เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 391 พลังอำนาจ

ตอนที่ 391 พลังอำนาจ

 

“เป็นพวกเขา คนของสำนักหวูหว่างแห่งแดนใต้ (หนานฮวง) ! “

 

ท่ามกลางกลุ่มผู้คน ก็ได้มีคนส่งเสียงตกใจขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ทอดตามองเข้าไปด้วยสายตาที่แปลกประหลาด นั้นก็เพราะว่ามีผู้คนมากมายต่างก็ทราบ ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นที่หอสวรรค์ คนของสำนักหวู่หว่างได้พลาดท่าให้กับ “ซิง “ก่อนหน้านี้ ในตอนนี้พวกเขากลับคิดที่จะลงมือแล้ว? ที่แท้ก็ไม่กลัวว่าจะเสียหน้าอีกครั้งหรือยังไงกัน?

 

เพียงแต่ว่า ภายในคำพูดของพวกเขากลับมิอาจที่จะสามารถดึงดูดการตอบกลับอันใดมาได้ ห้องพิเศษทั้งหมดต่างก็อยู่ในความสงบอย่างถึงที่สุด มิได้มีผู้ใดคิดจะออกหน้าแต่อย่างไร

 

“ช่างบังอาจยิ่งนัก สามหาว! “

 

ทางด้านหลังของชายหนุ่มผมเงิน ก็ได้มีคนผู้หนึ่งส่งเสียงเย็นชาขึ้น แล้วก็ได้พบเห็นทั้งสองมือของเขาทั้งตบทั้งตะปบอยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “โครม “ขึ้นมา ภายในห้องพิเศษที่เยี่ยจงอยู่ก็ได้ถูกทำลายลงไปในทันที จนเผยให้เห็นผู้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งสี่คนขึ้นมา

 

“ศิษย์พี่ ก็คือเขา หลายวันก่อนหน้านี้ได้จัดการกับอัจฉริยะสำนักข้า! “มีคนเอ่ยปากขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้ทอเป็นประกายดุร้ายขึ้น เขาจ้องมองไปเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยแววคนโกรธแค้นขึ้นมา ราวกับว่ามีความเกลียดชังจนคิดที่จะต้องการฆ่าสังหารเยี่ยจงไปในทันที

 

“ยอดมาก! ยอดมาก! ยอดเยี่ยมมาก! “

 

ชายหนุ่มผมเงิน หยินจวอ ถือได้ว่าเป็นถึงอัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่าง ในตอนนี้ก็ได้เหม่อมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏประกายแห่งเพลิงขึ้นมา เขารอคอยที่จะให้ถึงช่วงเวลาในตอนนี้มาอย่างยาวนาน ในตอนนี้ก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมา เพียงแต่ใช้พลังทลายอากาศออกไป มือขวาก็ได้ปรากฏประกายพลังปราณขึ้นมา แล้วก็ได้กลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันที มุ่งหน้าเข้าไปยังทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

ชิงหญิงสามสาวยังคงมีสีหน้าที่สงบ มิได้แสดงเจตนาที่จะลงมือแต่อย่างไร

 

เยี่ยจงที่ความจริงกำลังนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็ได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ ในทันที กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เกะกะลูกตาจริง ไสหัวไป! “

 

อัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่างฝ่ายตรงข้าม เขาไม่แม้แต่จะสบตามองเข้าไปตรงๆ แม้แต่คราเดียว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยท่าทางที่องอาจอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

 

หยินจวอหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าหลายคนที่เบื้องหน้าสายตานี้จะน่าตกใจอยู่หลายส่วน แต่ว่าเขาก็ไม่คิดว่า ตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน นี้ย่อมต้องเป็นความเชื่อมั่นที่ตัวเขาเองพึงจะมี ในตอนนี้บนร่างกายของเขาก็ได้กระตุ้นพลังลมปราณขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับพลังที่อีกเพียงแค่ครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ในระดับราชันได้แล้ว หรือจะกล่าวได้ว่า แท้ที่จริงแล้วเขาก็ได้มีพลังฝีมือในพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณสูงสุดแล้ว

 

“ผลัวะ—— “

 

ในที่สุด เยี่ยจงก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งตบออกไป แล้วก็ได้มีพลังฝ่ามือประกายปราณขนาดใหญ่รวมเข้าด้วยกันพวยพุ่งออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “โครม “ดังขึ้นมา ในขณะนี้ก็ได้มีประกายแสงสีโลหิตลอยล่องออกมา กระทบจนแตกเข้าไปยังหัวไหล่ของหยินจวอนั้น

 

“ครืน—— “

 

ร่างกายของเขาก็ได้ลอยล่องออกไปอย่างรุนแรงท่ามกลางอากาศ กระแทกชนเข้าไปด้านบนของพื้นดิน กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งอย่างรุนแรง สีหน้าก็ได้ปรากฏแววตาความยากที่จะเชื่อขึ้นมา

 

“อะไรกัน!? “

 

“เป็นไปได้อย่างไงกัน!? “

 

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือคนอื่นๆ จากสำนักหวูหว่าง หรือว่าจะเป็นเหล่ายอดฝีมือมากมายที่มุงดูกันอยู่ ในตอนนี้ร่างกายของแต่ละคนก็ได้เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมา แววตาบนใบหน้าก็ได้แสดงออกถึงความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

ขนาดอัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่าง ไม่ว่าจะมีความแข็งแกร่งถึงระดับใด บุคคลที่มีลงมือกับผู้ที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ อย่างน้อยผู้คนต่างก็ต้องคิดว่า ทั้งสองฝ่ายจะต้องขึ้นไปประลองอยู่ทางด้านบนเวทีกันอย่างแน่นอน แต่ว่ากลับมิได้มีเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น เพียงแค่การลงมือ อัจฉริยะอันดับสองก็ได้ถูกสูญเสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง! นี้เรียกได้ว่าเป็นความน่าตกใจถึงเพียงใด แล้วความแข็งแกร่งเช่นนี้? ซิงผู้นี้ ที่แท้มิได้แต่เพียงแค่ถูกเรียกขานว่าสุดยอดอันดับหนึ่งแล้วจะเป็นอะไรกัน

 

“อย่างน้อยก็ยังพอที่จะเทียบเคียงได้กับสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงแล้วละ! “

 

มีคนถอนหายใจออกมา ภายในดวงตาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดหวั่นขึ้นมา

 

“คิดไม่ถึงว่าดินแดนซีฮวงจะมีบุคคลที่ใช้เพียงความสามารถเพียงคนเดียวกดดันผู้คนหมู่มากได้ถึงเพียงนี้ หากว่าเขาและสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงเผชิญหน้ากัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นจะน่าสนใจได้ถึงเพียงใด! “

 

“เขาคงมิได้มาจากดินแดนซีฮวงหรอกนะ นั้นก็เพราะว่าจวบจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดทราบถึงสถานะที่มาของเขาได้ เพียงแต่ว่าแน่ใจได้ว่าจะต้องมาจากแดนลับแลที่เร้นลับอย่างแน่นอนแล้ว ขุมกำลังปกติธรรมดา จะสามารถที่จะเกาะสร้างผู้กล้าออกมาเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน? “

 

ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการหวาดหวั่น อีกทั้งสีหน้ายังแฝงความไม่แน่ใจระคนตกใจอยู่อย่างเข้มข้น ต่างก็กำลังถกปัญหานี้ บุคคลเช่นนี้มาจากสถานที่แห่งหนใด

 

เรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงนี้ เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากท่ามกลางห้องโถงใหญ่ เขาไพร่มือทั้งสองข้างไว้ ทอดสายตาอันดุร้ายเย็นชาอย่างถึงที่สุดไปยังบนร่างของหยินจวอ

 

“ก่อนหน้านี้ข้าก็ราวกับได้กล่าวมาก่อน พวกเจ้าถือได้ว่ามีโชคเป็นอย่างมาก สถานที่แห่งนี้คืออาณาจักรเหยียน แต่ว่าพวกเจ้ากลับมิได้มาเพียงครั้งเดียว、แต่ยังถึงกับมาท้าทายข้าถึงสามครั้งสามครา พวกเจ้ารู้สึกว่าข้าไม่กล้าที่จะลงมือฆ่าอย่างงั้นหรือ? “เยี่ยจงถามกลับไป ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ว่าก็ยังคงแฝงเอาไว้ด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น

 

“เยี่ยจง เจ้าอย่าพึ่งได้ใจจนเกินไป ศิษย์พี่ใหญ่ข้าก็อยู่ที่อาณาจักรเหยียน สามารถที่จะจัดการกับเจ้าได้ทุกเวลา! เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป! “หยินจวอพยายามประคับประคองตัวลุกขึ้นมา อีกทั้งยังเอ่ยวาจาดุร้ายขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“งั้นหรือ? “เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา มุ่งหน้าก้าวออกไปทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้อัดแน่นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

 

“ซวบ—— “

 

ตอนนี้ขั้วพลังของหยินจวอได้ถูกเยี่ยจงปลิดลง ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้สั่นเทาขึ้น กระอักโลหิตคำโตออกมาอย่างรุนแรงคำหนึ่ง และยอดฝีมือจากสำนักหวูหว่างที่อยู่ทางด้านข้างของเขาไม่กี่คนก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก ในตอนนี้ต่างก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต ทอประกายสีหน้าดุร้ายขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

ผู้แข็งแกร่งต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา คนเบื้องหน้าผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง พลังอำนาจของซิงผู้นั้นอาจจะเรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงเสียอีก เขายังไม่ทันแม้แต่จะลงมือ เพียงแต่ว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็ได้ทำให้ยอดฝีมือสำนักหวูหว่างกระอักโลหิตถอยออกไปได้ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงใด

 

ชุดสีเงินบนร่างของหยินจวอในตอนนี้ก็ได้โชกด้วยโลหิตสีแดง ท่ามกลางเส้นผมสีเงินก็ได้มีโลหิตไหลรินออกมาทีละหยด เขาเพียงสัมผัสได้ถึงความชาที่อยู่ใจกลางหน้าอก ตลอดทั่วทั้งร่างก็ได้สั่นเทาไม่หยุดนิ่ง เขาได้พยายามที่จะเก็บซ่อนบางอย่างที่อยู่ภายในนัยน์ตา ยากที่จะได้ นั้นก็เพราะว่าตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้เย็นขึ้นอย่างเฉียบพลันราวน้ำแข็ง ไม่อาจที่จะเก็บซ่อนอาการหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจได้

 

เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น เขาก็ได้เสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง ทั้งๆ ที่เพียงแค่ถูกพลังกดดันของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เขาก็ต้องกระอักโลหิตออกมาคำโต ควรทราบว่า เพียงแค่แววตาเพียงแววตาเดียวเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถมีพลังในการทำลายที่มากมายได้ถึงเพียงนี้กัน?

 

“นี้ก็คือพลังแรงกดดันของขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายในตำนานนั้นเอง อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุดเท่านั้น จึงจะสามารถมีพลังแรงกดดันเช่นนี้ได้ ……คนผู้นี้ย่อมต้องมีพลังอยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายแล้วอย่างแน่นอน อีกทั้งขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายเช่นเขา เกรงว่าเมื่อนำไปเทียบกับสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์อย่างเยี่ยจง ยังถือได้ว่าแข็งแกร่งอยู่หลายขุม! “มีคนกล่าวออกมาเสียงเบา เพื่อที่จะบอกออกมาถึงจุดที่เป็นความน่ากลัวของสุดยอดอันดับหนึ่ง “ซิง “ผู้นี้

 

ตามความเป็นจริง ก็เป็นอย่างที่คนผู้นี้กล่าวออกมาทั้งหมดก็มิปาน ต่อให้เป็นขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายในระดับเดียวกัน ก็ถือได้ว่ายังมีแบ่งสูงต่ำแกร่งอ่อน พลังกายเนื้อที่ไม่สูญสลายที่พึ่งพาการทะลวงจากภายนอกเข้าช่วย แน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่เทียบได้กับผู้ที่เข้าสู่พลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายด้วยตนเองได้ และเยี่ยจงขอบเขตกายเนื้อสูญสลายในตอนนี้ อีกทั้งยังผ่านการสูงสุดคืนสู่สามัญสำเร็จนับร้อยครั้ง เรียกได้ว่าผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน ถือได้ว่าเป็นระดับความน่ากลัวที่มากมายอย่างยิ่ง เกินกว่าความคาดเดาของผู้คน กล่าวไปก็เหมือนดั่งทองที่ไม่มีวันสึกหรอ

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเจ้าเกินไปแล้ว…… “หยินจวอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เดินซวนเซไปมา แต่ว่าเขาในตอนนี้ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อีก เพียงแต่ถอยไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดความกลัวตามหลังมาเป็นสาย ทำให้มั่นใจได้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจงอย่างแน่นอน

 

“เอ๊ะ ในเมื่อกล่าวถึงเยี่ยจงออกมา ผู้ใดจะอยู่ในจุดสูงสุด แน่นอนว่าภายในรุ่นเดียวกันต่างก็ถือได้ว่าไร้ผู้ต้านอย่างแน่นอน หากมองในวันนี้แล้วละก็ สุดยอดรุ่นเยาว์ผู้นี้ ซิง แน่นอนว่าย่อมสามารถที่จะต่อกรกับเยี่ยจงได้! “มีคนตกใจขึ้นมา วิพากษ์วิจารณ์ออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ต่อให้ไม่อาจที่จะสามารถจัดการกับเยี่ยจงผู้นั้น แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังเรียกได้ว่าสูสีก้ำกึ่ง ยากที่จะคาดเดาได้ การที่บุคคลทั้งสองคนที่เกินกว่าคำว่าธรรมดาหากว่าต้องมาปะทะกัน คงจะตระการตาขึ้นมาไม่น้อย! “มีคนวิจารณ์ขึ้นมา ภายในคำพูดก็แฝงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม นั้นก็เพราะหากว่าต้องขึ้นสังเวียนกับคนในระดับเช่นนี้ อีกทั้งยังเกิดอยู่ในช่วงเวลายุคเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นเหมือนความโชคดีอย่างหนึ่ง แล้วก็เป็นเหมือนความโชคร้ายอย่างหนึ่ง คนเช่นนี้แน่นอนว่าต้องเปล่งประกายระยิบระยับไปทั่วทั้งดินแดนจนน่าตกใจแน่นอน และหวาดหวั่นนับตั้งแต่โบราณกาลจวบจนทุกวันนี้ คิดที่จะนำมาเพื่อเปรียบเทียบ คาดว่าคงจะเป็นไปไม่ได้

 

“เจ้าก็คือซิง? “ม่านไข่มุกของห้องพิเศษอีกทางด้านหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้ถูกเลิกออกมา ร่างกายของชายหนุ่มท่าทางองอาจผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นทางด้านหน้าหน้าต่าง สีหน้าของเขาสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าภายในดวงตากลับทอเป็นประกายคล้ายกับกำลังค้นหาบางอย่างอยู่ชนิดหนึ่ง

 

และบริเวณทางด้านหลังของเขา จื่อเฮ่าที่เคยถูกเยี่ยจงตบฝ่ามือเดียวในตอนนี้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาติดต่อกัน

 

เยี่ยจงก็ได้เกิดความตื่นเต้นขึ้นภายในใจ พอจะคาดเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มท่าทางองอาจเบื้องหน้าสายตาผู้นี้อย่างน้อยต้องมาจากหุบเขาเมฆาม่วง

 

เขาจ้องมองไปทางชายหนุ่มท่าทางองอาจอย่างเงียบสงบ กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ : “เป็นข้าเอง “

 

“นับตั้งแต่โบราณกาลวีรบุรุษกำเนิดมาจากรุ่นเยาว์ ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง! ต่อให้ข้าที่มาจากหุบเขาเมฆาม่วงที่เป็นถึงแดนลับแลเก่าแก่อันดับหนึ่งแห่งหนานฮวง ก็ใช่ว่าจะมีซักกี่คนที่พอจะสามารถเทียบเคียงกับเจ้าได้กัน “ชายหนุ่มท่าทางองอาจพยักหน้า เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

กลุ่มผู้มีอำนาจต่างก็พยักหน้า ทว่าไม่นานนัก ผู้คนไม่น้อยต้องมีปฏิกิริยากลับมา วินาทีนั้นเองก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา เหม่อมองไปที่ชายหนุ่มท่าทางองอาจด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นตกตะลึงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ชายหนุ่มท่าทางองอาจนี้กำลังยกย่อง “ซิง “แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็เป็นการบอกว่า ท่ามกลางภายในหุบเขาเมฆาม่วง ยังคงสามารถที่จะเสาะหาคนที่สามารถเทียบเคียงได้กับ “ซิง “ผู้นี้ได้อยู่ ในข้อนี้ได้ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา หุบเขาเมฆาม่วงนี้ มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ? หรือจะกล่าวว่า ชายหนุ่มท่าทางองอาจผู้นี้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้เชียว?

 

ควรทราบว่า อัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่างหยินจวอเมื่อครู่ผู้นั้น ต่างก็ได้พลาดท่าภายใต้น้ำมือเยี่ยจงโดยที่ยังไม่ทันที่จะทำอันใดเลย! และตอนนี้ชายหนุ่มท่าทางองอาจผู้นี้ยังหาญกล้าออกมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจอยู่อย่างเปี่ยมล้น หรือสมควรกล่าวว่า เขาคิดว่าตนเองสามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเยี่ยจงได้งั้นหรือ!?

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าได้บอกไว้ก่อนหน้าแล้ว หุบเขาเมฆาม่วงเราจะไม่สร้างความขัดแย้งกับพี่ใหญ่ซิง ท่านคิดว่าคำพูดของข้านั้นเป็นเพียงลมที่ลอยผ่านหูงั้นหรือ? “องค์หญิงจื่อหวินเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภายในน้ำเสียงประดุจเสียงนอกร้องก็มิปาน แต่ว่าก็ยังคงไม่น้อยที่สามารถที่จะฟังออกว่าได้มีโทสะแฝงเอาไว้อยู่ภายในคำพูดอยู่

 

“พี่ใหญ่ซิงงั้นหรือ…… “องค์หญิงจื่อหวินนั้นเรียกขานศิษย์ชายหนุ่มท่าทางองอาจว่าศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้ประกายสายตาก็ได้ทอประกายสายตาดับหายไป ขณะนี้เขามองเข้าไปทางด้านองค์หญิงจื่อหวินและเยี่ยจงทั้งสองอย่างลึกซึ้ง จึงค่อยได้เผยให้เห็นรอยยิ้มและความอบอุ่นขึ้นมาเป็นสาย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูเหมือนว่าองค์หญิงท่านและพี่ใหญ่ซิงท่านนี้ จะมีความสัมผัสไม่กันไม่น้อยเลยสินะ! “

 

คำว่าพี่ใหญ่สองคำนี้ ในช่วงเวลาที่องค์หญิงจื่อหวินได้กล่าวออกมา ก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความเย้ายวนอย่างมีเสน่ห์ของเด็กสาวอยู่ จนทำให้ผู้คนเกิดตื่นเต้นขึ้นมาได้ แต่ว่าในตอนนี้กลับถูกชายหนุ่มท่าทางองอาจกล่าวออกมาเช่นนี้ ความหมายที่แฝงเอาไว้ทั้งหมดก็เหมือนถูกทำลายลงไป เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติที่ประหลาดพิกลอยู่ชนิดหนึ่ง จนทำให้ผู้คนแต่ละคนต้องกลอกตาไปมา เป็นเรื่องที่ชัดเจนอย่างยิ่ง มีอยู่หลายคำพูดที่เด็กสาวสามารถกล่าวออกมา แต่ว่าชายหนุ่มมิอาจที่จะสามารถรับฟังได้

 

เยี่ยจงก็ได้กลอกตาไปมาเล็กน้อย ถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกขานตนเองว่าพี่ใหญ่เช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือเยี่ยงเขา ในตอนนี้ก็ยังต้องเกิดความรู้สึกรังเกียจชนิดหนึ่งขึ้นมาได้

 

เพียงแต่ว่า พริบตานั้นเอง ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมา

 

นั้นก็เพราะว่า ในตอนนี้ชายหนุ่มท่าทางองอาจก็ได้หัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มของเขานั้นเรียกได้ว่าองอาจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีท่าทางที่สบาย แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกประดุจคนใกล้ชิดก็มิปาน แต่ว่าในตอนนี้ กลับปกคลุมเอาไว้ด้วยความเย็นชาขึ้นมาเป็นสาย เรียกได้ว่ายากที่จะปรากฏขึ้นมา แต่ว่าก็ปรากฏรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างชัดเจน

 

เยี่ยจงหันหน้ากลับมา มองไปยังทางด้านองค์หญิงจื่อหวินที่ในตอนนี้เริ่มกรอกนัยน์ตาลุกลี้ลุกลน ภายในใจก็ได้ค้นพบว่า

 

นับตั้งแต่โบราณกาลได้กล่าวเอาไว้ว่าหญิงงามมักจะชักนำเภทภัยเข้ามา เรื่องราวในวันนี้ เห็นทีคงจะเป็นเช่นนั้นแล้ว

 

เพียงแต่ว่า ด้วยลักษณะนิสัยของเยี่ยจง เขามักจะไม่กล่าวอธิบายอันใดออกมาให้มากความนัก ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มท่าทางองอาจ ก็ค่อยได้ยกมือคารวะขึ้นกล่าว : “ยังมิได้ขอคำชี้แนะ “

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset