เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 410 แสงจันทร์ส่องผิวสมุทร

ตอนที่ 410 แสงจันทร์ส่องผิวสมุทร

 

ภายในเนื้อของเมิงจี่เรียกได้ว่ารวมเอาไว้ด้วยพลังอันบริสุทธิ์และพลังเซียนส่วนน้อยๆ เอาไว้อยู่ เมื่อมองจากมุมมองของเยี่ยจง ก็เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติที่สำคัญในการฝึกปรืออย่างมาก เมื่อเทียบกับเหล่าศิลาปราณยังถือได้ว่าดีกว่าอย่างมาก

 

ตอนนี้เยี่ยจงรู้สึกได้ว่า ตนเองนั้นเหมือนดังกำลังกลืนกินเหล่ายาปราณและโอสถปราณไปเป็นจำนวนมาก จนพลังปราณภายในร่างกายของตนเองปะทุเดือดขึ้นมา พร้อมทั้งเข้าสู่การไหลเวียนของเคล็ดวิชา จนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นไม่หยุด

 

พลังปราณแต่ละสาย แต่ละชั้นก็ได้รวมเข้าด้วยกันอย่างไม่หยุดยั้ง บริเวณจุดตันเถียนของตนเอง คล้ายดั่งกำลังถูกเบิกขึ้นมาดั่งทะเลปราณแห่งหนึ่ง

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความประหลาดขึ้นมา

 

พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช เป็นเหมือนสัญญาณที่แจ้งเตือนแก่ตนเองว่าภายในร่างกายของตนเองนั้นได้ฝึกปรือพลังปราณเอาไว้สายหนึ่งขึ้นมา เช่นนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณเทวราชได้

 

และพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราชนั้นยิ่งถือได้ว่าเป็นการระบุที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการกักเก็บพลังปราณที่อยู่ภายใน จนก่อรูปร่างจนกลายเป็นลักษณ์คล้ายเม็ดๆ หนึ่ง นี้ก็คือพลังต้นกำเนิด ที่เรียกได้ว่าเป็นพลังปราณนั้นเอง

 

แต่ว่า เยี่ยจงที่ได้ศึกษาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ พบเจอกับบันทึกส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีการอธิบายถึงรายละเอียด ต้นกำเนิดที่มาจากยุคโบราณกาล ย่อมต้องมีพลังเทวะอยู่ส่วนหนึ่งในตัวของมันเอง ในช่วงเวลาที่ได้เข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช บริเวณจุดตันเถียนก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดขึ้นมา

 

ยกตัวอย่าง ภายในบันทึกของคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ อีกทั้งยังมีเรื่องราวของอัจฉริยะที่ทะลวงพลังเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช บริเวณจุดตันเถียนก็ได้กลายเป็นดั่งเมฆหมอกสายหนึ่ง ภายในเมฆหมอกนั้นก็ได้รวมเอาไว้ด้วยดวงดาวมากมายขนาดใหญ่ จากนั้นดวงดาวก็ได้ไหลเวียนกลายเป็นดั่งลมปราณ และอัจฉริยะผู้นี้ ก็ได้กลายเป็นไร้ผู้ต้านแห่งยุคในระดับพลังเดียวกัน ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่เข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช ก็สามารถเอาชนะศัตรูที่อยู่ในระดับสูงยิ่งกว่ามาก เข่นฆ่าสังหารเหล่ายอดฝีมือระดับมหาราชันส่วนหนึ่งไป นี้ก็คือพลังการเปลี่ยนแปลงเทวะของพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช

 

นอกเสียจากส่วนนี้แล้ว ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ชนิดหนึ่ง ประดุจแสงจันทร์กลายเป็นลมปราณ、ลมปราณประดุจดวงตะวันเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่ามีความง่ายดายกว่ามาก อีกทั้งยังเรียกได้ว่ามีความพิเศษเฉพาะยิ่งกว่าอยู่ส่วนหนึ่ง ที่แม้แต่คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ก็ยังไม่มีจดบันทึกเอาไว้ เพราะว่าคนผู้นี้เรียกได้ว่าสำเร็จพลังเช่นนี้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

 

“ถึงกับเบิกพลังปราณห้วงทะเลขึ้นมาได้ในทันที เพียงแต่ว่ากลับสำเร็จพลังปราณก่อนอย่างงั้นหรือ…… “เยี่ยจงหวนนึกถึงสิ่งที่บันทึกอยู่ภายในคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ สีหน้าก็ได้ทอแววซับซ้อนขึ้นมาอยู่หลายส่วน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงขึ้นมา ค่อยๆ ที่จะลืมตาขึ้นมา กล่าวกับตนเองอยู่ภายในใจ “ใช่แล้ว พลังลมปราณแต่เดิมของข้าก็คือเคล็ดวิชากระบี่หกสุสาน อีกทั้งยังกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นนับร้อยครั้ง แต่ว่า เดิมทีแล้วพลังพื้นฐานของข้าแทบจะไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงไปเลย เคล็ดวิชากระบี่หกสุสาน แต่เดิมทีเคล็ดวิชานี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการสร้างพื้นฐานของร่างกายข้าอยู่แล้ว ดูเหมือนว่า ร่างกายข้าจะกลายเป็นประดุจร่างของเทวะไปแล้ว วันข้างหน้ายังคงจำเป็นที่จะต้องฝึกปรือเพิ่มเติม เพื่อที่จะสำเร็จเคล็ดวิชากระบี่หกสุสานในส่วนหลัง ไม่ทราบว่าหลังจากที่ทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราชไปแล้ว จะสามารถเบิกมันขึ้นมาได้หรือไม่……อีกทั้ง เคล็ดวิชาแห่งรากฐานของข้าก็ได้ฝึกปรือมาจากคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ในตอนนี้ มีความประหลาดอย่างไร้ที่เปรียบ รวมไปจนถึงพลังร่างกายหกวิถีของข้า ถ้าอย่างนั้นในช่วงเวลาที่ได้ทะลวงพลังเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช อย่างน้อยก็มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพียงแต่ว่า ไม่ทราบว่าปราณทะเลนี้คืออะไร จะใช่ความประหลาดที่เกิดขึ้นของข้าหรือไม่กัน “

 

ภายในจุดตันเถียนก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกินกว่าที่เยี่ยจงจะคาดเดาเอาไว้ได้ หลังจากนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่า พลังปราณภายในร่างกายของตนเองนั้นยังไม่เพียงพอ ต่อมาเขาก็ไม่เกรงอกเกรงใจ แล้วก็ได้กัดกินเนื้อของเมิงจี่ชุดใหญ่อีกรอบ กินลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มหล่อหลอมลมปราณ ในเวลาเดียวกันก็ได้รวมพลังปราณเอาไว้อยู่ท่ามกลางจุดตันเถียนเอาไว้ไม่หยุด

 

พลังลมปราณก็ได้รวมตัวกันไม่หยุดหย่อน ภายใต้ห้วงความนึกคิดของเยี่ยจง เขาก็ยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น บริเวณจุดตันเถียนของตนเอง ตอนนี้ราวกับเปรียบเสมือนดั่งช่องว่างหนึ่งเลยก็มิปาน ประดุจดั่งพลังลมปราณที่เป็นดั่งห้วงท้องทะเลอัดกันอยู่ภายในลักษณะของหนึ่งรูปกำปั้น ทะเลปราณพลิกผันไม่หยุดหย่อน หมุนตลบดั่งเกิดคลื่นวายุนับไม่ถ้วน และในบริเวณส่วนลึกของทะเลแห่งนี้ ราวกับสามารถพบเห็นได้ถึงจุดสูงสุดปรากฏขึ้นมาก็มิปาน จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น ประดุจดั่งมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามายังถาดสีเงิน ค่อยๆ พวยพุ่งปรากฏขึ้นสู่ท้องนภา

 

เยี่ยจงขยับร่างกายคราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้รวมเอาไว้ด้วยแววตาความประหลาดใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าเขาสามารถที่จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน พลังลมปราณภายในร่างกายของตนเองในตอนนี้ ประดุจกลับกลายเปรียบเสมือนความกว้างใหญ่ที่สาดส่องออกมาจากแสงจันทร์ก็มิปาน หรือจะกล่าวได้ว่า ดวงจันทร์นี้ในตอนนี้ ได้เป็นตัวก่อเกิดพลังลมปราณภายในร่างกายของตนเองก็ว่าได้

 

“นี้คือ แสงจันทร์ส่องผิวสมุทรที่เล่าลือกันอย่างงั้นหรือ ! ? “

 

เยี่ยจงเกิดความแตกตื่นอย่างไร้ที่เปรียบ ไม่อาจกล่าววาจาได้เป็นสาย ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงของพลังเทวะขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช ต่อให้เป็นบุคคลนับแต่โบราณกาลก็ยังน้อยนักที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งเทวะเช่นนี้ขึ้นมาได้ แสงจันทร์ส่องผิวสมุทร แต่กลับถึงกับปรากฏขึ้นมาท่ามกลางจุดตันเถียนของตนเอง

 

แสงจันทร์ส่องผิวสมุทร สายน้ำไหลเวียนสู่ทิศตะวันตก ตะวันฉายแสงอายกลิ่นอายหอมละมุน เปรียบเสมือนจุดสูงสุด、ดอกบัวทองคำเติบโตขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า……ความเปลี่ยนแปลงเทวะทั้งหลายอย่างนี้พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช นับแต่โบราณกาล ถือได้ว่าเป็นระดับที่ยากจะค้นหาได้ เรียกได้ว่าเป็นระดับที่อยู่นอกเหนือระดับตำนานก็ว่าได้ แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงนั้นกลับมาปรากฏขึ้นภายในร่างกายของตนเองเช่นนี้ จนทำให้เยี่ยจงไม่ทราบว่าจะอธิบายความรู้สึกเช่นนี้อย่างไรดี

 

ไม่นานนัก ปราณห้วงทะเลภายในจุดตันเถียน คล้ายกับดวงเดือนลูกหนึ่ง จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ได้เกิดความหนักเสมือนภูเขาสูง ปรากฏขึ้นอยู่ท่ามกลางบริเวณปราณห้วงทะเล และบนแสงจันทร์นั้นเอง ก็ได้เริ่มที่จะเปล่งประกายคมกล้าสีแสงปรากฏขึ้นมาเป็นสาย จนทำให้ทั่วทั้งของแสงจันทร์ กลับกลายเป็นสีทองขึ้นมา

 

แล้วก็ในขณะนี้ บรรยากาศรอบกายของเยี่ยจงก็ได้ปะทุสูงขึ้นมา พริบตานั้นก็ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังปราณต้องห้ามของพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณขึ้นมา เข้าสู่ขอบเขตพลังยุทธ์ใหม่ทั้งหมดทั้งสิ้น——พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช !

 

ในขณะนี้ เยี่ยจงก็ได้อยู่ในระดับราชันแล้ว !

 

บริเวณภายนอกนั้นเอง หญิงสาวทรงเสน่ห์ตอนนี้นิ่งอึ้ง จ้องมองเข้าไปยังร่างกายของเยี่ยจง ร่างกายอันอ่อนช้อยก็ได้สั่นเทาขึ้นมา พริบตานั้นเองในขณะที่เยี่ยจงได้ทะลวงพลัง นางก็สัมผัสได้ถึงพลังความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่งขึ้นมาได้ จนทำให้นางเกิดความรู้สึกที่จะหมอบลงกราบกรานเยี่ยจงอย่างที่นับตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกได้มาก่อน แต่ว่าความรู้สึกแปลกเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นจริงอย่างยิ่ง จนทำให้จิตใจของนางตอนนี้ต้องเต้นระรัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง

 

“เด็กน้อยผู้นี้ คงมิใช่เป็นดั่งเช่นในตำนานที่เล่าขานเอาไว้ ในช่วงที่เข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราช เกิดความเปลี่ยนแปลงเทวะของจุดตันเถียนอย่างงั้นหรอกนะ ? “หญิงสาวทรงเสน่ห์มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เพราะว่า ตอนนี้เด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกได้ว่า มีความแตกต่างไม่เหมือนกับยอดฝีมือระดับราชันโดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

 

“แต่ว่านี้เป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือคนใดที่เข้าสู่ระดับราชัน ผู้ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงเทวะภายในร่างกาย ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจนับแต่โบราณกาลจวบจนบัดนี้ มิต้องกล่าวถึงเผ่าพันธุ์อื่น เพียงแค่เผ่ามนุษย์ นับแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่สามารถเข้าถึงพลังเปลี่ยนแปลงเทวะในช่วงที่เข้าสู่ระดับราชัน ยังมีไม่ถึงสองคนด้วยซ้ำ อีกทั้งหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น ต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีมหาอำนาจในเผ่ามนุษย์ ! เด็กน้อยที่น่าชังผู้นี้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ! “หญิงสาวทรงเสน่ห์ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไม่หยุด สีหน้าเปลี่ยนแปลงเป็นยากที่จะเชื่อ นางที่มีพลังฝีมือในระดับราชัน แต่ว่าตอนนี้แทบมิอาจที่จะแทบรัศมีของเยี่ยจงได้แม้แต่น้อย เพราะว่า หลังจากที่สำเร็จระดับราชัน บรรยากาศรอบตัวของเขาถือได้ว่าคงที่เป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งบุคคลธรรมดาก็มิปาน ถ้าหากว่าน่าไม่พบเห็นการฆ่าล้างสังหารของเด็กน้อยผู้นี้ เข่นฆ่าอัจฉริยะไปถึงสองคนแล้วละก็ ไม่แน่ว่าคงจะคิดจริงว่าเขาเป็นเพียงบุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงค่อยๆ ที่จะลืมตาขึ้นมา ภายในขอบเขตนี้เอง พลังลมปราณของเขาก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างประหลาด การปรากฏผลลัพธ์อย่างพลังของแสงจันทร์ส่องผิวสมุทรเช่นนี้ นี้ก็ได้ทำให้สภาพภายในจิตใจของเขาเกิดความแปลกใจขึ้นอย่างมาก ไม่ทราบว่าที่แท้เป็นเพราะว่าวาสนาของตนเองฝึกปรือวิชาลมปราณหกสุสาน หรือว่าเป็นเพราะเคล็ดวิชารากฐานกันแน่

 

แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าอะไร นับจากตอนนี้เป็นต้นไป เยี่ยจงคงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังการกระทำเรื่องราวต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น เรื่องราวพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจถูกแพร่งพรายออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ไม่ใช่แต่เพียงแค่เหล่าแดนลับแลก่อนหน้านี้เท่านั้น เกรงว่าแม้แต่กลุ่มจักรพรรดิเทพเซียนในระดับตำนาน、หรือว่าจะเป็นขุมกำลังที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็คงต้องลงมือแน่ เพื่อที่จะจับเป็นเขา ทำการตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ

 

แต่ว่า เรื่องราวเช่นนี้ เยี่ยจงเพียงแต่เกิดความเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ถือได้ว่ามิได้มีความเป็นห่วงอะไรมากมาย กระนั้น ดินแดนซีฮวงรวมไปจนถึงดินแดนทั้งสี่นั้นถือได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลใหญ่มาก กว้างใหญ่ไพศาล แต่ว่า ราวกับว่ายังไม่เคยได้ยินถึงเรื่องราวเกิดขึ้นของกลุ่มจักรพรรดิเทพเซียน、การคงอยู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ระวังขึ้นมาหน่อยก็ดี ยังไงก็ย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้

 

แล้วก็ได้ค่อยๆ บิดกายไปมา ภายในร่างกายได้ไหลเวียนเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่สบายอย่างยิ่งชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่า พลังลมปราณภายในร่างกายตอนนี้ของเยี่ยจงจะมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่ว่า ระดับพลังของเขากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างยิ่ง นี้ถือได้ว่าเป็นความประหลาดชนิดหนึ่งที่พอจะสัมผัสได้ ในขณะนี้ เยี่ยจงก็ยืนยันได้แล้วว่า พลังฝีมือของตนเองในตอนนี้อย่างน้อยก็สำเร็จขึ้นมาอย่างน้อยก็สามขั้นได้ อีกทั้ง ไม่แต่เพียงแค่ระดับของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะเท่านั้น หากว่ารอคอยจนถึงช่วงเวลาที่ฝึกปรือพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณเทวราชได้จนถึงระดับสูงสุดแล้ว เยี่ยจงมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง ว่าพลังลมปราณของตนเองนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานี้เอง หากว่าทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสุดท้ายของพลังขั้นก่อฟ้า ระดับลมปราณเทวราชแล้วละก็ จะต้องปรากฏความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแน่นอน

 

เมื่อครุ่นคิดอย่างกระจ่างในข้อนี้ได้ เยี่ยจงก็ได้ยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา เขากวาดสายตามองไปทางด้านหญิงสาวทรงเสน่ห์ในตอนนี้ที่อยู่ในท่าทางพร้อมสู้คราหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “เจ้านับได้ว่าย่างเนื้อได้ไม่เลว เนื้อที่ย่างอยู่ที่เหลือไว้ก็ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน เมื่อกินเข้าไปแล้วย่อมมีประโยชน์ต่อเจ้าไม่น้อย ช่วงนี้เจ้าก็ติดตามข้าไปก่อนก็แล้วกัน ข้างกายมีเด็กน้อยช่วยหุงหาอาหาร เจ้าก็เหมาะสมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว “

 

หญิงสาวทรงเสน่ห์งงงันวูบ หลังจากนั้น นางก็ได้กล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ : “เจ้าไม่ฆ่าข้าแล้วงั้นหรือ ? “

 

“ความจริงคิดที่จะสังหารเจ้าอยู่ แต่ว่าข้าในตอนนี้จิตใจดียิ่ง จะปล่อยเจ้าไปก็แล้วกัน “เยี่ยจงกล่าวออกไปตรงๆ “แน่นอนว่า ถ้าหากว่าเจ้าตระเตรียมที่จะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แพร่กระจายออกไปออกไปแล้วละก็ ข้าก็จะกินเจ้าอย่างแน่นอน “

 

เยี่ยจงแสยะยิ้ม เผยฟันขาวออกมา บวกกับเขาที่เมื่อครู่พึ่งจะได้กินเมิงจี่ไปคำโต ก็ได้ทำให้หญิงสาวทรงเสน่ห์มองดูจนร่างกายสั่นเทาขึ้นมา เด็กน้อยน่าชังเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ที่ดูไปแล้วมีท่าทางองอาจ อีกทั้งยังไร้ผู้ต้านทาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าถึงกับมีด้านที่เปรียบเสมือนมารร้ายเช่นนี้ด้วย

 

“ใช่แล้ว ข้ายังไม่ได้ถามชื่อของเจ้าเลยนะ แต่ว่าช่างเถอะ คาดว่าเจ้าก็คงไม่กล้าบอกออกมา ร่างเดิมของเจ้าที่เป็นกระเรียนเพลิงที่มีสีแดงงั้นหรือ งั้นก็เรียกเจ้าว่าเสี่ยวหง (小红เจ้าแดง) ก็แล้วกัน “เยี่ยจงไม่แยแสสนใจสีหน้าที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาของหญิงสาวทรงเสน่ห์ เพียงแต่ตั้งชื่อให้แก่นางด้วยความตนเอง

 

“เสี่ยวหงข้าว่านะ พวกเจ้าทั้งสามคนต่างก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์ตระกูล เหตุใดถึงได้ว่าปิดเส้นทางสายนี้อย่างกะทันหันกัน ไม่คิดเตรียมตัวที่จะบอกกล่าวอันใดต่อข้าเลยอย่างงั้นหรือ “เยี่ยจงหรี่ตาลง รอยยิ้มนั้นน่าดูเป็นอย่างยิ่ง เขาเองก็แปลกใจอย่างมาก ในสถานที่แห่งนี้ที่แท้เกิดเรื่องอะไรกันแน่ แม้แต่ผู้ที่มาปิดเส้นทาง ต่างก็เป็นถึงอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์ ภายในน่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นเป็นแน่ อีกทั้งยิ่งต้องเป็นเรื่องที่น่าแตกตื่นอย่างแน่นอน

 

“เจ้ายังคงไปเถอะ ทางด้านในยังน่าจะสามารถมีการปรากฏของสมบัติที่มีค่ามากอย่างยิ่งปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอน พวกข้าทั้งสามคนกลับไม่หาญกล้าพอที่จะเป็นศัตรูกับเด็กน้อยเหล่านั้นที่อยู่ทางด้านใน จึงได้ถอยร่นมาจนถึงตอนนี้ เตรียมตัวที่จะเก็บบัวแดงเพลิงเล็กน้อย ถึงแม้ข้าจะทราบได้ว่าเจ้านั้นไม่ธรรมดาสามัญ แต่ว่าต่อให้เจ้าเข้าไปด้านใน อย่างน้อยก็คงจะต้องทอดกายตายลงแน่ “เสี่ยวหงเอ่ยปากขึ้น เห็นได้ชัดว่าพยายามที่จะชักจูง

 

“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีเช่นนี้หรอก มาให้ข้าลองทายดู กลุ่มอัจฉริยะเยี่ยงพวกเจ้ากว่าครึ่งก็คงพอที่จะทราบเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวพวกนี้อยู่แล้วกระมั่ง ? เพียงแต่ว่าแม้แต่พวกเจ้าทั้งสามเองก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้ว่าผู้ใดเป็นผู้บงการได้ จึงได้เพียงแต่ลงมือกระทำเช่นนี้อยู่กระมั่ง ? “เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาอย่างเจิดจรัส “ข้าตอนนี้ก็รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง ที่แท้เป็นบุคคลเช่นไรกันที่สามารถควบคุมคนเหล่านี้เอาไว้ได้ กระนั้น ในเมื่อต้องการที่จะให้อัจฉริยะออกหน้าให้ อีกทั้งยังไม่มีท่าทางที่สง่าเยี่ยงข้า ประดุจเซียนลงมาจุติ อย่างน้อยก็ยากที่จะกระทำได้ ข้าทราบว่าเจ้าคิดที่จะโน้มน้าวข้าให้เข้าไป เฝ้ารอให้พี่ชายใหญ่หรือว่าพี่สาวใหญ่มาเพื่อสังหารข้าสินะ แต่ว่า เจ้าในตอนนี้ไม่ว่าจะกล่าวอันใดก็กล่าวได้ไม่ชัดเจน คิดที่ดึงดูดความสนใจของข้าอย่างงั้นหรือ ? “

 

เสี่ยวหงจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ราวกับขบจนฟันในปากเกิดเสียงดังขึ้นมา นับตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเจอกับใครที่หน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้มาก่อน ถึงกลับบอกว่าตนเองมีคุณลักษณะที่สง่าสูงส่ง ประดุจเซียนลงมาจุติ

.

.

.

.

ตอนที่ 410-411 มาแล้ว
ตอนที่ 410 https://bit.ly/2Wqp6NF
ตอนที่ 411 https://bit.ly/2JFcxZb

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://1th.me/o9CD
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset