เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 411 ชิงสมบัติ

ตอนที่ 411 ชิงสมบัติ

 

“เป็นอย่างไร? เจ้าจะบอกไม่บอก? ถ้าไม่บอกแล้วละก็ ข้าจะไปแล้วนะ” เยี่ยจงลุกขึ้น แต่ว่าทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก็มิปาน จากนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นน้อยๆ แล้วกล่าว” แน่นอนว่า ต่อให้ข้าไปแล้ว เจ้าก็ยังสามารถติดตามข้าไปได้ นั้นก็เพราะว่าเจ้าคือคนปรุงอาหารของข้า”

 

วินาทีนั้นเสี่ยวหงก็ได้หน้าดำมืด หลังจากนั้นสักพัก นางก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันขึ้นมาเบาๆ แล้วกล่าวออก :” ภายในเขตแดนนี้น่าจะเป็นใจกลางของธาราเพลิง เมื่อวันก่อน ได้มีคนพบกับค้นพบสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่ง อีกทั้งน่าจะมีส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับป่ามรกตอย่างมาก ดังนั้นจึงเกิดการรวมตัวกันของอัจฉริยะจากแต่ละฝ่ายขึ้น กล่าวกันว่า การเข้ามายังภายในดินแดนขนาดเล็กในครั้ง ที่มีค่ามากมายที่สุดต่างก็ได้ปรากฏขึ้นต่อคนกลุ่มนี้แล้ว”

 

“สมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งหรือ?” เยี่ยจงทอสีหน้าประหลาดใจขึ้น สายตาจ้องมองไปยังท่ามกลางพื้นที่ที่เป็นดั่งใจกลางของสถานที่แห่งนี้ที่อยู่ทางด้านหลัง ในสถานที่สายนี้ได้ปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงเพลิงขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการเผาไหม้จากบางอย่าง ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

 

“น่าสนใจดีนิ พวกเขาก็เข้าไปด้วยกันเถอะ แน่นอนว่า เจ้าข้าแม้จะไม่ได้มีเป้าหมายเดียวกัน แต่ว่า ทางที่ดีอย่าได้อยู่ห่างไป นั้นก็เพราะว่าเจ้านั้นเป็นคนปรุงอาหารของข้า ข้าไม่ได้มีความต้องการที่จะเปลี่ยนเจ้ากลายเป็นอาหารของข้า” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยื่นมือรับกระบี่ไม้กลับมา หันกายคิดที่จะเดินออกไปอีกทางด้านหนึ่ง

 

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ หลงเหลือไว้แต่เพียงเสี่ยวหงเพียงคนเดียว ศีรษะของนางได้เต็มไปด้วยขี้เถ้าสีดำ แต่ว่าท้ายที่สุดก็ยังร้องเชอะเดินติดตามไป

 

ระหว่างที่เดินผ่านหมอกหนา ก็สามารถที่จะพบเห็นกับพื้นที่ที่เป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง มีเพลิงไฟกลิ้งสลับไปมานับไม่ถ้วน ปะทุอย่างดุเดือด แต่ว่าเพลิงไฟเหล่านี้กลับบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไม่มีแม้แต่สิ่งเจือปนใดๆ แม้แต่น้อย

 

“ข้ากลับสามารถสัมผัสได้ว่าในสถานที่แห่งนี้นั้นมีสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์อยู่ส่วนหนึ่ง เดินไปทางด้านนั้น” เสี่ยวหลุนกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพื่อแนะนเยี่ยจง

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ได้ใช้พลังประกายสีทองแผ่กระจายไปทั่วร่าง จากนั้นก็ได้ขยับร่างกาย เพื่อที่จะเข้าไปยังท่ามกลางภายในที่เป็นใจกลางเขตแดนของธาราเพลิงนี้

 

เพลิงไฟใจกลางเขตแดนแห่งนี้ถือได้ว่ามีพลังปราณที่มีความบริสุทธิ์อย่างมาก หากว่าร่างกายภายนอกของผู้คนแตะเข้าไปบริเวณนี้ ทั่วทั้งร่างกายก็จะลุกไหม้ออกไปพร้อมพลังปราณกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เยี่ยจงขมวดคิ้ว จากนั้นก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาพลังความเปลี่ยนแปลงขั้นที่หนึ่งของไท่กู่จูเชวียนออมา อักขระจูเชวียนก็ได้วนเวียนอยู่บริเวณรอบกายของตนเอง จากนั้นอักขระจูเชวียนก็ได้ไหลเวียนออกไป จากนั้นทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เข้าไปยังภายพื้นที่ท่ามกลางใต้ทะเลเพลิงแห่งนี้

 

ทะเลเพลิงประดุจท้องแม่น้ำสายหนึ่งก็มิปาน ที่ด้านในนั้นก็ได้มีพลังมรรคบริสุทธิ์ที่กลายสภาพแล้วรวมตัวกันประดุจสายน้ำ ดุจดั่งแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ก็มิปาน จากการชี้นำของเสี่ยวหลุน เยี่ยจงก็ได้เข้ามาจนถึงภายในเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

 

การเสาะหาถึงกลิ่นอายของสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์ภายในทะเลเพลิงสายนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่มีความยากเย็นอย่างยิ่ง แล้วก็ได้เกิดร่องรอยบางอย่างขึ้นมาเป็นสาย ต่อให้เป็นเยี่ยจงเองก็เพียงแค่ยังบังเอิญตรวจสอบได้เท่านั้นเอง ยังดีที่มีเสี่ยวหลุนอยู่ข้างกาย มันก็ได้ชี้เข้าไปยังทางด้านตำแหน่งนั้นไม่หยุด จนทำให้การเดินทางของเยี่ยจงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ได้เลยผ่านเข้าไปแล้วนับร้อยลี้

 

หลังจากผ่านไปแล้วร้อยลี้ เยี่ยจงก็ได้เข้าไปยังพื้นที่สายหนึ่ง ในพื้นที่แห่งนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นธาราเพลิงที่แท้จริงก็ว่าได้ นั้นก็เพราะว่า บริเวณทางด้านบนของพื้นที่นี้มิได้มีเปลวไฟที่เดือดลุกขึ้นมา พลังมรรคบริสุทธิ์ที่กลายสภาพทั้งหมดนั้นก็ได้กลับกลายสู่สภาพเป็นรูปร่างเดิม รวมตัวกันอยู่ขึ้นมา

 

หากกล่าวออกมาจากความหมายที่ว่ามาเหล่านี้ ตอนนี้ก็ถือได้ว่านับเป็นสถานที่เหมาะแก่การฝึกปรือพลังมรรคไฟอย่างยิ่ง หากว่าเยี่ยจงไม่ไปไหน อยู่ในที่แห่งนี้เพื่อหล่อหลอมพลังมรรคบริสุทธิ์ทั้งหมดนี้แล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องสำเร็จการบรรลุพลังความเปลี่ยนแปลงขั้นที่สี่ของไท่กู่จูเชวียน

 

“น่าเสียดย เป็นเพียงมรรคไฟบริสุทธิ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่มีแม้แต่พลังของมรรคไฟเลย!” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา หากว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแอ่งพลังแห่งมรรคไฟแล้วละก็ เช่นนั้นเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต้องไปไหนแล้ว จึงไม่มีความสนใจอันใดต่อสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์อะไรนั้นอีกด้วย

 

เมื่อได้จ้องมองไปยังพลังมรรคบริสุทธิ์ที่กลายสภาพทางด้านหน้า เยี่ยจงก็บ่นขึ้นมา พลังมรรคบริสุทธิ์ที่กลายสภาพเหล่านี้มีประโยชน์ใช้สอยไม่มากนัก จะกล่าวว่าน้อยก็ไม่น้อย หากว่านำมาเก็บแล้วละก็ มีแต่จะสิ้นเปลืองพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ แต่หากไม่เก็บแล้วละก็ ก็เหมือนกับว่ามีความรู้สึกว่าต้องกลับไปอย่างมือเปล่าอยู่ชนิดหนึ่ง จนทำให้ตนเองนั้นรู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางท้องนภาก็ได้ก่อเกิดเปลวเพลิงสายฟ้าเป็นประกายขึ้น พุ่งผ่านหัวไหล่ของเยี่ยจงไป หากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะว่าเขานั้นมีประสาทสัมผัสปราณที่ไวแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องถูกโจมตีไปแล้ว

 

จนทำให้ภายในดวงตาของเยี่ยจงปรากฏความสงสัยขึ้น เขามองผ่านเข้าไปยังสถานที่ที่ห่างไกลนับร้อยลี้จากที่แห่งนี้ สามารถกล่าวได้ว่ารอบคอบเอาไว้สักหน่อยเป็นที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับถูกผู้คนโจมตีเข้ามา ผู้ที่มานั้น ที่แท้มีความน่ากลัวถึงขั้นใดกัน?

 

“ชิ——”

 

เยี่ยจงยังไม่ทันที่จะตกใจแล้วเสร็จ ก็ได้กวาดคมกระบี่ออกไปคราหนึ่ง ในครั้งนี้ก็ได้พุ่งผ่านเส้นผมบนศีรษะไป พุ่งผ่านเข้าจนจมลึกเข้าไปผ่านลำธาร จนเกือบที่จะโดนเขาเข้า แต่ว่าก็เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง คมกระบี่นี้ราวกับเพียงแค่กวาดผ่านไปเท่านั้น มิได้แฝงเอาไว้ด้วยความจงใจแต่อย่างไร

 

“ตูมตูมตูม——”

 

ไม่นานนัก ก็ได้มีการโจมตีมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งกวาดเข้ามา แต่ว่า การโจมตีเหล่านี้กับอยู่ห่างออกไปจากบริเวณที่เยี่ยจงอยู่นับสิบเมตร มิได้พุ่งผ่านตัวเขาแต่อย่างไร แต่ว่าการโจมตีที่ไม่ทราบที่มาที่ไปเหล่านี้กลับต่างก็มีความน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง หากว่าโจมตีโดน ด้วยพลังฝีมือของเยี่ยจงอย่างน้อยก็คงจะต้องกระอักโลหิตออกมาเล็กน้อย

 

แต่ว่า เรื่องราวได้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว พริบตาเยี่ยจงก็ได้มีปฏิกิริยาขึ้นมา น่าจะไม่มีคนที่คิดจะลงมือต่อตนเอง เพียงแต่มีแต่คนประมือกันเท่านั้น

 

ในขณะที่ครุ่นคิด เขาก็ได้ปรากฏกายขึ้น ก็ได้ทำการตรวจสิบพลังปราณที่พุ่งออกมาอย่าละเอียด จากนั้นก็ได้พบว่า ตอนนี้ในบริเวณขอบของบ่อไฟ ก็ได้มีการต่อสู้อันน่าตกใจขึ้นมา มีเงาร่างไม่น้อยที่เข้าปะทะกันท่ามกลางอากาศ อีกทั้งทุกๆ การโจมตียังน่าหวาดกลัว ต่างก็รวมรั้งเอาไว้ด้วยพลังมหาศาล

 

หลังจากนั้นดูอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าเยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนเป็นตกใจขึ้นมาอีกหลายส่วน มีทั้งอัจฉริยะที่กำลังลงมือ มีทั้งชนชั้นผู้โดดเด่น มีทั้งผู้กล้า ไม่ว่าจะเป็นคนใดก็ตามต่างก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

และการแย่งชิงภายในกลุ่มคนเหล่านี้เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่ากำลังแย่งชิงสิ่งของบางอย่างกันอยู่ มีวัตถุสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยประกายเพลิงพวยพุ่งอยู่ท่ามกลางสนามไม่หยุด เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ที่ต่างก็ลงมือก็เพราะต้องการที่จะแย่งชิงสิ่งของชิ้นนี้

 

“สมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์?” สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสิ่งของบางอย่างอยู่ เยี่ยจงค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ในตอนนี้ที่อัจฉริยะต่างก็ลงมือแย่งชิงสิ่งของกันเช่นนี้ หากเขาลงมือในตอนนี้ นอกเสียจากจะสามารถยับยั้งผู้คนทั้งหมดลงได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ก็คงยากที่สอดมือเข้าไปยุ่ง

 

แต่ว่า คนที่ลงมือในตอนนี้ มีอยู่หลายคนแม้แต่เยี่ยจงในตอนนี้ยังไม่อาจที่จะสามารถมองออกถึงอยู่ในขอบเขตใด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่ลงมืออย่างบุ่มบ่าม

 

“เสี่ยวหลุน ถ้าหากเจ้าลงมือแล้วละก็ จะมีความสำเร็จกี่ส่วนที่จะสามารถแย่งชิงสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์นั้นได้สำเร็จ” หลังจากที่ครุ่นคิดได้แล้ว เยี่ยจงก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาเสียงเบา

 

“มีความสำเร็จกว่าห้าส่วน แต่ว่าถ้าให้ข้าทำเช่นนั้นแล้วละก็ สถานะของเจ้าอย่างน้อยก็คงจะต้องถูกเปิดเผยแน่” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง

 

“ถ้างั้นทำอย่างไรดี?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว รู้สึกวุ่นวายขึ้นมา

 

“ในช่วงนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์เหล่านั้นก่อน ต่อให้สูญเสียไป ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร เพราะว่าภายในส่วนลึกของธาราแห่งนี้ยังมีอยู่อีกหลายชิ้น ขอเพียงสามารถที่จะเสาะหาได้พบ น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่อันใดนัก” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็ได้ส่งเสียงออกมา

 

เยี่ยจงไม่ทราบจะกล่าวอะไรดี ถ้าบอกมาเสียตั้งแต่แรก เขาจึงคร้านที่จะต้องไปให้สนใจกับการต่อสู้เช่นนี้ ต่อมาเขาก็ทำตามคำชี้แนะของเสี่ยวหลุน เข้าไปยังส่วนลึกของธาราอย่างรวดเร็ว คิดที่จะเข้าไปครอบครองสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์ชิ้นอื่นภายในธารานี้แล้วค่อยว่าถึงเรื่องอื่นอีกที

 

ตามการชี้นำของเสี่ยวหลุน เยี่ยจงก็ได้พบว่า ธาราเพลิงแห่งนี้มีความลึกอย่างไร้ที่เปรียบ ดุจดั่งทะเลสาบที่มีความลึกนับคนาก็มิปาน เมื่อได้ผ่านพ้นไปแล้วกว่าครึ่งชั่วยาม เสี่ยวหลุนก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา :” พวกเราหาสิ่งของพบแล้ว อยู่ทางด้านหน้านี้เอง แต่ว่ากลับมีความยุ่งยากไม่มากไม่น้อยอยู่อย่างหนึ่ง”

 

“เรื่องยุ่งยากอันใด?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว

 

“เจ้าดูที่ตัวเองสิ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงขึ้นมา จากนั้นก็ได้นิ่งเงียบไป

 

เยี่ยจงค่อยๆ เดินขึ้นไปทางด้านหน้า อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มองเข้าไปยังสิ่งที่อยู่ทางด้านหน้า วินาทีนั้นก็ไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมา

 

ตอนนี้ก็สามารถเห็นได้ว่า ทางด้านหน้าก็ได้มีเงาร่างที่ชดช้อยอยู่สายหนึ่ง กำลังก้มลงเข้าไปเก็บดอกบัวท่ามกลางธารเพลิงอยู่ดอกหนึ่งอย่างระมัดระวัง นางมีความจดจ่ออย่างยิ่ง แทบจะไม่ทราบได้ว่าได้มีคนเข้ามาใกล้ทางด้านหลังของนางแล้ว

 

เยี่ยจงอมพะนำขึ้นมา เสี่ยวหลุนก็ช่างพึ่งพาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ มาถึงยังสถานที่แห่งนี้อย่างยากลำยาก ผลสุดท้ายกลับพบว่า ได้มีคนเข้ามาถึงก่อนอยู่แล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ถือได้ว่าแย่อย่างยิ่ง จนทำให้เยี่ยจงรู้สึกจะบ้าคลั่งขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

แต่ว่า เยี่ยจงไม่แม้แต่จะกล่าวอันใดออกมา เพียงแต่ทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง หญิงสาวเบื้องหน้าสายตาผู้นี้มีความร้ายกาจอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เยี่ยจงและนางจะอยู่ใกล้กันเพียงคืบเดียว แต่ว่าก็ยังไม่อาจที่จะตรวจสอบระดับพลังบนร่างกายของนางได้ หากว่ามิใช่เป็นเพราะพบเจอมามาก อย่างน้อยก็คงจะมองข้ามคนผู้นี้ไปแล้ว

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้กลอกตาไปมาเล็กน้อย หญิงสาวนางนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด แน่นอนว่าย่อมมิใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน

 

แต่ว่า เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงกลับมิได้เคลื่อนไหวอันใดมากมาย เพียงแต่มองเข้าไปตรวจสอบอยู่ทางด้านหลัง

 

แล้วก็ได้พบว่าหญิงสาวผู้นี้ได้เด็ดดอกบัวไปหลายดอกอย่างระมัดระวัง จากนั้นท้ายที่สุดก็ได้มองเข้าไปยังด้านบนดอกบัวชิ้นสุดท้าย สีหน้าก็ราวกับปรากฏความยินดีขึ้นมาอย่างยิ่ง

 

เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่เด็กบัวเหล่านี้ หลังจากนั้น ก็ได้เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาภายในใจอย่างช้าๆ ดอกบัวเหล่านี้ถึงกับเป็นบัวเพลิงก่อฟ้าที่เล่าขานกัน ภายในได้รวมเอาไว้ด้วยพลังที่ส่งผลต่อตนเอง ที่มีพลังความสามารถของมรรคไฟอย่างถึงที่สุด ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงที่ได้ดูแผนที่ที่อยู่ภายในบันทึกที่ได้รับมาก่อนหน้านี้อยู่รอบหนึ่ง สิ่งของที่บันทึกเอาไว้อยู่ภายใน ถึงกับปรากฏขึ้นมาทีละอย่างทีละอย่างเช่นนี้

 

ตอนนี้ หญิงสาวเบื้องหน้าสายตาก็ได้ลงมืออีกครั้ง มุ่งหน้าเพื่อที่จะเข้าไปเด็ดบัวเพลิงก่อฟ้าบริเวณนั้น ตอนนี้สีหน้าของนางมีการจดจ่อเป็นอย่างยิ่ง เตรียมพร้อมที่จะเด็ดบัวเพลิงก่อฟ้าดอกสุดท้ายจากนั้นก็จะจากไป

 

เยี่ยจงยิ้มขึ้นมา ทราบว่าเวลาได้มาถึงแล้ว เป็นไปตามหลักเหตุผลดั่งเช่นตั๊กแตนจับจักจั่นแต่นกขมิ้นอยู่ทางด้านหลัง พริบตานั้นเอง เขาขยับร่างกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้เข้าไปจนถึงบริเวณทางด้านหลังของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว บริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้แผ่กระจายตราผนึกนภาออกไป ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ จนทำให้หญิงสาวลอยขึ้นไปท่ามกลางอากาศไปในทันที

 

พริบตานั้นเอง เยี่ยจงโบกมือขึ้นคราหนึ่ง นำเอาบัวเพลิงก่อฟ้ามาจากในมือของหญิงสาว จากนั้นก็ได้เตรียมพร้อมที่ถอยกายออกไป

 

“ตูม——”

 

ในพริบตาที่เยี่ยจงตระเตรียมถอยออกไป หญิงสาวเบื้องหน้าสายตาก็ได้สลายพลังรอยตราของเขาได้แล้ว จากนั้นก็ได้ก้าวเท้ากวาดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขาอันขาวผ่องนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรงอันน่าหวาดกลัว คิดที่จะจัดการเยี่ยจงลงภายในพริบตาเดียว

 

ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับ ประสาทการรับรู้ของหญิงสาวนางนี้เป็นที่น่าตกใจอย่างมาก หากเป็นบุคคลธรรมดายืนอยู่เบื้องหน้านาง คาดว่าคงไม่อาจที่จะทำอันใดได้

 

เยี่ยจงตกใจขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ทราบ ตอนนี้หากว่าตนเองยังถอยต่อไปแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะไม่มีผลดีอะไร ราวกับทันทีที่ตัดสินใจได้ เขาก็ได้ก้าวเท้าขวาออกไป เข้าขวางรั้งร่างกายที่อยู่ทางด้านหลังเอาไว้ มือข้างหนึ่งคว้าจับเข้าไปยังข้อเท้าอันขาวผ่องของฝ่าเท้าที่กำลังลอยเข้ามา

 

“กึง——”

 

เสียงที่แผ่กระจายออกมาในตอนนี้เปรียบเสมือนสายฟ้าลั่นขึ้นมา จนทำให้ธาราเพลิงท่ามกลางสนามแยกออกเป็นสี่ทาง จนเกิดช่องว่างขึ้นในพื้นนี้แห่งนี้

 

เยี่ยจงเก็บบัวเพลิงก่อฟ้าในมือเอาไว้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด บนใบหน้าก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา ข้อเท้าของอีกฝ่ายนั้นประดุจดั่งถูกสร้างขึ้นมาจากหยกขาวขนาดเล็กก็มิปาน แต่ว่าภายในนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยความเคลื่อนไหวอันน่ากลัวขึ้นมาเป็นระลอก หากมิใช่ว่าตนเองได้สำเร็จระดับราชันแล้วละก็ ด้วยพลังฝีมือก่อนหน้านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องพลาดพลั้งไปไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะบอกได้ถึงระดับความน่าหวาดกลัวของหญิงสาวเบื้องหน้าสายตาได้แล้ว

.

.

.

.

 

ตอนที่ 410-411 มาแล้ว
ตอนที่ 410 https://bit.ly/2Wqp6NF
ตอนที่ 411 https://bit.ly/2JFcxZb

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://1th.me/o9CD
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset