เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 463 ค่ายกลสังหารกักกำลังพล

ตอนที่ 463 ค่ายกลสังหารกักกำลังพล

ท่ามกลางหุบเขา ในขณะนี้เองก็ได้เปลี่ยนแปลงจนเงียบเชียบอย่างถึงที่สุด แม้แต่ยอดฝีมือชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่หนึ่งเหล่านั้นขณะนี้ต่างก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ภายในใจเกิดความเยียบเย็นขึ้นมาหลายส่วน ฉากเบื้องหน้านี้เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของผู้คนไปมาก เห็นๆ อยู่ว่าอีกไม่นานก็จะสามารถที่จะจัดการกับสุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ผู้นี้ลงได้อยู่แล้ว ช่วงชิงโอกาสวาสนาของเขา แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าภายในพริบตานั้น ทั่วทั้งผืนฟ้าก็ได้เกิดการสั่นไหวไปมา ผู้คนไม่น้อยต่างก็เข้าใจ ถึงพลังทำลายของสิ่งที่มีชื่อเรียกขานว่าค่ายกลยันต์ปราณระดับที่สี่ว่าที่แท้แล้วเป็นเช่นไร หากว่าใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดแล้วละก็ ก็จะสามารถที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้ราบเป็นหน้ากลองได้อย่างไม่ยากเย็น

“ค่ายกลยันต์ปราณระดับที่สี่ ? คิดที่จะกักขังสังหารคนทั้งหมดงั้นหรือ ? ถือได้ว่าเป็นการลงแรงครั้งใหญ่เลย มีความกล้าหาญที่มากมายอยู่ไม่น้อย เจ้าไม่เกรงกลัวถูกสวรรค์ลงทัณฑ์อย่างงั้นหรือ ? ” มีชนชั้นราชันกอดอกหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ต่อให้มาจนถึงขั้นนี้ พวกเขาก็ยังคงไม่คิดว่าเยี่ยจงจะสามารถกระทำการฆ่าสังหารหมู่เช่นนี้ลงได้ สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง คิดว่าเยี่ยจงคงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าสังหารแน่นอน ฆ่าล้างผู้คนทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ มิได้ตอบกลับไป เรื่องราวเมื่อได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนี้ยังมีอะไรให้กล่าวได้อีกงั้นหรือ ? ในเมื่อยังไงซะก็ต้องสังหารพวกเขาจำนวนมากมายให้หมด

“เจ้าหนูเยี่ย เช่นนี้ก็ถือว่าเจ้ายังมีหนทางรอดเพียงแค่ครึ่งชีวิตเท่านั้น ครั้งต่อไปข้าจะลงมือจัดการกับเจ้าด้วยตัวเอง ” มียอดฝีมืออยู่หลายคนที่ผ่านคุณสมบัติในการฝึกยันต์ปราณมาก่อนก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา พวกเขานั้นก็ได้กวาดยันต์ปราณออกมาในเวลาเดียวกัน แหวกม่านค่ายกลสังหารไร้อนันต์หลุดออกไปมุมหนึ่ง คิดหมายจะฆ่าสังหารออกไป

“ชิ——”

จากนั้น ในพริบตาที่พวกเขากวาดยันต์ปราณออกไปนั้นเอง ท่ามกลางท้องฟ้าประดุจดั่งเกิดความเคลื่อนไหวของบางอย่างถูกเผาไหม้ขึ้นมาก็มิปาน ยันต์ปราณที่พวกเขาโยนออกไปนั้นก็ได้สลายหายไปภายในพริบตา จากนั้นก็ได้เกิดเขม่าเพลิงกาฬสีดำทมิฬนับสิบสายปรากฏขึ้นมา มุ่งหน้าประทับลงสู่บริเวณทางด้านล่าง

“ชิ——”

เพลิงกาฬสีดำทมิฬก็ได้มอดไหม้ทุกสิ่งที่กระทบถูก ค่อยๆ ที่จะกวาดเข้าไปยังบนร่างของผู้คนเหล่านั้น พริบตานั้นทั่วทั้งร่างของพวกเขาก็สลายหายไปจนกลายเป็นควัน ตลอดทั้งคนก็ได้กลายเป็นมอดไหม้ไปอย่างรวดเร็ว สลายหายไปภายใต้ผืนฟ้านี้อย่างสะอาดหมดจดอย่างไร้ที่เปรียบ

ในชั่วเวลาคับขันนั้นเอง บริเวณท่ามกลางอากาศที่สูงก็ได้ปรากฏความเย็นเยียบปกคลุมเข้ามาสายหนึ่ง ดูไปแล้วเลือนรางอย่างถึงที่สุด แต่ว่าก็ยังปกคลุมประดุจแสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วทั้งผืนฟ้า

หกคน ทั้งหกคนนี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือแห่งศาสตร์การใช้ยันต์ปราณที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง แต่ว่าขณะนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวมียังคงมีชีวิตรอด พริบตานั้นก็ได้เกิดค่ายกลขนาดใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวสังหารไป ถือได้ว่ายากจะพบพานกลุ่มคนเช่นนี้เป็นกลุ่มที่สอง

“นี้ก็คือพลังทำลายของค่ายกลยันต์ปราณระดับที่สี่ ! ถึงกับน่าหวาดกลัวได้จนถึงขั้นนี้เชียวงั้นหรือ ? ” มียอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันขณะนี้ทอใบหน้าขาวซีดขึ้นมา สีหน้าเกิดความหวาดกลัวจนถึงขีดสุด

“นั้นคือค่ายกลยันต์ ! เยี่ยจงผู้นี้ ถึงกับมีความแข็งแกร่งจนน่ากลัวถึงเพียงนี้ ! ” มีชนชั้นราชันเงยหน้าขึ้นมา เงาร่างชนชั้นราชันท่ามกลางอากาศก็ได้เลือนรางขึ้นมา ทอสีน่าหวาดผวา เมื่อมีการปรากฏของค่ายกลยันต์แล้วละก็ เช่นนั้นระดับหายนะแห่งการสังหารก็ยิ่งถูกปะทุขึ้นมา จนถึงขั้นที่ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ เยี่ยจงผู้นี้เหตุใดถึงยังมีพลังฝีมือเช่นนี้ได้กัน ถึงกับไม่เคยมีผู้คนกล่าวขานกันมาก่อน

ยอดฝีมือชนชั้นราชัน ชนชั้นครึ่งก้าวสู่ระดับราชันปรากฏตัวขึ้นมากมายถึงเพียงนี้ ทำเหมือนเยี่ยจงเป็นเหมือนดั่งเนื้อปลา ตระเตรียมโยนร่างแหเพื่อสังหาร ช่วงชิงโอกาสวาสนา แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดทั้งหมดกลับตั้งกลับตาลปัตร ถูกกักขังอยู่ภายในพื้นที่ท่ามกลางหุบเขาเสียเอง หากว่าเยี่ยจงผู้นี้ลงมือได้ลงจริงแล้วละก็ เกรงว่าท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้คงไม่อาจที่จะมีคนรอดพ้นไปได้แล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพียงแค่คิดคิดดูก็สามารถที่จะทำให้เกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาภายในจิตใจได้

“ชิ——”

พลองสีดำทมิฬอันคมกล้าสายหนึ่งทันใดนั้นก็ได้ทะยานขึ้นไปอยู่เหนือท้องฟ้า มุ่งหน้าเข้าประทับเข้าไปยังพลังปราณฟ้าของเยี่ยจง นี้ก็คือราชันปีศาจแห่งหุบเขาปีศาจตนหนึ่ง ขณะนี้ในมือมันก็ได้ถือเอาไว้ด้วยกระบองเงินท่อนหนึ่ง ในช่วงเวลาที่คับขันก็ได้ลงมือออกไป ปรากฏประกายสายฟ้าจู่โจมเข้ามา

เห็นได้ชัดว่า ราชันปีศาจตนนี้เข้าใจได้อย่างแท้จริง ขณะนี้จำเป็นที่วิธีที่จะจัดการกับปัญหาเบื้องหน้าได้ดีที่สุดก็คือ การจัดการฆ่าสังหารเยี่ยจงทิ้งเสีย

จากนั้น เยี่ยจงเพียงแต่มองไปที่มันพร้อมทั้งแฝงเอาไว้ด้วยความเย้ยหยัน ในขณะที่มันกวาดพลองจนเกิดเป็นเงาซ้อนทับเข้าไปยังพลังปราณฟ้าของเยี่ยจง มันก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในทันที พลังเพลิงกาฬสายหนึ่งก็ได้กวาดเข้าไป จนทำให้โลหิตที่ไหลออกมาจากทั่วทั้งร่างกายบนล่างของมันมอดไหม้ไปในเวลาเดียวกัน แต่ว่ามันที่มีพลังฝีมือมากที่สุดในกลุ่ม ถึงยังพอที่จะต้านทานเอาไว้ได้อยู่ชั่วขณะ แต่ว่าไม่นานนักก็ได้ลุกลามมอดไหม้จนสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“เคร้ง——”

พลองเหล็กเงินก็ได้กระทบลงกับพื้น มอดไหม้ไปตามๆ กัน แต่ว่าราชันปีศาจผู้ที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เมื่อได้ตายตกลง ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยมีการคงอยู่มาก่อนเลยแม้แต่น้อย

เมื่อครั้งก่อน พวกมันสี่ราชันปีศาจได้ร่วมมือกัน ไล่ล่าสังหารเยี่ยจงจนไล่ซึ่งหนทางในการถอยหนีต่อไปได้ หากมิใช่ว่าได้มีการสอดมือเข้ามาของชนชั้นมหาราชันซือคงจาแห่งเผ่ามนุษย์แล้วละก็ เยี่ยจงคงจะต้องกลายเป็นซากศพไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าขณะนี้สายลมไม่อาจที่จะทำให้สายน้ำไหลย้อนกลับได้ เป็นถึงราชันปีศาจ แม้แต่ร่างกายอันน้อยนิดก็ยังไม่อาจที่จะรักษาเอาไว้ได้

“เมื่อทราบว่าจะมีวันนี้ ใยจริงต้องทำเช่นนี้กัน ? ” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า สีหน้ามิได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงแต่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าผู้นี้เป็นคนที่ไม่ชื่นชมกล่าววาจาไร้สาระมากจนเกินไป ความฝันยามวิกาลช่างยาวนาน ข้ายังคงส่งพวกเจ้าไปสู่ปรภพร่วมกันคงจะดีกว่าแล้วกระมั่ง ! ? ”

หลังจากที่สิ้นเสียง เขาก็ได้แปรเปลี่ยนรอยตราบนมือ ตระเตรียมชี้ออกไปเช่นนี้

“เจ้าหนูเยี่ยจง เจ้าก็ช่างกล่าววาจาโอหังเกิดไปแล้ว ทว่าก็เป็นได้เพียงแค่แมลงเพียงตัวหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดจริงงั้นหรือว่าตนเองเป็นชนชั้นมหาราชันจริงแล้วอย่างงั้นหรือ ? ยังถึงกับคิดที่จะส่งพวกข้าสู่ปรภพด้วยกันอย่างงั้นหรือ ? เจ้าคิดจนไกลเกินไปแล้ว ! ” ในที่สุด ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามตนหนึ่งก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวเดินออกมา เขามือไพล่หลังทั้งสองข้าง จ้องมองไปที่เยี่ยจง ทอสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นเยียบของรสชาติแห่งความเย้ยหยันเอาไว้อยู่ชนิดหนึ่ง

“ตูม——”

พริบตานั้นเอง ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามตนนี้ก็ได้ลงมืออย่างกะทันหัน นิ้วบนฝ่ามือก็ได้พุ่งออกมาด้วยประกายสายฟ้า จนก่อเกิดสายฟ้าสมุทรผืนหนึ่งกลายเป็นเงาปักษาสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

“นี้คือ ปักษาสายฟ้าสวรรค์ ? เทวะ ! ? ” เยี่ยจงเกิดอาการตกใจขึ้นมาภายในจิตใจ ทันใดนั้นก็จดจำออกว่า ชนชั้นราชันตนนี้ถึงกับในขณะนี้เองได้ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะ

พลังทำลายอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งก็ได้แผ่กระจายไปยังทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจง เยี่ยจงย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี หากว่าเป็นไปตามปกติแล้วละก็ ตนเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจมีหนทางรอดออกไปได้

น่าเสียดาย ขณะนี้กลับมิใช่เป็นไปตามปกติ !

“ชิ——”

เยี่ยจงชี้นิ้วออกไปเล็กน้อย พลังเพลิงกาฬสีดำทมิฬสายหนึ่งก็ได้พุ่งออกไป กวาดเข้าไปเบาๆ ไปยังด้านบนของปักษาสายฟ้าสวรรค์ ระหว่างวินาทีนั้น พลังสายฟ้าที่ได้กลายเป็นปักษาสายฟ้าสวรรค์ก็ได้สลายหายไปในทันที ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางอากาศก็ได้มีพลังเพลิงกาฬสีดำทมิฬเก้าสายพัดเข้ามา มุ่งหน้ากวาดเข้าไปบริเวณทางด้านของชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามผู้นั้น

“ชิ——”

ตลอดทั่วทั้งค่ายกลใหญ่ในขณะนี้ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมา ท่ามกลางอากาศ เพลิงกาฬสีดำแต่ละสายก็ได้หล่นลงมาทีละสาย เปิดศึกการฆ่าล้างสังหารชนิดหนึ่งขึ้น

“ไสหัวไป ! ”

ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างเย็นชา พริบตานั้นก็ได้ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด คิดที่จะต้านทานการโจมตีนี้เอาไว้ แต่ว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ทำมาทั้งหมดมีแต่เสียแรงเปล่า พลังเทวะที่เขาใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดโจมตีออกไปในขณะนี้ก็ไม่แตกต่างจากไก่ดินถูกสุนัขไล่ต้อนก็มิปาน ประดุจดั่งการไร้ซึ่งพลังก็มิปาน ทางด้านหน้าของประกายเพลิงกาฬสีดำทมิฬ ทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นเพียงปุ๋ยผง ต่อให้ร่างกายทางด้านหลังของเขานั้นจะแผ่ประกายพลังเทวะขั้นที่สามให้เห็นอยู่ก็ตาม พลังเทวะทั้งสามชนิดก็ได้ผสานเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่อาจที่จะทำอันใดได้

“อา——”

ในที่สุด ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามตนนี้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา แขนขาดไปครึ่งหนึ่งไปในทันที กลายเป็นเพียงฝุ่นผง

บนท่ามกลางอากาศ เพลิงกาฬสีดำทมิฬที่มืดมนนี้ก็ได้ดีดตัวกันเข้ามาเรื่อยๆ ประดุจดั่งถูกสายลมโชยพัดจนร่ายระบำขึ้นมาแฝงเอาไว้ด้วยสีสันก็มิปาน ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมานี้ ก็ได้จู่โจมออกไปเช่นนี้ ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามเองก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้

“อา——”

ยอดฝีมือผู้นี้ในที่สุดก็มิได้หลงเหลือเค้าโครงหน้าตาความเย็นเยียบดั่งเช่นตอนนี้แรก บนใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว หันกายหลบหนีไป แต่ว่าก็ยังไม่อาจที่จะมีวิธีเปลี่ยนแปลงอันใดได้

“เปรี้ยง——”

เพลิงกาฬสีดำทมิฬก็ได้เผาผลาญร่างกายของเขา จนไฟลุกท่วมไปตลอดทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กระทั่งลุกลามไปจนถึงทุกๆ ส่วนของกล้ามเนื้อจะกลายเป็นปุ๋ยผง จนท้ายที่สุด ก็ได้เผาไหม้ไปจนถึงภายใน ลึกข้าไปยังส่วนของกระดูก

“ไม่——”

พลังประกายแสงสีทองแห่งพลังหยวนเซินก็ได้พวยพุ่งออกมา แสงสีทองนั้นมีขนาดให้เล็กใหญ่ประมาณหนึ่งหัวแม่มือ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

ชนชั้นราชันผู้นั้นก็คือผู้ที่เข้าสู่พลังหยวนเซิน (จุดเริ่มต้นลมปราณ元神) มันมีสีหน้าหวาดกลัว ในขณะที่กำลังถอยไปด้านหลัง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ได้มีเพลิงกาฬสายหนึ่งร่วงหล่นลงมา กลับทำให้มันตายตกลงไปภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้

“ฝ่าวงล้อม จะต้องออกไปให้จงได้ เจ้ามารร้ายน้อยนี้ก็ช่างอำมหิตเกินไปแล้ว ! ”

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ ถึงกับเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามหลายคนนั้นที่พึ่งจะมอดไหม้ไปในชั่วเวลาเพียงแค่หนึ่งลมหายใจ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะมีใครกันบ้างที่จะไม่หวาดกลัว ?

อีกทั้งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะเป็นที่จะต้องให้ผู้คนทั้งหมดนั้นร่วมมือกันเพื่อที่จะทลายค่ายกลใหญ่นี้ออกไป ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตายลงในสถานที่แห่งนี้

“เยี่ยจง จะร้ายกาจมาก ! ถึงกับจัดตั้งค่ายกลใหญ่โตเช่นนี้มาได้ หากว่าฆ่าสังหารพวกเราหมดทุกคน เจ้าก็เหมือนดั่งกลายเป็นศัตรูกับทุกคนในดินแดนแล้ว ! ” คนมากมายเหม่อมองไปที่เยี่ยจง เพิ่มเติมด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

“พูดเหมือนกับว่าในตอนนี้มิใช่ศัตรูของทั่วหล้าเช่นนั้น ในเมื่อไม่ว่าจะฆ่าพวกเจ้าหรือไม่ ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าก็ไม่คิดที่จะปล่อยข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นข้ายังจำเป็นที่จะต้องเกรงใจอีกอย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มนั้นเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด “ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่ข้าอยู่ที่สมรภูมิฮวงกู่、ดินแดนขนาดเล็กแห่งศิลาตะวันบริสุทธิ์เป็นเช่นไรทุกคนต่างก็น่าจะทราบกันดี พวกเจ้าในเมื่อไล่ล่าสังหารข้ามา เช่นนั้นก็ต้องเตรียมรับความรู้สึกที่จะถูกข้าฆ่าให้ได้ นี้ถือได้ว่ายุติธรรมอย่างถึงที่สุด มิใช่หรือ ? ”

“ขอเพียงสังหารเจ้า ค่ายกลใหญ่ย่อมต้องถูกทำลายลงไปเอง ! ”

สุ่มเสียงอันเย็นชาสายหนึ่งก็ได้ดังออกมา ทันใดนั้น ก็ได้พบเห็นเข็มน้อยสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยจง มุ่งหน้าเข้ากดดันลงมายังทางด้านที่เขาอยู่ เห็นได้ชัดว่า ขณะนี้ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายต่างก็ถอยรนไป แต่ว่าก็ยังคงมีคนที่หลบซ่อนสังเกตการณ์อยู่ ตระเตรียมที่จะเข้าจู่โจมเยี่ยจงในคราเดียว เพื่อที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมด

สภาวะอากาศในขณะนี้เองก็ได้บิดเบี้ยวไปมา จนก่อเกิดการไหลเวียนจากพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา

“สมบัติเซียนท่ามกลางอากาศ ” เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นไปมองไปยังชนชั้นราชันเบื้องหน้านี้ ทอสีหน้าประหลาดอย่างถึงที่สุด จากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสี่ยวหลุน ของขวัญของเจ้าส่งมาถึงปากแล้ว อย่าได้เกรงใจข้าเลย ”

“ซวบ——”

เสี่ยวหลุนหัวเราะออกมาเบาๆ ประดุจดั่งเสื้อร่ำร้องเห่าหอนของหมาป่ายามที่พบเจอภูตผี มันต้องตาเข็มที่เล็กยิ่งนี้อยู่นาน ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็ได้มาถึง ในพริบตานี้เอง มันก็ได้พุ่งออกมาจากบริเวณหน้าอกของเยี่ยจงออกไปไปในทันที ทอประกายแสงสีขาวแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งผืนฟ้า

“ชิ——”

พริบตานั้นเอง เข็มเล็กสีดำเล่มนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงจนมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นท่ามกลางพื้นที่ว่าง แต่กลับต้องถูกเสี่ยวหลุนกลืนกินเข้าไปอย่างสะอาดหมดจน ขณะนี้มันก็ได้เรอออกมาเสียงยาว เกิดรสชาติความรู้สึกที่ไร้ความหวาดกลัวขึ้นมาหลายส่วน เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่ได้กลืนกินสมบัติเซียนหวูคงนั้นไปแล้ว เขาก็คงจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“เจ้าก็ช่วยข้ากดดันมันผู้นี้สักระยะก่อน อย่าพึ่งสังหารเขาไป ข้าแปลกใจอย่างยิ่ง ว่าเบื้องหลังของเขานั้นเป็นผู้ใดกันแน่ ” เยี่ยจงกวาดสายตามองเข้าไปในขณะนี้จนเกิดอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรุนแรง เข้าไปยังบริเวณทางด้านหลังของคนชุดไว้ทุกข์ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“มอบให้ปู่หลุนข้าจัดการเอง ก็เพียงแค่จัดการกับตัวไร้ค่าเท่านั้นมิใช่หรือ ! ” เสี่ยวหลุนร้องออกมาชิชิชะชะ พุ่งลอยไปอย่างรวดเร็ว “แต่ว่าเจ้าจงจำเอาไว้ สมบัติเซียนจะต้องกลายเป็นปู่หลุนข้าทั้งหมด ! ”

เยี่ยจงพยักหน้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ไม่สนใจที่จะมองไปทางด้านนั้นอีก เพียงแต่ยกนิ้วมือข้างขวายื่นออกไปบริเวณทางด้านหน้า

“อา——”

จนกระทั่งก่อเกิดสียงกรีดร้องดังขึ้นมา ในขณะที่พลังเพลิงกาฬอันมืดมิดแต่ละสายเผาผลาญต่อไปเรื่อยๆ ทว่าพริบตานั้นเอง ก็ได้มียอดฝีมือเกือบร้อยคนที่ร่างกายได้ถูกมอดไหม้ไปแล้ว จนกลายเป็นเพียงขี้เถ้าลอยลงสู่พื้น มีแต่เพียงเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดดังระงมขึ้นมายังท่ามกลางสถานที่แห่งนี้

ในขณะนี้เอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้ตายตกลงไปกับพื้น มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านหลังเข้าไป คิดหมายที่จะหลบเลี่ยงค่ายกลสังหารอันน่าหวาดกลัวนี้ แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ มันก็ได้ดีดเพลิงกาฬสีดำกวาดเข้ามาได้ทุกวันเวลา ผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้กลับกลายเป็นเพียงขี้เถ้า ตายลงยังสถานที่แห่งนี้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset