เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 425 น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์

ตอนที่ 425 น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์

 

 

“คงมิใช่ว่าพวกเขาพบเจอกับสิ่งของอันใดบางอย่างไปแล้วหรอกนะ?” เสี่ยวหลุนราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็มิปาน ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจขึ้นมา

 

“สิ่งของอะไรกัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เกี่ยวกับตำนานเล่าขานเหล่านี้ เขาย่อมไม่มีความเข้าใจที่มากมายเท่ากับเสี่ยวหลุนอย่างแน่นอน

 

“ตามตำนานเล่าขาน ต้นไม้มรกตเพื่อที่จะทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่บริเวณนี้ ในสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็คงจะต้องมีวัตถุเทวะหล่อหลอมบางอย่างปรากฏขึ้นมา เรียกขานกันว่าน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์……หรือก็คือ ใช้ไว้เพื่อหล่อหลอมร่างกายเช่นเดียวกันกับที่เจ้าได้ฆ่าสังหารองค์ชายสิบสามแห่งตระกูลถังเมื่อครั้งนั้น ” เสี่ยวหลุนเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“อะไรนะ นี้คือสิ่งใดกัน ” เยี่ยจงตาร้อนขึ้นมาทันที เมื่อครั้งก่อนที่ร่างเนื้อขององค์ชายสิบสามแห่งตระกูลถังถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับของตนเอง แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าไม่แตกต่างอันใดจากกายเนื้อไม่สูญสลาย เพียงแต่มองในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าวัตถุสิ่งนี้มีความล้ำค่ามากถึงเพียงใด

 

“สิ่งของนี้เมื่อมองในด้านของคนผู้อื่นนั้น หรือไม่ก็เป็นแค่เพียงน้ำตาหลอมร่างเทวะเท่านั้น แต่ว่าหากมองในมุมของเจ้า กลับถือได้ว่าเป็นช่วงพลิกผันครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ หากว่าเป็นเจ้าสามารถครอบครองเอาไว้ได้ เช่นนั้นกายเนื้อของเจ้า ก็จะมิใช่พลังกายเนื้อไม่สูญสลายที่ธรรมดาสามัญเช่นนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำให้เจ้าเข้าสู่กายเนื้อทองไม่สูญสลายได้ในภายในช่วงเวลาอันสั่นๆ ได้……กายเนื้อเช่นนี้ สามารถกล่าวได้ว่าถือได้ว่าเป็นดั่งไร้ผู้ต้านทานในดินแดนเลยก็ว่าได้เลยเชียวนะ!” เสี่ยวหลุนรู้สึกใจหายขึ้นมา แสดงอาการตกใจออกมา เห็นได้ชัดว่า ผลลัพธ์ของสิ่งที่มันคิดถึงนั้นเพียงพอที่จะทำให้เกิดอาการตาลายขึ้นมาได้เลยทีเดียว กายเนื้อที่ไร้ผู้ต้าน เช่นนี้ก็เปรียบเสมือนดั่งเป็นเพียงความฝันชนิดหนึ่งเท่านั้น

 

“การคาดเดาของเจ้านี้ จะสามารถเป็นความจริงได้กี่ส่วนกัน ” เยี่ยจงยื่นมือออกไปลูบที่บริเวณคาง ในช่วงเวลานี้ก็ได้เกิดความลังเลขึ้น ไม่ทราบว่าสมควรที่จะเข้าไปยังภายในตำหนัก หรือว่าเข้าไปเพื่อแย่งชิงกับน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์นั้น

 

“สามารถที่จะเป็นจริงได้กว่าแปดส่วน อีกทั้งเจ้าดูไปที่กลุ่มคนที่กำลังแย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตายดูสิ อย่างน้อยคงจะต้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต่อให้มิใช่น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ พวกเขาก็พบว่าสิ่งของเหล่านี้อย่างน้อยก็ถือได้ว่ามีความไม่ปกติธรรมดาอย่างมาก ฉะนั้นอย่าได้ผิดพลาดไปโดยเด็ดขาด ” เสี่ยวหลุนยังคงยกตัวอย่างเช่นนี้ออกมาไม่หยุด

 

“เช่นนั้นก็อย่าได้ผิดพลาดไปละ ” เยี่ยจงพยักหน้า แล้วก็ได้ตัดสินใจไปในทันที เขาขยับร่างกายคราหนึ่ง พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ฮูมฮูมฮูมฮูม——”

 

บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มีพลังปราณแห่งฟ้าดินที่เป็นดั่งหมอกควันปกคลุมขึ้นมาอย่างหนาแน่นก็มิปาน ภายใต้ท่ามกลางหมอกควัน ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยกำลังอยู่ในการปะทะกันอยู่ อีกทั้งยังคนที่กำลังลงมืออย่างซ่อนเร้น หมายที่จะจัดการฆ่าสังหารกับคู่ต่อสู้ทั้งหมดในคราเดียว เพื่อที่จะได้รับสิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้แต่เพียงผู้เดียว

 

เยี่ยจงก็ได้ขยับร่างกายเข้าไปใกล้ จากนั้นก็ได้ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา หมอกควันเหล่านี้ประดุจดั่งมีความหนาแน่นขึ้นมาก็มิปาน ภายในตำแหน่งร่างกายของผู้คน ก็ยากที่จะทนทานรับเอาไว้ได้ หากไม่ระวังร่างกายก็คงจะต้องถูกตรึงเอาไว้ จำเป็นที่จะต้องมีความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด

 

“เป็นเจ้า!” แล้วก็ได้มีเสียงๆ หนึ่งดังลอดออกมา แฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาอยู่หลายส่วน

 

เยี่ยจงกวาดสายตามองเข้าไป แล้วก็ได้พบว่าในตอนนี้ โหยวเหลียน ชิงหญิง บุตรมารอัสนี ชิงยี่เป็นต้นและอัจฉริยะกลุ่มใหญ่ที่เป็นชนชั้นระดับแนวหน้าต่างก็อยู่กันในบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ทว่าตอนนี้พวกเขาต่างฝ่ายต่างก็เข้าต่อสู้กันเอง เป็นที่น่าโหดร้ายอย่างมาก

 

และระหว่างการปะทะกันของพวกเขา ก็ได้มีราชาปีศาจกลุ่มหนึ่งขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าราชาปีศาจเหล่านี้ต่างก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเฉพาะตัวออกมา พวยพุ่งเข้ามาใกล้บริเวณนี้อย่างรวดเร็ว ถึงกับยังถือได้ว่ารวดเร็วกว่าความเร็วของเยี่ยจงอยู่หลายส่วน

 

คนกลุ่มนี้เมื่อพบเห็นการปรากฏตัวของ” ซิง” ปฏิกิริยาของแต่ละคนต่างก็แสดงออกมาไม่เหมือนกัน มีทั้งคนที่ยิ้มขึ้นมา มีทั้งขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็มีบางคนที่มีแววตาสาดประกายรังสีสังหารออกมา

 

เห็นได้ชัดว่า บริเวณนี้ถึงแม้จะมีอัจฉริยะสิบกว่าคนที่อยู่เป็นบุคคลระดับสูงสุดอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดที่พอที่จะสามารถกล่าวได้ว่าตนเองได้ใช้ออกมาด้วยพลังที่ทุ่มเทไปอย่างมากมายได้ ในสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดที่มีความคิดเห็นตรงกันอย่างแท้จริง มีแต่มองผลประโยชน์ส่วนตนโดยตลอดมา

 

แต่ว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้เองยังไงเสียก็ไม่มีผู้ใดลงมือออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าผลลัพธ์ที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้ ผู้ใดก็ไม่อาจทราบได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดแล้วแท้จริงจะเป็นเช่นไรกัน ทุกผู้คนต่างก็ยังคงยั้งมือเอาไว้

 

“ท่านซิง ราชาวิหคตะวันทองคำและราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ต่างก็อยู่บริเวณนี้ พวกเขามีระดับความเร็วที่เร็วอย่างยิ่ง จะต้องระวังเอาไว้ ส่วนราชาปีศาจอื่นๆ กำลังเร่งมายังบริเวณนี้ พวกมันคิดที่จะใช้พวกเราเพื่อทำการบูชายัญ เพื่อที่จะทำการเปิดตำหนักโบราณนั้น ” ทันใดนั้นร่างกายองค์หญิงจื่อหวินก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านข้างของเยี่ยจง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือได้ว่ามีความสัมผัสที่ดี ตอนนี้องค์หญิงจื่อหวินก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา ส่งสายตาเพื่อเป็นการเตือนเยี่ยจง

 

“พวกเจ้าอยู่ในที่แห่งนี้เพื่อแย่งชิงน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์อย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็เอ่ยถามออกมา

 

“เจ้าทราบได้อย่างไรกัน?” องค์หญิงจื่อหวินงงงันวูบ จากนั้นก็ค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมา ทอแววตาแปลกใจมองไปทางด้านของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเขาพึ่งจะมาถึงยังสถานที่บริเวณนี้ ก็ทราบได้แล้วว่าสถานที่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

“เป็นเจ้า!” บริเวณทางด้านตรงข้าม ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้ทอแววตาสีทองจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นชา ภายในแววตาก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยรังสีการฆ่าฟันอันเย็นเยียบเอาไว้จนทอเป็นประกายเจิดจ้า ราชาปีศาจกลุ่มนี้ฆ่าสังหารออกมา แล้วก็ได้พุ่งตัวเข้ามาในทันที

 

อัจฉริยะทั้งหมดในตอนนี้ก็ค่อยแตกฮือประดุจนกพิราบแตกขบวนออกไปก็มิปาน ทุกผู้คนต่างก็ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือของแต่ละคนออกมา พวยพุ่งพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวออกไป หมายมั่นที่จะทำลายทุกๆ อย่าง

 

“อยู่ทางด้านนั้น ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน ชี้นำให้แก่เยี่ยจง ที่แห่งนั้นถือได้ว่าเป็นใจกลางเขตแดนที่มีหมอกควันที่สุด ผู้คนมากมายถึงแม้จะเข้าประชันไหลเวียนไปมา แต่ว่าก็ยังคงพยายามที่จะมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ยังบริเวณทางด้านนั้น

 

เยี่ยจงไม่มีแม้แต่ความลังเลแต่อย่างไร ในเมื่อสถานที่แห่งนี้มีน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ เขาแน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไป บนกายเนื้อของเขาก็ได้เข้าสู่พลังกายเนื้อไม่สูญสลายทองคำขึ้นมา หากว่าสามารถได้ครอบครองน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ ก็เพียงพอที่จะทำให้เข้าไปสู่อีกขั้นได้แล้วละก็ เช่นนั้นก็เปรียบเสมือนว่าตนเองได้มีไพ่ตายที่แข็งแกร่งอย่างมากเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างแล้ว ดังนั้นเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้

 

เมื่อได้ย่างกรายเข้าไปอีกหลายก้าว หลังจากที่ได้หลบเลี่ยงการโจมตีสองสามสายไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปใกล้ยังบริเวณนั้น ในเวลาเดียวกันก็เหมือนดั่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเข้มข้นของเพลิงกาฬชนิดหนึ่ง บรรยากาศชนิดนี้ถือได้ว่ารวมเอาไว้ด้วยพลังความสามารถเทวะอันน่าหวาดกลัวเอาไว้ จนทำให้ทั่วทั้งร่างกายเกิดความสบายขึ้นมา

 

“ท่านซิง จำเป็นที่จะต้องเข้าไปหาที่ตายเช่นนั้นด้วยอย่างงั้นหรือ สิ่งของนั้นหากว่าครอบครองมาได้อย่างง่ายได้แล้วละก็ คงไม่ต้องถึงคราวท่านแล้วกระมั่ง?” ในบริเวณที่ห่างไกลออกไป บุตรมารอัสนีกล่าวออกมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาก็ได้ขยับเคลื่อนไหวถอยหลังออกไปประดุจสายฟ้าแลบก็มิปาน หลบเลี่ยงการโจมตีของราชาปีศาจ แต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอยออกไปจนไกลลิบ

 

“ระวัง ราชาปีศาจเหล่านั้นยากที่จะจัดการได้ ผู้ใดหากว่าเข้าใกล้มากจนเกินไป จะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน ” เหยียนหลิงหลงปรากฏขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่ง ความสัมพันธ์ของนางและ” ซิง” ยังเรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ในตอนนี้ก็ได้กล่าวออกมาเพื่อเตือนสติประโยคหนึ่ง

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย ทว่าสายตาก็ได้มองเข้าไปยังพื้นที่นั้นอย่างตกใจเป็นครั้งคราว ภายในดวงตาก็ได้ทอประกายความเคร่งเครียดขึ้นมาเป็นสาย เมื่อได้พบเห็นซากศพเหล่านั้นที่กองอยู่บนพื้นประปราย ถึงแม้จะมีซากศพจะเป็นของอัจฉริยะที่มาจากภายนอกโดยส่วนมาก แต่ว่าก็ยังมีซากศพที่คืนสู่ร่างเดิมของสิ่งมีชีวิตอยู่หนึ่งสองร่าง ทว่าโดยส่วนมากแล้วต่างก็เป็นซากศพเผ่านกกระจอกจูโรและเผ่าไก่ฟ้าโบราณกาล

 

แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกได้ว่าการปะทะกันในบริเวณนี้จัดได้ว่าอยู่ในระดับใด ต่อให้เป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ หากว่าไม่ระวังแล้วละก็ คงจะต้องถูกผู้คนฆ่าสังหารแน่ เช่นนั้นก็จะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

 

แล้วก็ได้เข้าไปอีกหลายก้าว เยี่ยจงก็พบกับชิงหญิง หยินหลิงจื่อ ซูม่อหยง จินเฉิงและพวก พวกเขาต่างก็กำลังลงมือออกไป เพื่อต่อกรกับราชาปีศาจส่วนหนึ่ง เพียงแต่ว่า พลังฝีมือของราชาปีศาจเหล่านี้แข็งแกร่งจนน่ากลัว ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของพวกเขาแต่ละคนไปมาก อัจฉริยะเหล่านี้โดยส่วนมากแล้วตั้งก็ร่วมมือกันสองสามคนโจมตีผสานเข้าด้วยกันเป็นครั้งคราว เพื่อที่จะตรึงราชาปีศาจเหล่านี้เอาไว้ มิให้พวกมันได้ลงมือ

 

สถานที่นี้ก็ได้เกิดการต่อสู้ขึ้นมาอย่างวุ่นวายภายในบริเวณใจกลาง เมื่อได้มองเข้าไปแล้ว กระนั้นเยี่ยจงก็เพียงพอที่จะสามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจน ในบริเวณทางด้านหน้า ถึงกับเป็นพื้นที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง ที่ด้านในนั้นได้มีก้อนศิลาที่คล้ายดั่งถูกแกะสลักจนมีรูปลักษณ์คล้ายดั่งดอกไม้อย่างน่าประหลาด ดอกศิลาได้ทอประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้น สามารถที่จะพบเห็นกับพลังแห่งเทวะที่ไหลเวียนอยู่ภายในของมันได้เป็นสาย

 

“นี้คือดอกศิลาดวงตะวัน คิดไม่ถึงว่าจะมีการคงอยู่ของสิ่งนี้อยู่จริง มันก็คือต้นกำเนิดของหยาดน้ำตา หรือก็คือน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ วัตถุหลอมร่างเทวะ อย่าได้ผิดพลาดไปโดยอย่างเด็ดขาด!” เสี่ยวหลุนราวกับกำลังปลุกระดมความฮึกเฮิมแก่เยี่ยจงภายในห้วงสมอง สิ่งของชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ของที่ยากจะพบเจอได้ พันหมื่นปีจะสามารถพบพานได้อย่างยากลำบากแม้สักครา

 

“ทว่าก็เหมือนกับไม่ถูกต้องนะ คนเหล่านี้เหตุใดไม่เข้าไปเด็ดดอกไม้กัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา มองเข้าไปอีกทางด้านหนึ่ง ดอกไม้นี้ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางพื้นที่ว่างที่บนร่างของมันเปรียบได้ดั่งดอกศิลาที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติสูงสุด แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าถึงกับยังไม่มีผู้คนลงมือออกไป ราวกับว่าได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหมด

 

แต่ว่าไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้ให้ความสนใจขึ้นมา ทางด้านล่างของดอกศิลาได้มีซากศพอยู่หลายร่าง พวกเขาราวกับถูกของมีคมเชือดเฉือนก็มิปาน สภาพศพแหลกเละไป จนเกิดบาดแผลลึกขึ้นมาทั่วทั้งบริเวณ

 

“นี้มัน……ห้วงความว่างเปล่าแห่งการทำลาย ไม่แปลกใจเลยที่คนเหล่านี้ต่างก็ไม่ลงมือโดยสุ่มสี่สุ่มห้า นั้นก็เพราะว่าสภาวะความวุ่นวายโดยรอบของดอกไม้นี้ อย่างน้อยก็คงจะต้องมีแต่รอคอยให้ภายในของน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์มันหลุดรอดออกมาเอง ” ไม่นานนักเสี่ยวหลุนก็พบเห็นกับอะไรบางอย่าง ส่งเสียงออกไปทางด้านของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ กวาดสายตามองออกไปโดยรอบทั่วทั้งสี่ทิศ แล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ ว่าเพราะอะไรอัจฉริยะเหล่านี้และราชาปีศาจเหล่านี้จึงเพียงแต่แค่เข้าปะทะกันเพียงถ่ายเดียวเท่านั้น แต่กลับมิได้ลงมืออย่างเอาจริงเอาจัง นั้นก็เพราะว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็รอคอยให้น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์หลุดออกมานั้นเอง ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่อาจที่จะเก็บเกี่ยวดอกศิลานี้ได้ จึงทำได้แต่เพียงรอคอยเท่านั้น

 

“เผ่ามนุษย์ เจ้ามาเพื่อสร้างความชุลมุนหรือไง ไม่เกรงว่าตนเองจะตายลงเช่นไรก็มิอาจที่จะทราบได้อย่างงั้นหรือ?” ราชาม้าเขาเดียวกะทันหันก็ได้หันกายไป จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจง ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด “ราชาวานรร้ายเพลิงเทวะถือได้ว่าเกลียดชังเผ่ามนุษย์ที่สุดแล้ว เขากล่าวเอาไว้ว่าจะสังหารเจ้าด้วยตนเอง เจ้าคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วละก็ ยังคงถอยจากไปอย่างว่าง่ายเถอะ ”

 

เยี่ยจงเหล่ตามองไปทางด้านของม้าเขาเดียวนี้ หัวเราออกมาอย่างไร้สุ่มเสียง แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เขาไม่จำเป็นที่จะพูดออกไป ในช่วงเวลาคับขันอาจจะสามารถที่ใช้ประโยชน์ขึ้นมาสักคราก็เป็นได้

 

“เวลาใกล้เข้ามาถึงแล้ว!” อีกทางด้านของราชาปีศาจตนหนึ่งก็ได้เอ่ยขึ้นมาเสียงเบาอย่างกะทันหัน หยุดสภาวะความเคลื่อนไหวไปในทันที

 

ในขณะนี้เอง การลงมือของยอดฝีมือทั้งหมดก็ได้หยุดลงไปในทันที ทุกผู้คนต่างก็มองเข้าไปอีกทางด้านหนึ่ง จนพบเห็นว่าท่ามกลางอากาศได้มีดอกศิลาลอยอยู่ แล้วก็ได้เริ่มที่จะรวมพลังความสามารถแห่งเทวะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานนักก็ได้กลายเป็นหยาดน้ำตาสีทองทั้งหมดห้าหยด หยาดน้ำตาแต่ละหยดนี้ มีความล้ำค่าไปตามขนาดใหญ่เล็กของแต่ละชิ้นก็มิปาน ทอประกายแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ภายในนั้นก็ได้รวมเอาไว้ด้วยพลังความสามารถเทวะเอาไว้อยู่นับไม่ถ้วน

 

น้ำตาหลอมร่างเทวะที่แท้จริงเช่นนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ไม่มีพลังในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายก็ตามที แต่เมื่อมีน้ำตาเทวะเช่นนี้แล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นวิธีการพลิกชะตาชีวิตเลยก็เป็นได้ เพื่อที่จะทำให้ตนเองได้เข้าสู่การฝึกปรือของกายเนื้อไม่สูญสลายขึ้นมาใหม่

 

“สิ่งของเหล่านี้ไม่อาจที่จะตกไปอยู่ในมือของราชาปีศาจกลุ่มนี้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้ข้าตายไปสิบชาติก็คงไม่อาจที่จะกลับมาเกิดใหม่ได้แล้ว!” ชิงยี่แห่งหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภายในมือของเขาก็ได้กวาดหอกยาวออกไป ถึงกับเป็นผู้ที่ลงมือออกไปเป็นคนแรก มุ่งหน้าโจมตีเข้าไปยังบริเวณทางด้านของราชาปีศาจ

 

อัจฉริยะมากมายก็ได้มีปฏิกิริยากลับมาในทันที ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็พร้อมใจกันพุ่งฆ่าสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน หมายที่จะสังหารราชาปีศาจกลุ่มนี้ลง

 

“เจ้ากลุ่มชนชั้นรุ่นเยาว์ ถึงกับคิดที่จะลงมือสังหารก่อนงั้นหรือ พวกเจ้าก็ช่างมีความเชื่อมั่นในตนเองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!” ราชาวิหคตะวันทองคำหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา มันกางปีกทั้งสองข้างที่ประดุจดั่งคมมีดก็มิปาน โจมตีออกมาอย่างรุนแรง หมายมั่นที่จะฆ่าสังหารอัจฉริยะผู้ที่มาจากภายในไปเสียให้หมดสิ้น

 

“ก็แค่ราชาปีศาจชั้นล่างกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่ทราบว่าพวกข้านั้นมาจากแดนลับแลหรือยังไงกัน กลับคิดที่จะใช้พวกข้าเป็นเครื่องบูชายัน พวกเจ้าคงจะไม่เคยตายมาก่อนสินะ!” จินเฉิงแห่งตำหนักดวงตะวันก็ได้หัวเราะแล้วกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ดวงตะวันขนาดใหญ่ก็ไปปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหลัง เขาพลิกมือทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน ในเวลาเดียวกันก็ได้ฆ่าสังหารออกไป จนแผ่กระจายบรรยากาศแห่งการสังหารขึ้นมาอย่างถึงที่สุด หมายมั่นที่สังหารราชาปีศาจเบื้องหน้าสายตามากมายเหล่านี้ให้หมดสิ้น

 

“มาจากแดนลับแลแล้วจะอย่างไรกัน? นี้เป็นอีกดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งเป็นของพวกข้าเอง พวกเจ้าก็เพียงแค่ผู้ที่มาจากภายนอก ต่อให้เบื้องหลังของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ จะสามารถเข้ามาได้อย่างงั้นหรือ? จะพวกกลุ่มสวะไร้ค่า!” ราชามดทองคำก็ได้หัวเราะติดต่อกันอย่างเย็นชา รับการโจมตีที่เข้ามาอย่างดุเดือด

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####
Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset