เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 390 การประมูลสิ่งของครั้งสุดท้าย

ตอนที่ 390 การประมูลสิ่งของครั้งสุดท้าย

 

“เกราะขนหงสา!”

 

ไม่ทราบว่าผู้ใดได้ตกใจขึ้นมา แล้วก็ได้มีส่งเสียงดังด้วยอารมณ์ที่แฝงเอาไว้ด้วยความยากที่จะเชื่อออกมาดังขึ้นมา

 

เกราะขนหงสา เล่าขานกันว่าถือได้ว่าเป็นสมบัติเซียนประจำราชวงศ์รัฐเหยียน กล่าวกันว่ามีทั้งหมดด้วยกันเก้าชิ้น ซึ่งใช้ปีกขนของหงสาที่แท้จริงหลอมสร้างขึ้นมา ถึงแม้ว่าดูไปแล้วจะเหมือนกับไร้รูปลักษณ์ แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะไม่ทำให้ผู้คนตกใจได้ กล่าวกันว่าหากเป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันสวมใส่เกราะชิ้นนี้บนร่างกายแล้วละก็ สามารถที่จะใช้ออกมาด้วยพลังแห่งมหาราชันทั้งหมดออกมาได้

 

เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็ทราบได้แล้วถึงความน่าสะพรึงกลัวและความล้ำค่าของเกราะขนหงสาว่าอยู่ในระดับใด

 

ราวกับว่าเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นถึงสมบัติเซียนระดับตำนาน ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า ถึงกับมีของเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาภายในการประมูลในครั้งนี้ได้

 

“ทุกท่านคาดเดาได้มิผิด นี้แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเกราะขนหงสาแห่งรัฐเหยียนเรา เพียงแต่ว่าสิ่งของชิ้นนี้กลับมีใช่ชิ้นที่สมบูรณ์มากนัก เพียงแต่มีส่วนที่สึกหรออยู่เล็กน้อย ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่การจะให้มหาราชันใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดได้ย่อมไม่เป็นปัญหา” เหยียนหลิงหลงกล่าวเสริม เดินเข้ามาอธิบายเพิ่ม

 

เห็นได้ชัด เกราะขนหงสาที่แท้จริงแห่งราชวงศ์รัฐเหยียนย่อมไม่อาจที่จะนำออกมาประมูลได้อยู่แล้ว สิ่งนั้นถือได้ว่าเป็นของประจำรัฐราวงศ์เหยียนก็ว่าได้ ทว่า ต่อให้เกราะขนหงสาในตอนนี้เป็นชิ้นที่มีส่วนที่สึกหรอ แต่ว่าพลังความสามารถนั้นก็เรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ เรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าระดับสูงเลยก็ว่าได้

 

และถ้าหากกล่าวในมุมมองของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ เด็กหนุ่มยอดฝีมืออันมากมายแล้วละก็ การได้ครอบครองเกราะขนหงสา ก็เหมือนกับมีสิ่งของที่มีไว้รักษาชีวิตเพิ่มขึ้นอีกชิ้นหนึ่ง สิ่งของนี้สามารถที่จะรักษาชีวิตได้เช่นนี้ ย่อมต้องไม่มีผู้คนเรียกราคาต่ำอย่างแน่นอน

 

“โอสถหกปราณสามชิ้น……”

 

“ข้าขอเสนอแลกเปลี่ยนกับคัมภีร์ทักษะเซียนเล่มหนึ่ง!”

 

“ข้าขอเสนอแลกกับสมบัติเซียนที่เป็นศาตราวุธระดับล่างหนึ่งชิ้น……”

 

ไม่นานนัก ท่ามกลางการประมูลในตอนนี้ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมา ดังขึ้นกระทบโสตไม่หยุด ผู้คนมากมายต่างก็มีความสนใจต่อเกราะขนหงสาชิ้นนี้อย่างลึกล้ำ

 

เยี่ยจงหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ กระนั้นกลับมิได้ลงมือ ในตอนนี้สิ่งของที่เขาได้ครอบครองมาเรียกได้ว่ามีอยู่มากจนเกินไปแล้ว หากว่ายังครอบครองเกราะขนหงสานี้อีกแล้วละก็ เกรงว่าคงจะเป็นการดึงดูดความเกลียดชังของผู้คนมากมายได้ จนถึงขั้นที่เขาอาจจะถูกลอบโจมตีได้ แต่ว่าภายใต้สถาการณ์เช่นนี้ ยังคงอย่าได้กระทำจนเกินเลยไปจะดีกว่า

 

ไม่นานนัก เกราะขนหงสานี้ก็ได้มีเจ้าของ ตกเข้าไปเป็นของบุคคลใหญ่โตที่อยู่ท่ามกลางภายในห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง จนทำให้ยอดฝีมือมากมายทางด้านล่างเกิดความไม่พอใจ นั้นก็เพราะว่าสิ่งของชิ้นนี้เรียกได้ว่าพบเห็นได้ยาก มีค่ามากกว่าทองคำนับพัน ดังนั้นถ้าหากว่าตนเองผิดพลาดไป ย่อมต้องเป็นที่น่าเสียดายอย่างแน่นอน

 

“ทุกท่าน คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาจะสามารถไหลเวียนผ่านไปได้เร็วถึงเพียงนี้ สิ่งของทั้งหมดเก้าชิ้นก็ได้ประมูลออกไปจนหมดสิ้น ท้ายที่สุด การประมูลของพวกเราในครั้งนี้ ก็หลงเหลือสิ่งของอีกเพียงแค่ชิ้นเดียว อีกทั้ง ข้าคิดว่าสิ่งของชิ้นสุดท้ายนี้ เมื่อมองในมุมมองของหลายๆ ท่าน เรียกได้ว่าสามารถที่จะเรียกได้ว่ามีความล้ำค่ากว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม” เหยียนหลิงหลงยิ้มน้อยๆ จนทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างก็เกิดอาการปวดท้องขึ้นมา

 

“ท่านองค์หญิง ที่แท้คือสิ่งของใดกัน ยังคงนำออกมาเถอะ!” มีคนส่งเสียงดังสูงขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า คิดที่จะเชยชมว่าสิ่งของที่อยู่ใต้หีบนั้นว่าที่แท้คือสิ่งใดกัน นั้นก็เพราะว่าหากเป็นไปตามคำกล่าวของเหยียนหลิงหลงก่อนหน้านี้ การประมูลในครั้งนี้เพียงแต่ตระเตรียมสิ่งของไว้เพียงแค่สิบชิ้นเท่านั้น สิ่งของทั้งหมดเก้าในสิบชิ้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งยังมีมูลค่าที่สูงล้ำอย่างถึงที่สุด ในตอนนี้มีผู้คนไม่น้อยกล่าวหนุนเสริมออกมาไม่ขาดสาย ว่าสิ่งของชิ้นสุดท้ายนั้น ยังถึงกับมีความน่าตื่นตาตื่นใจได้ถึงเพียงนี้เชียว

 

“ดูเหมือนว่า ที่แท้ทุกท่านก็ได้ให้ความสนใจมากถึงเพียงนี้! เพียงแต่ว่า ทุกท่านอาจจะต้องผิดหวังได้อยู่หลายส่วน นั้นก็เพราะว่า สิ่งของชิ้นสุดท้ายที่นำออกมาประมูล กลับมิใช่วัตุสิ่งของอะไร แต่กลับเป็นข่าวสารอย่างหนึ่ง และข้าคิดว่า ทุกท่านสมควรที่จะต้องมีความเสนาะสนใจต่อข่าวสารนี้อย่างแน่นอน” เหยียนหลิงหลงหัวเราะออกมาอย่างมีเสน่ห์ พริบตานั้นก็ประดุจบุษผานับร้อยลอยลงมาก็มิปาน จนทำให้ผู้คนมองจนตาค้าง

 

แต่ว่า ในขณะนี้ แววตาของยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความร้อนรุ่มขึ้นมาเป็นสาย พวกเขาต่างก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นานา และความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น จนทำให้พวกเขาเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาจนถึงขีดสุด

 

“ข้าคิดว่า ทุกท่านอาจจะพอที่จะสามารถคาดเดาขึ้นมาได้แล้ว อีกทั้ง ข้าสมควรที่จะบอกกล่าวต่อทุกท่าน ว่าสิ่งที่พวกท่านกำลังคาดเดาอยู่นั้นก็คือเรื่องจริง” เหยียนหลิงหลงยิ้มน้อยๆ ออกมา ภายในรอยยิ้มก็ได้ปรากฏรสชาติความลี้ลับชนิดหนึ่งออกมา

 

“เป็นไปตามก่อนหน้านี้ ว่าภายในอาณาจักรเหยียนได้มีข่าวลืออย่างหนึ่งแพร่ออกไปก็มิปาน นั้นก็คือ ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์ชิ้นนั้นที่อยู่ท่ามกลางอาณาจักรเหยียนก็ได้เริ่มที่จะเปิดให้สามารถเข้าไปได้ ทางด้านในนั้นก็ได้มีตำนานของหงสาไม่สูญสลายอยู่ อย่างน้อยคงจะต้องปรากฏขึ้นมา……” เหยียนหลิงหลงกล่าวออกมาอย่างช้าๆ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ได้แทบจะทำให้จิตใจของผู้คนหยุดเต้นได้ในทันที “แต่ว่า ที่ข้าจะบอกก็คือ แม้แต่พวกเราราชวงศ์รัฐเหยียน ก็ยังไม่อาจที่จะแน่ใจได้ ว่าภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นั้นมีการคงอยู่ของตำนานหงสาไม่สูญสลายจริงหรือไม่……หรือจะสมควรกล่าวได้ว่า ไม่มีผู้ใดทราบได้ ว่าที่แท้สถานที่แห่งนั้นมีอันใด……แต่ว่าก็มีอยู่เล็กน้อยที่พอจะสามารถยืนยันได้นั้นก็คือ ศิลาตะวันบริสุทธิ์นั้นจะมีการเปิดขึ้นมาอย่างแน่นอน! และหากเป็นไปตามรับสั่งของพระราชบิดา ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์สมควรที่จะเป็นดินแดนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่จะขึ้นมาในสักวัน สมควรที่จะเป็นครึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็คือช่วงเวลาวันที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน (สุริยุปราคา) !”

 

“เมื่อความมืดมิดมาเยือน ทั้งยังเป็นการต้อนรับการมาเยือนของทุกท่าน!”

 

ในระหว่างที่เสียงของเหยียนหลิงหลงได้ทอดลง ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้เกิดเสียงร้องอย่างแตกตื่นขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการสั่นเทา ราวกับไม่กล้าที่จะเชื่อได้ลง นั้นก็เพราะว่าราชวงศ์รัฐเหยียนถึงกลับประกาศเรื่องเช่นนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนกับเป็นสิ่งที่ลือกันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงก็มิปาน

 

“ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นั้นถึงกลับมีดินแดนขนาดเล็กอยู่แห่งหนึ่งงั้นหรือ? เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องไม่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน ภายในอย่างน้อยก็คงจะรวมเอาไว้ด้วยโชคที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ เอาไว้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสหนึ่งในหมื่นที่ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้เชียวนะ!” มีคนถอนหายใจออกมา อีกทั้งยังมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“รัฐเหยียนถึงกับไม่เสียดายที่จะเปิดเผยข่าวสารเช่นนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่า ดินแดนขนาดเล็กที่อยู่ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นี้ย่อมต้องมีความอันตรายอย่างถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ แน่นอนว่าทางรัฐเหยียนย่อมต้องเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน แต่กลับเปิดเผยออกมาเช่นนี้!” มีคนส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา ภายในด้วยตาก็ได้ทอเป็นประกายไม่หยุดยั้ง

 

“อันตรายแล้วจะเป็นเช่นไร? นับตั้งแต่โบราณกาลมา ต่างก็ถือว่าเป็นพื้นฐานสู่ความมั่งคั่ง คิดที่จะครอบครองสิ่งที่อยู่ภายในดินแดน หากว่ามิได้มีความอันตราย แล้ววจะไม่เปิดเผยออกมางั้นหรือ? นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งวิทยายุทธ์ก็ไม่มีอันตรายงั้นหรือ? ขอเพียงมีประโยชน์ที่ได้รับอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยแล้วเป็นอย่างไร? ความสำเร็จทุกรูปแบบก็ต้องแลกมาด้วยกระดูกนับหมื่นอยู่ดี!” มีคนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา นี้ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะกลายเป็นแท่นหินให้ผู้อื่นเหยียบขึ้นไปได้

 

ในเวลานี้ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้มีเสียงดังแตกละชนิดดังลอดออกมา ทุกผู้คนต่างก็ทอสีหน้าแปลกใจ นั้นก็เพราะว่าข่าวสารที่ได้รับมานี้เรียกได้ว่ากะทันหันจนเกินไป ผู้คนมากมายก็เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะมีปฏิกิริยากลับมาได้

 

“ครึ่งเดือนจากนั้น ช่วงเวลาวันที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน”

 

ท่ามกลางแห่งพิเศษ ชิงหญิงก็ถอนหายใจออกมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมา แต่ว่ากลับมิได้ตกใจขึ้นมาแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่า นางได้ทราบถึงข่าวสารนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนี้เพียงแค่เป็นการยืนยะนอีกครั้งเท่านั้น

 

“พี่สาวท่านกำลังตื่นเต้นอย่างงั้นหรือ? เป็นไรไป? คิดที่จะเข้าร่วมการแย่งชิงด้วยอย่างงั้นหรือ?” โหยวเหลียนยิ้มขึ้นน้อยๆ ภายในรอบยิ้มก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความถือดีอยู่อย่างลึกล้ำ

 

“ที่ด้านในจะมีโชคจริงอย่างงั้นหรือ?” ชิงหญิงเกิดความลังเล จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ คำหนึ่ง ภายในคำพูดและลมหายในแฝงเอาไว้ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันอยู่มากมาย

 

องค์หญิงจื่อหวินขมวดคิ้วขึ้นมา มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เห็นได้ชัดว่าข่าวสารที่ได้ทำให้นางอยู่ในระดับที่ตื่นเต้นขึ้นมาได้

 

และทางด้านเยี่ยจงที่ได้ทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา เกี่ยวกับภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์เขาก็เคยคาดเดามาก่อน คิดไว้ว่าผ่านในคงจะต้องมีพลังปราณแห่งชีวิตอยู่ชนิดหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าภายในนั้นได้มีความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต แต่ว่าแม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่า ท่ามกลางศิลาตะวันบริสุทธิ์ยังถึงกับก่อรวมเอาไว้ด้วยดินแดนขนาดเล็กอยู่แห่งหนึ่ง จึงได้อยู่นอกเหนือเกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้

 

“ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นั้นจะมีการเปิดดินแดนขนาดเล็กขึ้น ย่อมต้องเป็นดินแดนที่เป็นดั่งแดนในตำนาน ไม่ทราบว่าสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงของพวกเรา ว่าจะเป็นดุจดั่งการคาดเดาว่าจะปรากฏตัวขึ้นอย่างที่ท่านบัญชาสวรรค์กล่าวหรือไม่?” มีคนเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ ส่งเสียงดังลอดออกมา จนทำให้ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมาในทันที

 

“สุดยอดรุ่นเยาว์ เยี่ยจง!”

 

ในช่วงเวลาขณะนี้เอง นามนี้ยังคงถือได้ว่าสามารถที่จะสร้างแรงกดดันแฝงเข้าภายในจิตใจของผู้คนได้อย่างมหาศาล ไร้ผู้ต้านในแดนเทพ ฆ่าสังหารองค์ชายสิบสาม เผชิญหน้ากับอัจฉริยะนับสิบอย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร ต่างก็เพียงพอที่จะทำให้ตื่นตกใจ และทำให้เกิดความหวาดกลัวได้

 

หากว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นี้ เพื่อที่จะเข้าร่วมการแย่งชิงภายในตำนานไม่สูญสลาย คาดว่าคงจะต้องเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่แน่

 

“เชอะ การคำนวณของท่านบัญชาสวรรค์ก็ใช่ว่าจะตรงทุกครั้ง ขอเพียงเยี่ยจงมิใช่คนโง่เขลา แน่นอนว่าย่อมไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ควรทราบว่า ในตอนนี้ได้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนกำลังเสาะหาเขาอยู่ อีกทั้งยังมีอัจฉริยะไม่น้อยที่ต่างก็รอคอยที่จะเข้าร่วมศึกนี้ หากว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมา ก็เป็นเหมือนดั่งเช่นการหาที่ตายด้วยตนเอง!” มีคนส่งเสียงดังชิออกมาอย่างเย็นชา ด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบอย่างถึงที่สุด

 

“จะกลัวก็แต่ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นดินแดนขนาดเล็กใดต่างก็ถือได้ว่ามีพลังอยู่ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดต่างๆ เล่นผู้ที่มีพลังฝีมือมากเกินไปก็ไม่อาจที่จะสามารถเข้าไปได้ ดินแดนขนาดเล็กอย่างศิลาตะวันบริสุทธิ์ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้น หากว่าเยี่ยจงปรากฏตัวขึ้นมา ถ้าให้คาดเดาอีกครั้ง เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม? ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ดินแดนซีฮวงก็ถือได้ว่าอยู่ในช่วงวิกฤต สามารถที่จะทำให้เกิดความวุ่นได้ทุกเมื่อ ในเมื่อราชันและมหาราชันต่างก็ไม่ออกมา แล้วจะมีซักกี่คนกันที่พอจะสามารถต่อกรกับสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงได้!” มีคนได้เอ่ยถึงข้อนี้ออกมา ภายในน้ำเสียงยังแฝงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัวอยู่หลายส่วน เพียงพอที่จะสามารถทำให้คนที่เป็นดั่งสุดยอดรุ่นเยาว์ จะง่ายดายได้ถึงระดับไหนกัน? ซึ่งเป็นสิ่งที่อัจฉริยะส่วนหนึ่งโดยทั่วไปไม่อาจที่จะเทียบได้ แต่ว่าภายในใจก็เห็นถึงความสำคัญของเยี่ยจงอย่างเต็มเปี่ยม

 

ท่ามกลางห้องพิเศษ เยี่ยจงก็ได้จ้องมองบริเวณทางด้านล่างอย่างเย็นชา ในตอนนี้ก็ได้มีผู้คนมากมายกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องของตนเองอยู่ แต่ว่าสิ่งนี้ก็ไม่พอที่จะทำให้สีหน้าของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงไปได้เลบแม้แต่น้อย จะมีก็แต่เพียงแววตาที่เย็นชาปรากฏขึ้นมา

 

นั้นก็เพราะว่า เยี่ยจงมองออกว่า บุคคลผู้นี้จงใจที่จะกล่าวออกมาถึงความข้อนี้ก็เพื่อ คิดที่จะให้ตนเองเปิดเผยตัวตนออกมา อย่างน้อยในหมู่คนเหล่านี้คงจะต้องตระเตรียมวิธีการอันใดที่จะใช้ลงมือต่อตนเอง

 

“น่าเสียดาย ในครั้งนี้สุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงคงจะไม่ออกมา เพื่อทำให้พวกเจ้าหวาดกลัว จึงสามารถที่จะเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แทนได้ ซิง!” เยี่ยจงกล่าวออกมาเสียงต่ำภายในใจ ภายในแววตาก็ได้ปรากฏความเย็นชาขึ้นอย่างถึงที่สุด เกี่ยวกับหมู่ผู้คนที่ได้เข้าร่วมในการล้อมโจมตีลัทธิแห่งดวงดาวเหล่านั้น เขาย่อมไม่เกรงใจแม้แต่น้อย รวมไปจนถึงบุคคลอื่น หากว่ามีความหาญกล้าพอที่จะมาคิดหาเรื่องกับตนเอง เยี่ยจงก็ไม่เกรงอกเกรงเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน

 

“ดูเหมือน ทุกท่านจะมีความเสนาะสนใจต่อข่าวลือนี้เป็นอย่างมาก!” ด้านบนแท่น เหยียนหลิงหลงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา “แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจง รัฐเหยียนของพวกเรากลับยังมิได้ข่าวสารอันใดเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย หากว่าได้รับมาแล้วละก็ ในตอนนี้คงจะเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน ขอเพียงต้องการที่จะทำให้ทุกท่านได้รับความพอใจที่มากยิ่งขึ้น การประมูลในวันนี้ ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ ทุกท่าน ยังคงขอเชิญให้ทุกท่านยังคงร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลังของพระราชวังต่อไป ต่อจากนี้ก็ขอให้พูดคุยกันตามอัธยาศัย ให้โอกาสแก่ทุกท่านมีโอกาสพูดคุยกันให้มากขึ้น”

 

“ท่านองค์หญิง ในเมื่อการประมูลในตอนนี้ก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ไม่ทราบว่าจะสามารถที่จะให้เวลาแก่ข้าสักครู่ได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้คลี่คลายเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวเล็กน้อย!”

 

พริบตานั้นเอง ก็ได้มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากภายในห้องพิเศษทางด้านข้าง หลังจากนั้นก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งท่ามกลางห้องโถงใหญ่ จนกระทบเข้าไปยังโสตของผู้คนทั้งหมด

 

เหยียนหลิงหลงเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อย ทว่าไม่นานนักบนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นมา นางอดที่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ แล้วกล่าว: “หากคิดที่จะลงมือ ทางพระราชวังเราก็ได้ตระเตรียมเวทีประลองเอาไว้แล้ว”

 

“งั้นหรือ นี้สามารถเรียกได้ว่าลงมือแล้วอย่างงั้นหรือ?” เสียงอันเย็นเยียบก็ได้ดังขึ้นกระทบโสตขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียง “ตูม” ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา จนทำให้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นที่ห้องพิเศษหลังหนึ่ง และจากนั้นทางด้านใน ก็ได้มีชายหนุ่มผมเงินค่อยๆ ก้าวเดินออกมา เขาลอยล่องมาตามท่ามกลางอากาศ จ้องมองเข้าไปยังห้องลับที่เยี่ยจงอยู่ บนใบหน้าก็ได้ทอแววตาเย็นชาอย่างถึงที่สุด

 

“ซิง ไสหัวออกมารับความตายซะ!” ชายหนุ่มผมเงินมิได้เอ่ยปากกล่าวอันใด แต่ว่าบริเวณทางด้านหลังของเขา ก็ได้มียอดฝีมือรุ่นเยาว์อยู่หลายคนร่ำร้องออกมา น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset