เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 455 ความวุ่นวายดินแดนซีฮวงภาคกลาง

ตอนที่ 455 ความวุ่นวายดินแดนซีฮวงภาคกลาง

ตลอดทั่วทั้งดินแดนซีฮวงต่างก็ไม่อาจที่จะสงบได้อย่างถึงที่สุด และหุบเขาหมื่นปีศาจก็ได้ส่งข่าวอย่างหนึ่งแพร่กระจายออกมา จนกระทั่งหลังจากที่ขุมกำลังมากมายที่ทราบว่าเรื่องที่เยี่ยจงได้มุ่งหน้ามาดินแดนซีฮวงภาคกลาง ทั่วทั้งดินแดนซีฮวงภาคกลางต่างก็เกิดความเคลื่อนไหวที่เป็นที่จับตามอง ตามความเป็นจริงแล้วถือได้ว่ามีขุมกำลังนับไม่ถ้วนเริ่มเคลื่อนไหวไปแล้ว และจำตาดูและตรวจสอบผู้คนมากมายในที่แห่งนี้ จนกระทั่งตอนนี้แม้แต่ในเวลานี้ก็ยังไม่อาจที่จะทราบแน่ชัดได้?

“หุบเขาหมื่นปีศาจ พวกเจ้าก็ช่างลงทุนจริงนะ เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าจงใจแพร่กระจายออกมา จึงคิดที่จะหยิบยืมพลังของขุมกำลังนับไม่ถ้วนเพื่อบีบคั้นข้าอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง การเดินหมากในครั้งนี้ของหุบเขาหมื่นปีศาจถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปแล้ว เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายจะระดมพลังจากทั้งสำนักทั้งหมดเพื่อที่จะไล่ฆ่าสังหารตนเองในเวลานี้ แต่อีกฝ่ายยังถึงกับเดินออกมาด้วยหมากเช่นนี้

“ความโกลาหลถูกดึงดูดเข้ามา? ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในจิต? หรือว่าจะเป็นแผนการให้ตายใจกัน?” เยี่ยจงบ่นกับตนเอง นั้นก็เพราะว่า ในหลายวันมานี้ เขาเห็นได้ชัดเจนว่าบรรยากาศของดินแดนซีฮวงภาคกลางยิ่งมาก็ยิ่งไม่สู้ดีนัก ชนชั้นระดับราชันของแต่ละขุมกำลังใหญ่แต่ละฝ่ายที่เคยล้อมกันโจมตีลัทธิแห่งดวงดาวก่อนหน้านี้ แต่ว่ากลับยิ่งทวียอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่เข้าสู่ชนชั้นราชันแล้วออกมา ออกเสาะหาไปทั่วทั้งสี่มุม ไม่ว่าจะเป็นคนใดต่างก็จะต้องถูกพวกเขาซักถามกว่าร้อยรอบ อีกทั้งยังละเอียดถี่ถ้วนไม่ปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียว

นี้ได้ทำให้ความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงเกิดความลำบากขึ้นมา เมื่อถึงท้ายที่สุดแม้แต่การเดินทางยามพลบค่ำก็ยังไม่อาจที่จะทำได้ ได้แต่เพียงเสาะหาเทือกเขาร้างเพื่อซ่อนตัว แต่ว่าการทำเช่นนี้กลับพบว่าได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถือว่าดีนัก เขาได้ย้ายไปยังสถานที่มากมาย แต่ว่านั้นก็เพราะว่าตอนนี้เรียกได้ว่ามีคนไล่ตามเสาะหาเขามากจนเกินไป ไม่ว่าจะไปถึงหุบเขาที่ห่างไกลจากเมืองแค่ไหน หลังจากนั้นไม่นานก็คงจะต้องมีคนเสาะหาเขาพบ จนทำให้เขาไม่อาจที่จะไม่จากไปได้ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นที่น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดเยี่ยจงสร้างค่ายกลหุ่นไล่กาผ้า เพื่อที่จะดึงดูดเหล่าผู้คนไปอีกทางด้านหนึ่ง แต่ว่าผลลัพธ์นั้นกลับมิได้ดีอยากที่คิดเอาไว้

วันคืนของการหลบหนีเช่นนี้ถือได้ว่าแทบจะทำให้เยี่ยจงกระอักโลหิตออกมา ควรทราบว่า เขานับตั้งแต่ออกมาเดินทางมาจนถึงวันนี้ นอกเสียจากเหตุการณ์ช่วงเวลาที่ลัทธิแห่งดวงดาวล่มสลายลง ภายใต้การที่ทำอะไรมิได้ก็ต้องหนีตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลาอื่นนั้น โดยส่วนมากแล้วต่างก็เป็นการผลักดันมาจากทุกทาง และต่อให้เป็นเช่นนั้นอีกครั้ง ในช่วงเวลาของเขาในท้ายที่สุดกลับกลายเป็นพลิกผันสถานการณ์ เข่นฆ่าสังหารยอดฝีมืออีกฝ่ายไปนับสิบกว่าราย

แต่ว่าในครั้งนี้ กลับทำให้เขาหดหู่อย่างอดมิได้ นั้นก็เพราะว่าเหล่าคนที่ลงมือนั้นเรียกได้ว่ามีมากมายจนเกินไป ต่อให้เขาคิดที่จะพลิกสถานการณ์ แต่ว่าทำอย่างไรให้หลบหนีไปได้กัน นี้จึงถือได้ว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด

“จำเป็นที่จะต้องหาวิธี เพื่อไปยังรัฐเหร่ย รัฐเหร่ยซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่แห่งรัฐกู่กวอ มีขุมกำลังอันเข้มแข็ง ขุมกำลังอื่นๆ ภายในรัฐต่างก็ถือได้ว่าต่ำต้อยอย่างยิ่ง ถือได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะแก่การหลบซ่อนที่ดีที่สุด ทว่าการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากที่สุด หากต้องการที่จะพึ่งพาสิ่งนี่แล้วละก็ กลับถือได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ! ” เยี่ยจงคาดคำนวณอย่างละเอียดภายในใจ และหลังจากนั้นจึงได้แต่เพียงยิ้มอย่างข่มขื่นออกมา กล่าวจนถึงก่อนหน้า เขาคิดถึงเรื่องเช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ นั้นก็เพราะว่ากลับจะยิ่งทำให้การเดินทางยิ่งทวีความลำบากใจยิ่งขึ้นอีกหลายส่วน

ในสถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ทำให้หดหู่ได้อย่างมาก เยี่ยจงในที่สุดก็เสาะหาสถานที่ที่สงบเงียบแห่งหนึ่งพบ ภายในเขตนี้เห็นได้ชัดว่าได้ถูกยอดฝีมือเสาะหามากว่าสิบครั้งแล้ว อีกทั้งยังละเอียดถี่ถ้วนไม่ปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียว ตอนนี้ห้วงแห่งพันขุนเขาไร้ซึ่งนกโบยบิน、หมื่นสายทางที่มีแต่ความพินาศ ไม่สามารถที่จะพบเงาของสิ่งมีชีวิตแม้เพียงครึ่งตน และขุมกำลังมากมายก็คิดไว้ว่าสถานที่ถือได้ว่าถือได้ว่ายากจะหาได้พบ แต่หากมองในทางกลับกัน ก็ถือได้ว่าเปรียบเสมือนโอกาสหนึ่งของเยี่ยจง จึงได้ค่อยๆ เริ่มที่จะฝึกปรือ คิดที่จะใช้ความสงบนี้หลังจากที่ผ่านพ้นคลื่นลมที่ผ่านมา แล้วจึงค่อยคิดหาวิธีในการจากไปอีกครา

นั่นก็เพราะว่าด้านนอกนั้นถือได้ว่าอันตรายจนเกินไป ขอเพียงวินาทีนี้ซ่อนตัวเอาไว้ได้ ค่อยๆ ฝึกปรือพลังยุทธ์

เยี่ยจงสงบจิตใจเพื่อฝึกปรือ ถึงกับว่าเมื่อวันก่อนเขาจะเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณความสำเร็จใหญ่ได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ ลมปราณถือได้ว่าใหญ่กว่าความสำเร็จเล็กถึงรอบหนึ่ง แต่ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาของเขามากที่สุดในตอนนี้ก็คือพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะกลับไม่คงที่ จนทำให้พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะทั้งสองชนิดเกิดการผลัดเปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ

หากมองในมุมมองของเยี่ยจง ประสบการณ์ที่ยากจะพบพานได้ แต่ว่าเขากลับคิดที่จะทำให้พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะคงที่ลงมา ต่อให้จะถึงขั้นที่ทำให้ตนเองไม่อาจผลัดเปลี่ยนตามใจนึกได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังคงมีการคงที่เพื่อที่จะยืดระยะเวลาออกไปได้ นั้นก็เพราะว่าหากเป็นไปตามการคาดคะเนของเยี่ยจง ตามปกติแล้วในช่วงเวลาที่ได้เข้าสู่ระดับขอบเขตเล็กอีกอย่างหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะมีการปรากฏของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะได้ หากว่าไม่คิดหาวิธีในการจัดการกับเรื่องนี้แล้วละก็ เกี่ยวกับการฝึกปรือของตนเอง เกรงว่าคงจะกลายเป็นทำให้ถึงทางตันได้

หลายวันมานี้ เยี่ยจงได้เริ่มที่จะวิเคราะห์คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ โดยละเอียด เพื่อที่จะค้นหาบันทึกบางอย่างที่มีความเกี่ยวข้องออกมา และเพื่อที่จะเป็นสิ่งยืนยันการฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันตอนนี้ของตนเอง อีกทั้งยังได้เริ่มที่จะทดสอบในแนวทางแต่ละอย่าง

ในช่วงเวลาเริ่มต้นนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เลือกที่จะใช้ออกมาด้วยมหาสมุทรตะวันผลาญขึ้นมา เริ่มต้นควบคุมความเคลื่อนไหวด้วยสายทางแห่งดวงตะวัน และก็ได้ปล่อยวางการควบคุมกาลแสงจันทรา แต่ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมานั้นกลับไม่เป็นที่ชัดเจนมากนัก

จากนั้นเยี่ยจงก็ได้เลือกที่จะใช้ลมปราณเพื่อดึงดูดความเคลื่อนไหว

พลังฝีมือแต่ละชนิดต่างก็ถูกใช้ออกมาไม่ซ้ำกัน ทว่าท้ายที่สุดแล้วเยี่ยจงก็เกิดความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน นั้นก็เพราะว่าหากทำเช่นนี้แล้วละก็ คงไม่อาจที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ได้

จนถึงท้ายที่สุดเสี่ยวหลุนแสดงความคิดเห็นออกมา เพื่อที่จะให้เยี่ยจงในตอนนี้ปล่อยวางเปลี่ยนแปลงสภาวะภายในร่างกายนี้ในเวลานี้ และเพื่อที่จะเข้าสู่แกนหลักของพลังสายทางแห่งดวงตะวัน จนตนเองสามารถที่จะควบคุมพลังฝ่ามือทักษะเซียน、มนต์ตราเทพเป็นต้นใหม่ออกมาทั้งหมด โดยเฉพาะเป็นการเจาะจงพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณ ยิ่งต้องปรับให้ถึงรากฐาน เจาะจงเฉพาะความสามารถ

นี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ว่าหลังจากที่ทดลองอยู่หลายวัน เยี่ยจงก็ได้พบว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะภายในร่างกายของตนเองถึงกับเปรียบเสมือนหยุดนิ่งลงมาได้ ถึงกับยังไม่อาจที่จะเข้าไปถึงผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการได้ แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย หากเป็นไปตามการคาดการณ์ของเยี่ยจง หากว่าให้ตนเองมีเวลาในการเก็บตัวเพื่อฝึกปรือแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถที่จะเข้าไปถึงผลลัพธ์ที่ต้องการก็เป็นได้

และในเวลาเดียวกันนี้ เยี่ยจงยังได้หลอมรวมสิ่งของจำพวกวัตถุอย่างบัวเพลิงก่อฟ้าที่ได้รับมาในตอนที่อยู่ภายในท่ามกลางดินแดนขนาดเล็กแห่งศิลาตะวันบริสุทธิ์ ในเวลาเดียวกันก็ได้ค้นหารากฐานแห่งสายทางแห่งดวงตะวัน กลับมาฝึกปรือเก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนใหม่อีกครั้ง แต่ว่ากลับค้นพบอย่างไม่ตั้งใจว่า เขาถึงกับใช้ออกมาด้วยเก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนในระดับขั้นที่สี่ได้สำเร็จออกมาได้ ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ สายทางแห่งดวงตะวันถือได้ว่าคู่ควรที่จะเป็นตำนานของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกได้แล้ว อีกทั้งยังเกินกว่าจะคาดเดาเอาไว้ได้

“น่าเสียดายที่ได้รับแต่บทของพลังขั้นก่อฟ้าเท่านั้น อย่างมากก็ทำให้ตัวข้าเองฝึกปรือจนถึงขอบเขตชนชั้นระดับราชันเท่านั้น ไม่อาจที่จะไปถึงขั้นมหาราชันได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ สายทางแห่งดวงตะวันนี้คงเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้แล้ว ” เยี่ยจงถอนหายใจ ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ หากกล่าวถึงพลังฝีมือของเขาตอนนี้ ฝึกปรือจนถึงขอบเขตนี้ก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว สิ่งสำคัญที่ตนเองต้องทำต่อจากนี้ก็คือ การปรับสมดุลภายในร่าง ทบทวนสิ่งที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด ที่สะสมมานับตั้งแต่เข้ามายังโลกแห่งนี้ พยายามที่จะทำให้ตนเองเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณเข้าสู่ช่วงครบรอบได้ตั้งแต่เร็ววัน

แน่นอนว่า นี้ก็คือการสะสมพลังขึ้นมาอย่างช้าๆ เป็นลำดับขั้น ไม่อาจที่สามารถข้ามขั้นตอนได้ ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณสถานที่แห่งนี้ยังมิใช่สถานที่เปี่ยมไปด้วยพลังปราณแต่อย่างไร อีกทั้งยังสามารถที่จะถูกคุกคามได้ทุกเวลา เยี่ยจงจึงยังไม่อาจที่จะเก็บตัวเพื่อฝึกปรือในสถานที่แห่งนี้ได้

“เสี่ยวเยี่ยจื่อ ราวกับมีคนกำลังปิดล้อมอยู่ ” เสี่ยวหลุนสั่นไหวขึ้นเบาๆ อย่างกะทันหัน ส่งเสียงออกมาภายในจิตสำนึก ในขณะนี้ ด้วยพลังฝีมือของมันก็ยังพึ่งจะสัมผัสได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่ง

“ถึงกับมีคนค้นหาสถานที่แห่งนี้เจอได้อีกงั้นหรือ?” เยี่ยจงดีดตัวลุกขึ้นมา ทอสีหน้าแปลกใจ ภายในดวงตาก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวไปมา

หลังจากที่ครุ่นคิด เขากลับมิได้ลงมือทดสอบพลังฝีมือของขุมกำลังที่เสาะหาสถานที่แห่งนี้พบในตอนนี้ เพียงแต่ก้าวเท้าใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ มุ่งหน้าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

“เด็กน้อยผู้นี้ ถึงกับเจอข้าแล้วงั้นหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่สามารถจะทำให้เจ้าแปดตายได้ ” บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มีวานรที่บนร่างสวมเอาไว้ด้วยเกราะศึกตนหนึ่งกำลังหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาแล้วพลิกพลองเงินในมือไปมา ยื่นมือออกไปทางด้านหลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กระจายตัวกันปิดล้อมเอาไว้ ล้อมตีจากทั่วทั้งสิบทิศ ในครั้งนี้อย่าได้ทำให้หุบเขาหมื่นปีศาจพวกเราเสียหน้าอีกละ ! ”

“ตูม——”

หลังจากที่วานรตนหนึ่งได้ออกคำสั่งออกมา วินาทีนั้นก็ได้พบว่าบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน มีการปรากฏตัวขึ้นมาของเงาร่างของวานรอย่างถี่ยิบขึ้นมากะทันหัน พวกเงาร่างเหล่านี้ต่างก็จัดได้ว่าเป็นพระยาปีศาจทั้งหมด โดยส่วนมากต่างก็มีพลังฝีมือที่อยู่ในระดับขั้นชนชั้นราชันไปแล้ว ตอนนี้เมื่อมีการปรากฏตัวขึ้นมาถี่ยิบ เห็นได้ชัดว่าหุบเขาหมื่นปีศาจได้การเตรียมการมาเป็นอย่างเนิ่นนาน

และในบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ตอนนี้อย่างน้อยก็มีราชาปีศาจสี่ตนปิดล้อมเอาไว้อยู่ และพลังฝีมือของราชาปีศาจเหล่านี้ก็เรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากราชาปีศาจตนนั้นที่ได้ตายภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงไปก่อนหน้า

ในครั้งนี้ หุบเขาหมื่นปีศาจไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่สามารถจดจำสถานะของศัตรูขึ้นมาได้ เขามิได้ลงมืออย่างไว้ไมตรี เพียงแต่กวาดมือประดุจคมกระบี่สายหนึ่ง หลังจากที่ฆ่าสังหารเหล่าพระยาปีศาจไปแล้ว ก็ได้ฆ่าสังหารออกมาประดุจเส้นทางสายโลหิต มุ่งหน้าออกไปสู่ภายนอก

แต่ว่าไม่นานนักเขาก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาช้าๆ ตอนนี้วิชาดำดินรุกคืบของเขากลับไม่มีรับข้อจำกัดอันใด แต่ว่าก็ยังถึงกับไม่อาจที่จะรอดพ้นไปจากราชาปีศาจหลายตนนี้ เห็นได้ชัดว่า พลังฝีมือของราชาปีศาจเหล่านี้นั้นมีความน่าหวาดกลัวมากมายในระดับใด อีกทั้งยังมีความรวดเร็วอย่างยิ่ง

“เจ้าหนุ่มน้อย วันนี้ต่อให้เจ้าบินขึ้นฟ้ามุดลงพสุธาก็ไร้หนทางแล้ว ไม่อาจที่จะหลบหนีได้อีกต่อไป ! ” ราชาปีศาจที่มือข้างหนึ่งถือเอาไว้ด้วยกระบองก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียบออกมา มันนั้นเดิมที่มีร่างเป็นวานร เพียงแต่ว่าตอนนี้กลับมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ แต่ว่ามีกลิ่นอายของวานรอยู่ ตอนนี้เขาทอสีหน้าเยียบเย็นออกมา ส่งเสียงออกมาจากทางด้านหลัง

“เป็นสายโลหิตของอย่างพวกเจ้าอีกแล้ว ! ” เยี่ยจงหันกลับไปมองคราหนึ่ง ทอสีหน้าเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่า ยอดฝีมือกลุ่มนี้ต่างก็เป็นสายโลหิตของหุบเขาหมื่นปีศาจมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ ตอนนี้ยังถึงกับมีราชาปีศาจสี่ตนออกมา เพียงแค่นี้ก็เป็นที่บ่งบอกได้แล้วว่าสายโลหิตนี้วัดค่าของเขาสูงถึงเพียงไหน

“พวกเจ้าหาข้าเจอได้อย่างไรกัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกพบเจอได้

“จิตสำนึกเทวะขององค์มหาราชัน ใช้สิ่งที่จะสามารถจัดการไปได้อย่างง่ายดายอย่างงั้นหรือ? เป็นเพียงแค่มนุษย์ที่มีพลังเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน กลับกล้าที่จะคิดที่จะจัดการกับท่านมหาราชันอย่างงั้นหรือ?” ช่างเป็นพลังอ่อนน้อยนิดที่ช่างไร้ค่าเสียจริง ตอนนี้เขาก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกันขึ้นมา เยี่ยจงจัดการสังหารจิตสำนึกของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไป แต่หากกล่าวถึงสายโลหิตนี้ของพวกมัน ช่างเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติเป็นอย่างมาก มันส่งเสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมา “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังมีความหาญกล้าเทียบฟ้า ถึงกับว่าแม้แต่ตาข่ายมารฟ้าสยบดินที่องค์ชายมหาราชันท่านประทานมาก็คิดจะเก็บเอาไว้ เจ้าช่างรนหาที่ตายโดยแท้ ! ”

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา และจากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง จึงได้เข้าใจได้ว่าตนเองถูกตามจนเจอได้อย่างไร ถึงแม้จะมีการลงมือของเสี่ยวหลุน ตนเองคิดที่จะนำมาหลอมรวม แต่ว่าก็เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง สิ่งของที่มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อหลอมรวมขึ้นมาด้วยตนเอง คงจะเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายจะหล่อหลอมไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น เมื่อวันก่อนหากว่าตนเองมอบตาข่ายมารฟ้าสยบดินให้แก่เสี่ยวหลุนไปแล้วละก็ ก็คงจะไม่เกิดเรื่องเฉกเช่นวันนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้นำตาข่ายมารฟ้าสยบดินออกมา ยื่นให้เสี่ยวหลุน เสี่ยวหลุนก็ได้ทอประกายแสงสีขาวออกมา ทันใดนั้นก็ได้หล่อหลอมตาข่ายมารฟ้าสยบดิน

“เจ้า——”

ราชาปีศาจสี่ตนที่อยู่ด้านหลังก็ได้อ้าปากตาค้าง คิดไม่ถึงว่าความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงถึงกับเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ได้แต่เพียงมองดูตาข่ายมารฟ้าสยบดินถูกหล่อหลอมไป ตัดขาดการเชื่อมต่อไปในที่สุด กล่าวอย่างง่ายดายก็คือ ครั้งนี้ถ้าหากปล่อยให้เยี่ยจงหลบหนีไปได้แล้วละก็ เกรงว่าต่อให้พวกมันคิดที่จะเสาะหาเยี่ยจงอีกครั้งคงจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอย่างยิ่งแน่นอน

หลังจากที่กระทำเรื่องราวเสร็จแล้ว เยี่ยจงขยับร่างกายคราหนึ่ง ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบอย่างรวดเร็ว จากออกไปในทันที ในขณะนี้ เขาแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีการออมพลังไว้แม้แต่น้อย ขอเพียงสามารถที่จะสลัดหลุดออกไปได้ นั้นก็เพราะว่า การมีอยู่ราชาปีศาจถึงสี่ตน บวกกับยังมีพระยาปีศาจมากมายไล่ฆ่าสังหารมาเช่นนี้ ต่อให้ตนเองมีพลังฝีมือมากกว่านี้ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่มีประโยชน์อันใด มีแต่เพียงหลบหนีเท่านั้น

ทว่าผลลัพธ์กลับมิได้ดีเช่นนี้ ต่อให้เยี่ยจงใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ แต่ว่าระยะห่างของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงใกล้เข้าไปเรื่อยๆ อยู่ดี

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

.

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset