เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 460 ต่อกรกับขุมกำลังภายใต้แสงจันทร์

ตอนที่ 460 ต่อกรกับขุมกำลังภายใต้แสงจันทร์

สุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง บนกายของเขานั้นไม่เพียงแต่จะมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ อีกทั้งยังมีสายทางแห่งดวงตะวันแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตก สิ่งของทั้งสองสิ่งนี้ ขณะนี้ก็ถือได้ว่ามิใช่ความลับอันใดจากทั่วทั้งดินแดนซีฮวงอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังเรียกได้ว่าแผ่กระจายออกไปจนถึงทั่วทั้งสี่ดินแดนแล้วก็ว่าได้

และขณะนี้ เยี่ยจงทอดสายตาหนักแน่น อีกทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บหนัก ข่าวเช่นนี้เมื่อได้ถูกแพร่ออกไป ไม่ทราบว่าได้เป็นการสร้างแรงดึงดูดมากมายได้ถึงเพียงไหน

ขณะนี้ ถึงแม้ว่าในส่วนหน้านั้นจะมีสี่ราชาปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจเป็นแกนนำ แต่ก็ยังถือได้ว่ายังมีขุมกำลังที่เคยเข้าร่วมศึกแห่งลัทธิแห่งดวงดาวเข้าร่วมด้วยส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังส่งยอดฝีมือออกมา เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จะยังไม่มีพลังฝีมือจนถึงขั้นระดับราชัน แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงล้ำ มีหรือที่จะไม่มีผู้ใดทราบได้?

นอกเสียจากบริเวณสถานที่แห่งนี้ ยังมีขุมกำลังส่วนหนึ่งคอยเคลื่อนไหวอยู่อย่างหลบซ่อน ขุมกำลังเหล่านี้โดยส่วนมากแล้วถือได้ว่าเป็นเหมือนดั่งมีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามนุษย์อยู่ อีกทั้งยังมีสุดยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์อย่างรัฐกู่กวอ นั้นก็เพราะว่าเผ่ามนุษย์หลายวันก่อนหน้านี้ได้มีการปรากฏตัวของยอดฝีมือระดับมหาราชันซือคงจาปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อที่จะลงมือเพื่อเยี่ยจงเอง จึงทำให้ขุมกำลังที่เป็นเผ่ามนุษย์ไม่น้อยไม่หาญกล้าพอที่จะลงมือออกมาอย่างเปิดเผย แต่ว่าคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ก็ยังถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง บวกกับตำนานคัมภีร์โบราณต้องห้ามสายทางแห่งดวงตะวันที่อยู่บนร่างกายของเขา สามารถกล่าวได้ว่า ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็มีความสนใจอย่างมาก

“ซูม——”

ร่างกายของเยี่ยจงเองก็ได้เข้ามายังบริเวณทางด้านปากทางเข้าของหุบเขา บริเวณสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าพฤกษชาติ ปกคลุมอย่างหนาแน่นลี้ลับไปทั่วสี่ทิศ จนทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะมองเข้าไปภายในได้อย่างชัดเจน

เมื่อร่างกายได้เข้ามายังบริเวณปากทางเข้า เยี่ยจงก็จงใจที่จะกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงได้ถอยกายเข้าไปยังภายในของหุบเขา

เมื่อได้พบเห็นกับฉากเบื้องหน้า ยอดฝีมือทางด้านหลังไม่น้อยต่างก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช้าๆ นั้นก็เพราะว่าเยี่ยจงก่อนหน้านี้นั้นถือได้ว่ามีวิชาฝีมือประดุจดั่งฝันร้ายอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นที่สมรภูมิฮวงกู่、อีกทั้งในศึกของลัทธิแห่งดวงดาว、แล้วยังจะดินแดนขนาดเล็กภายในศิลาตะวันบริสุทธิ์อีก ในทุกๆ ครั้งก็ได้แสดงสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายออกมาได้นับครั้งไม่ถ้วน กดดันยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนเอาไว้ จนทำให้อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ในรุ่นเดียวกันไม่น้อยต่างก็ได้เกิดความอิจฉาขึ้นมา

ดังนั้นขณะนี้เมื่อพบเห็นเยี่ยจงถึงกับทั้งไม่รีรอทั้งไม่ชักช้าเข้าไปยังภายในท่ามกลางหุบเขา ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อย ที่มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นสี่ราชาปีศาจ ต่างก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา ครุ่นคิดความเป็นไปได้ทั้งหมดขึ้นมา

“บัดซบ เจ้าหนู เจ้าครั้งนี้ที่แท้ได้ตระเตรียมแผนการอันใดไว้คอยรับมือผู้คนมากมายถึงเพียงนี้กัน? เดิมพันมากมายเช่นนี้ เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะกลายเป็นศัตรูกับทั่วทั้งดินแดนหรอกหรือ!?” เสี่ยวหลุนเปล่งประกายแสงขึ้นมาสายหนึ่ง ประทับเข้าไปยังบริเวณใจกลางหน้าอกของเยี่ยจง มันรู้สึกได้ว่าทางด้านหลังนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายนับไม่ถ้วน ขณะนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง

“ข้ายังมีทางเลือกอยู่อีกอย่างงั้นหรือ? เดิมทีแล้วมีไว้เพื่อตระเตรียมใช้ไว้ต่อกรกับกลุ่มวานรที่น่าตายของหุบเขาหมื่นปีศาจแล้วก็ยังมีกลุ่มของบุรุษชุดไว้ทุกข์เอง แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมากมายไล่ตามมามากมายถึงเพียงนี้ ทว่าก็ช่างมันเถอะ คนเหล่านี้ในเมื่อมีความคิดที่จะลงมือต่อข้า เช่นนั้นก็ได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน ในเมื่อกว่าครึ่งนั้นต่างก็เคยมีส่วนร่วมในศึกแห่งลัทธิแห่งดวงดาวอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าข้าได้คิดบัญชีเก่าก่อนก็แล้วกัน ” เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา พริบตานั้นร่างกายก็ได้หาบลับเข้าไปยังท่ามกลางป่าไม้อันลี้ลับ

“ชิ——”

ในขณะที่ร่างกายของเยี่ยจงได้หายลับไปในพริบตานั้นเอง บริเวณทางด้านหลัง ทันใดนั้นก็ได้มีความเคลื่อนไหวปานลูกศรหลุดจากแหล่ง วินาทีนั้น พลังความน่าหวาดกลัวของลูกศีสายหนึ่งก็ได้พวยพุ่งออกมา จนก่อเกิดพลังแห่งการดับสูญและอักขระแห่งการสังหารออกมา จนมุ่งเป้ามายังบนร่างของเยี่ยจง

“เคร้ง——”

เยี่ยจงรั้งมือกลับมา พลิกทั้งสองคราหนึ่ง ใช้ทั้งสองนิ้วคีบลูกศรที่พวยพุ่งที่พวยพุ่งเข้ามาในทันที จากนั้นเขาก็โยนมันไปทางด้านหลัง จนลูกศรนั้นถูกสะบัดกลับไปยังจุดๆ เดิม

“อา——”

ท่ามกลางกลุ่มผู้คน ก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา ยอดฝีมือที่พึ่งลงมือเมื่อครู่นี้ก็ได้ถูกลูกศรแทงเข้าไปยังท่ามกลางหน้าอก วินาทีนั้นก็ได้ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังติดต่อกันออกมา

ฉากเบื้องหน้านี้ได้ทำให้ยอดฝีมือรอบด้านเกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ในเวลานี้ก็มีคนไม่น้อยเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาภายในจิตใจอยู่ไม่น้อย

ตามความเป็นจริง นับตั้งแต่ที่เยี่ยจงได้เริ่มที่จะเข้ามาภายในหุบเขานี้ ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยเกิดการคาดคำนวณภายในใจ ดูว่าเยี่ยจงจะมีแผนการอะไรตามมาหรือไม่

“คนเหล่านี้เกรงกลัวเรื่องที่จะเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้ ในเมื่อเกิดความเกรงกลัวแล้ว คงจะไม่กล้าที่จะเข้ามาแล้วกระมั่ง?” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง

“นี้ยังเป็นการทดสอบของพวกเขาเท่านั้น ที่ข้าฝืนใจจู่โจมสวนกลับไป อย่างน้อยก็เพื่อที่จะให้พวกเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ในครั้งนี้ข้าจงใจที่จะปรากฏตัวขึ้นมา หากมองในมุมมองของผู้คนไม่น้อย ต่างก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อย พวกเขาย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้อยู่แล้ว ต่อให้ภายในจิตใจเกิดความระแวงสงสัย แต่ว่าภายใต้แกนนำอย่างยอดฝีมือระดับราชัน พวกเขาย่อมไม่คิดว่าข้าจะสามารถที่จะพลิกสถาการณ์ไปได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้ยังมีความเกี่ยวข้องของคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ และสายทางแห่งดวงตะวัน อีกทั้งข้ายังได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขามีหรือที่จะไม่เข้ามา?” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน อีกทั้งยังกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เขาล้วงเอายาชิ้นหนึ่งออกมากลืนเข้าไป กล่าวออกมาอย่างช้าๆ

เพื่อที่จะให้การจัดตั้งครั้งนี้เพียงพอ ในครั้งนี้เยี่ยจงจงใจที่จะไม่ใช้ออกมาด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลาย หนีตายด้วยพลังสภาวะเช่นนี้ จนเกือบที่จะตายลงไปจริงๆ หลายครั้งหลายครา จนก่อร่างสร้างแบบผังสภาพสภาวะคล้ายดั่งความตายคืบคลานเข้ามาใกล้เช่นนี้ได้ทุกเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ในครั้งนี้ก็คงจะไม่มีขุมกำลังมากมายไล่ต้อนมา

“สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ข้าสามารถพอที่จะสัมผัสได้ว่า นอกเสียจากเจ้าวานรหลายตัวนั้นแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือในระดับราชันอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นมาด้วย อีกทั้งยังมีหนึ่งในนั้นที่มีพลังฝีมืออันน่าหวาดกลัวที่เข้าถึงพลังเทวะขั้นที่สามไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นระดับราชันที่มีพลังฝีมือสูงล้ำที่สุดในกลุ่ม ” เสี่ยวหลุนหลังจากที่สัมผัสได้อย่างบางๆ แล้ว ก็ได้กล่าวออกมาเพื่อที่จะเตือนสติ

เห็นได้ชัดว่า ในครั้งนี้มีผู้คนมากมายต่างก็อดใจเอาไว้ไม่อยู่ แม้แต่ยอดฝีมือในระดับพลังฝีมือเฉกเช่นนี้ก็ยังเกิดความเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย

“ช่างเถอะ มียอดฝีมือระดับราชันเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ในครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกเขาสบายให้พอเลย!” เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขานั้นมีความเชื่อมั่นต่อค่ายกลสังหารไร้อนันต์ที่ได้รับมาจากรัฐต้าโจวอยู่อย่างมาก ด้วยพลังฝีมือของเขาเมื่อครั้งที่อยู่ในรัฐต้าโจว ยังเพียงพอที่จะสามารถปะทุพลังอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาได้ถึงระดับนั้น ขณะนี้เขานั้นมีพลังฝีมือที่เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมากแล้ว ถึงแม้ว่าระดับการฝึกปรือฝึกยันต์ปราณนั้นจะมิได้มีความตั้งใจฝึกปรือมากนัก แต่ว่าก็ยังถือได้ว่ามีความรุดหน้า บวกกับเยี่ยจงนั้นยังได้นำเอายันต์ปราณทั้งหมดบนตัวของเขาออกมา ก็เพียงพอที่ต่อการเดิมพันครั้งใหญ่นี้ได้แล้ว

“ทว่า เมื่อมองกลับมาแล้ว เจ้าเชื่อใจได้หรือเปล่ากัน? เมื่อมีแผนผังที่ข้ามอบให้คงจะสามารถที่จะนำมาจัดตั้งค่ายกลได้เป็นอย่างดีแล้วกระมั่ง?” เยี่ยจงทันใดนั้นก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา ทอประกายแววตาแปลกใจขึ้นมา ในครั้งนี้หากว่าเสี่ยวหลุนเจ้าตัวเลวร้ายทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นเขาก็เหมือนการหาที่ตายด้วยตัวเองแล้ว

“เจ้าวางใจได้เลย เพื่อสมบัติเซียนเหล่านี้ ข้ามีความตั้งใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่จัดตั้งตามแผนผังที่เจ้ามอบให้ข้าเท่านั้น นอกจากนั้นข้ายังได้สำรวจสถานที่แห่งนี้อย่างหมดจด ในครั้งนี้นอกเสียจากว่าระดับมหาราชันจะมาด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้มาหนึ่งก็ต้องจบสิ้นหนึ่ง เจ้าไม่ลองคิดดูเล่า เจ้าให้ยันต์ปราณข้ามามากน้อยแค่ไหนกัน!” เสี่ยวหลุนร้องชิออกมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ หลายวันมานี้เขาได้ทุ่มเทไปอย่างมากมาย ในครั้งนี้ยันต์ปราณที่มีทั้งหมดหลายแสนใบก็ได้มอบให้แก่เสี่ยวหลุนเพื่อใช้จัดตั้งค่ายกลยันต์ปราณ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ก็ว่าได้ ขอเพียงเสี่ยวหลุนทำตามความขอร้องของเข้าแล้วละก็ ผลลัพธ์แน่นอนว่าย่อมต้องหมดจดงดงาม ในเวลาเดียวกันเสี่ยวหลุนก็ได้คาดการณ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม มันบอกกล่าวถึงจุดต่างๆ ของสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด เยี่ยจงก็เชื่อว่ามันคงไม่ทำอะไรที่ไม่ส่งผลเสียต่อเขาในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้อย่างแน่นอน ในที่สุดเป้าหมายของตนเองก็คือชีวิตของกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลัง และเป้าหมายของมันก็คือสมบัติปราณทั้งหมดของผู้คนทั้งหมดเหล่านี้ ทั้งสองฝ่ายสามารถกล่าวได้ว่าต่างก็ถือได้ว่ามีความต้องการเดียวกัน จึงเรียกได้ว่าร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี

“เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าจะสามารถจัดการกับผู้คนไปมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะพกสิ่งของมามากน้อยแค่ไหน ข้าก็ไม่ต้องการสักอย่างเดียว ทั้งหมดจะเป็นของเจ้า ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด

“เด็กน้อยเช่นเจ้านี้ ถ้าหากเกิดจิตใจละโมบโลภมากจริง ข้าคงลงมือทุบตีเจ้าไปก่อนหน้านี้ไปกว่าสามพันรอบแล้ว การที่ทำให้ขุมกำลังมากมายเฉกเช่นนี้ตายตกไปได้ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าดูอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในครั้งนี้ เจ้าสามารถที่จะทำให้พวกเขากระอักโลหิตจนคลั่งตายได้เลยนะ ” เสี่ยวหลุนถึงแม้ว่าจะจัดตั้งค่ายกลสังหารไร้อนันต์ด้วยตนเอง แต่ว่าขณะนี้กลับไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมาจริงๆ ในที่สุดด้วยพลังฝีมือของเยี่ยจงถึงกับเดิมพันใหญ่โตถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าเป็นโชคลาภที่ยากจะพบได้เลยก็ว่าได้

“พวกเขาถึงแม้ว่าต้องการที่จะสังหารผู้คนเพื่อช่วงชิงสมบัติถึงเพียงนี้ เช่นนั้นถ้าเกิดหลังจากที่ตายไปแล้วก็อย่าได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา “ข้าตอนนี้ปรารถนาอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะมีผู้ใดที่สามารถที่จะรับมือได้อีกกัน——”

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้เดินเข้ามาจนถึงบริเวณท่ามกลางใจกลางของหุบเขา สถานที่แห่งนี้มีลักษณะพื้นที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าสายหนึ่ง ท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่านั้นก็ได้มีศาลาศิลาโบราณอยู่แห่งหนึ่ง เยี่ยจงขยับร่างกายคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้นั่งลงบนยอดของศาลาศิลา ทางหนึ่งกินยาปราณลงไป ทางหนึ่งก็ได้รอคอยอย่างใจเย็น

ในขณะที่รอคอยอย่างใจเย็น รอคอยเกือบครึ่งวันผ่านไป จนกระทั่งมีแสงจันทราผุดขึ้นมาด้านบนของท้องฟ้า ทันใดนั้นเยี่ยจงจึงได้เกิดความคิดขึ้นวูบหนึ่งอย่างช้าๆ จ้องมองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง ภายในท่ามกลางของป่าอันลี้ลับผืนนี้ ขณะนี้ก็ได้มีการปรากฏตัวขึ้นมาของคนชุดเทาที่ถือเอาไว้ด้วยเข็มเล็กดำเมื่อครั้งก่อน เขาขมวดคิ้วเหม่อมองเข้าไปยังเยี่ยจงที่นั่งอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว สมบัติเซียนแห่งหวูคงนั้นข้าชื่นชอบอย่างยิ่ง ” เสี่ยวหลุนขยับไปมา ราวกับเกิดความยินดีขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

“คนเหล่านี้ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ถึงกับปล่อยให้ข้ารอคอยไปนานกว่าครึ่งวัน เป็นเสมือนกับรอคอยให้ข้าฟื้นคืนพลังฝีมือกลับมา ” เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เด็กน้อยเหล่านั้นถ่วงเวลาเอาไว้อยู่นาน หากกล่าวโดยเขาแล้ว มีแต่จะทำให้ได้เปรียบมากยิ่งขึ้น ในเมื่อค่ายกลสังหารไร้อนันต์ก็ได้ถูกเสี่ยวหลุนจัดตั้งเอาไว้อย่างดีแล้ว ต่อจากนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำอันใด มีแต่เพียงรอคอยต่อไปเท่านั้น

“เป็นไรไป? ยังไม่รีบใช้ออกมาด้วยส่วนหนึ่งของค่ายกลก่อนเล่า จัดการเด็ดชีพของเด็กน้อยเหล่านี้ไปก่อนเลย?” เสี่ยวหลุนเกิดความยินดีอย่างยิ่ง มองเข้าไปยังเข็มน้อยสีดำนั้นอยู่อย่างยาวนาน

“อย่าได้เรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย อีกไม่นาน สิ่งของเหล่านั้นก็จะกลายเป็นของเจ้าแล้วละ ” เยี่ยจงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาก็มิปาน จากนั้นก็ได้นำเอายาปราณออกมาอีกชิ้นเริ่มต้นที่จะกินเข้าไป

ฉากเบื้องหน้านี้ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา สายตาของบุรุษชุดไว้ทุกข์นั้นก็เกิดความคาดคิดมากมายไม่หยุด คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ในครั้งนี้ที่แท้เยี่ยจงนั้นจะมาไม้ไหนกันแน่ เหตุใดถึงกลับมีความหาญกล้ามากมายถึงเพียงนี้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อกรกับขุมกำลังภายใต้แสงจันทร์

หลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้วอีกครึ่งชั่วยาม สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวน้อยๆ เหม่อมองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง: “คิดไม่ถึงว่าคนที่มาทั้งหลายนั้นจะเป็นคนที่คุ้นเคยจริงๆ อัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพชิงหวินชิงยี่ นางงามอันดับหนึ่งแห่งเผ่าซือเยว่จิ่ง พวกเขาช่างมีความสนใจต่อข้ามากมายถึงเพียงนี้เชียว ”

“ยังมีคนที่คุ้นเคยอยู่อีกคน จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางซูม่อหยงก็มาแล้ว ทว่านางยังคงเอาแต่หลบซ่อนอยู่ทางด้านหลังอีก แต่ว่าก็ยังคงมีกลิ่นอายของจิ้งจอกอยู่ สูดดมจากที่ห่างไกลก็ยังพอที่จะได้กลิ่นอยู่ ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หลังจากที่เงียบงันเยี่ยจงก็ได้งงงันวูบขึ้นมาน้อยๆ จนเกือบที่จะหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลุนจะมีความแค้นบางอย่างต่อสายโลหิตแห่งหุบเขาจิ้งจอกอยู่เล็กน้อย

“คิดไม่ถึงว่าเขาก็มาแล้ว!”

สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหม่อมองไปอีกทางด้านหนึ่ง ท่ามกลางอากาศ ขณะนี้ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา เขามิได้เปิดเผยร่างกายออกมาอย่างชัดเจน บนร่างกายก็ได้ปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีทองเจิดจ้า บริเวณทางด้านหลังก็ได้มีร่างของวิหคทองสามขาวนเวียนเอาไว้อยู่ ที่แท้แล้วก็คือองค์ชายใหญ่แห่งตระกูลถังนั้นเอง

“เหอะ ยังมีคนเหล่านั้นอีก ถึงแม้ว่าจะไม่อาจพบเห็น แต่ว่าบรรยากาศก็ยังถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ” เยี่ยจงก็ได้มองออกไปอีกทางด้านหนึ่ง ราวกับร่างกายได้วนเวียนเอาไว้ด้วยบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดออกมา คนเหล่านี้มิได้มีความสัมพันธ์กับเยี่ยจงมาก่อน ขณะนี้โดยส่วนต่างก็สวมเอาไว้ด้วยชุดคลุมสีดำ เหนือศีรษะสวมเอาไว้ด้วยหมวกปีกงอบสีดำเอาไว้ จนทำให้เกิดการปกปิดตลอดทั่วทั้งร่างกายเอาไว้

เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้นั้นได้มาเพื่อคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกของเยี่ยจงนั้นเอง ย่อมไม่อาจที่จะเปิดเผยสถานะออกมา นั้นก็เพราะว่าหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะนำสิ่งของจากไปได้

“ซวบซวบซวบ——”

เสียงฝีมือได้ดังขึ้นมาเบาๆ เบาบางอย่างยิ่ง จนตลอดทั่วทั้งท่ามกลางหุบเขานั้นก็ได้เริ่มที่จะปกคลุมไปด้วยยอดฝีมือของแต่ละฝ่ายขึ้นมา นอกเสียจากนั้นแล้วก็ยังมีผู้คนจำนวนมากได้เข้ามาแต่กลับมิได้เข้ามาใกล้มากมายนัก ผู้คนจำนวนมากต่างก็พยายามที่จะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ รวมทั้งยังมีคนที่ได้ออกมาจากป่าลี้ลับ บนใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นชา มิได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยมองเข้ายังเยี่ยจงขณะนี้

“เมื่อมีระดับราชันระดับที่สามแล้ว อีกทั้งยังมีอัจฉริยะกลุ่มหนึ่ง มีสาวงามแห่งยุคอีก การเดิมพันในครั้งนี้ถือได้ว่ายิ่งใหญ่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!” เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ทว่าหลังจากที่ครุ่นคิดได้ไม่นาน เขาก็ได้หัวเราะออกมา “ทว่า ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าได้คิดที่จะจากไปเลย ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset