เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 459 สถานการณ์ที่สร้างขึ้นของทั้งสองฝ่าย

ตอนที่ 459 สถานการณ์ที่สร้างขึ้นของทั้งสองฝ่าย

ตอนนี้บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน รวมทั้งสิ้นมีทั้งหมดเงาร่างอยู่หกสายขวางรั้งเยี่ยจงเอาไว้ และภายในกลุ่มนั้นเองก็ยังแฝงเอาไว้ด้วยบรรยากาศอันลี้ลับอย่างยิ่งเอาไว้ ทางด้านของชายหนุ่มสวมชุดไว้ทุกข์ผู้นั้น ตอนนี้ภายในมือของเขาก็ได้กุมเอาไว้เข็มเล็กๆ สีดำทมิฬเอาไว้เล่มหนึ่ง บนใบหน้าทอแววตาเย็นเยียบขึ้นมา

“เจ้าเป็นผู้ใดอีกกันแน่ ? ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ไม่อาจที่จะเอ่ยปากถามออกมา ก่อนหน้านี้เขาหนีตายมาโดยตลอด ยังไม่ทันที่จะสงบจิตคืนกลับมา ตอนนี้จึงอยู่ในท่าทีที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง ไม่อาจที่จะเสียเวลาต่อไปได้อีก จึงได้พยายามฟื้นคืนสมาธิอย่างรวดเร็ว

“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องทราบ ขอเพียงเจ้าเข้าใจเพียงเรื่องเดียวก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ และสายทางแห่งดวงตะวันออกมาแล้วละก็ ข้าจะให้ความรวบรัดแก่เจ้าคราหนึ่ง ” ชายหนุ่มสวมชุดไว้ทุกข์กล่าวออกมาอย่างเย็นชา มิได้มีความคิดที่จะกล่าววาจาไร้สาระออกมาแม้แต่น้อย

เยี่ยจงส่ายหน้าไปมา มิตอบอะไรออกมา เขาแน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะส่งมอบสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้ออกไปได้ นั้นก็เพราะว่าเขาย่อมทราบดีอยู่แก่ใจว่า ต่อให้ส่งมอบสิ่งของทั้งสองสิ่งไป สถานการณ์ของตนเองก็ยังคงต้องเป็นเช่นนี้อยู่ดี ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงอันใดได้

“ฆ่าเขาซะ ! ต่อให้ไม่ได้รับสายทางแห่งดวงตะวัน ก็ยังพอที่จะสามารถครอบครองคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ได้อยู่ ” ชายหนุ่มสวมชุดไว้ทุกข์หัวเราะออกมาเสียงเย็นชา ไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมา เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง เด็ดขาดอย่างถึงที่สุด คิดที่จะสังหารเยี่ยจงลงในสถานที่แห่งนี้โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวสิ่งอื่นใด

ความเคลื่อนไหวอันแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ วินาทีนั้นก็ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน มีคนเพียงห้าคนเท่านั้นที่ชักสมบัติปราณออกมาเข้ามาพุ่งเข้ามาหาตนเอง อีกทั้งยังมีคนที่ใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์ออกมา จู่โจมสังหารเยี่ยจง

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ก้าวเท้าใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ก่อนหน้านั้นก็ได้รุกขึ้นหลบถอยการโจมตีของคนเหล่านี้ไป เขายังไม่ต้องการที่จะมาลงมือในสถานที่แห่งนี้ นั้นก็เพราะว่าในหมู่คนเหล่านี้ถึงแม้จะไม่มียอดฝีมือระดับราชันสักคนเดียว แต่ว่าทุกผู้คนต่างก็ถือได้ว่าแข็งแกร่ง ด้วยถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ยังถือได้ว่ายากนักที่จะต่อกรด้วยได้ เขาค่อยๆ ที่จะคาดคำนวณขึ้นมาอยู่รอบหนึ่ง หากว่าฝืนใจลงมือออกมาแล้วละก็ อาจจะพอที่จะสามารถสังหารกลุ่มคนเหล่านี้ได้อย่างน้อยก็สองสามคน แต่ว่าในทางที่แย่ที่สุดก็คือตนเองอาจจะต้องตายตกไปด้วย นั้นก็เพราะว่า พลังฝีมือของคนเหล่านี้นั้นถือได้ว่าอยู่นอกเหนือกว่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันไปมากแล้ว

“พวกเราย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเจ้านั้นที่แท้ทำอะไรได้บ้าง ดังนั้น ย่อมไม่อาจที่จะหลบหนีไปได้แล้ว ยอมรับชะตาชีวิตนี้แต่โดยดี วันนี้ในปีหน้า ข้าจะมาเซ่นไหว้เจ้าให้อย่างดีสักรอบก็แล้วกัน ! ”

บุรุษชุดไว้ทุกข์หัวเราะออกมาเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็ได้ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ เข็มที่อยู่ภายในมือเล่มนั้นก็ได้แปรสภาพกลับกลายเป็นใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ได้กลับกลายมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง กดทับลงมาจากท่ามกลางอากาศ หมายจะให้เยี่ยจงตายตกลงไปในทันที

“ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง ! ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เยี่ยจงมิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแต่พยักหน้าไปมา พริบตานั้นเอง ประกายแสงสีขาวก็ได้เข้าปกคลุมร่างกายของเขา ห่อหุ้มอยู่บนบริเวณรอบนอกของร่างกายของเขาในทันทีทันใด

“ซวบ——”

ในขณะนี้ เยี่ยจงเคลื่อนไหวประดุจดั่งประกายแสงสายหนึ่งก็มิปาน สายลมสายฟ้าพวยพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไป หลบรอดจากการโจมตีที่เข้ามาอย่างถี่ยิบเหล่านี้ มุ่งหน้าไกลออกจากสถานที่แห่งนี้

ในขณะนี้เอง ร่างกายของเยี่ยจงประดุจดั่งควันที่จางๆ กลุ่มหนึ่งก็มิปาน แล้วก็ได้ลอยหายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ระดับความเร็วได้เพิ่มขึ้นมาจนถึงระดับสูงสุด

กลุ่มบุรุษชุดไว้ทุกข์ทางด้านหลังนั้นก็ได้อ้าปากตาค้าง เหม่อมองไปยังเงาร่างของเยี่ยจง เกิดความตื่นตะลึงขึ้นมาหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าคิดยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าเหตุใดภายในสถานการณ์ที่กระชั้นชิดนั้น เยี่ยจงยังถึงกับสามารถที่จะหลบรอดออกไปได้

ในครั้งนี้ เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบวิ่งออกไปหนึ่งชั่วยามได้ เขาจึงได้ค่อยหยุดลง ล้วงเอายาปราณออกมาเพื่อที่จะทั้งกินทั้งทาทันที ฟื้นฟูพลังสถานะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“กลุ่มคนเมื่อครู่นั้นยากที่จะต่อกรด้วยได้ บุรุษชุดไว้ทุกข์ผู้นั้นในมือครอบครองเอาไว้ด้วยสิ่งที่มีพลังอย่างมากมายมหาศาลเอาไว้ อย่างนั้นก็คงจะต้องเป็นสมบัติเซียนระดับหวูคง (ชื่อของไซอิ๋ว虚空) ครั้งนี้เกรงว่าพวกเราคงจะต้องพบเจอกันเรื่องยุ่งยากเข้าแล้วละ ” เสี่ยวหลุนเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน

*ขอทับศัพท์ไปก่อนนะครับ

“ว่ายังไงนะ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าเคร่งเครียดออกมาอยู่หลายส่วน

“สมบัติเซียนระดับหวูคง เรียกได้ว่ามีความสามารถที่ระดับความว่างเปล่า ย่อมถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ไว้ต่อกรกับวิชาดำดินรุกคืบได้เป็นอย่างดีที่สุด ขณะนี้หากมองเช่นนี้แล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องมีคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหน้าที่มีความเข้าใจต่อพลังฝีมือของเขาอยู่หลายต่อหลายคน คิดที่จะจัดการสังหารเขา เพื่อที่จะได้รับวาสนาทั้งหมดของเจ้า ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมา

“หุบเขาหมื่นปีศาจงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา

“มิใช่หุบเขาหมื่นปีศาจ พวกมันแม้แต่มหาราชันปีศาจก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว คงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีที่หลบหลบซ่อนซ่อนเช่นนี้ ข้าคิดว่า ครั้งนี้ผู้ที่ลงมือมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับเจ้าเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อย เขาก็ต้องเคยประมือกับเจ้ามาก่อน จึงมีความเข้าใจในพลังฝีมือแต่ละอย่างของเจ้าอยู่หลายส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ส่งคนกลุ่มนี้มายังสถานที่เช่นนี้แน่นอน ” เสี่ยวหลุนถอนหายใจ สถานการณ์ในขณะนี้ถือได้ว่ายุ่งยากอย่างยิ่ง

“คนที่มีความเข้าใจต่อข้าอย่างถึงที่สุดงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เรียกได้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็คงคิดไม่ออก จะหาบุคคลเช่นนี้ออกได้อย่างไรกัน

หลังจากที่ครุ่นคิดใคร่ครวญแล้ว เขาจึงได้ค่อยกล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “กล่าวมาอย่างง่ายๆ ขณะนี้ได้มีกลุ่มคนที่เหนือธรรมดาอยู่เบื้องหลังของเรื่องราวเช่นนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะต้องมาถึงภายในเวลาอีกมานานหลังจากนี้ เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวหลังจากนี้จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด อีกทั้ง อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะต้องทราบถึงการคงอยู่ของพลังฝีมือแต่อย่างของข้าแล้ว ”

“นี้คือสิ่งที่คาดคิดอย่างย่ำแย่ที่สุด หากว่าเกิดมีบุคคลเช่นนั้นขึ้นมาจริงแล้วละก็ ยากนักที่จะคาดคิดได้ว่าคนเช่นนี้ที่แท้เป็นคนเช่นไร จะมีก็แต่ ต้องคอยระมัดระวังอยู่ตลอดให้ได้เท่านั้น ” เสี่ยวหลุนกล่าว

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาจึงได้ถอดชุดที่สวมใส่เอาไว้ทั้งหมดออกมาจากบนร่างกาย หลังจากที่ใช้พลังเพลิงผลาญออกไปแล้ว จึงค่อยเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ทั้งหมด เมื่อแน่ใจได้แล้วว่าบนร่างกายของตนเองนั้นไม่หลงเหลือสิ่งของที่บุคคลอื่นหลงเหลือเอาไว้ให้แล้ว จึงได้เดินทางต่ออย่างรวดเร็ว

ทว่าผลลัพธ์เช่นนี้ก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรมากมายนัก ถึงแม้เยี่ยจงตลอดรายทางจะจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ไม่หยุด มีบางครั้งที่มีการทิ้งร่องรอยที่แตกต่างกันไป แต่ว่าเขาก็ยังพบว่า ผลลัพธ์ที่ได้มานี้ยังเรียกได้ว่าย่ำแย่อย่างถึงที่สุด บุรุษชุดไว้ทุกข์จำนวนมากยังคงติดตามขึ้นมาได้อยู่หลายครั้งหลายครา แต่ว่าเขาก็ยังหลบรอดไปได้

เห็นได้ชัด กลุ่มคนเบื้องหลังของบุรุษชุดไว้ทุกข์นั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาอย่างมากมาย เกรงว่าอาจจะต้องเป็นวิชาฝีมือของทั้งขุมกำลังอันน่าหวาดกลัว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ก็คงไม่อาจที่จะเสาะหาตัวเยี่ยจงเช่นนี้ได้

“ข้าเข้าใจแล้ว เกรงว่าคงจะมีแต่คนของหมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้าที่พอจะคาดเดาความเคลื่อนไหวของเจ้าได้เช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ด้วยพลังฝีมือและความเร็วของเจ้า คงจะไม่มีผู้คนที่สามารถติดตามมาได้โดยตลอดเช่นนี้ได้จึงจะถูกต้อง ” หลังจากที่ผ่านพ้นความลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า เสี่ยวหลุนก็ได้กล่าวออกมาอย่างกะทันหัน ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“หมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้า ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ขุมกำลังนี้เขาเคยได้ยินมาก่อน ถึงแม้จะมีกำลังพลไม่มากนัก แต่ว่าขุมกำลังเช่นนี้ก็ยังถือได้ว่าอยู่เหนือธรรมดาจากทั่วทั้งดินแดนทั้งสี่ นั้นก็เพราะว่าพวกมันสามารถที่จะแสดงออกมาได้ถึงการคำนวณแห่งฟ้าได้ จึงจะกระทำทั้งหมดนี้ได้ หากว่าผู้ที่ไล่สังหารตนเองเป็นคนกลุ่มนี้ อีกทั้งยังเป็นการลงมือของคนของหมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้าจริงแล้วละก็ เช่นนั้นการหลบรอดไปได้คงจะต้องลำบากขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว

“ข้ามีค่าถึงเพียงนี้เชียวอย่างงั้นหรือ ? เพียงเพราะที่จะต่อกรกับยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันตัวน้อยๆ เช่นข้า ถึงกับต้องให้หมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้าเคลื่อนไหว ” เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ เขาไม่ว่าจะหลบหนีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากว่าจะต้องเดิมพันด้วยครั้งใหญ่ จากนั้นก็สังหารผู้คนทั้งหมดให้สิ้น ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะหลบรอดไปได้

“ในตัวของเจ้านั้นมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ แล้วก็ยังมีสายทางแห่งดวงตะวันของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกอยู่ ต่อให้ไม่มีสิ่งของเหล่านี้ เจ้าก็ยังมีวิชายุทธ์แห่งแดนมนุษย์ วิชากิเลน มนต์ตราเทพเป็นต้น ไม่คุ้มค่าได้อย่างไรกัน ? หากว่าจับตัวเจ้าได้ ก็เหมือนกับมีโอกาสที่จะเข้าสู่การเป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันมากยิ่งขึ้นไปได้ นี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากจะพบพานได้ ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดยอมที่จะพลาดไปได้หรอกกระมั่ง ? ” เสี่ยวหลุนหัวเราะคิกคักกล่าวออกมา

เยี่ยจงใบหน้าดำคล้ำขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าตนเองถึงกับตนเองต้องถูกไล่ต้อนมาจนถึงขั้นนี้ได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มที่จะมีความเข้าใจในความสำคัญของพลังฝีมือมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง

“หากว่าข้ากลายเป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันได้ ต่อให้บนร่างกายตัวข้ามีสิ่งของเหล่านี้ แต่ว่าจะยังมีผู้ใดหาญกล้าที่จะมีแตะต้องข้าอีกหรือไม่กัน ? ” เยี่ยจงหันหน้ามองกลับไปบริเวณทางด้านหลัง หัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน

“เสี่ยวหลุน เจ้ามีความสนใจต่อสมบัติเซียนแห่งหวูคงชิ้นนั้นหรือไม่ ? ” เยี่ยจงทอดวงตาแห่งความคิดหมุนวนไปมาอย่างหลายครั้งหลายครา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างกะทันหัน

“หมายความว่ายังไงกัน ? ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาอย่างแปลกใจอย่างยิ่ง ราวกับคิดไม่ออกว่าเยี่ยจงนั้นต้องการที่จะทำอะไร

“ไม่มีความหมายอะไรหรอก คนเหล่านี้แต่ละคนต่างก็ไล่ฆ่าสังหารข้าเช่นนี้ ขอเพียงข้าทำให้ตนเองดูมองว่าเป็นเหมือนดั่งสุดยอดรุ่นเยาว์อย่างแท้จริง จึงได้ใช้กำลังพลพลังฝีมือมากมาย เพื่อที่จะบีบคั้นข้า ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ทราบว่า ตัวข้านั้นมีสถานะอีกรูปแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าข้าจะถูกบีบคั้นจนมาถึงขั้นนี้ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน ! ” เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาติดต่อกัน ยังดีที่เขาได้ตระเตรียมแผนการการลงมือที่แน่นอนเอาไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ คงจะไม่อาจที่จะรอดพ้นจากการถูกไล่ตามจนตายแน่นอน

“ค่ายกลยันต์ปราณอย่างงั้นหรือ ? ” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา “แต่ว่า ด้วยสภาพของพวกเราในขณะนี้ อย่างน้อยก็คงไม่อาจที่จะสร้างค่ายกลขึ้นมาได้ เจ้ามีเวลาพออย่างงั้นหรือ ? ”

“คนที่ตั้งค่ายกลนั้นมิใช่ข้า แต่เป็นเจ้า ” เยี่ยจงถอดเสี่ยวหลุนออกมา จากนั้นก็ได้นำแผนผังค่ายกลสังหารไร้อนันต์ที่ได้มาจากรัฐต้าโจวเมื่อครั้งนั้นส่งมอบให้แก่เสี่ยวหลุน ในเวลาเดียวกันก็ได้ส่งมอบแหวนจักรวาลวงหนึ่งให้แก่เสี่ยวหลุน “แผ่นยันต์ปราณภายในนี้ใช้อย่างไม่ต้องเกรงใจได้เลย ใช้มันทั้งหมดไปได้เลย ไปจัดตั้งค่ายกลสู่เส้นทางที่พวกเราจะไปถึงหุบเขาแห่งนั้นก่อนสามวัน ข้าจะหาวิธีซื้อเวลารั้งพวกเขาเอาไว้ทั้งหมดเจ็ดวัน เจ็ดวันหลังจากนี้ ข้าจะเข้าไป เจ้าจะต้องจัดวางค่ายกลตามรูปที่ข้าให้เอาไว้ให้ดี จัดการวางค่ายกลเหล่านี้เอาไว้ ! จึงจะสามารถที่จะจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้ สมบัติเซียนทั้งหมดของพวกเขาก็จะเป็นของเจ้าแล้ว ! ”

“เดิมพันใหญ่ถึงขนาดนี้เชียวงั้นหรือ ? ” เสี่ยวหลุนกวาดตามองไปที่แหวนจักรวาลคราหนึ่ง จากนั้นก็กลืนเข้าไปอย่างช้าๆ ถ้าหากตระเตรียมยันต์ปราณมากมายในการจัดตั้งค่ายกลยันต์ตามที่เยี่ยจงขอร้องมาแล้วละก็ อย่างน้อยแม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันที่แท้จริงเองก็ยังไม่อาจที่จะต่อกรได้แม้แต่น้อย

“คนเหล่านี้กระชัดชิดเข้ามาใกล้ทุกๆ การย่างก้าวแล้ว ไม่ให้หนทางรอดแก่ข้า เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน ! ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน จากนั้นก็ได้นัดแนะกับเสี่ยวหลุนถึงลักษณะและแผนการหลังจากนี้ จากนั้นก็หายลับจากไปในทันที

ต่อจากนั้นหลายวันผ่านไป เยี่ยจงปรากฏตัวขึ้นที่ท่ามกลางหัวเมืองใหญ่เหล่านี้ไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังจงใจสร้างอาการบาดเจ็บไว้บนร่างกายส่วนหนึ่ง ภายในหลายวันมานี้ เขาก็ได้เข้าไปยังห้องยาหลากหลายแห่ง ใช้พลังฝีมือในการบีบเค้นจนได้ยาปราณมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้หายจากไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็ได้มีข่าวคราวการปรากฏตัวของเยี่ยจงขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ ตลอดทั่วทั้งดินแดนซีฮวงภาคกลางก็ได้เกิดความสั่นคลอนขึ้นอีกครั้ง ด้วยการนำของสี่ราชาปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ขณะนี้ก็ได้มีการรวมตัวของการมาของยอดฝีมืออย่างถี่ยิบไม่หยุดหย่อน

ในเวลาเดียวกัน บุรุษชุดไว้ทุกข์กลุ่มนั้นก็ได้ไล่สังหารเยี่ยจงมาโดยตลอด ราวกับได้เพิ่มกำลังพลขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง พวกเขาได้ลงมือออกไปหลายครั้งหลายครา ถึงแม้จะปล่อยให้เยี่ยจงหลบหนีไปได้ แต่ว่าก็ยังคงทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้

“สมควรเกือบได้เวลาแล้วกระมั่ง ? ”

เจ็ดวันหลังจากนั้น ภายใต้กำแพงเมืองโบราณแห่งหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้พ่นลมออกมาคำหนึ่ง ทอสีหน้าขาวซีดหัวเราะแล้วกล่าวออกมา

ในครั้งนี้ เพื่อที่จะทำการดึงดูดผู้คนในการไล่ฆ่าสังหารตนเองมาจำนวนมากเช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้จ่ายค่าตอบแทนออกไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน มีอยู่หลายครั้ง ที่แม้แต่เขาเองก็ยังเกือบที่จะถูกยอดฝีมือเหล่านี้สังหารไปได้ หากมิใช่ว่าตัวเข้านั้นมีพลังฝีมือที่มากมายแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

จากการที่มีขุมกำลังมากมายถึงเพียงนี้ไล่สังหารมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังถือได้ว่ามีคนที่ไม่ธรรมดาคอยชักใยเอาไว้อยู่ เยี่ยจงถึงกับสามารถที่จะหลบรอดไม่ตายลงไปได้ถึงเจ็ดวันได้ ก็ถือได้ว่าเป็นความสามารถที่เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์อย่างใหญ่หลวงก็ได้แล้ว

“ตูม——”

ทันใดนั้น ฟ้าดินเกิดอาการสั่นสะเทือน ยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ก็ได้ไล่ฆ่าสังหารกันเข้ามา สี่ราชาปีศาจก่อนหน้านี้ ขณะนี้แต่ละคนก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา

ในระยะสายตา บุรุษชุดไว้ทุกข์กลุ่มนี้จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเยือกเย็น ค่อยๆ ที่จะก้าวเดินมาอย่างช้าๆ เรื่องราวได้เกิดขึ้นมาจนถึงขึ้นนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวอย่างหลบซ่อนได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจที่จะสังหารเยี่ยจง

นอกเสียจากบริเวณแห่งนี้ อีกทั้งยังมีการปรากฏขึ้นมาของยอดฝีมือจากขุมกำลังต่างๆ ขณะนี้โดยส่วนมากต่างก็ได้ปรากฏขึ้นมาจากท่ามกลางอากาศ แฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาและความละโมบเอาไว้มองไปที่เยี่ยจง รายล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงเย็นชา จากนั้นก็ได้หันกายมุ่งหน้าเข้าไปยังหุบเขาทางด้านหลังทันที

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset