เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 396 ฆ่าสังหารด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

ตอนที่ 396 ฆ่าสังหารด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

 

“ซูม——”

 

เสียงดังสนั่นขึ้นมา จางเฟยเฉินถึงแม้ว่าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดเข้าต้านทาน แต่ว่าแขนขวาของเขาทันใดนั้นก็ได้หลุดลอยออกไปภายในพริบตา ร่างกายของเขาก็ได้ลอยกระเด็นออกไปตามๆ กัน กระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างหนักหน่วง พ่นโลหิตออกมาคำโต

 

สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา ผู้คนมากมายต่างก็ยังไม่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน จางเฟยเฉินก็ได้แขนขาดจนลอยออกไปแล้ว กระแทกชนเข้ากับพื้นดิน

 

”ฮูม——”

 

ท่ามกลางอากาศ ประกายสีขาวลอยออกมา ไม่นานนัก ก็ได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแผ่ลอยออกไปท่ามกลางอากาศในทันที จากนั้น ก็ได้มีประกายแสงลอยวนเวียนไปมา กระทบลงใจกลางฝ่ามือของเยี่ยจง จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

เสียวหลุนส่งเสียงเร่อดังสนั่นขึ้นมาภายใต้ห้วงสมองของเยี่ยจง อีกทั้งยังมีท่าทีที่เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่เปรียบ : ”สดชื่น ปู่หลุนครั้งนี้รู้สึกสดชื่นยิ่งนัก ตอนนี้ต้องการที่จะพักผ่อนสักครู่หนึ่ง กินได้เหน็ดเหนื่อยนัก ทว่าถ้าหากมีผู้ใดหาญกล้าที่จะลงมือกับเยี่ยจงน้อยเจ้า ปู่หลุนจะจัดการกับบรรพบุรุษทั้งสามชั่วโคตรของพวกมันเอง ! ”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เสียวหลุนก็ได้เงียบสงบลง เห็นได้ชัด เจดีย์เฮ่าเทียนถึงแม้ว่านั้นเป็นเพียงแค่สิ่งของลอกเลียนแบบ แต่ว่าก็ยังคงถือได้ว่าเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งเทพอย่างมหาศาล ต่อให้เป็นเสียวหลุนในตอนนี้ก็ยังต้องใช้เวลาที่จะค่อยๆ หล่อหลอม

 

“นี้……ซิง เจ้าถึงกลับทำลายเจดีย์เฮ่าเทียน ! ?”มียอดฝีมือกล่าวออกด้วยความลังเล ยากที่จะเชื่อได้ลง

 

“ที่แท้เขาก็ยังคงมีพลังฝีมือเช่นนี้อีกอย่างงั้นหรือ เมื่อครู่ที่เขาพึ่งจะใช้ออกมา ที่แท้แล้วคืออะไรกัน? ถึงกลับมีพลังทำลายมากมายถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ?”

 

“เจดีย์เฮ่าเทียนนั้น ราวกับถูกสิ่งของบางอย่างบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผง เกรงว่าในข้อนี้แม้แต่หุบเขาเมฆาม่วงก็ยังคาดคิดไม่ถึง ว่าเจดีย์เฮ่าเทียนถึงกับถูกทำลายลงไปเช่นนี้ได้กระมั่ง?”

 

“เจ้า——”

 

ทางด้านบนของพื้น จางเฟยเฉินก็ได้พ่นโลหิตออกมาคำโต อีกทั้งสีหน้ายังไร้ซึ่งสีเลือด ในตอนนี้ก็แทบจะกล่าวอันใดออกมามิได้ เขาคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกลับสามารถที่จะทำลายเจดีย์เฮ่าเทียนลงได้ ทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดเดาของเขาไปมากจนเกินไปแล้ว

 

“เจ้าจบสิ้นแล้ว เจ้าจบสิ้นแน่นอนแล้ว ถึงกับหาญกล้ามาทำลายเจดีย์เฮ่าเทียนของหุบเขาเมฆาม่วงเรา ต่อให้เจ้ามีฝ่าบาทคอยปกป้อง เจ้าก็จบสิ้นแล้ว ! ”จางเฟยเฉินหัวเราะขึ้นมาฮาฮาเสียงดัง แฝงเอาไว้ด้วยความบ้าคลั่งอยู่หลายส่วน จากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างขององค์หญิงจื่อหวินด้วยความประหลาด กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ฝ่าบาท ตอนนี้ท่านสังหารคนผู้นี้ก็ยังไม่ถือว่าสายจนเกินไป นั้นก็เพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาวันนี้ได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว วันข้างหน้าเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของหุบเขาเมฆาม่วงเราอย่างแน่นอน อย่าได้กระทำเรื่องดังเช่นปล่อยเสือเข้าถ้ำเลย ! ”

 

องค์หญิงจื่อหวินมองไปที่เขา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏแววตาความเย้ยหยันและความเย็นชาขึ้นมา จากนั้นนางก็ได้โค้งคำนับไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างไร้สุ่มเสียง แล้วก็ได้ค่อยๆ ถอยกายไป

 

เยี่ยจงมองไปทางด้านของจางเฟยเฉิน แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงเย็นเยียบ เมื่อเรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว จางเฟยเฉินผู้นี้ยังคิดที่จะเอาชีวิตตนเองอีก ช่างมีความกล้ามากมายเสียจริง

 

เขาก็ได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกไป เดินมาจนถึงทางด้านหน้าของจางเฟยเฉิน จ้องมองไปทางด้านของเขาด้วยแววตาที่เย็นชา และลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง

 

“เจ้า……ยังคิดที่จะฆ่าข้าให้ได้งั้นหรือ? ต่อให้เจ้ามาจากแดนลับแลที่มีชื่อเสียงก็ตาม เจ้าก็คงจะไม่มีความหาญกล้าเช่นนี้เป็นแน่ ! ”จางเฟยเฉินหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยอง ราวกับเห็นว่าไม่ว่าจะอย่างไรเยี่ยจงก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับตนเอง

 

“เป็นไร?”เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ชี้นิ้วออกไปอย่างไม่ใส่ใจคราหนึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียงประกายสายฟ้าดังขึ้นมา เหล่ายอดฝีมือของสำนักหวูหว่างและยอดฝีมือของหุบเขาเมฆาม่วงแต่ละคนต่างก็ตกอยู่ภายใต้พลังการทำลายของอาณาเขตสายฟ้าไปในทันที จนดับมอดลงไปอย่างรวดเร็ว

 

“ตอนนี้ เจ้ายังรู้สึกว่าข้ากล้าที่จะฆ่าเจ้าแล้วหรือยัง?”เยี่ยจงหัวเราะน้อยๆ ขึ้นมา เขามองไปทางด้านของจางเฟยเฉิน ทอสีหน้าเยีอกเย็นอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยเสียงเย้ยหยันออกมาชนิดหนึ่ง

 

สีหน้าของจางเฟยเฉินในตอนนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นขาวซีดขึ้นมา เขาถือได้ว่ามองเห็นได้อย่างชัดเจน บุคคลเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นนายของความหวาดกลัว ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการพูดจาออกมาเช่นไร แต่ว่าเขาในตอนนี้แน่นอนว่าไม่อาจที่จะใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำของตนเองเพื่อที่จะให้เขาหยุดมือลงได้

 

“ข้าเคยบอกไปแล้ว ยังดีที่สถานที่แห่งนี้คืออาณาจักรเหลียน แต่ว่าข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า หากว่ามากวนข้าเพียงครั้งเดียว、แต่นี้กลับถึงกับกล้ามาท้าทายความอดทนของข้าถึงสามครั้งสามครา พวกเจ้ารู้สึกว่าข้าไม่กล้าที่จะลงมือฆ่าอย่างงั้นหรือ?”

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นก็ได้สะบัดมือเล็กน้อย แล้วก็ได้ยินเสียง”ปุ”ดังขึ้นมา ภายในใจกลางจิตใจของจางเฟยเฉินก็ได้ปรากฏรูโลหิตไหลรินออกมา บนใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏอาการตื่นตกใจขึ้นมาอย่างชาด้าน จากนั้นร่างกายของเขาก็ได้ค่อยๆ ล้มลงอยู่บนพื้น

 

ทั่วทั้งบริเวณห้องโถงใหญ่ ในตอนนี้ก็ได้เงียบสงบลงอย่างถึงที่สุด ไม่มีผู้คนกล่าวอันใดออกมา ทั้งหมดต่างก็เกิดอาการหวาดผวาขึ้นมา ควรทราบว่า ในตอนนี้ยอดฝีมือที่ถูกสังหารลงไป ต่างก็มาจากสำนักหวูหว่างและหุบเขาเมฆาม่วง ไม่ว่าจะเป็นคนใดในกลุ่มของพวกเขา ต่างก็สามารถที่จะโลดแล่นไปทั่วทั้งแดนหนานฮวง อีกทั้งในครั้งนี้พวกเขายังได้รับเชิญมาจากอาณาจักรเหลียนแห่งดินแดนซีฮวง ย่อมต้องเป็นที่จับตามองของอาณาจักรเหลียนในหลายๆ แง่มุม แต่ก็คิดไม่ถึงว่า ในตอนนี้กลับถูกฆ่าตายลงไปจนหมดสิ้นไม่หลงเหลือ จนทำให้ผู้คนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

 

อีกทั้ง เจดีย์เฮ่าเทียนที่ถูกเรียกขานว่าไร้เทียมทานภายในดินแดนหนานฮวง ยังถึงกลับถูกผู้คนใช้เพียงแค่ร่างกายในการต้านทาน จากนั้นยังถึงกับถูกทำลายลงไปได้

 

ฉากเบื้องหน้านี้ หากว่ามิได้พบเห็นด้วยตาของตัวเอง จะมีผู้ใดกล้าที่จะเชื่อได้ลงกัน

 

ไม่นานก่อนหน้านี้ ผู้คนมากมายยังคิดเอาไว้ว่า”ซิง”เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ เพียงแต่เป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งและไม่ธรรมดา การลงมือมักจะไว้ไมตรีเสมอ

 

แต่ว่าในช่วงเวลาในตอนนี้ พวกเขาก็ได้เข้าใจขึ้นมาในทันที ว่าพลังความแข็งแกร่งของ”ซิง”ผู้นี้ แน่นอนว่าจะต้องอยู่เหนือกว่าสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงอย่างแน่นอน เขาย่อมมีอดทนอดกลั้นอยู่แล้ว หากว่าอีกฝ่ายเหยียบเข้ามาในจุดสิ้นสุดของความอดทน เช่นนั้นเขาย่อมลงมืออย่างไม่ไว้ไมตรี อีกทั้งยังฆ่าสังหารอีกฝ่ายไปแทบทั้งสิ้น ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ

 

ด้วยสภาพจิตใจอันห้าวหาญที่ไร้ผู้ต้านเช่นนี้ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ถึงแม้จะไม่มีการกล่าวขานกันถึงความยิ่งใหญ่ในแดนเทพ แต่ว่าก็ยังคนทำให้เกิดความหวั่นไหวขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจของผู้คน

 

“ข้าคิดว่า นอกเสียจากคนของสำนักหวูหว่างและคนของหุบเขาเมฆาม่วงที่มีตาแต่หามีแววไม่นั้น ย่อมไม่มีผู้ใดคิดที่จะลงมือต่อข้าแล้วกระมั่ง?”เยี่ยจงหัวเราะน้อยๆ ขึ้นมา เขากวาดสายตาจ้องมองไปยังทั่วทั้งสี่ด้าน เขาในตอนนี้ก็ได้ยิ้มขึ้นมาด้วยความเป็นมิตรอย่างยิ่ง、สง่างามอย่างมาก แต่ว่าก็ยังคงมีผู้คนมากมายที่ถูกเขามองจนขนลุกเหงื่อแตกออกมา

 

จินยี่เผ่าปีกในตอนนี้ก็ได้ทอประกายแววตาขึ้นมา เขาราวกับคิดที่จะออกไปขอท้าดวลกับเยี่ยจง แต่ว่าข่มกลั้นความคิดเช่นนี้ของตนเองลงไป เพียงแต่หลังจากที่ได้ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ยื่นมือตบออกไปเบาๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา : ”นามของสุดยอดอันดับหนึ่ง ชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ข้าขอยอมรับ”

 

“ข้าทราบว่าเจ้าต้องการที่จะลงมือต่อข้า ทว่าข้าในตอนนี้ยังไม่มีกระจิดกระใจ แล้วคอยพบกันภายในดินแดนที่อยู่ภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์เถอะ”เยี่ยจงมองไปที่จินยี่ จากนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

“เมื่อถึงเวลานั้นคงจะต้องขอให้ท่านซิงให้คำชี้แนะแล้ว”จินยี่ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ยกมือขึ้นมาทำการคารวะไปทางด้านของเยี่ยจง หันกายเดินจากไป

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ เกี่ยวกับคนผู้นี้เขาย่อมไม่อาจที่จะประมาทได้จนเกินไป การที่ได้พบเห็นการลงมือของตนเองไปแล้ว แต่ถึงกับยังสามารถที่จะเก็บงำความต้องการเอาไว้ได้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว

 

นอกเสียจากสถานที่แห่งนี้ ก็ยังคงมีอัจฉริยะอยู่ส่วนหนึ่งภายในกลุ่มหลบซ่อนเอาไว้อยู่ จากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปเข้ายังทางด้านของเยี่ยจงอย่างลึกซึ้ง แล้วก็ได้ถอยออกไปเช่นนี้

 

ทุกผู้คนต่างก็ทราบอย่างกระจ่าง ครึ่งเดือนหลังจากนี้ ในช่วงเวลาวันที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน ที่ได้เวลาของการเปิดดินแดนขนาดเล็กของศิลาตะวันบริสุทธิ์ แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดความวุ่นวายจากการแย่งชิงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนไม่น้อยเตรียมพร้อมเข้ารับการทดสอบ แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงรอคอยอย่างเยือกเย็น คิดที่จะลงมือในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะได้รับตำนานที่อยู่ภายในดินแดนขนาดเล็กของศิลาตะวันบริสุทธิ์ และไม่อาจที่จะมีปัญหากับเยี่ยจงอย่างไม่มีเหตุผลได้

 

“องค์หญิง ครั้งนี้ต้องทำให้ตำหนักของท่านเปรอะเปื้อนแล้ว ต้องขออภัยอย่างยิ่ง”เยี่ยจงเดินเข้ามาจนถึงบริเวณทางด้านหน้าของเหลียนหลิงหลงและสาวๆ อดที่จะยิ้มแล้วกล่าวออกมามิได้

 

จากนั้นเหลียนหลิงหลงมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง แล้วจึงได้ค่อยถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว : ”ก็แค่ตำหนักที่ผุพังแห่งเท่านั้นเอง นี้ยังไม่ถือได้ว่าเป็นอะไร ทว่าท่านซิงท่านในครั้งนี้ได้สร้างปัญหากับสำนักหวูหว่างอยู่ไม่น้อยเลยนะ หุบเขาเมฆาม่วงนั้นท่านก็ได้มีปัญหาด้วยจนแทบตายแล้ว แดนลับแลทั้งสองแห่งนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาสามัญ ท่านก็ไม่ต่างอันใดกับการมีปัญหากับยอดฝีมือทั่วทั้งดินแดนหนานฮวงก็ว่าได้ ในวันที่เข้าไปยังดินแดนขนาดเล็กของศิลาตะวันบริสุทธิ์ จะต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดี จางเฟยเฉินหรือหยินจวอถึงแม้ว่าแม้ว่าจะเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของดินแดนหนานฮวง แต่ว่าในระดับรุ่นราวคราวเดียวกัน ยังคงถือได้ว่ายังมีคนที่เหนือกว่าพวกเขาอยู่”

 

“ขอบคุณมาก”เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา องค์หญิงเหลียนหลิงหลงผู้นี้ถือได้ว่ามีจิตใจที่มิได้ปองร้ายต่อเขา อีกทั้งยังกล่าวเตือนสติตนเองอีกด้วย

 

“ท่านซิงตระเตรียมที่จะเข้าไปยังดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์งั้นหรือ?”นางเซียนชิงหญิงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทอสีหน้าสงบนิ่งขึ้นมา

 

“ย่อมต้องแน่นอน”เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ

 

“เช่นนั้นก็เกรงว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่ด้านในแล้ว อัจฉริยะทั่วทั้งสี่ดินแดนต่างก็รวมตัวกัน อยู่ภายในสถานที่เดียวกัน”ชิงหญิงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็โค้งกายเล็กน้อย หันกายเดินจากไป

 

จากนั้นโหยวเหลียนก็ได้มองเข้าไปทางด้านเยี่ยจงด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ได้กรอกตากลมโตวนเวียนไปมา นางค่อยหัวเราะฮิฮะออกมา : ”หากว่าได้พบกันที่ดินแดนขนาดเล็กอีก ท่านซิงท่านจะต้องลงมือไว้ไมตรีด้วย ท่านว่า วันนี้พวกเราถือได้ว่ายืนอยู่ในฝ่ายเดียวกันใช่หรือไม่กัน?”

 

เยี่ยจงหัวเราะน้อยๆ ออกมาไม่กล่าวอันใด ทว่าเกี่ยวกับเทพสาวโหยวเหลียนผู้นี้เขาย่อมไม่อาจที่จะแส่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นนางเซียนชิงหญิง หรือว่าเทพสาวโหยวเหลียน ต่างก็ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย นั้นก็เพราะว่าทั้งสองคนนั้นมีต้นสังกัดที่เป็นถึงดินแดนลับแลที่น่าหวาดกลัวจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะปิดบังเอาไว้ แต่ว่าภายในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ต่างก็มีการคงอยู่อันเลื่องลือ เพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าดินแดนทั้งสองแห่งนี้จัดอยู่ในระดับความน่าเกรงกลัวที่อยู่ในอีกระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

ต่อจากนี้ของงานเลี้ยงภายในพระราชวัง ก็ได้เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นจืดชืดลง นั้นก็เพราะว่าอัจฉริยะมากมายนั้นต่างก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ไม่น้อย ต่อจากนั้นเรื่องที่สนทนากันก็ได้เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นคนละทิศละทาง มีผู้คนมากมายยังคงเหม่อลอยอย่างเงียบงันมองไปยังสถานที่ที่เกิดการต่อสู้เมื่อครู่

 

ในช่วงเวลาที่ดวงเดือนได้ลับฟ้า ก็ได้เริ่มต้นของวันใหม่ ทั่วทั้งบริเวณวังหลังก็ได้กลายเป็นเงียบสงบลงไปอีกครั้ง แต่ว่าบรรยากาศทั่วทั้งอาณาจักรเหลียนกลับมิได้ลดทอนลงเลยแม้แต่น้อย ผู้คนทั้งหมดต่างก็ยังอยู่การรอคอย

 

……

 

อาณาจักรเหลียน ในเขตที่ตั้งของศิลาตะวันบริสุทธิ์นี้ วันเวลาต่อจากนั้นอีกหลายวัน ที่นั่งด้านบนหอสวรรค์นั้นต่างก็แน่นเอียดจนไม่หลงเหลือ

 

บนที่นั่งที่หัวมุมหนึ่งของหอสวรรค์ เยี่ยจงที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่นั้น และตนเองก็ได้นั่งอยู่อย่างสันโดษอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง จ้องมองไปที่ศิลาตะวันบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านหน้าอย่างเงียบงัน นั้นก็เป็นเพราะความเกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับภายในของศิลาตะวันบริสุทธิ์ ตอนนี้เยี่ยจงก็สามารถที่จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามีบางอย่างที่แตกต่างไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้ดินแดนซีฮวง หากมิใช่ว่าเขามีประสาทสัมผัสที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป ก็คงยากที่จะตรวจสอบพบได้

 

“ทุกท่าน พวกท่านต่างก็น่าจะเคยได้ยินกันมาจากเมื่อหลายวันก่อนแล้ว กับเรื่องที่เกิดขึ้นที่วังชั้นนอกของราชวังแล้วกระมั่ง?”

 

“ช่างตระการตายิ่งนัก กล่าวกันว่าสุดยอดอันดับหนึ่ง ซิง แข็งแกร่งจนฆ่าสังหารผู้กล้าจากสำนักหวูหว่าง、หุบเขาเมฆาม่วง กลายเป็นชื่อเสียงของนามไร้พ่ายไป ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างก็กำลังถกเถียงกันเมื่อเทียบกันกับสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจง ! กล่าวกันว่าทั้งสองคนต่างก็สามารถที่จะเป็นจุดศูนย์รวมของเผ่าพันธุ์เลยก็ว่าได้ ! ”

 

“ข่าวลือเช่นนี้กลับนำเอามากล่าวในเวลานี้มิใช่สายไปหน่อยแล้วหรือไง? พวกเจ้าน่าจะทราบข่าวสารอีกทางด้านที่มีความสำคัญมากมาย นั้นก็คือ ณ พระราชวังแห่งรัฐเหยียนได้ประกาศออกมาแล้วว่า ในวันที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน ดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์นี้ก็จะเปิดขึ้นมา ยอดฝีมือที่มีพลังฝีมือที่เพียงพอ สามารถที่จะเข้าร่วมโอกาสในการแย่งชิงโชควาสนาได้ ! ”

 

มีคนหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นมา ภายในคำพูดยังแฝงเอาไว้ด้วยความลี้ลับเอาไว้อยู่

 

“อะไร? ข่าวเช่นนี้ข้าก็ได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าจะแน่ใจได้หรือเปล่า ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่ากัน ! ”มีคนกล่าวออกมาด้วยความตกใจ ไม่ค่อยที่จะเชื่อได้นัก

 

“สมควรไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน รวมไปจนถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฝ่าบาทองค์หญิงเหลียนหลิงหลง รัฐเหยียนก็ยังมีองค์ชายทั้งหลายคอยยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ จากที่ดูแล้ว ในครั้งนี้รัฐเหยียนต่อให้ต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปมากมายยังไงก็ยังยอม ถึงกับมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น อย่างน้อยก็คงจะต้องมีแผนร้ายเอาไว้อยู่แล้วละ ! ”

 

“นี้ก็ใช่ว่าจะจำเป็น แต่ว่ารัฐเหยียนที่อยู่ในฐานะที่เป็นถึงเจ้าบ้าน ยังไงเสียก็คงจะต้องได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยอยู่ดีอยู่แล้วกระมั่ง?”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-11 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset