม่หลงเหลือเอาไว้แม้แต่น้อย แต่ว่านางก็ยังถือได้ว่ามีความงดงามอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นเช่นนี้ อีกทั้งยังประดุจการควบคุมเอาไว้ด้วยจิตปราณบริสุทธิ์อยู่ก็มิปาน ให้ความรู้สึกเหมือนดั่งปีศาจสาวที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา

 

“ท่านซิงหากว่าต้องการที่จะใช้ทักษะเซียนหรือมนต์ตราเทพแล้วละก็ ไม่ลองมาเข้าร่วมแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์

เรา แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เราถึงแม้ว่าจะมิใช่สถานที่ร้ายกาจอะไร แต่ถ้าเป็นเพียงแค่ทักษะเซียนหรือมนต์ตราเทพสักหลายเล่มก็ยังถือได้ว่ายังพอมีอยู่” นางเซียนชิงหญิงก็ได้จ้องมองไปยังเยี่ยจงอย่างกะทันหัน กล่าวออกมาอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

“พี่หญิงท่านก็ช่างร้ายกาจจนเกินไปแล้ว ผู้น้องอย่างข้าเริ่มที่จะมีความหวาดกลัวต่อท่านซะแล้ว” โหยวเหลียนที่ได้หุบรอยยิ้มไป ก็ได้มองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างตั้งใจ “ท่านซิงท่านต้องระวังเอาไว้หน่อยละ พวกนางแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ มักชื่นชอบกล่าวออกมาเช่นนี้อยู่ตลอด หากว่าท่านเข้าร่วมกับแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน……จากที่ข้าดู ท่านยังคงเข้าร่วมมายังลัทธิเทพแดนลี้ลับเราเถอะ ข้าจะมอบตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังว่างเอาไว้อยู่ มอบให้แก่ท่านจนมีสถานะเท่าเทียบกับข้าเลยก็ว่าได้ นี้เมื่อเทียบกับการมัดมือชกพวกนั้นแล้วยังถือได้ว่าดีกว่าตั้งหลายเท่า”

 

เหยียนหลงหลิงและองค์หญิงจื่อหวินที่อยู่ทางด้านข้างก็ไม่อาจที่จะกล่าวอันใดออกมา ถึงแม้ว่าพวกนางจะทราบอยู่แล้วว่า ลัทธิเทพแดนลี้ลับและแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองต่างก็ถือได้ว่าเป็นแดนลับแลที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมาจนถึงขั้นนี้ได้ เพื่อที่จะเชิญชวนคนผู้หนึ่งทั้งสองฝ่ายถึงกับยินยอมที่จะจ่ายค่าตอบแทนที่มากมายจนถึงเพียงนี้ออกมาได้

 

ทว่าเรื่องในตอนนี้ก็พอที่จะสามารถทำความเข้าใจได้ นั้นก็เพราะว่าย่อมต้องมีสักวัน ที่ท่าน “ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ จะกลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าทั้งสามภพ ที่แม้กระทั่งสี่ยอดอัจฉริยะแห่งสำนักหวูหว่างอย่างหยี่ม่าก็ยังต้องลอยกระเด็นถอยกระอักโลหิตออกมา ด้วยพลังฝีมือในระดับนี้ แทบจะเรียกได้ว่ามิใช่พลังฝีมือที่บุคคลโดยทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้ กล่าวได้ว่าคนผู้นี้ยังถือได้ว่าเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งที่เหนือกว่าเยี่ยจงก็ว่าได้ และแน่นอนว่าย่อมต้องมีคุณสมบัตินั้น จึงถือได้ว่าการที่แดนลับแลใหญ่ทั้งสองนี้จ่ายค่าตอบแทนออกไปมากมายขนาดนี้ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าอยู่

 

“ความหวังดีของนางเซียนทั้งสองท่าน ผู้น้อยขอรับไว้ด้วยใจ แต่ว่าถ้าหากข้าเข้าร่วมกับแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หรือลัทธิเทพแดนลี้ลับแล้วละก็ ตาเฒ่าที่บ้านข้านั้นอย่างน้อยก็คงจะต้องปิดประตูสู่ทางเข้าหุบเขาอย่างแน่นอน ดังนั้น จากที่ข้าดูยังถือว่าช่างมันเถอะ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา “แต่ว่าถ้าหากทั้งสองท่านยินยอมที่จะให้ผู้น้อยกลายเป็นเหมือนดั่งของขวัญให้แก่ท่านทั้งสองแล้วละก็ ผู้น้อยก็ย่อมยินดีน้อมรับเอาไว้อย่างยิ่ง หรือต่อให้ต้องเข้าสมัคร ก็ไม่เป็นไร”

 

นางเซียนชิงหญิงหัวเราะออกมา มิได้เอ่ยปากกล่าวออกมา

 

โหยวเหลียนกลับหัวเราะดังฮิฮะออกมาแล้วกล่าว: “ท่านซิง หรือว่าจะเอาเช่นนี้ดี นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ท่านก็ไล่ตามพี่หญิงชิงหญิงของข้าผู้นี้ ขอเพียงท่านสามารถจัดการครอบครองนางเอาไว้มาได้ น้องสาวอย่างข้าก็จะคล้อยตามอย่างว่าง่าย มอบตัวมอบใจให้ด้วยตนเอง วันข้างหน้าจะหลับนอนอยู่บนเตียงของท่านทุกชั่วค่ำคืนเป็นอย่างไร ? ”

 

เยี่ยจงงงงันขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างถึงที่สุด: “ในเมื่อหญิงศักดิ์สิทธิ์โหยวเหลียนท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ ผู้น้อยก็คงจะต้องทุ่มเทกำลังแล้ว หากวันข้างหน้ากระทำสำเร็จ ข้าจะไปเสาะหาท่านที่ลัทธิเทพแดนลี้ลับด้วยตนเอง”

 

พริบตานั้นองค์หญิงจื่อหวินและองค์หญิงเหยียนหลงหลิงก็ไร้คำจะกล่าวออกมา และชิงหญิงและโหยวเหลียนทั้งสอง ในตอนนี้ก็ได้สาดประกายดวงตาสั่นไหวไปมา ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง จากที่มองการแสดงออกของผู้ที่อยู่ทางด้านหน้านาม “ซิง” ผู้นี้ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมาจากแดนลับแลแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นที่แน่นอน อีกทั้งตัวเขาเองยังมีความเชื่อมั่นนัวเองอย่างไร้ที่เปรียบ ทุกๆ การกระทำของคนผู้นี้ถูกแสดงออกมาด้วยท่าทางที่กล่าวขานกันมา มีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

ในขณะนี้เอง หญิงสาวทั้งสี่ก็ได้คาดเดาสถานะของเยี่ยจงเอาไว้อยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าไม่ว่าพวกเขาจะคาดเดาเช่นไร ต่างก็ยึดสถานะของเยี่ยจงว่าจะต้องมาจากแดนลับแลที่ไม่ธรรมดาสามัญเอาไว้อย่างแน่นอน แต่กลับไม่มีผู้ใดที่คิดว่า ซิงก็คือเยี่ยจงนั้นเอง

 

“เคร้ง——”

 

แล้วในขณะนี้เอง บริเวณทางด้านของท่ามกลางตึกใหญ่มุมสุด ทันใดนั้นได้มีเสียงกระจ่างใสดังลอดออกมาอา อีกทั้งยังกระจ่างใสอย่างไรที่เปรียบ ดังยาวออกมาจากที่ห่างไกล

 

“ดูเหมือนว่าคงจะต้องเตรียมความพร้อมแล้ว” องค์หญิงเหยียนหลงหลิงก็ได้หัวเราะออกมา มุ่งหน้ากล่าวต่อเยี่ยจง “ท่านซิง เชิญเถอะ นี้คือสัญญาณของการเริ่มต้นการประมูลของทางวังหลังในครั้งนี้ของพวกเรา เพื่อที่เป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มาจากทั่วทั้งสี่ดินแดน รัฐไฟของพวกเราจึงได้จัดงานประมูลครั้งใหญ่ขึ้นในครั้งนี้ต่างก็ถูกเก็บเอาไว้ในหีบสมบัติของทางรัฐเราออกมาเพื่อทำการประมูล ได้ยินมาว่าทางด้านพระราชบิดาก็ได้นำเอาวัตถุโบราณออกมาอยู่หลายชิ้น ส่วนสิ่งของที่นำมาประมูลนั้น ขอเพียงบนตัวของท่านมีหินปราณอย่างเพียงพอแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะสามารถครอบครองสิ่งของที่ตัวของท่านเองนั้นต้องการมาได้ ? ”

 

“แล้วมีทักษะเซียนหรือว่ามนต์ตราเทพหรือไม่ ? ” เยี่ยจงถือได้ว่ามีความสนใจอย่างมาก ใบหน้าอันหล่อเหล่าก็ได้เหม่อมองเข้าไปยังตำหนักใหญ่ มีสีหน้าที่พิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง ตามความเป็นแล้วเขาในตอนนี้มีความถือได้ว่ามีความพิเศษเฉพาะอยู่แล้ว นั้นก็เพราะว่าเสี่ยวหลุนนั้นที่ได้ให้ทักษะเซียนที่ดูไม่ค่อยจะได้มาให้อยู่หลายชิ้น ในตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องเก็บซ่อนสถานะเอาไว้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งของจำพวกทักษะเซียน、มนต์ตราเทพติดตัวเอาไว้ให้มากไว้ก่อน

 

“นี้ สมควรน่าจะมีอยู่บ้างกระมั่ง ? ” เหยียนหลงหลิงก็ได้กล่าวออกมาด้วยความไม่แน่ใจอยู่หลายส่วน นั้นก็เพราะว่าแม้แต่นางเองนั้นก็ยังไม่เคยพบเห็นสิ่งของเหล่านี้ ไม่ทราบว่าที่แท้มีสิ่งของใดที่นำมาประมูลอยู่กันแน่

 

“ถ้างั้นมีอยู่เท่าไหร่ ? ” เยี่ยจงถามต่อออกไปอย่างเรียบเฉย

 

หลังจากที่เงียบงัน เหยียนหลงหลิงก็ได้ทอสีหน้าดำมืดขึ้นมา ทักษะเซียนและมนต์ตราเทพนี้ แท้จริงแล้วเป็นเหมือนผักสดที่อยู่ตามข้างทางหรืออย่างไรกัน ? ถึงกับเพียงแค่ต้องการก็ต้องการถึงหลายชิ้นเช่นนี้ ?

 

“น่าจะมีอยู่ชิ้นหนึ่ง” หลังจากนั้นก็ได้สูดลมหาใจเข้าลึกๆ คำหนึ่ง เหยียนหลงหลิงก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเอ่ยขึ้นมา เกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ นางก็เรียกได้ว่าไม่ทราบจะกล่าวออกมาเช่นไรดี นั้นก็เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นที่ดูเหมือนมีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปี แต่ว่าในด้านการมองเรื่องราวและความเข้าใจนั้นเรียกได้ว่ามิได้อยู่ในหมู่คนวัยเดียวกันก็มิปาน แต่ว่านี้คงจะเป็นสาเหตุที่สถานะและพรสวรรค์ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ของเขา เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ว่าก่อนหน้านี้เขาได้เอาแต่หลบเลี่ยงมาโดยตลอด แต่ว่าในครั้งนี้กลับถือได้ว่าเป็นการปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างแท้จริงก็ว่าได้

 

ชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียว ภายในแววตาของเหยียนหลงหลิงก็ได้เพิ่มเติมเอาไว้ด้วยกลิ่นอายอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา ผู้ที่อยู่ในระดับผู้กล้าเช่นนี้ หากว่าสามารถที่จะเข้าร่วมกับรัฐไฟ น่าจะถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว ?

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset