เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 394 เจดีย์เฮ่าเทียน

ตอนที่ 394 เจดีย์เฮ่าเทียน

 

ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ ตอนนี้มีเพียงเยี่ยจงและองค์หญิงจื่อหวินทั้งสองที่ถูกกักเข้ามายังท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ นอกเสียจากตอนนี้แล้ว แล้วก็มีคนของสำนักหวูหว่างและหุบเขาเมฆาม่วง ส่วนบุคคลอื่นๆ นั้นได้ถูกส่งตัวออกไป รวมไปทั้งชิงหญิงและอัจฉริยะอื่นๆ ต่างก็ไม่เอ่ยอันใดขึ้นมา พวกเขาต่างก็อยู่ในอาการสงบจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า คิดที่จะต้องการดูว่าเกิดอะไรกันขึ้นกันแน่

 

“ซิง เจ้ายังไม่ทราบว่าสิ่งของชิ้นนี้คืออะไรอยู่สินะ? วัตถุนี้เรียกว่าเจดีย์เฮ่าเทียนของหุบเขาเมฆาม่วงข้า สามารถกักขังหมื่นสรรพสิ่ง ผลาญสังหารปีศาจมานับคณนา วันนี้เจ้าตายแน่อย่างแน่นอน! “บนพื้นก็ได้มีเสียงของจื่อเฮ่าที่กำลังกัดฟันพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นตอนนี้ กัดฟันมองเข้าไปทางด้านของเยี่ยจง บนใบหน้าปรากฏความดุร้ายขึ้นมา

 

“ที่แท้ก็คือเจดีย์เฮ่าเทียนในตำนานก็นั้นเอง กล่าวกันว่าถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมบัติที่มีชื่อเสียงจากดินแดนหนานฮวง เล่าขานกันว่า เจดีย์เฮ่าเทียนมีพลังในขอบเขตที่มากเกินกว่าที่จะเป็นสมบัติระดับเซียน เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้ “นางเซียนชิงหญิงทอประกายดวงตาขึ้น บนใบหน้าก็ได้ปรากฏอาการตื่นตกใจขึ้นมา

 

“อะไรกัน? ท่ามกลางความเล่าลือของเจดีย์เฮ่าเทียน ถือได้ว่าเป็นสมบัติอันดับหนึ่งแห่งหุบเขาเมฆาม่วง? “ผู้คนมากมายต่างก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา จนต้องเกิดอาการตกใจขึ้นมา

 

เจดีย์เฮ่าเทียน เล่าลือกันว่าเป็นสมบัติที่มีค่าที่มีที่มาจากแดนเทพ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสังหารนับหมื่นชีวิต ประหัตประหารปีศาจระดับราชัน หากว่าจำเป็นแล้วละก็ เล่าลือกันว่าแม้แต่ระดับเทวะก็ยังสามารถผนึกได้ มีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

กล่าวกันว่า เมื่อก่อนนี้ที่จ้าวหุบเขาแห่งหุบเขาเมฆาม่วงมีพลังฝีมือเทียบฟ้า ก็เพราะว่าในมือได้ครอบครองเอาไว้ด้วยเจดีย์เฮ่าเทียนฆ่าสังหารไปทั่วหุบเขาเจียงซานแห่งดินแดนซีฮวง จนทำให้หุบเขาเมฆาม่วงมีชื่อเสียงเกรียงไกรจนถึงขั้นนี้ได้

 

“นี้คงมิใช่เป็นสิ่งของชิ้นนั้นแห่งหุบเขาเมฆาม่วงหรอกนะ กระทั่งสิ่งของที่เปรียบเสมือนสิ่งของประจำสำนัก ที่ไม่อาจนำออกมาใช้โดยสุ่มสี่สุ่มห้า อีกทั้งยังน่าจะเพียงแต่สิ่งของที่ลอกเลียนแบบออกมา “หลังจากที่โหยวเหลียนจ้องมองไปอย่างเคร่งเครียดแล้ว จากนั้นก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“น่าจะเป็นเพียงแค่สิ่งของลอกเลียนแบบอย่างไม่ต้องสงสัย กล่าวกันว่าถือได้ว่าเป็นสิ่งของที่จัดอยู่ในระดับเทวะได้แล้ว ต่างก็สามารถที่จะทำการหลอมเลียนแบบออกมาได้ ถึงแม้ว่าในด้านระดับพลังทำลายจะเทียบมิได้กับตัวต้นแบบถึงหนึ่งในสิบ แต่ก็ยังคงถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง! “อัจฉริยะเผ่าปีกจินยี่เอ่ยปากขึ้นมา อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง สายตาย่อมมีความร้ายกาจไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่นอย่างแน่นอน

 

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ยอดฝีมือมากมายต่างก็ต้องเกิดอาการตกใจขึ้นมา สีหน้าหวาดหวั่นขึ้น แต่ว่าเจดีย์เฮ่าเทียนนี้ยังเป็นแค่เพียงของเลียนแบบเท่านั้น ยังถึงกับมีพลังทำลายได้ถึงเพียงนี้ มีความน่าหวาดกลัวที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้ อีกทั้งถ้าหากเจดีย์เฮ่าเทียนปรากฏขึ้นมาจริง อย่างน้อยก็คงจะต้องผนึกฆ่าสังหารติดต่อกันนับวันนับเดือนเลยอย่างงั้นหรือ?

 

“ซิงผู้นี้ อย่างน้อยก็คงจะต้องจบสิ้นแล้วกระมั่ง? นั้นถือได้ว่าเป็นเจดีย์เฮ่าเทียนในตำนานเลยเชียวนะ ต่อให้เป็นสิ่งของเลียนแบบก็ตาม พลังทำลายก็ยังถือได้ว่ามีอยู่อย่างมากมาย! “ผู้คนไม่น้อยต่างก็ถอนหายใจออกมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏเสียดายขึ้น กับบุคคลเช่นนี้ หากว่าเติบโตขึ้นมาอีก การเย้ยไปทั่วทั้งสี่ดินแดนย่อมมิใช่ปัญหาอันใด คิดไม่ถึงว่าในวันนี้กลับจะต้องมาถูกฆ่าสังหารลงเช่นนี้ จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจเชื่อได้ลง

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ บนใบหน้าขององค์หญิงจื่อหวินก็ได้ทอความเยียบเย็นดังฤดูเหมันต์ นั้นก็เพราะว่าเจดีย์เฮ่าเทียนนั้นก็ได้ทำการกักขังนางเอาไว้ด้วย ตอนนี้นางต้องการที่จะลงมือก็ยังทำมิได้

 

และทางด้านเยี่ยจงก็เพียงแต่แค่ขมวดคิ้วน้อยๆ ขึ้นมา สีหน้ามิได้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก การลงมือในครั้งนี้เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาอยู่ไม่น้อย ท่ามกลางพลังแรงกดดันของเจดีย์เฮ่าเทียน ราวกับพลังตราผนึกนภาที่ตนเองใช้ เกี่ยวกับในด้านของพลังเช่นนี้ เยี่ยจงถึงแม้จะไม่เคยทำความเข้าใจ แต่ก็ย่อมเข้าใจในลักษณะชนิดของพลังในการสังหารและจุดที่เป็นความน่ากลัวของมัน ตอนนี้ จางเฟ่ยเฉิงทางหนึ่งก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ตระเตรียมการที่จะสังหารตนเองเอาไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้ว อีกทั้งยังมิให้โอกาสตนเองได้เคลื่อนไหว

 

“สหายร่วมแนวทางหยิน หากว่าเจ้ามีความสนใจแล้วละก็ สามารถที่จะลงมือก่อน ฟาดฟันเขาก็ถือเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลหนึ่งนั้นก็เพื่อการล้างอายให้กับตนเอง แน่นอนว่า เรื่องราวที่เหลือนี้ก็ขอให้มอบมาให้แก่หุบเขาเมฆาม่วงเรา พวกเราจะจับตัวเขาเพื่อนำกลับไปพิจารณาโทษเอง “จางเฟ่ยเฉิงยิ้มขึ้นมาเบาๆ จ้องมองไปทางด้านของหยินจวอด้วยท่าทางองอาจพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา ดูไปแล้วองอาจเป็นอย่างยิ่ง

 

ความแข็งแกร่งของเจดีย์เฮ่าเทียน เขาย่อมต้องกระจ่างมากที่สุด ถึงแม้ว่าของชิ้นนี้จะเป็นเพียงแค่ชิ้นเลียนแบบ แต่ว่าจางเฟ่ยเฉิงก็เชื่อมั่นว่า ยิ่งถ้าเป็นยอดฝีมือในระดับมหาราชันก็ใช่ว่าจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้ แล้วอย่าว่าแต่กับเพียงแค่เจ้าเด็กน้อยที่มีพลังยังไม่ถึงในระดับราชันเพียงคนเดียว?

 

“ข้าจะมองดูเจ้าตายไปเอง ดูว่าเจ้าจะดูอเนจอนาถกว่าข้าถึงเพียงใดกัน! “จื่อเฮ่าพยายามลุกขึ้นมา ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจ้องมองไปที่เยี่ยจง บนใบหน้าก็ได้ฉายแววตาอาฆาตแค้นออกมาไม่ขาดสาย

 

“เป็นการลงมือที่เยี่ยมมากของพี่จาง ข้าน้อยขอยอมรับ “สีหน้าของหยินจวอก็ได้มีความประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งดินแดนหนานฮวงเช่นเดียวกันนั้น เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีระดับชั้นที่แตกต่างจากจางเฟ่ยเฉิงได้มากมายถึงเพียงนี้ เพียงแต่ว่า ในตอนนี้เขากลับมิได้คิดถึงเรื่องอื่นใดออกมามากมาย เพียงแต่พยักหน้าไปมา จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าก้าวยาวๆ ออกทางด้านของเยี่ยจง บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรังสีสังหารออกมา

 

มีผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งถูกเยี่ยจงเด็ดแขนจนพิการไปข้างหนึ่ง หากกล่าวโดยอัจฉริยะอันดับสองแห่งสำนักหวูหว่างผู้นี้ สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่น่าขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง เขาจำเป็นที่จะต้องจัดการเยี่ยจงให้พิการด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะว่าที่จะลบเลือนความเกลียดชังภายในใจได้

 

ยอดฝีมือหุบเขาเมฆาม่วง ยอดฝีมือสำนักหวูหว่างที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้แต่ละคนต่างก็มีรอยยิ้มเย็นชาเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งยังคิดที่จะลงมือพร้อมกัน แล้วก็ได้เริ่มเข้ามาทีละคนๆ นั้นก็เพราะว่าพวกเขาต่างก็ได้พลาดท่าเสียทีภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงไปไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสบโอกาส ย่อมต้องขอล้างแค้นด้วยตนเอง

 

“ต่อให้มีความได้เปรียบอยู่เช่นนี้ พวกเจ้าก็ยังคงเป็นได้แต่เพียงแค่สวะเท่านั้น “

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็ได้พบว่าเขาได้อ้าปากขึ้นมา วินาทีนั้น ประกายสายฟ้าก็ได้ดังออกมาเป็นสาย ออกมาจากภายในปากของเขา อีกทั้งยังเรียกได้ว่าพวยพุ่งออกมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน มุ่งหน้าเข้าปะทะไปยังทั่วทั้งสี่ดินแปดด้านออกไป

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย มิได้มีความหวาดกลัวแต่อย่างไร แล้วก็ได้พบเห็นกับสายฟ้าพวยพุ่งออกมาเรื่อยๆ วินาที ก็ได้เกิดเสียงร้องดังขึ้นมาเป็นสาย ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้นอกเสียจากหยินจวอแล้ว ยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่ได้เข้าใกล้เขาต่างก็ได้ถูกย่างจนดำเกรียม ลอยกระเด็นออกไปบริเวณทางด้านหลัง ในช่วงเวลาที่กระทบลงกับพื้นก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต โลหิตเลือดเนื้อไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย

 

“วิชาสายฟ้าฉางโย้ว! “

 

หยินจวอสีหน้าเปลี่ยนไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด วิชาวิชาสายฟ้าฉางโยวนี้ถึงแม้ว่าจะมีระดับอยู่เพียงแค่ทักษะเซียนระดับกลางเท่านั้น แต่ว่าพลังทำลายของวิชาสายฟ้านั้นเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นทักษะยุทธ์ที่มีพลังในการทำลายที่สูงมากที่สุดในระดับเดียวกัน แม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง เยี่ยจงพึ่งจะได้รับวิชาสายฟ้าฉางโย้วไม่ทันถึงครึ่งชั่วยาม กระนั้นก็ถึงกับบรรลุได้ ใช้ออกมาด้วยพลังทำลายในระดับที่สูงล้ำถึงเพียงนี้

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมดต่างก็คาดเดาไม่ถึง ยอดฝีมือมากมายรอบนอกในตอนนี้ต่างก็ตกใจขึ้นมาตามๆ กัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังถึงกับสามารถลงมือสวนกลับไปได้ กระบวนท่านี้เมื่อปะทะเข้าสังหารกับยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ ยังถึงกับมีพลังเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว

 

สีหน้าของหยินจวอก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง พริบตานั้นเอง ร่างกายของเขาก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว แต่ก็มิได้เข้าใกล้เยี่ยจง เพียงแต่พวยพุ่งพลังปราณกลุ่มหนึ่งบนร่างกายออกมา วินาทีนั้นก็ได้กลายเป็นพลังกระบี่อันน่าหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปทางด้านที่เยี่ยจงอยู่

 

“ไสหัวไป—— “

 

เยี่ยจงส่งเสียงคำรามออกมา ภายในคำพูดยังปรากฏพลังสายฟ้าขึ้น ประกายสายฟ้าก็ได้แตกกระจายอยู่ท่ามกลางอากาศ กวาดเข้าหาปะทะกับพลังกระบี่ของหยินจวอ ในเวลาเดียวกันก็ได้ทะลวงผ่านทางหน้าอกของหยินจวอ

 

ส่งเสียงเชอะดังกึกก้อง หยินจวอถอยออกไปอย่างรุนแรง มีโลหิตไหลรินออกมาจากมุมปาก เขากุมไปที่หน้าอกของตนเอง สีหน้าทอแววยากที่จะเชื่อออกมา

 

เยี่ยจงผู้นี้ก็น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ยังสามารถที่จะแสดงออกมาด้วยพลังฝืมือที่มีความน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียว ทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

 

“สวะยังไงก็เป็นได้แค่สวะ ในข้อนี้ ย่อมไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดกาล “เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาน้อยๆ จากนั้นเขาก็ได้มองเข้าไปยังร่างกายของจางเฟ่ยเฉิงที่มีสีหน้าปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน ยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย

 

“ตูม—— “

 

พลังสายฟ้าแต่ละสายก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง จนกลายเป็นดุจดั่งวานรอัสนีขนาดใหญ่ตนหนึ่งขึ้นมา วานรขนาดใหญ่มีแขนทั้งสองข้างที่ยาวเหยียดอย่างไร้ที่เปรียบ ท่ามกลางแขนข้างหนึ่งนั้นราวกับกำลังก่อรวมเอาไว้ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวขนาดใหญ่ขึ้นก็มิปาน ตอนนี้ ก็ได้เริ่มที่จะขยับดวงตาขึ้นมาประดุจดวงดาราขนาดใหญ่ขึ้นมา จนพวยพุ่งประกายสายฟ้าออกมา มุ่งหน้าเข้าปะทะไปยังบริเวณทางด้านของเจดีย์เฮ่าเทียน

 

นี้คือทักษะเซียนระดับกลาง——ร่างกายที่แท้จริงของสายฟ้าฉางโยวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังมีพลังน่าตกใจอย่างถึงที่สุด จนกลายเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเจ้าไปแล้วสินะ พึ่งจะได้รับวิชาสายฟ้าเผ่าฉางโยวไปหมาดๆ ก็สามารถที่จะใช้ออกมาได้จนถึงขั้นนี้ได้ ที่แท้ก็มีพรสวรรค์อันน่าประหลาด ทว่าวันนี้ข้าก็ต้องการที่จะดูว่าเจ้า เจ้าจะตระเตรียมพลิกชะตากรรมอย่างไร! “สีหน้าบนใบหน้าของจางเฟ่ยเฉิงก็ได้ทอแววเยียบเย็นขึ้นมา ความจริงแล้วเขายังคิดเอาไว้ว่า หลังจากที่ตนเองใช้เจดีย์เฮ่าเทียนออกมาแล้ว “ซิง “ผู้นี้ย่อมไม่อาจที่จะต้านทานเขากลับได้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกลับมาความน่าหวาดกลัวได้จนถึงเพียงนี้

 

หลังจากที่สิ้นเสียง จางเฟ่ยเฉิงก็ได้ควบคุมเจดีย์เฮ่าเทียน วินาทีนั้นก็ได้พบกับประกายแสงก่อรวมตัวกันขึ้นมาอย่างวุ่นวายพวยพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า เพียงแต่ชั่วพริบตาเดียว ก็ได้กวาดคมประกายสายฟ้าจนกลายเป็นผง

 

ในเวลาเดียวกัน พลังของเจดีย์เฮ่าเทียนก็ได้ค่อยๆ ย้อยลงมาประดุจสายน้ำหลั่งไหลก็มิปาน มุ่งหน้ากระจายออกไปทั่วทั้งสี่ด้าน จนแผ่ปกคลุมกระจายไปท่ามกลางทั่วทั้งห้องโถงใหญ่

 

จางเฟ่ยเฉิงยกมือขึ้นมา มุ่งหน้าเขาไปทางด้านพลังดัชนีของเยี่ยจง แล้วก็ได้พบเห็นกับพลังที่ก่อตัวรวมกันที่เปี่ยมไปด้วยสีสันคล้ายดังอสรพิษมังกร มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง กระบวนท่านี้เขาไม่ได้คิดที่จะยั้งมือเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าได้ตระเตรียมที่จะจัดการจนเยี่ยจงพิการ

 

“เจดีย์เฮ่าเทียน สาดพ่นพลังออกมาอย่างวุ่นวาย กักขังหมื่นสรรพสิ่งเอาไว้ เดิมเรียกได้ว่าร้ายกาจแล้ว แต่ตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าไร้ผู้ต้านแล้ว “ทางด้านนอก ทันใดนั้นนางเซียนชิงหญิงก็ได้เอ่ยปากถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน บนใบหน้าก็ได้ค่อยๆ ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมา

 

“พี่สาวท่านใช่นึกเสียดายคู่รักตัวน้อยของท่านจะถูกสังหารไปอย่างงั้นหรือ? ถ้างั้น พี่สาวท่านลงมือ น้องสาวอย่างข้าจะค่อยสนับสนุนให้เอง “โหยวเหลียนยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้เผยให้เห็นถึงอารมณ์ทีเล่นทีจริงออกมา

 

“ต่อให้อยู่ในสถานที่เช่นนี้ ที่เขาใช้ออกมาทั้งหมด ก็มีแต่เพียงแค่วิชาสายฟ้าที่พึ่งจะได้รับมาเท่านั้น “ชิงหญิงหัวเราะออกมาเสียงเย็นชา

 

โหยวเหลียนเงียบงันลงพร้อมกับความงงงัน จากนั้นบนใบหน้าก็ได้ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมาเป็นสาย

 

และยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างก็เงียบงันลง แต่ละคนต่างก็ยังคงแสดงออกมาด้วยความงงงัน จากนั้นทุกๆ คนก็ค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมาในทันที ภายใต้สถานการณ์ที่เข้าใกล้เรื่อยๆ นี้ วิชาที่เยี่ยจงใช้ออกมาทั้งหมดนี้ ก็มีแต่เพียงแค่วิชาสายฟ้าที่พึ่งได้รับมาเท่านั้น อีกทั้งยังมิใช่สิ่งที่ทักษะยุทธ์ตนเองได้มีการฝึกฝนมานานนับแรมเดือนแรมปีแต่อย่างไร หรือว่าจะใช้ออกด้วยสมบัติเซียน เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็ทราบได้แล้วว่าบุคคลผู้นี้มีความเชื่อมั่นในตนเองมากมายถึงเพียงใด

 

“ซิง หากว่ามีชาติหน้าแล้วละก็ ก็ขอให้จดจำเอาไว้ ว่ามีคนอยู่ส่วนหนึ่งที่จะไม่อาจที่จะเข้าใกล้ แล้วก็ไม่อาจมีปัญหาด้วยได้ ไม่เช่นนั้น ต่อให้เทพสวรรค์มาถึง ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยเจ้าได้! “สีหน้าของจางเฟ่ยเฉิงปรากฏความเย็นเยียบขึ้นมา น้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อได้มองไปยังพลังความวุ่นวายที่พุ่งฆ่าสังหารประดุจอสรพิษมังกรออกมา สีหน้าบนใบหน้าของเขาก็ได้เกิดความรื่นรมย์ขึ้นมา

 

ภายในร่างกายเยี่ยจงที่ได้ทอประกายสายฟ้าสว่างวาบขึ้นมา สีหน้าในตอนนี้ก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายแต่อย่างไร เพียงแต่หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ก็แค่เจ้า ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้กับข้า “

 

ภายใต้อักขระสายฟ้า ที่อยู่ภายในการไหลเวียนของยันต์ผนึกนภาในตอนนี้ก็ได้ซ่อนเร้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังของผนึกนภาและพลังของสายฟ้าที่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็ได้ทำให้ปรากฏพลังอันมหาศาลขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

 

“ตูม—— “

 

พริบตานั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ อักขระทั้งสองชนิดก็ได้ก่อตัวรวมกันขึ้นมาจนกลายเป็นประกายแสงสีทองสายหนึ่ง มุ่งหน้ากวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ชิร์—— “

 

ประกายแสงประดุจดั่งมังกรอสรพิษก็ได้พัวพันเข้าด้วยกันในทันที วินาทีนั้น พลังทั้งสองสายก็ได้เข้าปะทะเข้าหากันในทันทีจะมอดดับลง จนกระทั่ง ถูกกลืนหายไปท่ามกลางอากาศ

 

เจดีย์เฮ่าเทียนของจางเฟ่ยเฉิงถึงแม้จะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ยังเป็นเพียงแค่ของเลียนแบบ เยี่ยจงถึงแม้ว่าจะมีพลังฝีมือที่จำกัด ใช้ตราผนึกนภาซ่อนเร้นอยู่ภายในพลังสายฟ้า แต่ว่า นี้ยังคงถือได้ว่าเป็นวิชามนต์ตราเทพได้อย่างแท้จริง เมื่อพลังทั้งสองสายเข้าปะทะกัน ดังนั้นในเวลาเดียวกันก็ได้กลายเป็นดับสูญลงไปพร้อมกัน กระบวนท่านี้ ทั้งสองฝ่ายจึงยากที่แบ่งผลแพ้ชนะเอาไว้ได้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset