เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 451 ระดับราชันขอบเขตเทวะขั้นที่หนึ่ง

ตอนที่ 451 ระดับราชันขอบเขตเทวะขั้นที่หนึ่ง

“โครม——”

พลังประกายแสงสายฟ้าสีฟ้าดังเปรี้ยงปังขึ้นมา อยู่บนนิ้วมือทั้งห้าของราชาปีศาจเผ่าวานร ประดุจดั่งมังกรอสรพิษกำลังรอคอยจะฉกก็มิปาน ทำให้สภาวะพื้นที่โล่งว่าง เล็บนิ้วมือทั้งห้าของเขาก็ได้ปกคลุมอยู่ไปทั่วทั้งผืนท้องนภาลัยก็มิปาน จนไม่อาจที่จะหยุดเอาไว้ได้

เยี่ยจงแตกตื่นตกใจขึ้นมา ทราบได้ถึงความน่าหวาดกลัวของกระบวนท่านี้ เขาก้าวเท้าออกไปคราหนึ่ง แล้วก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ร่างหายวับออกไป

“ตูม——”

ประกายแสงสายฟ้าประดุจมังกรอสรพิษก็ได้ไหลมาตามสภาวะของพื้นดิน จนแตกกระจายออกไปกลายเป็นถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จนมองไปไม่เห็นส่วนที่ลึกลงไป เกิดควันสีเขียวโดยรอบ ต่อให้เป็นวิชาสายฟ้าฉางโยวของเยี่ยจงเอว ก็ยังทำให้เกิดอาการเย็นซ่านไปจนถึงภายในกระดูก ในเวลานี้ตนเองก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาสายฟ้าฉางโยว จนเกิดเสียงอันน่าตกใจขึ้นมา แต่ว่า วิชาสายฟ้าของราชาปีศาจเผ่าวานรนี้กลับมิได้มีเสียงของพลังทำลายมากนัก แต่ว่าในด้านการรวมของพลังทำลายนั้นกลับกระจุกอยู่ในจุดเดียวกัน นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดเดามาก่อน ยิ่งทวีความน่าหวาดกลัวขึ้นกว่าเดิม เพียงพอที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงพลังของวิชาฝ่ามือสายฟ้าของราชาปีศาจเผ่าวานรเบื้องหน้าสายตาตนนี้ ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับอีกขอบเขตหนึ่ง

“วิชาแห่งเผ่ามนุษย์ วิชาดำดินรุกคืบ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมีพลังยุทธ์ประจำเผ่าเช่นนี้ได้ ยังถึงกับสามารถที่จะใช้ออกมาได้ถึงเพียงนี้ ถือได้ว่าไม่เลวเลย……รวมทั้งเจ้า ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของเผ่ามนุษย์เลยยังไม่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ ? กล่าวไปก็น่าหัวเราะเสียจริง สังหารเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน ! ” ราชาปีศาจเผ่าวานรทอประกายดวงตาคมกล้าขึ้นมา ระหว่างนั้นเองก็ยังคงมีแววตาที่โลภอยู่หลายส่วน ภายในใจกลางฝ่ามือเขาก็ได้เกิดประกายสายฟ้าพวยพุ่งออกมาในเวลาเดียวกันนี้เอง ประกายสายฟ้านั้นมีลักษณะเป็นสีม่วงลอยอยู่ในอากาศ มุ่งหน้าเข้าพัวพันทางด้านบริเวณของเยี่ยจง และในครั้งนี้ แม้คิดที่จะหลบเลี่ยงก็ไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้

“เคร้ง——”

ในครั้งนี้ เยี่ยจงบริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้ปรากฏพลังอักขระสายไฟขึ้นมากลุ่มหนึ่ง เขาใช้ออกมาวิชาสายฟ้าฉางโยวฟาดออกไปอย่างรุนแรง วินาทีนั้น ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวอันโหดเหี้ยมไหลเวียนออกมา จนทำให้อักขระใจกลางฝ่ามือของเขาแตกกระจาย เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ เยี่ยจงก็ได้หาจังหวะในการใช้กายาทองไม่สูญสลายออกมา เพียงที่จะต้านทานพลังสายฟ้าหลายสายนี้ แต่ว่าร่างกายกลับยังคงถูกกระแทกจนถอยออกไปหลายก้าวอยู่

“กายาทองไม่สูญสลายไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ถึงกับสามารถที่จะต้านรับการโจมตีของราชันผู้หนึ่งได้ ถึงแม้ว่า มันจะเป็นเพียงแค่พลังแห่งเทวะสายที่หนึ่งเท่านั้น ” เยี่ยจงยังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ภายในใจกลับเกิดความตกใจขึ้นมาหลายส่วน กายาทองไม่สูญสลายถึงกับมิได้ทำให้ตนเองผิดหวัง

ยอดฝีมือระดับราชันมากมาย ตามความเป็นจริงแล้วก็คือยอดฝีมือที่ฝึกปรือจนถึงพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเทวราชนั้นเอง พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเทวราช มีด้วยกันทั้งหมดห้าขั้นย่อย แตกต่างจากขอบเขตพลังลมปราณก่อนหน้านี้ พลังลมปราณกับยิ่งไม่เหมือนกัน มันถึงแม้จะไม่แบ่งเป็นความสำเร็จใหญ่หรือเล็ก หากแต่เป็นไปตามพลังการฝึกปรือของจำนวนของ “พลังเทวะ” แบ่งออกมาเป็นยอดฝีมือพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง ที่มีด้วยกันทั้งหมดห้าขั้น

และพลังเทวะทั้งหมดนี้ ก็เหมือนกับการเบิกพลังลมปราณภายในร่างกายของ “จุดดั้งเดิม” ก็มิปาน ในพลังเทวะในทุกๆ ระดับชั้นนั้น เรียกได้ว่าเป็นจุดรวมของพลังแห่งมรรคเทวะเอาไว้

กล่าวอย่างง่ายดายก็คือ ยอดฝีมือพลังเทวะทั้งหลาย จะมีพลังเทวะอยู่หลายส่วน พลังเทวะนั้นมีที่มาที่ไปอันยิ่งใหญ่ ห่างไกลจากมนต์ตราเทพอยู่เหนือขึ้นมา ไม่ว่าตนเองจะมีความเข้าใจอย่างไร หรือว่าจะได้รับตำนานเช่นไรมา ขุมกำลังโดยส่วนมากแล้วจะจัดได้ว่าอยู่ในระดับแดนลับแล ต่างก็ถือได้ว่าแต่ละคนต่างก็มีพลังแห่งเทวะอยู่

สายทางแห่งการฝึกยุทธ์ หลังจากที่มาจนถึงขั้นพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเทวราชแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าเปรียบเสมือนการขึ้นสู่สวรรค์ขั้นแรก ในทุกๆ ระดับขอบเขตเล็กนั้น ต่างก็มีระดับที่แตกต่างกันราวกับฟ้าดิน

นี้ก็คือเหตุผลที่เพราะเหตุใดเหล่ากลุ่มราชาปีศาจท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์เมื่อครั้งก่อนนั้น จะมีพลังอยู่เพียงแค่ราชาเท่านั้น นั้นก็เพราะว่า พวกเขาถึงแม้ว่าจะมีพลังฝีมือเข้าถึงขั้นพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเทวราช แต่โดยส่วนมากแล้วก็อยู่ได้แค่เพียงพลังเทวะขั้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่เพราะว่าไม่มีพลังแห่งตำนาน ก็แทบจะไม่อาจที่จะรวมพลังแห่งเทวะเอาไว้ได้ ดังนั้น จึงอยู่ได้แค่เพียงระดับราชันเท่านั้น

และราชาปีศาจเผ่าวานรเบื้องหน้าสายตาตนนี้ พลังฝีมือถือได้ว่าอยู่ห่างไกลจากระดับราชันไปแล้ว เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่า มันถือได้ว่าหลุดออกมาจากพลังเทวะขั้นที่หนึ่งไปได้แล้ว อีกทั้งภายใต้การรวมพลังเทวะนั้นเอง ก็ถือได้ว่าสามารถเป็นยอดฝีมือที่ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะขั้นที่หนึ่งได้อย่างแท้จริงแล้ว ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับราชันได้อย่างแท้จริง

ราชาปีศาจเผ่าวานรนั้นมองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นชา มิได้มีอาการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าจากการที่ตนเองต้านทานพลังสายฟ้าได้แม้แต่น้อย เพียงแต่กล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้หรือ ต่อให้เจ้าใช้ออกมาด้วยวิชาสายฟ้าฉางโยวออกมา ต้านทานกระบวนท่าเมื่อครู่ของข้า คาดว่าคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเลยกระมั้ง ? ตอนนี้เจ้ายังจะดื้อดึงต่อไปทำไม มีประโยชน์อะไรกัน ? มีแต่จะทำให้ตนเองเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น มิสู้ยินยอม ข้าจะให้ความสะดวกสบายต่อเจ้าสักครา……เป็นอย่างไร เข้าสู่ปรภพอย่างสบาย แล้วนำเอาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ที่เจ้าได้รับมาจากสมรภูมิฮวงกู่ออกมา แล้วก็ส่งมอบตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกที่ได้มาจากดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์ออกมา ข้าอาจจะใจดีละเว้นชีวิตเจ้าก็เป็นได้นะ ”

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาออกมาคราหนึ่ง จับจ้องไปยังราชาปีศาจเผ่าวานรผู้นี้ กล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “กับเจ้างั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าตนเองสูงส่งมากหรือยังไงกัน ? ”

ราชาปีศาจเผ่าวานรก็ได้ลอยตัวขึ้นปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศ ก้าวออกไปกดดันบริเวณเบื้องหน้า กล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “ไม่เห็นแก่สิ่งที่ให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้างั้นหรือ ดูเหมือนว่า เจ้าคงต้องการที่จะตายจริงๆ มากเลยสินะ ”

น้ำเสียงของมันราบเรียบอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ว่าทุกๆ การย่างก้าวก็แฝงเอาไว้ด้วยแรงสังหาร ทุกๆ การย่างก้าวลงมานี้ ประดุจดั่งรังสีแห่งปีศาจแผ่กระจายออกมาจากร่างกายปกคลุมอยู่ทั่วทั้งฟ้าดินออกมา ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า ก็ได้เต็มไปด้วยรังสีปีศาจเหล่านี้ที่มาพร้อมกับเมฆสายฟ้าก็มิปาน จนเกิดเสียงดังกังวานขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

เยี่ยจงตกตะลึง ระดับราชันที่แท้จริงกับระดับราชันทั่วไปถึงกับมีความแตกต่างได้ถึงเพียงนี้เลยอย่างงั้นหรือ การที่เขาสามารถที่จะต้านทานระดับราชันมากมายเพียงผู้เดียวได้ แต่ว่าเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับระดับราชันที่แท้จริงแล้ว ไม่อาจที่จะไม่ถอยหลบได้ หากมิใช่ว่าเขานั้นสำเร็จพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จน้อย หากว่าในเวลาเดียวกันฝ่าเท้ามิได้ใช้ออกด้วยวิชาของแดนมนุษย์อย่างวิชาดำดินรุกคืบแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องถูกราชาปีศาจเผ่าวานรโจมตีสังหารตายไปตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อหลบเลี่ยงกระบวนท่านี้ของราชาปีศาจเผ่าวานรแล้ว เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ระดับความเร็วของเขายังถือได้ว่าเชื่องช้าอย่างยิ่ง มิอาจที่จะใช้ออกด้วยพลังวิชาดำดินรุกคืบหลบรอดพลังทำลายทั้งหมดได้ ต่อมาก็ได้กล่าว : “เจ้าที่แท้คิดจะทำอะไรกันแน่ ? ผนึกสภาวะแห่งความว่างเปล่างั้นหรือ ? หรือเจ้าจะเป็นผู้ใช้ยันต์ปราณอีกด้วยงั้นหรือ ? ”

“มหาราชันของข้าได้มอบสมบัติเซียนมาให้——ตาข่ายมารฟ้าสยบดิน เอาไว้ที่ข้า เพื่อที่จะเป็นการต้อนรับการมาของเจ้า ต่อให้เจ้าฝึกปรือจนสามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะของวิชาดำดินรุกคืบได้ ก็ใช่ว่าจะสามารถหลบเลี่ยงไปได้ ? ด้วยพลังฝีมือเฉกเช่นตัวของเจ้า อย่างมากก็มีความสำเร็จระดับเล็กเท่านั้น ” ราชาปีศาจเผ่าวานรยังคงก้าวออกมา จนกระทั่งทั่วทั้งใบหน้าของวานร ก็ได้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความกระหายเย็นชาขึ้นมา

“แล้วเจ้าไล่ตามข้ามาได้อย่างไรกัน ? ” เยี่ยจงยังคงถามออกไปอีกคำถาม

“ในวันที่เจ้าปรากฏตัว ข้าก็จดจำเจ้าได้แล้ว เจ้าคงไม่คิดว่าถึงแม้จะใช้ออกมาด้วยวิชาแห่งเจ็ดสิบสองลักษณ์ที่ไม่ทราบเอามาจากที่ใด ก็จะสามารถหลอกสายตาของข้าไปได้หรอกกระมั้ง ? เจ้าอย่าได้หลงลืมไปว่า วิชาเจ็ดสิบสองลักษณ์ก็ถือได้ว่าเป็นวิชาเทวะแห่งเผ่าพันธุ์ข้า ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่เริ่มข้าก็ได้จับตาดูความเคลื่อนไหวของเจ้า ทว่าในช่วงเวลาที่เจ้าใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบด้วยพลังทั้งหมด ระดับความเร็วถือได้ว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง มาจนถึงวันนี้ข้าจึงเสาะหาเจ้าพบได้ ไม่อาจที่จะไม่ชื่นชมเจ้าได้เลยจริงๆ ” ราชาปีศาจเผ่าวานรยังคงทอสีหน้าเย็นเยียบ กล่าววาจาออกมา แล้วก็ได้เปิดเผยที่มาที่ไปของสิ่งของต่างๆ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเหล่าดินแดนลี้ลับเกินไปหน่อยแล้วกระมั้ง วันข้างหน้าหากว่าพบพานกับเด็กน้อยพวกเจ้าอีก ข้าจะต้องระวังตัวขึ้นมาอีกเป็นก่ายกองแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นการซื้อบทเรียนก็แล้วกัน ” เยี่ยจงกล่าวพึมพำออกมาเสียงเบา ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างลี้ลับขึ้นมาเล็กน้อย ตนเองเป็นเพราะมีความสำเร็จอยู่เพียงเล็กน้อยมาโดยตลอด แต่กลับสูญเสียความระมัดระวังไปเสียได้ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คงจะต้องระมัดระวังอยู่ที่ฝีก้าวแล้ว

ราชาปีศาจเผ่าวานรเดินเข้ามาหาประดุจดั่งมารร้ายก็มิปาน แสดงรอยยิ้มเย็นชาออกมาแล้วกล่าว : “อย่าได้คิดมากไป เจ้าสมควรไปได้แล้ว มีหลังจากนี้ที่ใดกันอีก ? ”

“โครม——”

แล้วก็ได้มีการแตกออกขึ้นมาท่ามกลางอากาศ มีแต่เพียงมือสีดำทมิฬข้างหนึ่งที่ประทับอยู่ท่ามกลางอากาศ一 ทอเมฆหมอกพลิกผันไปมา จนทำให้เกิดบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง

“นี้ก็คือทักษะเซียนที่สืบทอดกันมาจากหุบเขาหมื่นปีศาจ ฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจ สามารถที่จะตายตกภายใต้กระบวนท่านี้ได้ เจ้าถือได้ว่าตายได้อย่างคุ้มค่าแล้วละ ! ”

หลังจากที่สิ้นเสียง ราชาปีศาจเผ่าวานรก็ได้กดฝ่ามือลงไป แล้วก็ได้พบว่าฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจนั้นมีขอบเขตที่กว้างใหญ่อย่างไร้ที่เปรียบ มีพลังทำลายที่กว้างขวาง ประดุจดั่งดวงจันทร์มรณะก็มิปาน ที่คอยกลืนกินดวงตะวัน มุ่งหน้าประทับเข้ามายังทางด้านของเยี่ยจง

ในครั้งนี้ เยี่ยจงเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมา เขาย่อเข้าใจได้เป็นอย่างดี พลังความน่ากลัวของทักษะเซียนชนิดนี้ ตนเองต่อให้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ในตอนนี้ก็ไม่อาจที่จะหลบรอดจากกระบวนท่าที่ปกคลุมอยู่โดยรอบนี้ได้ พลังฝีมือนี้ก็คือระยะห่าง พลังฝีมือของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างมากมายจนเกินไป ระดับราชันที่แท้จริงนั้น เรียกได้ว่าแข็งแกร่งอย่างมหาศาล น่าเกรงขามจนไร้สองรองใคร

“ชาติหน้าก็จงจำเอาไว้ อย่าได้ทำตัวโดดเด่นจนเกินไป คนโดยส่วนมากต่างก็ตายเช่นนี้ ก็เพราะว่ามองตนเองสูงส่งจนเกินไป ! ” ราชาปีศาจเผ่าวานรส่งเสียงไม่ดังมากนัก แต่ว่าก็ยังคงไร้อารมณ์และยังคงเย็นชาอยู่ ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางอากาศ

“ตราแห่งราชาแดนมนุษย์ ! ”

เยี่ยจงกัดฟันไปมา พลังลมปราณตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้พวยพุ่งออกมา จนก่อเกิดประกายแสงสีทองขนาดใหญ่ขึ้นมาท่ามกลางอากาศ จนก่อเกิดมังกรทองหมุนวนขึ้นมาเก้าสาย ประทับออกไปอย่างรุนแรง

“โครม——”

ทว่าพริบตานี้เอง ตราแห่งราชาแดนมนุษย์ก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมา ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ทะยานออกไป ขณะนั้น เขาก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ภายในจิตใจก็ได้เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา ตอนนี้เขาถือได้ว่าเข้าใจขึ้นมาได้แล้ว ว่าการเผชิญหน้ากับระดับราชันที่แท้จริงนั้น ระดับราชันก็เป็นได้เพียงแค่แมลงเท่านั้น

ระดับราชันมีความน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ จนทำให้ผู้คนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ แล้วถ้าหากเป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันที่แท้จริง จะมีระดับความน่าหวาดกลัวถึงเพียงไหนกัน

“วิชาแห่งแดนมนุษย์ก็ไม่อาจช่วยเจ้าไว้ได้แล้ว ”

ราชาปีศาจเผ่าวานรกล่าวออกมาอย่างเย็นชา กดฝ่ามือลงมาติดต่อกัน ฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจยังคงกระแทกลงมาอย่างหนักหน่วงติดต่อกันจากท่ามกลางอากาศ

ฝ่ามือข้างใหญ่นั้นประดุจดั่งหมอกควัน ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อความเคลื่อนไหวนี้ไปตลอดทั่วทั้งร่างกาย ต่อให้เป็นความสามารถประดุจภูเขาที่สูงเสียดฟ้าก็ยังต้องถูกทลายลงมาได้ เรียกได้ว่าเป็นระดับความน่าหวาดกลัวที่สูงล้ำอย่างยิ่ง

“ตราผนึกนภา ! ”

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงมาอาจที่จะไม่ใช้ออกมาด้วยวิชามนต์ตราเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองออกมาได้ มือข้างหนึ่งชี้ขึ้นท้องนภา มือข้างหนึ่งชี้ลงพสุธา มุ่งหน้าก่อเกิดสภาวะบางอย่างขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า

พลังกลุ่มวงรีของตราผนึกนภาก็ได้แผ่กระจายออกมาโดยรอบ แต่ว่า ตามปกติแล้วการโจมตีเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่เกิดชัยชนะขึ้นมาโดยตลอด ในตอนนี้ถึงกับยังถึงกับไม่อาจที่จะต้านฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจนั้นเอาไว้ได้ จึงได้ถูกกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังโครมขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะผนึกพลังตราผนึกนภาขึ้นมา ก็ได้ถูกกระแทกลงมาทั้งเป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

เยี่ยจงกระอักโลหิตภายในปากออกมาอีกครั้ง ลอยกระเด็นออกไปไกลนับสิบเมตร ภายในจิตใจก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา ระดับราชันที่แท้จริงถึงกับมีพลังที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง อีกฝ่ายยังไม่ทันที่จะใช้ออกมาของพลังความร้ายกาจของพลังเทวะ หากว่าพลังเทวะถูกใช้ออกมาแล้วละก็ เช่นนั้นจะต่อสู้อย่างไรกัน

“ตราผนึกนภาหนึ่งในสิบวิชามนต์ตราเทพโบราณงั้นหรือ ? ยอดมาก ดูเหมือนว่าคงจะต้องหลงเหลือจิตวิญญาณของเจ้าเอาไว้แล้ว นั้นก็เพราะว่าพลังฝีมือของเจ้านั้นมีอยู่มากมายเหลือเกิน ” ราชาปีศาจเผ่าวานรหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จนท่ามกลางอากาศเกิดการสั่นไหวขึ้น ฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจก็ได้ถูกฟาดออกไปอีกครั้ง จนปกคลุมกดดันอยู่ทั่วทั้งผืนฟ้า จนกลายเป็นประดุจดั่งเงามืดขนาดใหญ่อันหนาวเหน็บ มุ่งหน้าเข้ากดทับเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

“โครมโครม——”

กระบวนท่านี้ยังไม่ถึงช่วงที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง แต่ว่าใต้เท้าของเยี่ยจงก็ได้เกิดแตกร้าวขึ้นมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าไม่อาจที่จะทนทานพลังทำลายนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป นี้ทำให้คิดได้ว่า ตอนนี้เยี่ยจงได้รับรู้ถึงความกดดันอันน่าหวาดกลัวที่มีอยู่มากมายถึงเพียงนี้ว่าเป็นอย่างไรแล้ว

“เกราะกิเลน ! ”

เยี่ยจงล้มลุกคลุกคลานลุกขึ้นมา แล้วก็ได้ใช้ออกมาด้วยไพ่ตายของตนเองอีกครั้ง วินาทีนั้น ก็ได้มีเกราะป้องกันของเกราะกิเลนทอเป็นประกายปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านร่างกายของตนเอง ในเวลาเดียวกันอักขระกิเลนก็ได้หมุนวนกันไปมา จนพุ่งหมัดออกไปคราหนึ่ง คิดที่จะต้านทานฝ่ามือประทับหมื่นปีศาจเอาไว้

“ตัง——”

เสียงนั้นดังกระทบโสตจนกึ่งก้องอย่างไร้ที่เปรียบ เยี่ยจงก็ได้ลงหมัดออกไปในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเขาก็ได้ปกคลุมไปด้วยเกราะกิเลนก็ได้แตกออกเป็นชิ้นๆ ประดุจดั่งการแตกออกของก้อนน้ำแข็งก็มิปาน ร่วงหล่นออกมาจากบนร่างกายของเขา

ในครั้งนี้เยี่ยจงยังคงยืนหยัดยืนอยู่บนพื้น ร่างกายของเขาราวกับได้จมลึกลงไปยังพื้นพสุธา ตอนนี้ก็ได้เหม่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้า ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันกล่าว : “เจ้าลิงน่าตาย ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ ! ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset