เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 461 ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับกองกำลัง

ตอนที่ 461 ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับกองกำลัง

นับตั้งแต่โบราณกาลจวบจนบัดนี้การคงอยู่ของหุบเขานี้ถือได้ว่าเงียบเหงามาโดยตลอด ในบริเวณที่ห่างไกล มีอยู่บางครั้งที่จะได้ยินเสียงของนกแมลงดังขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าได้ปกคลุมเต็มไปด้วยแสงจันทราลงมา ตลอดส่องสว่างไปทั่วทั้งหุบเขา ด้านบนพื้นดินนั้นก็ได้มีเงาร่างของผู้คนเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ราวกับว่ามีแต่เพียงแต่ทำให้ผู้คนเหม่อมองไปยังท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ มีผู้คนมากมายดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือในระดับใด ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะเช่นไร เมื่อมายังสถานที่แห่งนี้ จะต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่าไม่นานนัก ในระหว่างนั้นก็ไร้ซึ่งสุ่มเสียง กลับกลายปกคลุมไปด้วยหมอกควันปรากฏขึ้นมา ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่สภาวะอากาศ แสงจันทราทั้งหมดต่างก็ได้หายลับไปในขณะนั้น ตลอดทั่วทั้งหุบเขาก็ได้เข้าสู่ความมืดมิดอยู่ชนิดหนึ่ง เงียบเชียบราวกับตายตกไปนับไม่ถ้วน

ในขณะนั้น ท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยียบปกคลุมไปทั่วทั้งท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ก่อเกิดการปรากฏขึ้นมาของรังสีสังหารมากมายขึ้นมา จนทำให้บรรยากาศทั่วทั้งหุบเขานั้นราวกับมีแรงกดดันขึ้นมาอยู่หลายส่วน ราวกับในทุกช่วงเวลาทุกขณะ ต่างก็จะก่อเกิดฟ้าฝนคะนองขึ้นมาก็มิปาน

ท่ามกลางความมืดมิด ก็ได้มีเงาร่างหลายสายประดุจดั่งสิ่งมีชีวิตที่ลี้ลับก็มิปาน ค่อยๆ สั่นไหวไปมา เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมา

ในที่สุดก็มีคนคิดที่จะลงมือแล้วอย่างงั้นหรือ?

เยี่ยจงยังคงนั่งอยู่ด้านบนยอดของศาลาศิลา บนใบหน้าก็ได้ทอความเย็นชาออกมาอย่างยิ่ง เขาจ้องมองไปยังบริเวณที่ห่างไกล รอคอยการมาถึงของช่วงสถานการณ์จนถึงขีดสุด

“กร๊อบ——”

ท่ามกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ได้มีประกายสายฟ้าไหลเวียนเข้ามาสายหนึ่ง จนกระทั่งทั่วทั้งขุนเขาในขณะนั้นเกิดประกายแวววับไม่หยุดนิ่ง ไม่อาจที่จะพบเห็นสิ่งต่างๆ ได้ทั้งสิ้น

ความเย็นเยียบได้เข้ามาจากทางด้านข้าง ทั้งสายทั้งขวาเกิดเสียงหัวเราะอันประหลาดขึ้นมาดังไม่ขาดสาย : “เยี่ยจง เจ้าน่าจะทราบว่าพวกเรามาเพราะอะไร ตอนนี้หากว่าเจ้าทราบสถานการณ์แล้วละก็ พวกข้าก็ยังพอที่จะหารือกันเพื่อที่จะให้หนทางรอดแก่เจ้าสายหนึ่ง เจ้าคิดเอาเองเถอะ ”

เยี่ยจงยิ้มขึ้นเบาๆ คร้านที่จะตอบกลับไป เรื่องราวเมื่อถูกดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาย่อมไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายนั้นจะมีความคิดที่จะปล่อยตนเองไปอย่างแน่นอน

“ฆ่า——”

ราวกับว่าพบเห็นถึงรอยยิ้มของเยี่ยจงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ทันใดนั้นท่ามกลางสุ่มเสียงก็ได้มีเสียงดังเฮอะดังออกมา พริบตานั้นเอง ก็ได้มีรังสีกระบี่แทงเข้ามา รังสีสังหารปกคลุมเต็มพื้นที่ด้านหน้า รังสีกระบี่นั้นได้พุ่งเข้ามาอย่างทรงพลังเช่นนี้ปรากฏไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน แผ่กกระจายไปทั่วทั้งหุบเขา

“ตูม——”

ในขณะนั้น พื้นที่ของหุบเขาก็ได้เริ่มมีรอยแตกออกมา เกิดร่องรอยประดุจดั่งมังกรทะยานขึ้นฟ้าขึ้นมา จนทำให้เกิดร่องรอยการแตกหักท่ามกลางหุบเขามากมายนับไม่ถ้วนประดุจดั่งพื้นที่ราบแห่งนี้เกิดรอยแตกหักขึ้นมาจากเดิมก็มิปาน

“กร๊อบ——”

ตอนนี้เยี่ยจงที่ได้นั่งสมาธิอยู่บนศาลาศิลาก็ได้แหลกลาจนกลายเป็นฝุ่นผงไป พลังความน่าหวาดกลัวของคมกระบี่นี้ก็ได้หมุนวนเข้าไปยังทางด้านของเขาเข้าไป

“อ็อก——”

ประกายโลหิตก็ได้พุ่งออกมา เยี่ยจงก็ได้ชักกระบี่ดำมาไว้บนมือ มือซ้ายกุมเอาไว้ด้วยกระบี่ไม้สะบัดดวงดาว จนเกิดคมกระบี่ปกคลุมไปทั่ว ผ่าเงาร่างที่เข้ามาใกล้สายนั้นขาดออกจากกันจนกลายเป็นสองซีก วินาทีนั้นก็ได้มีโลหิตฉีดพุ่งออกมา ปกคลุมประดุจดั่งดอกไม้บานลอยกระจายเต็มไปหมด

“อ็อก——”

เขาพลิกกระบี่ในมือ ฟาดออกไปยังท่ามกลางอากาศ จนตัดผ่ายอดฝีมืออีกทางด้านที่เข้าใกล้จนกลายเป็นก้อนน้อยแหลกเหลวไปในทันที

คนที่ลงมือเหล่านี้ ต่างก็มีพลังฝีมือในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันกันแล้ว เดิมทีย่อมไม่หวาดเกรงพลังเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ว่าขณะนี้เยี่ยจงได้ใช้ออกมาด้วยกายาทองไม่สูญสลายอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว ถึงแม้กายเนื้อจะทอประกายไม่หยุด แต่ว่าขณะนี้กายเนื้อของเขานั้นได้เต็มไปด้วยพลัง จนเกิดพลังทำลายที่ยากต้านทาน ช่วงเวลาที่มีเงาร่างสังหารเข้ามาใกล้ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับไร้ผู้ต้านไปแล้ว

“เจ้าหนูนี้คิดที่จะใช้หนึ่งต้านร้อยอย่างงั้นหรือ? เขาคิดว่าตนเองอยู่ในสมรภูมิฮวงกู่หรือยังไง? พูดเป็นเล่นไป ! ”

ในความมิดมืด ก็ได้มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา พริบตานั้นเอง ก็ได้มีรังสีสังหารพวยพุ่งขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งหุบเขาประดุจดั่งเกิดเพลิงไฟเผาผลาญขึ้นมานับไม่ถ้วนก็มิปาน ในบริเวณนี้ก็ก่อเกิดสภาวะความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา ยอดฝีมือมากมายที่เดิมทีหลบซ่อนอยู่ภายในความมืดมิดก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกมาในเวลาเดียวกันในขณะนี้

“อ็อกอ็อกอ็อก——”

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง พลิกกระบี่ทั้งสองมือผสานฆ่าสังหารออกไป สังหารศัตรูอันเข้มแข็งติดต่อกัน ราวกับว่าเขาได้กำลังร่ายระบำกระบี่คู่อยู่ จนเกิดโลหิตฉีดพุ่งขึ้นมาในแต่ละสายฉีดขึ้นเหนือศีรษะจนสาดกระเซ็นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายนั้นแม้แต่ตายลงก็ยังไม่อาจที่จะทราบสาเหตุได้

ไม่มีคนที่คิดถึงว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงถึงกับยังคงอยู่ในสภาวะที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเช่นนี้ได้

บริเวณที่มืด ยังคงมียอดฝีมืออยู่กลุ่มหนึ่งที่ยังมิได้ลงมือออกมา พวกเขาเพียงแต่จ้องมองไปอย่างเงียบงัน จ้องมองไปที่ระดับพลังในการลงมือทั้งหมดของเยี่ยจง

จนกระทั่งถึงยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันคนที่สามสิบเจ็ดได้มีโลหิตฉีดพุ่งออกมาในพริบตา จึงค่อยได้ยินเสียงหัวเราะอันเย็นชา กล่าวออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น : “ทุกท่าน ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องรอกันแล้ว เจ้าหนูผู้นี้อย่างน้อยก็คงคิดที่จะมีความเชื่อมั่นเฉกเช่นก่อนหน้านี้อยู่ดี หากเป็นขณะนี้ต่อไปยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันทั้งหมดในนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องถูกเขาจัดการจนสำเร็จก็เป็นได้ แต่ว่าน่าดายนัก กลับมีข้าผู้นี้อยู่ ลงมือพร้อมกันเถอะ เมื่อได้สิ่งของมาก็นำมาแบ่งกันเป็นอย่างไร รอคอยจนฆ่าเขาได้แล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่นอีกครา ! ”

ในตอนนี้ก็ได้มีระดับราชันสิบกว่าคนนี้ที่ไม่ทราบมาจากที่ใดปรากฏขึ้นมาและพยักหน้าไปมาในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้นก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกมาพร้อมกัน

“ตูม——”

ชนชั้นราชันเหล่านั้นก็ได้แผ่พุ่งพลังกดดันจุดถึงระดับสูงสุด ชนชั้นราชันหลายสิบคนก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แผ่กกระจายพลังเทวะออกมา คนเหล่านี้โดยส่วนมากแล้วต่างก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับราชันพลังราชันระดับที่หนึ่งเท่านั้น แต่ว่าขณะนี้ก็ได้ลงมือออกมาจนเกิดเรื่องของพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาจนผู้คนตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน การโจมตีแต่ละสายก็ได้พุ่งกวาดออกมา เห็นได้ชัดว่าคิดหมายที่จะสังหารเยี่ยจงลงไปในทันที

“ซวบ——”

เยี่ยจงก้าวเท้าใช้วิชาดำดินรุกคืบ ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ถอยขึ้นไปบริเวณท่ามกลางอากาศทางด้านหลัง หลงเหลือเอาไว้แต่เงาซ้อนทับหลายสายเอาไว้ ในขณะนั้น หลบรอดจากการโจมตีผสานของยอดฝีมือชนชั้นราชันหลายสิบคน

“อ็อก——”

ภายใต้สภาวะในระดับนี้ กระบี่คู่ในมือของเขาก็ได้ผสานกันออกไป จนจัดการยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันผู้หนึ่งตัดเป็นสองเสี่ยงภายในกระบี่เดียว ระหว่างครึ่งร่างนั้นก็ได้มีโลหิตฉีดพุ่งออกมาในเวลาเดียวกัน จนเกิดร่องรอยโลหิตขึ้นเป็นทางสายยาว

“เจ้าหนู เจ้าบังอาจ ! ”

ชนชั้นราชันหลายสิบคนก็ได้โจมตีเข้ามาพร้อมกัน ในเวลาเดียวกันก็ได้มุ่งหน้าเข้าสังหารออกไปทางด้านบน การใช้พลังของพวกเขาในครั้งนี้ ทุกผู้คนต่างก็ใช้ออกมาด้วยพลังที่แท้จริง ต่างก็ใช้ออกมาเพื่อฆ่าสังหารเยี่ยจง ขณะนี้คนมากมายเช่นนี้ก็ได้ลงมือออกมาพร้อมกัน ถึงแม้ว่าจะถูกเยี่ยจงหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกเขาไปได้ แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่อาจที่จะทำให้พวกเขาโกรธขึ้นมาได้ กลับยิ่งทวีความยินดีต่อทุกผู้คนอย่างถึงที่สุด

เยี่ยจงยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าสิ่งของที่อยู่กับตัวเขานั้นมีค่ามากยิ่งขึ้น

“กร๊อบ——”

ยอดฝีมือระดับราชันหลายสิบคนแข็งแกร่งอย่างไรที่เปรียบ ลงมือผสานกันออกไปอีกครั้ง วินาทีนั้นก็ทำให้สภาวะอากาศที่ว่างเปล่าแตกร้าวขึ้นมา ต่อให้เยี่ยจงในขณะนี้ก็ยังจำเป็นที่จะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หากมิใช่ว่าเขาใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบแล้วละก็ เกรงว่าไม่ทราบว่าในขณะนี้ได้ตายไปมากน้อยกี่ครั้งแล้ว

“ลงมือพร้อมกัน แย่งชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ ! ”

“สายทางแห่งดวงตะวันต้องเป็นของข้า ! ”

“สุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงอะไรกัน วันนี้เขาจะตายลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย ! ”

มีคนกล่าวออกมาเสียงดังออกมาจากที่มืด ก็ได้อดใจเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ในขณะนั้น ผู้คนทั้งหมดที่ได้ปรากฏตัวอยู่ภายในหุบเขาก็ได้รายล้อมเข้ามาประดุจห่อเกี๊ยวก็มิปาน พุ่งเข้าสังหารเข้ามาอย่างถี่ยิบในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นก็ได้ตะโกนร่ำร้องจนฟ้าดินสั่นสะเทือนขึ้นมา จนทำให้ทั่วทั้งหุบเขาเกิดเงาร่างของผู้คนอยู่ทั่วบริเวณ

ยอดฝีมือมากมายเหล่านี้ได้เข้ามากันอย่างมิได้นัดหมาย ต่อให้เยี่ยจงมีวิชาดำดินรุกคืบ แต่ว่าเขาก็ยังไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาได้ จนเกิดบาดแผลจากทั้งทักษะเซียนหลายสายอยู่บนร่าง จนทำให้เขากระอักโลหิตออกมาคำโต ราวกับสามารถตายไปได้ในทันที

“เจ้าหนู ยังไม่รีบเปิดใช้ค่ายกลสังหารไร้อนันต์ของเจ้าอยู่งั้นหรือ?” เสี่ยวหลุนส่งเสียงออกมา กล่าวออกมาอย่างอดมิได้ ขณะนี้เริ่มที่จะมีความกังวลขึ้นมาอยู่หลายส่วน

“ไม่ต้องรีบ รอคอยกันต่อเถอะ ปลาตัวใหญ่ที่แท้จริงยังไม่ได้กินเบ็ดเลย ยันต์ปราณข้านับแสนใบเชียวนะ อีกทั้งยังตระเตรียมเอาไว้เพื่อพวกเขาโดยเฉพาะอีกด้วย ! ” เยี่ยจงกัดฟัน จากนั้นก็ร่างสั่นเทาคราหนึ่ง ทันใดนั้นประกายแสงสีทองเจิดจ้าก็ได้แผ่กระจายออกมาจากตลอดทั่วทั้งร่างกาย

“ซวบ——”

เขากวาดกระบี่ออกไปคราหนึ่ง ประกายสีทองก็ได้แผ่กระจายกันออกไป จนปกคลุมไปที่ยอดฝีมือหลายคน

“กายาทองไม่สูญสลาย? เด็กน้อยผู้นี้ถึงกับสำเร็จวิชากายาทองไม่สูญสลายแล้ว ! ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ! ”

บริเวณท่ามกลางความมืดมิด ก็ได้มีชนชั้นราชันเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา หลุดร้องจนเสียงหลงออกมา ตำนานแห่งกายาทองไม่สูญสลาย ถือได้ว่าอยู่ห่างไกลจากกายเนื้อไม่สูญสลายไปอย่างมาก กล่าวกันว่ากายาทองไม่สูญสลายในความสำเร็จเล็กแล้วละก็ กายเนื้อก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับของระดับราชันก็มิปาน แต่ว่าที่มาของคำกล่าวเหล่านี้ก็มีแต่การคงอยู่ในตำนานเท่านั้น ราวกับไม่อาจที่จะพบเห็นได้

และเยี่ยจงในขณะนี้ถึงกับสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยกายาทองไม่สูญสลาย จนทำให้ผู้คนไม่น้อยรู้สึกมีเหงื่อปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งร่างกาย เห็นได้ชัดว่า มีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่ซ่อนตัวจับตามองอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง

ชนชั้นราชันไม่น้อยในขณะนี้ก็เริ่มที่จะเกิดความหวาดหวั่นต่อเยี่ยจงไม่เสื่อมคลาย จงใจที่จะเว้นระยะห่างจากเขาในระยะทางหนึ่ง คิดที่มองเขาถูกสังหารจากในที่ห่างไกล นั้นก็เพราะผู้ที่มีพลังกายาทองไม่สูญสลายนั้น ย่อมต้องมีกายเนื้อที่ไร้ผู้เปรียบปาน เข้าใกล้ในระดับที่เรียกได้ว่าใช้เพียงกายเนื้อเข้าสังหารได้ ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้

ในสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้ราวกับปะทุเดือดขึ้นมา มีผู้คนไม่น้อยสาดประกายแววตาจนไม่อาจที่จะกะพริบตาลงได้ เริ่มที่จะมีการตัดสินใจถอยหนีออกไป

“ทว่าก็ยังเป็นเพียงแค่กายาทองไม่สูญสลายเท่านั้น นี้ก็คือไพ่ตายที่แท้จริงแล้วเจ้าแล้วสินะ พวกเรามีจำนวนคนมากมายถึงเพียงนี้ เขามีกายาทองไม่สูญสลายแล้วจะอย่างไร? คนละไม้คนละมือก็เพียงพอที่จะกดทับเขาตายได้แล้ว ! ดูเหมือนว่า สายทางแห่งดวงตะวันและคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ช่างเป็นสิ่งของที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ถึงกับสามารถที่จะทำให้ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวเพียงคนเดียวสามารถที่จะเข้าสู่กายาทองไม่สูญสลายเทียบเท่ากายเนื้อของระดับราชันได้ ไม่ทราบว่าพวกข้าหากสามารถที่จะมองดูแล้วละก็ จะสามารถได้รับประโยชน์มากมายถึงแค่ไหนกัน ” ชนชั้นราชันผู้หนึ่งก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาอย่างยิ่ง ทอประกายดวงตาเร่าร้อนขึ้นมา

หลังจากที่เงียบงัน ยอดฝีมือทั้งหมดราวกับว่างงงันขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พริบตานั้นเองที่ได้เกิดการปะทุจนถึงจุดเดือด สายตาของแต่ละต่างก็มองไปทางด้านของเยี่ยจง สีหน้าเปลี่ยนแปลงจนเป็นประกายเพลิงไฟขึ้นมา

“ตูม——”

แล้วก็ได้มียอดฝีมืออีกกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา คนกลุ่มนี้ได้สวมไว้ด้วยชุดไว้ทุกข์ ในที่สุดในขณะนี้ก็ได้ลงมือออกมา คนสวมชุดไว้ทุกข์หลายสิบคนก็ได้ทะยานเข้ามาในเวลาเดียวกันในขณะนี้ จนก่อเกิดพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวปกคลุมเข้าไปยังทั่วทั้งบริเวณของเยี่ยจง สมบัติเซียนก็ได้ปลดปล่อยพลังความน่ากลัวออกมาจากความว่างเปล่า

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา กระบี่ทั้งคู่ในมือก็ได้ฆ่าสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน ร่างกายก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ได้ถอยหลังไปครึ่งก้าว ในช่วงระยะเวลาระหว่างนั้นเอง ก็ได้หลบเลี่ยงการโจมตีอันแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดชนิดนี้ไป

“เคร้ง——”

ราวกับว่าในเวลาเดียวกันนี้เอง เยี่ยจงก็ได้พลิกมือกลับ กระบี่ดำก็ได้พุ่งออกไป จนต้านทานหอกยาวด้ามนั้นเอาไว้ ปะทุจนกลายเป็นประกายเพลิงไฟสาดออกไป และรังสีสังหารอันน่าหวาดกลัวก็ได้แล่นผ่านเข้าไปจนถึงกระดูก

คนที่ลงมือนั้นถึงแม้จะคลุมเอาไว้ด้วยผ้าคลุมหน้า แต่ว่าระดับของเขานั้นก็ยังถือได้ว่าพิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง หอกยาวในมือกระนั้นก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นหอกกระดูกด้ามหนึ่ง แต่ว่าก็ยังคงทำให้เยี่ยจงจดจำออก

นั้นก็คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งหุบเขาเทพชิงหวินชิงยี่นั้นเอง ในที่สุดในขณะนี้ก็ได้ลงมือออกมา

ในเวลาเดียวกัน ระหว่างนั้นคนชุดไว้ทุกข์ก็ได้ใช้มือนำสมบัติเซียนออกมาจากกลางอากาศก็ได้ฆ่าสังหารออกมาอีกครั้ง และชิงยี่ก็ได้ลงมือในเวลาเดียวกัน พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้สาดกระเซ็นหมุนวนเข้ามา หมายที่จะต้องการสังหารเยี่ยจงไปในทันที

“ซวบ——”

ในขณะนั้น วินาทีนี้เยี่ยจงก็ไม่อาจที่จะไม่หลบเลี่ยงประกายคมกล้านี้ เขาก้าวฝ่าเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ร่างกายก็ได้หายลับไปในระยะร้อยลี้

“ซวบซวบซวบ——”

ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันกลุ่มหนึ่งก็ได้ฆ่าสังหารออกมาในขณะนี้ ผนึกการโจมตีเอาไว้มาจากอีกทางด้านหนึ่ง

“เคร้งเคร้งเคร้ง——”

เยี่ยจงราวกับลงมือลงไปได้ในพริบตาเดียว แหวกการโจมตีของยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเหล่านี้ออก ในเวลาเดียวกันเท้าขวาก็ย่างก้าวออกไปประดุจมังกรคลั่งสะบัดหางกวาดออกไปก็มิปาน จนทำให้ศีรษะของยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันหลายคนแตกระเบิดออกไป

ของเหลวสีขาวและสีแดงก็ได้ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งผืนฟ้าอย่างช้าๆ ประดุจดั่งสายฝนหยดลงมาก็มิปาน ฉากเบื้องหน้านี้ได้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดอาการทึ่งขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจ คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ใช้ออกมาด้วยวิชากายาทองไม่สูญสลายแล้ว พลังการต่อสู้ของเยี่ยจงจะเพิ่มสู้ขึ้นจนน่าหวาดกลัวได้ถึงขั้นนี้ ภายใต้สถานการณ์ของวงล้อมกลุ่มผู้คนมากมายเช่นนี้ เขายังถึงกับสามารถที่ใช้พลังฝีมืออันร้ายกาจเช่นนรี้ออกมาได้ ช่างเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“กร๊อบ——”

เมื่อครู่ที่ได้มีการลงมือของระดับราชันในที่สุดสิบกว่าคนก็อดทนเอาไว้ไม่อยู่ จนเกิดการพลิกผันไปทั่วทั้งผืนฟ้า ฟาดฝ่ามือออกมาจากบริเวณทางด้านหน้า หมายจนบดบี้เยี่ยจงลงไปทั้งเป็น

“ตราผนึกนภา ! ”

เยี่ยจงพลิกทั้งสองมือรอบหนึ่ง เก็บกระบี่ดำกระบี่ไม้เอาไว้ มือหนึ่งชี้ขึ้นฟ้า มือหนึ่งชี้ลงพสุธา ในขณะนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยตราผนึกนภา ตราผนึกนภาแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งผืนดิน ในเวลาเดียวกันก็ได้แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset