เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 400 ช่วงเวลาที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน

ตอนที่ 400 ช่วงเวลาที่สุนัขสวรรค์กลืนกินดวงตะวัน

 

ในขณะที่เยี่ยจงได้ปรากฏตัวขึ้นมา ท่ามกลางสนามแห่งนี้ก็ได้ก็มิได้มีอัจฉริยะผู้กล้าปรากฏขึ้นมาอีก กล่าวได้ว่า ผู้คนที่ปรากฏตัวขึ้นมานับร้อยในตอนนี้ พวกเขาต่างก็ได้ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในจุดสูงสุดดั่งตัวแทนที่จะเข้าไปยังดินแดนขนาดเล็กในครั้ง ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ ต่างก็ถือได้ว่ามีบุญคุณความแค้นต่อกัน อาจจะมาต่างแดนลับแลที่เป็นศัตรูแต่เดิมที แต่ว่าก่อนที่จะถึงการเริ่มต้นที่แท้จริง กลับไม่มีผู้ใดลงมือออกมา

 

“ครืน—”

 

ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงเย้ายวนดังสดใสขึ้นมา เสียงท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้ค่อยๆ ดังขึ้นมาเรื่อยๆ : “โอ๊ะ นั้นมิใช่ท่านซิงผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในช่วงเวลาอันใกล้นี้งั้นหรอกหรือ ? เลื่อมใสมานานแล้ว ! ได้ยินมาว่าพี่ชายที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นของข้าได้ถูกท่านสังหารไป ยังไงก็ ข้ายังไงก็ต้องกล่าวขอบคุณท่านมากแล้ว ! ”

 

เมื่อได้ยินเสียงที่ทรงเสน่ห์ดังออกมา ผู้คนไม่น้อยต่างก็ละสายตาหันไปมอง จนมองไปถึงยังชายหนุ่มที่ไว้ด้วยผมหางม้าเอ่ยปากขึ้นมาในตอนนี้ เขาถึงแม้จะมีรูปร่างที่ประดุจบุรุษเพศ แต่ว่าบนใบหน้ากลับดูมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เมื่อได้เหม่อมองไปยังประกายสายตาของ “ซิง” ผู้นั้น ราวกับว่าได้คลื่นใต้น้ำขึ้นมา

 

ผู้คนไม่น้อยต่างก็ถูกจ้องมองเข้าไปจนขนลุกขนพองขึ้นมา จากนั้นก็ได้กลอกตาไปมา เพราะว่าท่าทางของคนผู้นี้ดูไปแล้วเสแสร้งอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมองเช่นไร ต่างก็ไม่คล้ายกับผู้คนปกติธรรมดา

 

“หยินหลิงจื่อ” เยี่ยจงจ้องมองไปยังผู้คนเอ่ยปากกล่าวออกมา เขามิได้เป็นดั่งเช่นคนอื่นปกติทั่วไป เพียงแต่สัมผัสได้ถึงความน่ารังเกียจรวมไปจนถึงอาการขนลุกขึ้นมา เพียงแต่หลังจากมองไปอย่างแน่ชัดเแล้ว ก็ได้ค่อยๆ ที่จะพยักหน้าไปมาหลายครา

 

“เหอะ ที่แท้ก็มีบุคลิกที่สูงส่งอย่างยิ่ง ! ” หยินหลิงจื่อยิ้มขึ้นมาอย่างมาเสน่ห์ออกมา “อีกสักครู่หลังจากที่ได้เข้าไปยังภายในท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กแล้ว ข้าคงจะต้องขอรับการชี้แนะสักหน่อยแล้ว”

 

“ข้าจะรอเจ้า” เยี่ยจงส่งเสียงตอบรับคราหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตากลับไปมอง ไม่มองที่เขาอีก

 

และในเวลาเดียวกันนี้ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้เริ่มต้นการคัดเลือกแล้ว ราชาชราแห่งรัฐเหยียนผู้นั้นก็ได้นับค่ายกลยันต์ปราณออกมาทั้งหมดสามชุด ในเวลาเดียวกันก็ได้ลอยขึ้นมาท่ามกลางอากาศ จากนั้นไม่ว่าผู้ใดก็สามารถเข้าไปได้

 

ค่ายกลยันต์ปราณทั้งสามชุดนี้มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อยอดฝีมือทั้งหลายได้เข้าไปยังภายใน แต่ว่าสามารถที่จะผ่านค่ายกลใหญ่ชุดแรกได้สำเร็จออกมานั้น ยังมีไม่ถึงหนึ่งในสิบ และจากการเข้าไปยังภายในค่ายกลใหญ่ชุดที่สองได้สำเร็จ ยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถผ่านด่านค่ายกลชุดที่สามได้นั้น เรียกได้ว่าน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

 

เหล่าคนที่สามารถผ่านค่ายกลทั้งสามด่านออกมาได้นั้น แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่ยินดีระคนหวาดกลัวขึ้นมา เห็นได้ชัด การผ่านด่านค่ายกลทั้งสามด่านนี้ของพวกเขา ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้สูญเสียพลังสมาธิเป็นอย่างมาก

 

“ยากขนาดนี้เชียว ! ” ผู้คนไม่น้อยเมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้า ต่างก็ได้ถอนหายใจออกมา การคัดเลือกในครั้งนี้ ในที่สุดก็มีคนผ่านออกมาได้ทั้งหมดหนึ่งพันคนเท่านั้น ทำให้มีผู้คนเป็นจำนวนมากถึงคัดออกไป

 

ส่วนเหล่าคนที่สำเร็จเหล่านั้นต่างก็ได้มีเหล่าองครักษ์แห่งรัฐเหยียนพาตัวไปยังสถานที่พักผ่อน จากนั้นก็เข้ารับการคัดเลือกกันอีกครั้งต่อไป

 

แล้วก็ได้เป็นเช่นนี้ไปได้อยู่สักพัก ก็ได้ทำให้เกิดความงงงันขึ้นมา จนในท้ายที่สุด ทั่วทั้งผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าสู่ดินแดนขนาดเล็กท่ามกลางอาณาจักรเหยียนต่างก็ได้เข้าทดสอบครั้งหนึ่ง แต่ว่ากลับคัดเลือกออกมาได้เพียงแค่สองหมื่นกว่าคนเท่านั้น ยังคงหลงเหลือตำแหน่งที่วางส่วนหนึ่งเอาไว้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจยิ่ง เมื่อพบเห็นความแข็งแกร่งของสามค่ายกลใหญ่ที่รัฐเหยียนเตรียมเอาไว้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้ ได้ดึงดูดการประท้วงของผู้คนได้ไม่น้อย ทางด้านของรัฐเหยียนจึงจนปัญญา ท้ายที่สุดจึงทำได้แต่เพียงสุ่มจับฉลาก เพื่อที่จะได้นำคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาเพิ่มให้เต็มจำนวนที่ตั้งเอาไว้ทั้งหมดสามหมื่นคน

 

“ทุกท่าน เห็นได้ชัดรายชื่อทั้งหมดได้ออกมาแล้ว ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ ยังไงก็ขอเชิญเข้าไปยังอีกเขตหนึ่งที่จัดเตรียมเอาไว้ มองดูอยู่ในที่ห่างไกล ไม่เช่นนั้น อย่าโทษว่าพวกเรารัฐเหยียนไม่เกรงใจ ! ” ราชาผู้ชราผู้นั้นก็ได้เก็บค่ายกลใหญ่เอาไว้ จากนั้นเขาก็ได้กวาดสายตาอันเย็นเยียบมองไปที่ผู้คนเหล่านั้น สีหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

 

มีผู้คนมากมายต่างก็ไม่พอใจ แต่ว่าในเมื่อเรื่องได้กลายเป็นเช่นนี้ การแสดงออกของทางรัฐเหยียนก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนเหล่านั้นไม่อาจที่จะไม่ถอยออกไปได้

 

“ดีมาก ในเมื่อคัดเลือกได้แล้ว เวลาก็เหลืออีกไม่มากแล้ว ต่อจากนี้ที่เหลือ ก็คงเหลือแต่รอคอยแล้ว” ราชาผู้ชราเอ่ยปากขึ้นมา จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมา ไม่อาจที่จะทราบได้ว่าถอนหายใจออกมาเพราะอะไร “ข้าคิดที่จะเตือนพวกเจ้าไว้สักคำ ท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กถึงแม้จะมีโชคลาภวาสนา、สมบัติ แต่ว่าก็ย่อมต้องอันตรายอย่างแน่นอน หากไม่ระวังสักนิด จะกลายเป็นทิ้งชีวิตไป ในช่วงเวลานี้หากว่าต้องการที่จะถอยไปแล้วละก็ ยังมีโอกาสอยู่ รอคอยจนถึงเมื่อเข้าไปยังภายในแล้ว พวกเจ้าก็จะไม่หลงเหลือโอกาสอีกต่อไป ยังไงก็ขอให้พวกเจ้าปลอดภัยและโชคดี”

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้เงียบงันขึ้นเป็นสาย รวมไปจนถึงการปรากฏตัวของผู้โดดเด่น、อัจฉริยะ、ผู้กล้า ต่างก็ไม่เอ่ยอันใดออกมา เห็นได้ชัด เรื่องราวเมื่อได้เกิดขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ คนที่ได้รับเลือกไปแล้ว ย่อมไม่อาจที่จะถอยไปได้อีกแล้ว

 

หลังจากที่ได้เอ่ยคำอวยพรไปแล้ว ราชาผู้ชราผู้นี้ก็มิได้กล่าวอันใดออกมาอีก เพียงแต่เงยหน้ามองไปยังด้านบนท้องฟ้า ไม่ทราบว่ากำลังรอคอยอะไรอยู่กัน

 

ช่วงเวลา ก็ได้ค่อยๆ ล่วงเลยไหลผ่านไป ไม่นานนักก็ได้มาถึงชั่วเวลากลางวันพอดิบพอดี ท่ามกลางอากาศก็ได้มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา ประกายแสงที่สว่างวาบได้สาดส่องเข้าสู่สายเป็นประกายสว่างอย่างไร้ที่เปรียบ ในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้ปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึม ฉากที่เกิดขึ้นนี้ถือได้ว่าเป็นความขัดแย้งกันได้อย่างถึงที่สุด แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาอย่างถึงที่สุด

 

เมฆหมอกที่หนาทึมวนเวียนอยู่นั้น แสงอาทิตย์เช่นนี้ก็ได้ลอยหมุนวนเข้ามาในบริเวณนี้ แต่ว่าไม่นานนัก เมฆหมอกเหล่านี้ก็ได้แตกแยกออกจากกฎเกณฑ์ทุกอย่าง เห็นได้ชัด แสงอาทิตย์ในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาได้

 

“ฮูม——”

 

ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางผืนฟ้าก็ได้เกิดเสียงอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งสั่นสะเทือนเลื่องลั่นขึ้นมา วินาทีนั้นก็ได้พบกับเงาของดั่งมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกควัน มันอ้าปากกว้างขึ้นมา มุ่งหน้าเข้าไปกลืนกินบริเวณที่ดวงตะวันเกิดขึ้นมา

 

“ท่านบรรพบุรุษ ! ” ท่ามกลางอัจฉริยะกลุ่มหนึ่ง ก็ได้มีเด็กหนุ่มผมดำเงยหน้าขึ้น กล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความประหลาดใจขึ้น

 

เผ่าสุนัขสวรรค์ ในตำนานถือได้ว่าเป็นสัตว์เทพก็ว่าได้ กล่าวกันว่าเผ่าสุนัขสวรรค์นั้นชมชอบช่วงเวลายามตะวันฉายแสง เกลียดชั่วโมงยามค่ำคืน หลังจากที่ต้นตระกูลของเผ่าโฮวอี้ได้ทำลายดวงอาทิตย์ไปทั้งหมดทั้งเก้าดวงไปแล้ว มันเกรงว่าดวงตะวันบนท้องนภาลัยดวงสุดท้ายจะถูกทำลายลงไป ในช่วงเวลานั้นจึงได้ลอยขึ้นไปเพื่อกลืนกินดวงตะวันเอาไว้

 

แต่ว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง พระอาทิตย์ดวงสุดท้ายนั้น กลับเป็นสิ่งที่กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ฟ้าดินสร้างขึ้นมา รวมไปจนถึงแกนพลังที่แท้จริงแห่งฟ้าดินเอาไว้ ต่อให้เป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลแห่งสุนัขสวรรค์เอง คิดที่จะกลืนกินดวงตะวันก็ยังถึงกลับต้องตายตกลงไป เพียงแต่ว่า บรรพบุรุษต้นตระกูลแห่งสุนัขสวรรค์ท่านนี้ในขณะที่กำลังจะสิ้นใจลง ทว่าเจตนารมณ์กลับมิได้สูญสิ้นลง รวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ สะสมนานแรมเดือนปี ก็เพื่อที่จะทดลองกัดกินดวงตะวันอีกครั้ง

 

ตำนานที่เล่าขานกันนี้ ถือปรากฏขึ้นมาภายในบันทึกภาพวาดจากแต่ละแห่งบันทึกเอาไว้ ดังนั้นตอนนี้ ยอดฝีมือมากมายที่ได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ ต่างก็เกิดความหวั่นไหวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

Options

not work with dark mode
Reset