เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 395 เอาคืน

ตอนที่ 395 เอาคืน

 

“นี้……” เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า จางเฟยเฉินค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้ส่งเสียงเย็นชาขึ้นมา พร้อมกับกล่าว “ข้าคงดูแคลนเจ้าไปแล้ว ”

 

“หรือว่าที่แท้มองตนเองสูงส่งไปอย่างงั้นหรือ ? เจ้ายังคงคิดจริงหรือว่า ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเจ้า จะสามารถรับมือเอาได้งั้นหรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเบาๆ ด้วยท่าทีเย้ยหยัน สีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความเหยียดหยามอยู่หลายส่งน

 

“ทว่าเช่นนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ? เจ้ายังไงก็ต้องตายอยู่ดี ทว่าในตอนนี้สมควรที่จะพยายามเข้าต้านทานได้อีก、แต่ก็เป็นเพียงแค่การดิ้นรนก่อนตายเท่านั้นเอง ช่างไม่มีความหมายอะไรเลย ” จางเฟยเฉินตอบกลับ

 

พริบตานั้นเอง เขาก็ได้ฟาดฝ่ามือทั้งสองมือออกไป วินาทีนั้น แล้วก็ได้พบว่ามีพลังแผ่กระจายออกมาจากท่ามกลางของเจดียเฮ่าเทียน เป็นครั้งแรก ความรู้สึกเหมือนกับสามารถฆ่าฟันสังหารสิ่งมีชีวิตนับหมื่นได้、มีกลิ่นอายคล้ายดั่งพลังตราผนึกฟ้าดิน ราวกับว่าเมื่อหมื่นสรรพสิ่งอยู่ด้านหน้าของมัน ก็ไม่ต่างจากแมลงตัวกระจ่อยก็มิปาน

 

เสียงดัง “ตูม” ก็ได้ดังขึ้นมา พลังแรงกดดันก็ได้แผ่เข้าปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจง ร่างกายของเขาก็ได้สั่นเทาขึ้นมา มุมปากมีโลหิตไหลรินออกมาเป็นสาย แล้วก็ได้กรอกนัยน์ตาไปมา

 

กระบวนท่านี้ก็ถือได้ว่ากะทันหันจนเกินไป หากมิใช่เป็นเพราะบนร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ได้สวมเอาไว้ด้วยยันต์อักขระมาโดยตลอด ใช้ออกมาด้วยพลังสายฟ้าที่ซ่อนเร้นเอาไว้แล้วละก็ ภายใต้กระบวนท่าอันน่ากลัวนี้ คงจะต้องถูกฆ่าลงอย่างแน่นอน

 

“เป็นของที่ดีเลย อีกทั้งยังมีพลังทำลายที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ” เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังเจดีย์เฮ่าเทียนที่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ สาดประกายสายตาขึ้นมา เกิดความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาสายหนึ่ง

 

ตามความเป็นจริง ภายในใจของจางเฟยเฉินตอนนี้ก็ได้สัมผัสได้ถึงสิ่งนี้มาตั้งแต่แรก ควรทราบว่า นี้เป็นถึงเจดีย์เฮ่าเทียน เพียงแค่การปรากฏขึ้นมาก็เรียกได้ว่ามีพลังอยู่มากมายเหนือนับคณนา มีพลังปราณกดดันสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แทบจะไม่อาจมีผู้คนสามารถต้านทานเอาไว้ได้

 

ถึงแม้จะกล่าวได้ว่า ตอนนี้ของชิ้นนี้แม้จะเป็นเพียงแค่สิ่งของไว้ป้องกันเท่านั้นเอง แต่ว่าระดับพลังฝีมือของเยี่ยจงยังไม่ถึงขั้นระดับราชัน แต่กระนั้นเขาก็ยังพอที่จะสามารถที่จะพึ่งพาเพียงแต่สภาวะร่างกายเข้าต้านทานกับเจดีย์เฮ่าเทียน เพียงแค่นี้ก็สามารถที่จะบอกได้ว่าเขานั้นมีระดับความแข็งแกร่งมากถึงเพียงใด

 

โดยเฉพาะเหล่ายอดฝีมือของหุบเขาเมฆาม่วง ตอนนี้แต่ละคนต่างก็กระอักโลหิตออกมาคำโต ทั่วทั้งสรรพร่างดำทมิฬ เหมือนดั่งสามารถทอดร่างลงได้ทุกเมื่อ แต่ว่าฉากเบื้องหน้าสายตานี้กลับยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความหวาดหวั่นได้

 

“สหายร่วมแนวทางหยิน เมื่อมาจนถึงช่วงเวลานี้ถ้ายังเอาแต่เก็บงำพลังเอาไว้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้จริงแล้ว ! ” จางเฟยเฉินสูดลมหายใจเข้ายาวๆ คำหนึ่ง พลิกรอยตราบนฝ่ามือไปมา เจดีย์เฮ่าเทียนที่อยู่ท่ามกลางอากาศก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปบริเวณทางด้านของเยี่ยจงเข้าไป

 

หยินจวอในตอนนี้ก็ได้มีสีหน้าปั้นยากขึ้นมา เขานั้นมีความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงอย่างไร้ที่เปรียบ นั้นก็เพราะอีกฝ่ายนั้นต่อให้ถูกเจดีย์เฮ่าเทียนกักขังเอาไว้ ยังคงพอที่จะสามารถปล่อยออกมาด้วยพลังการต่อสู้อันมหาศาลอย่างไร้ที่เปรียบได้จนถึงขนาดนี้ได้

 

ทว่าหลังจากที่ได้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้ว เขาก็ได้ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พลิกทั้งสองมือฟาดออกไป แล้วก็ตรวจสอบพบกับพลังกระบี่กระดูกที่เทาอยู่สายหนึ่ง ทอเป็นประกายออกมา มุ่งหน้าเข้าฟาดฟันในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ที่ทางหนึ่งคอยควบคุมยันต์อักขระนภาอย่างระมัดระวัง อักขระวิชาสายฟ้าก็ได้ลอยวนเวียนไปมา ต้านทานเจดีย์เฮ่าเทียนเอาไว้ ทางหนึ่งก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังดัชนี จนก่อเกิดประกายสายฟ้าพวยพุ่งออกมาเป็นสาน มุ่งหน้าเข้าพุ่งชนออกไปทางด้านหน้า เข้าปะทะกับหยินจวอ

 

“ข้าจะดูว่าเจ้าจะสามารถที่จะอาจหาญได้ถึงเวลาใดกัน ! ” จางเฟยเฉินคำรามออกมา แล้วเขาก็ได้เคลื่อนไหวคราหนึ่ง ทันใดนั้นเจดีย์เฮ่าเทียนก็ได้เข้ากดทับลงมาจากท่ามกลางอากาศ วินาทีนั้นก็ได้เกิดพลังแรงกดดันเข้ามาที่เข้มข้นมากกว่าเดิม หมายมั่นจะหยุดเยี่ยจงลงอยู่กับที เพื่อมิให้เขาขยับได้แม้แต่น้อย

 

เยี่ยจงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ยันต์อักขระนภาตอนนี้ก็ได้ถูกเขาควบคุมเอาไว้จนถึงขีดสุด ถึงแม้จะมิได้ถึงขั้นตราผนึกนภา แต่ว่าในด้านระดับพลังยังถือได้ว่าแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายส่วน ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเขา

 

ในครั้งนี้ เยี่ยจงมิได้ใช้ออกมาด้วยพลังสายฟ้าแม้แต่น้อย เพียงแต่ควบคุมพลังทั้งหมด แล้วก็ได้พบตัวอักขระแปลกพิสดารปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกายบนล่างของเขา และก็ได้เข้าพัวพันต้านทานกับเจดีย์เฮ่าเทียนเอาไว้ วินาทีนั้น ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้ก่อเกิดประกายคมกล้าปะทุขึ้นมา

 

ในภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางสนามก็ไม่อาจที่จะมีคนสามารถมองดูออกมาได้อย่างชัดเจน ทุกผู้คนต่างก็เพียงแต่สามารถมองได้แต่เพียงประกายแสงสีขาวทอออกมาเป็นสาย แทบจะไม่อาจที่จะมองออกว่าแท้จริงแล้วเกินอะไรขึ้นกันแน่

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้เคลื่อนไหว เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว วิชาดำดินรุกคืบก็ได้ถูกเขาใช้ออกมา เพียงแค่การก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว ก็ได้หลุดรอบออกมาจากท่ามกลางใจกลางการโจมตีของเจดีย์เฮ่าเทียนทั้งหมดในตอนนี้ได้ สลัดหลุดออกมาจากพลังทำลายอันน่ากลัวของเจดีย์เฮ่าเทียน

 

“เชอะ——”

 

และในช่วงเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้ยกมือขึ้นมาเล็กน้อย พลังกระบี่ตัดอากาศก็ได้พวยพุ่งออกมาเป็นสาย ในครั้งนี้ก็ได้ยินเสียง “เคร้ง” ดังขึ้นมา หยินจวอพบว่ากระบี่กระดูกของตนเองได้ถูกทำลายลง ภายใต้การประสานจิต เขาก็ได้ร้องเสียงดัง “อ็อก” กระอักโลหิตออกมาคำโต ซวนเซเดินถอยออกไปทางด้านหลัง

 

“โครม——”

 

เยี่ยจงยกมือขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังของสายฟ้า แล้วก็ได้ยินเสียงดัง “บรึม” ดังขึ้นมา หยินจวอกระเด็นลอยออกไป ตลอดทั่วทั้งร่างดำทมิฬ ในช่วงเวลาที่ร่างกายได้ร่วงลงสู่พื้นดิน มีแต่เพียงลมหายใจออก มิอาจที่จะสูดลมหายใจเข้าต่อไปได้อีก

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้ทอเป็นประกายสว่างวาบขึ้น จนกระทั่งในตอนนี้ก็ได้หายลับไป ยอดฝีมือมากมายก็ค่อยมองเห็นสภาพที่เกิดขึ้นขึ้นมาได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง แล้วก็ได้พบว่าตอนนี้เยี่ยจงยืนอยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้โดยที่มิได้มีบาดแผลใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย และหยินจวอนั้นก็กลับตกภายใต้พลังสายฟ้าของเขา ตอนนี้ก็ได้มีลมหายใจโรยริน พร้อมที่จะทอดกายตายลงได้ทุกเมื่อ

 

ยอดฝีมือกลุ่มนี้ต่างก็เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมา ภายบในพลังแรงกดดันของเจดีย์เฮ่าเทียนนี้ เยี่ยจงยังถึงกลับสามารถใช้ออกมาด้วยพลังการต่อสู้เช่นนี้ออกมาได้ อีกทั้งยังไม่แต่เพียงซัดจนหยินจวอกระเด็นลอยออกไป ยังถึงกับทำให้สูญสิ้นพลังในการต่อสู้ลงได้ พลังฝีมืออันน่าตื่นตกใจเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่บุคคลปกติธรรมดาไม่อาจที่จะกระทำได้ด้วยซ้ำไป !

 

ในขณะนี้เอง ผู้คนไม่น้อยต่างก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา ขนลุกชูชันขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าพลังฝีมือเช่นนี้มีความน่าหวาดกลัวจนเกินไป แทบจะเรียกได้ว่าไม่อาจที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

 

“เจ้า ยอดมาก ! ” จางเฟยเฉินกลอกตาไปมา ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีบทสรุปเช่นนี้ออกมา ไม่เพียงแต่ไม่อาจที่จะสังหารเยี่ยจงได้ ในทางกลับกันเขาถึงกับสามารถสังหารหยินจวอคืนได้ นี้ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดเอาไว้ได้ทั้งหมด ความจริงเขายังคิดเอาไว้ว่า เมื่อนำเจดีย์เฮ่าเทียนออกมา ก็สมควรที่จะสังหารเยี่ยจงได้จึงจะถูกต้อง ฉากที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาไปทั้งหมดทั้งมวลแล้ว

 

“ข้าก็ต้องการที่จะดูเหมือนกันว่า เจ้าที่แท้จะยืนหยัดได้จนถึงเวลาใดกันแน่ ! ” หลังจากนั้นสีหน้าก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลง จางเฟยเฉินก็ได้ก้าวออกไปด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว ในครั้งนี้ พลังปราณทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้ปะทุออกมา มิได้เข้าสู่ภายในเจดีย์เฮ่าเทียน เพียงแต่ใช้ออกมาด้วยพลังอันมหาศาลเพื่อที่จะควบคุมเจดีย์เฮ่าเทียนในตอนนี้ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

ในครั้งนี้ จางเฟยเฉินมิได้ควบคุมพลังของเจดีย์เฮ่าเทียนอีก และเพียงแต่ตระเตรียมที่จะจัดการกับเยี่ยจงให้ตายคาเจดีย์เฮ่าเทียนไปในทันที

 

“โครม——”

 

ท่ามกลางอากาศ ตอนนี้ก็ได้ก่อเกิดเสียงดังสนั่นจากการแตกกระจายขึ้นมา เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้น เหม่อมองไปยังพลังที่กดดันเข้ามาของเจดีย์เฮ่าเทียน อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงระดับพลังที่ต้านทานเอาไว้อยู่ชนิดหนึ่งได้เพิ่มระดับขึ้นมา นั้นก็เพราะว่า เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าตนเองจะถอยไปอย่างไร นอกเสียจากใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องโดนโจมตีเข้าแน่ และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ที่ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้อีก เยี่ยจงก็ยังไม่อาจที่จะใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบอีก นั้นก็เพราะว่าทุกผู้คนทั้งหมดต่างก็จดจ้องมองมาด้วยความสงสัย ว่าตนเองจะใช่เยี่ยจงหรือไม่

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

 

ยอดฝีมือมากมายตอนนี้ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาต่างก็เคยได้ยินถึงพลังในการทำลายของเจดีย์เฮ่าเทียนมาก่อน ทราบว่าเป็นเครื่องมือสังหารในระดับตำนานที่ไร้ผู้ต้าน สังหารได้โดยไม่พบเห็นรอยเลือด ไม่เช่นนั้น ก็คงจะไม่มีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้อย่างแน่นอน ขจรขจายเป็นที่รับทราบไปทั่วทั้งสี่ดินแดน ?

 

ตอนนี้ จางเฟยเฉินใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมด ต่อให้เป็นเพียงแค่ของลอกเลียนแบบ ” ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ จะสามารถต้านทานได้อย่างไรกัน ?

 

สายตาของทุกผู้คนต่างก็ได้รวมกันอยู่บนตัวของ “ซิง” ในตอนนี้ ทุกผู้คนต่างก็ต้องการที่จะทราบว่า เขาต่อจากนี้ที่แท้ต้องการที่จะทำอย่างไรกันแน่

 

“ตูม——”

 

แต่ว่าผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะแน่ใจได้ว่า ” ซิง” ผู้นี้ถึงยังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว ในระหว่างนั้นเขาเพียงแต่กรีดนิ้วออกไป ก่อเกิดอักขระพันล้อมรอบอย่างประหลาด จนทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะทราบได้ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นกำลังใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์ระดับเซียนหรือว่าระดับมนต์ตราเทพอยู่กันแน่ แต่ว่าภายในสภาวะที่มีอักขระล้อมรอบเอาไว้อยู่บนฝ่ามือของเขานั้นเอง พึ่งออกมาพร้อมกับสภาวะของหมัด !

 

เขาในตอนนี้คิดที่จะใช้ออกมาด้วยพลังจากร่างกายทั้งหมดเพื่อต้านทานเจดีย์เฮ่าเทียนอย่างงั้นหรือ ! ?

 

พลังความแข็งแกร่งที่ยิ่งกว่าศิลา ราวกับมิอาจเคยพบเคยเจอมาก่อน

 

“เคร้ง——”

 

พริบตานั้นเอง พลังหมัดนี้ของ” ซิง” ก็ได้พุ่งเข้าชนกับเจดีย์เฮ่าเทียนอย่างรุนแรง วินาทีนั้น ก็ได้มีเสียงที่ดังสนั่นแผ่กระจายกันออกมา จนทำให้เกิดความสั่นสะเทือนขึ้นมาทั่วทั้งผืนฟ้าผืนดิน เจดีย์เฮ่าเทียนก็ได้ถูกซัดจนกระเด็นออกไป แต่ว่า” ซิง” ก็ยังต้องเดินซวนเซถอยหลังไปหลายสิบก้าว มีโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก

 

เขากระทั่งในตอนนี้ก็ยังไม่อาจที่จะสามารถใช้ออกมาด้วยตราผนึกนภา ได้แต่เพียงใช้ออกมาผ่านจากทางยันต์อักขระ ในด้านระดับพลังก็ยังไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้ถึงเจ็ดส่วนของพลังตามปกติ ยังดีที่ร่างกายของเขานั้นมีแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเข้าสู่ระดับพลังสูงสุดคืนสู่สามัญนับร้อยครั้ง ที่เปรียบเสมือนดั่งการเข้าสู่ระดับพลังกายเนื้อไม่สูญสลายอีก อีกทั้งเขายังได้เข้าสู่ระดับพลังสูงสุดของพลังขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้น ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ วันนี้ยังไม่อาจที่จะต้านทานการโจมตีของเจดีย์เฮ่าเทียนเอาไว้ได้

 

แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ สีหน้าของเยี่ยจงทอแววปั้นยากขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

และในเวลาเดียวกันนี้เอง ยอดฝีมือมากมายต่างก็ร่างกายแข็งราวกับหิน บนใบหน้าก็ได้แสดงออกมาด้วยอารมณ์แข็งทื่อ ” ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้กลับสามารถใช้เพียงสภาวะร่างกายเข้าต้านทานกับเจดีย์เฮ่าเทียนเท่านั้น ยังถึงกับเพียงแค่ถอยหลังออกไปเพียงสิบกว่าก้าวเท่านั้นเอง ไม่แม้แต่การกระอักโลหิตออกมาแม้แต่คำเดียว ? นี้ ทำให้ผู้คนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ !

 

” ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ที่แท้ต้องการที่จะเย้ยฟ้าสะท้านดินจนถึงระดับใดกันแน่ ?

 

“โครม——”

 

และในเวลาเดียวกันนี้เอง เยี่ยจงก้าวเดินออกไปอีกทางด้านหนึ่ง แล้วก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังดัชนีออกมาไปทางด้านหน้า วินาทีนั้น ก็ได้มีประกายสายฟ้าปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปบริเวณทางด้านของจางเฟยเฉินเข้าไป

 

จางเฟยเฉินในที่สุดก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา บนใบหน้าก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดไม่ถึงว่า” ซิง” ผู้นี้ยังถึงกับมีความน่าหวาดกลัวขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้ ! ควรทราบว่า เจดีย์เฮ่าเทียนนี้ถือได้ว่าก่อรวมเอาไว้ด้วยพลังที่สามารถกักขังหมื่นสรรพสิ่งได้ แต่คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด กลับไม่อาจที่จะกระทำอันตรายใดต่อเยี่ยจงได้

 

ตอนนี้เขาก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ควบคุมพลังประกายแสงเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เข้าต้านทานประกายสายฟ้าอันคมกล้า

 

“ตูมตูม——”

 

เยี่ยจงพลิกทั้งสองมือติดต่อกัน พลังความน่าหวาดกลัวของคมสายฟ้าก็ได้พวยพุ่งออกมา ก็ได้ลอยเข้าปะทะเข้าด้วยกันในทันที ประดุจประกายสายฟ้าที่ปกคลุมอยู่ไปทั่วก็มิปาน พวยพุ่งเข้าครอบคลุมในบริเวณที่จางเฟยเฉินอยู่อย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าเจดีย์เฮ่าเทียนของจางเฟยเฉินจะสามารถป้องกันร่างกายของเขาเอาไว้ได้ในตอนนี้ แต่ว่าก็ยังคงถูกทำให้ถอยหลังออกไปเรื่อยๆ

 

“เสี่ยวหลุน ถ้าหากเจ้าจัดการกับเจดีย์เฮ่าเทียนนี้ได้ มันก็จะกลายเป็นของเจ้า ! ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาภายในใจอย่างกะทันหัน เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

“เจ้าพูดคำไหนคำนั้นละกัน ! ” เสี่ยวหลุนก็ความหวั่นไหว มันรอคอยเวลาที่จะสามารถลงมือได้มาโดยตลอด วินาทีนั้นก็ได้พวยพุ่งออกมาจากทางด้านติ่งหูของเยี่ยจงออกไป มุ่งหน้าเข้าปกคลุมอยู่บริเวณทางด้านหน้า

 

“ตูม——”

 

ประกายแสงสีขาวก็ได้ทอสว่างวาบขึ้นมา เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาจากภายในห้วงสมองของเยี่ยจง จากนั้นก็ได้พบกับเจดีย์เฮ่าเทียนถึงกับถูกหยุดเอาไว้อยู่ท่ามกลางภายในอากาศ จนไม่อาจขยับเขยื้อน อีกทั้งยังกลับไม่อาจที่จะสามารถใช้ออกมาได้

 

“อะไรกัน ! ? เป็นไปได้ยังไงกัน ! ? ”

 

ในขณะนี้เอง จางเฟยเฉินเย็นวาบขึ้นมาภายในใจ เขากลับสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ฝ่ามือของตนเองได้สูญเสียพลังในการควบคุมเจดีย์เฮ่าเทียนไปแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ จนทำให้เขาเกือบที่จะล้มลงกับพื้น

 

“ตายซะ——”

 

บริเวณทางด้านหน้า เยี่ยจงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ยกมือขึ้นออกไปทางด้านหน้าเล็กน้อย แล้วก็ได้มีประกายสายฟ้าพวยพุ่งออกมา

 

จางเฟยเฉินทอสีหน้าบ้าคลั่งขึ้นมา เมื่อไม่มีเจดีย์เฮ่าเทียน เขาไม่คิดว่าตนเองจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเยี่ยจงได้ พริบตานั้นก็ได้ถอยออกไปในทันที

 

แต่ว่าระดับพลังความเร็วของสายฟ้านั้นมีความเร็วที่สูงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังกลายรูปร่างเป็นดั่งฉางโย้วเข้าฟาดฟัน จนทำให้จางเฟยเฉินไม่อาจที่จะไม่ใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนขึ้นมาป้องกันมิได้ จากนั้นก็ได้ป้องกันติดต่อกัน

 

“โครม——”

 

จนก่อเกิดเสียงของเหล็กกระทบดังเข้าหากันดังสนั่น ประกายสายฟ้าดุจกระบี่อันคมกล้า พุ่งกวาดออกไป มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปทางด้านของจางเฟยเฉิน

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset