เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 465 สังหารอัจฉริยะ

ตอนที่ 465 สังหารอัจฉริยะ

เยี่ยจงหันกายกลับมา ประดุจดั่งเทพแห่งความตายสีขาวก็มิปาน เด็ดชีวิตผู้คนอย่างไร้เยื่อใย ตลอดเส้นทางที่เขาก้าวเดินไป ต่างก็จะมีเสียงกรีดร้องและกลายเป็นเถ้าถ่านปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ละคนตามปกตินั้นถือได้ว่ามีพลังยุทธ์ที่มีแต่เป็นฝ่ายกดขี่ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีพลังใจถึงเพียงนี้ คิดที่จะกลายเป็นยอดฝีมือราชันเย้ยฟ้าทั้งเก้า ตอนนี้กลับต้องมาถูกเขาสังหารลงไป อีกทั้งยังไม่มีตัวเลือกใดๆ มีแต่ต้องมาเผชิญหน้ากับฉากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด สีหน้าของเยี่ยจงนั้นมิได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เพียงแต่กำลังทำการเสาะหาบุคคลที่มีความสำคัญทั้งหลาย

“อ๋อ ? เขาก็มาแล้วงั้นหรือ ? ”

เยี่ยจงทอดสายตามองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง ทางด้านนั้นก็ได้มีเงาคนสีทองตนหนึ่ง บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มีปีกสีทองคู่หนึ่งงอกออกมา เห็นได้ชัดว่าจะต้องเป็นอัจฉริยะราชาโลหิตเผ่าปีกแห่งดินแดนตงฮวง จินยี่

ขณะนี้ปีกคู่บริเวณทางด้านหลังของจินยี่ก็ได้ปรากฏรอยเทวะขึ้น จนทำให้มันนั้นสามารถเพิ่มระดับความเร็วขึ้นมาได้จนถึงขีดสุด กลุ่มคนทางด้านหลังเขาก็ได้เคลื่อนไหวไปมาไม่ขาดสาย คิดที่จะพุ่งออกไปอีกทางด้านหนึ่ง

“ราชาโลหิตเผ่าปีก กล่าวกันว่ายากที่จะพบเจอได้ในรอบพันปี อีกทั้งยังเข้ามายังสถานที่แห่งนี้อย่างโดดเดี่ยว ชนชั้นราชันมากมายท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้ต่างก็ตายตกไปจนหมดสิ้นแล้ว จินยี่เผ่าปีกผู้นี้ยังเป็นเพียงแค่ชนชั้นระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันยังถึงกับสามารถที่จะปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ได้ ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลย ” เสี่ยวหลุนถอนหายใจ “คนผู้นี้ก็มิได้เหมือนมีความต้องการที่จะมีเรื่องกับเจ้าเลยนะ ? หรือไม่ก็ ปล่อยเขาไปเถอะ ? ในเมื่อยังไงซะเขาก็ยังถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญอย่างมากของเผ่าปีกที่สุด ”

“ฆ่าเถอะ ” เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้ามิได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ในเมื่อปรากฏตัวขึ้นอยู่ท่ามกลางหุบเขาผืนนี้ เช่นนั้นเป้าหมายของเขาก็ย่อมเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในเมื่อต้องการเอาชีวิตของตน เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมมีโทษตายมาตั้งแต่แรกแล้ว

“ตูม——”

ระหว่างที่สิ้นเสียงของเยี่ยจงลง ก็ได้มีเพลิงกาฬสีดำสายหนึ่งกวาดเข้าไป วินาทีนั้น พริบตานั้นร่างกายของจินยี่ก็ไปแผ่กระจายประกายสีทองจนมอดไหม้กลายเป็นขี้เถ้ากองอยู่บนพื้น แล้วก็ได้ตายลงไปในเวลาเดียวอย่างรวดเร็ว

“เอ๊ะ ? ” เสี่ยวหลุนเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสดงใบหน้าสงสัยขึ้นมา

“เป็นไรไป ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่หลายส่วน

“นี้ยังมิใช่ร่างจริงของมัน สมควรที่จะเป็นวิชาพลังฝีมือในระดับของยอดฝีมือชนชั้นราชันจึงจะใช้ออกมาได้จึงจะถูกต้อง จินยี่ผู้นี้ถึงกับไม่ธรรมดาเสียจริง ยังถึงกับใช้วิชาของเล่นเช่นนี้เพื่อเข้ามาได้ เขาอย่างน้อยก็คงจะต้องฝึกปรือวิชาลับบางอย่างมาแล้วอย่างแน่นอน วิชากายเทียมเช่นนี้สมควรที่จะมีพลังในการต่อสู้ของเขากว่าเจ็ดส่วน ” เสี่ยวหลุนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงได้กล่าวความคิดเห็นออกมาอย่างใจเย็น

เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างเงียบเชียบ ทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าตนเองจะดูแคลนจินยี่ผู้นี้ไปหน่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาเมื่อถึงกับมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ในช่วงเวลาที่คิดที่จะลงมือต่อตนเอง ยังไม่ใช้ร่างแท้ลงมือ เพียงแต่ใช้วิชากายเทียม ทว่า เยี่ยจงก็ยังถือได้ว่ามีความเข้าใจต่อวิชามนต์ตราลี้ลับจำพวกนี้อยู่หลายส่วน เมื่อใช้วิชามนต์ตราลับจำพวกนี้ออกมา จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงอบหุ้นไม่น้อย และขณะนี้วิชากายเทียมเช่นนี้ถูกตนเองจัดการลง เกรงว่าวิชาการฝึกปรือของจินยี่นั้นคงจะต้องถูกสะบัดลดทอนลงไปกว่าสองส่วนแล้ว

“เรื่องในเมื่อก็เป็นเช่นนี้แล้ว ครั้งหน้าคงจะต้องไปหาสถานที่เพื่อพูดคุยกันแล้วละ ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ไม่กลับไปมองเขาอีก เพียงแต่มุ่งหน้าไปบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง เพราะว่าเขานั้นได้พบว่ามี “คนคุ้นเคย” ปรากฏขึ้นมา

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ก็ได้มีแท่งปลายเหล็กสีดำทิ่มแทงเข้ามา อีกทั้งยังเพ่งเล็งเข้ามายังจุดตายเอาไว้ไม่หยุด ค่ายกลใหญ่ได้ใช้ออกมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็เรียกได้ว่าได้มียอดฝีมือตายตกไปเกือบสองในสามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นการตายตกโดยการเผ่าไหม้เป็นเถ้าถ่าน สถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ไม่มีแม้แต่คราบเลือด、ไม่มีแม้แต่กระดูกเลือดเนื้อลอยไปมา แต่ว่ากลับมิได้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในแดนมนุษย์ก็มิปาน

“อัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพชิงหวิน ชิงยี่ ”

เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ มองไปยังเงาร่างสายหนึ่งที่อยู่ภายในกลุ่มผู้คนในขณะนี้ ขณะนี้เขาได้สวมเอาไว้ด้วยชุดสีดำ、บนศีรษะได้คลุมเอาไว้ด้วยผ้าปิดหน้าสีดำบางๆ ในมือถือเอาไว้ด้วยหอกกระดูกอยู่ด้ามหนึ่ง พยายามที่จะหลบเลี่ยงไม่หยุด

นับตั้งแต่เริ่มต้นมานับตั้งแต่แรก ชิงยี่และเยว่จิ่งก็ได้ร่วมมือกัน คิดที่จะจัดการฆ่าสังหารเยี่ยจงมานับหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่ว่าขณะนี้เขากลับเข้าใจได้อย่างกระจ่างอย่างไร้ที่เปรียบ จึงได้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่ผู้คนมากมาย หลบเลี่ยงกระบวนท่าสังหารทั้งหมด หมายที่จะฉวยโอกาสเพื่อที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้

“เคร้ง——”

เยี่ยจงหัวเราะออกมา พลิกกระบี่ดำมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ได้ขยับร่างกายออกไป ประดุจดั่งเทวทูตเยาว์ปรากฏตัวขึ้นก็มิปาน มุ่งหน้าก้าวยาวๆ ออกไปอยู่หลายก้าวเพื่อที่จะเข้าไปยังบริเวณทางด้านของชิงยี่

“ซวบ——”

เยี่ยจงในขณะนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่า คมกระบี่อันคมกริบสายหนึ่งก็ได้ถูกฟาดฟันออกไปเป็นทางยาวขณะนี้ เรียกได้ว่าสามารถตัดเข้าไปยังชั้นฟ้าแห่งดวงดาวได้เลย มุ่งหน้าพวยพุ่งเข้าไปยังบริเวณทางด้านของชิงยี่

“ซวบ——”

ภายในดวงตาของชิงยี่ก็ได้ทอเป็นประกายคมกล้าขึ้นมา เขาขณะนี้ถอยจนไม่อาจที่จะถอยไปได้อีก หอกกระดูกภายในมือก็ได้แทงออกไป จนเกิดเป็นคมหอกแทงออกมาเป็นเงาอยู่สายหนึ่ง ทอประกายแวววับสีดำขึ้นมาเป็นชั้นๆ ออกไป และเข้าปะทะด้วยกันกับคมกระบี่ของเยี่ยจง การปะทะของทั้งสอง ก็ได้เกิดเสียงเสียดสีดังแสบแก้วหูขึ้นมาดังขึ้นมาในขณะนี้ จนเกิดพลังความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวหมุนวนไปมาท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ หมุนวนจนทำลายพื้นที่แห่งนี้ราบเรียบขึ้นมา

“อ๊าก——”

ร่างกายชิงยี่ก็ได้สั่นไหวน้อยๆ ขึ้นมา ซวนเซถอยไปบริเวณทางด้านหลังอยู่หลายก้าว กระอักโลหิตออกมาคำโต เขาถึงแม้ว่าจะสามารถยืนยันท่ามกลางค่ายกลสังหารไร้อนันต์มาจนถึงถึงตอนนี้ได้ แต่ว่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมานับตั้งแต่แรกแล้ว ขณะนี้เมื่อเข้าปะทะกับเยี่ยจงติดต่อกัน พริบตานั้นเขาก็ยิ่งทวีอาการบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้น

“ถึงกับสามารถต้านทานกระบี่ของข้ามาจนถึงตอนนี้ได้ เจ้าถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว วันหน้าหน้าจะต้องสำเร็จสู่ระดับชนชั้นมหาราชันอย่างไม่ต้องสงสัย ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ ทอสีหน้าเจ้าเล่ห์น้อยๆ ขึ้นมา การที่สามารถที่จะสังหารอัจฉริยะที่จะสามารถสำเร็จสู่ระดับชนชั้นมหาราชันได้ ความรู้สึกเช่นนี้ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว

“ซวบ——”

พริบตานั้นเองเยี่ยจงก็ได้กวาดกระบี่ออกไปอีกครา มุ่งหน้ากวาดเข้าไปยังบริเวณทางด้านของชิงยี่เข้าไป ในครั้งนี้สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าของเขาก็ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับวิชากระบี่ตราประทับขั้นที่เก้าสิบเก้าเข้าไปด้วย กระบี่นี้จึงเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ เพื่อที่จะทำให้จิตใจสั่นไหวขึ้นมาได้

“เยี่ยจง ! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ ! หากว่าเจ้าฆ่าข้าแล้วละก็ ……” ภายในดวงตาชิงยี่ก็ได้ปรากฏแววตาหวาดกลัวขึ้นมาเป็นสาย เขาถือได้ว่าเข้าใจขึ้นมาแล้ว เยี่ยจงวันนี้ได้ตระเตรียมสังหารผู้คนทั้งหมด โดยที่ไม่มีการยั่งมือไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อย

“หุบเขาเทพชิงหวินพวกเจ้าในขณะที่ได้ลงมือต่อสำนักข้า พวกเราก็ถือได้ว่าไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันได้อยู่แล้ว มิใช่หรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเบาๆ ไม่ให้โอกาสเขากล่าววาจาไร้สาระอีก กระบี่ภายในของเขาก็ได้ขยับฟาดฟันลงไป หมายที่จะสังหารชิงยี่ให้ตายลงในที่แห่งนี้

“แค๊กแค๊กแค๊ก——”

ชิงยี่ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง พลิกมือซ้ายคราหนึ่ง หอกยาวสีเขียวก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณใจกลางฝ่ามือ เขาไม่อาจที่จะซ่อนสถานะได้อีกต่อไป พลิกใช้หอกคู่ฆ่าสังหารออกไป เพื่อที่จะต้านทานการโจมตีของเยี่ยจงเอาไว้

เงาหอกคมกระบี่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะเข้าด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าในทุกครั้งที่เข้าปะทะกัน ชิงยี่ก็จะกระอักโลหิตออกมาคำโต

ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ หอกทั้งคู่ภายในมือของเขานั้นถือได้ว่าเป็นสมบัติเซียนที่ไม่ธรรมดาสามัญ มีพลังในการทำลายเหลือคนา หากมิใช่เป็นเพราะว่าหอกทั้งสองเล่มนั้นมีความน่าหวาดกลัวอย่างมากแล้วละก็ เกรงว่าเขาขณะนี้คงจะต้องตายไปตั้งแต่แรกแล้ว

“ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสำนัก ที่แท้ก็ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะนำเจ้าพวกขยะไร้ค่าก่อนหน้านี้เหล่านั้นมาเทียบเปรียบได้เลย หากว่าเขาสำเร็จสู่ขั้นราชันแล้วละก็ ผู้นำคนต่อไปของหุบเขาเทพชิงหวิน อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นของเขาแล้วกระมั่ง ? ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา กระชับความเคลื่อนไหวให้หนักหน่วงขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถที่จะใช้ค่ายกลสังหารไร้อนันต์สังหารชิงยี่ได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าขณะนี้เขากลับมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าที่แท้แล้วอีกฝ่ายจะมีความสามารถที่จะต้านทานกระบวนท่าของตนเองได้มากแค่ไหนกัน

“ตูมตูมตูม——”

ทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่า ชิงยี่ก็ได้มีใบหน้าขาวซีดกระอักโลหิตออกมาสิบกว่าครา จนท้ายที่สุดตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ซวนเซล้มลงก็พื้นเบาๆ

“สมควรที่จะจบได้แล้ว ยังคงให้ข้าส่งเจ้าไปเถอะนะ ”

ท้ายที่สุด เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ กวาดสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าออกไป มุ่งหน้าฆ่าสังหารเข้าไปยังบริเวณทางด้านของชิงยี่

“ฉับ——”

เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาเบาๆ ในครั้งนี้ชิงยี่ก็ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้าลงเล็กน้อย หอกทั้งสองเล่มไม่อาจที่จะต้านทานกระบวนท่าสังหารของเยี่ยจงเอาไว้ได้ ศีรษะของเขาก็ได้ถูกเยี่ยจงสะบัดลงมา โลหิตฉีดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างที่ไร้ซึ่งศีรษะก็ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นจนโลหิตนอง

“อา——”

เสียงร้องตะโกนยังคงติดตามศีรษะอยู่ บริเวณใจกลางหน้าอกก็ได้ทอเป็นประกายสีทองอันคมกล้าขึ้นมาสายหนึ่ง เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา กรีดนิ้วออกไป เพื่อที่จะใช้เพลิงดำสายหนึ่งกวาดเข้าไปในทันที

“เยี่ยจง ! เจ้าไม่ตายดีแน่ ! ” ชิงยี่กรีดร้องออกมา อยู่ภายใต้เพลิงดำ จิตวิญญาณที่ยังหลงเหลือยู่เพียงสายเดียวก็ได้ค่อยๆ ที่จะสลายมลายหายไป

“เป็นแค่วิญญาณที่ตายไปภายใต้คมกระบี่เท่านั้น ถึงแม้จะตายไปแล้วก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้อย่างกระจ่างว่าตนเองเหตุใดถึงต้องตาย ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา กระบี่ดำภายในมือก็ได้เสือกแทงออกไปอีกหลายครา

“หอกยาวสองเล่มนี้ถือได้ว่าไม่เลวเลย เจ้าไม่คิดที่จะเก็บเอาไว้สักหน่อยหรือ ? ” เสี่ยวหลุนปรากฏขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ของเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ

“มอบให้เจ้าแหลาะ ในครั้งนี้ทำให้เจ้าสูญเสียพลังไปอย่างมากมาย สิ่งของเช่นนี้มิได้มีประโยชน์กับข้ามากนักหรอก ” เยี่ยจงกล่าวตอบ หอกทั้งสองเล่มนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เลวเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าการที่จะทิ้งไว้ข้างกายนั้นก็ยังถือได้ว่ายุ่งยากอย่างมหาศาล เมื่อหลังจากที่ได้รับประสบการณ์จากตาข่ายมารฟ้าสยบดินแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจก่อนหน้านี้ไปแล้ว เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะพกพาสิ่งของเช่นนี้ติดตัวเอาไว้อีกต่อไป

“ข้าทราบว่าเจ้านั้นก็หวาดระแวงเหมือนกัน ทว่าอย่างน้อยก็เพื่อที่จะลดทอนความยุ่งยากลง อีกทั้งพวกเราก็ยังไม่มีเวลามากมายนัก ยังคงให้ข้ากลืนกินมันไปเถอะ ” เสี่ยวหลุนหนักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ได้มีเสียงประดุจดั่งภูตผีคร่ำครวญหมาป่าเห่าหอนออกมา พริบตานั้นก็ได้กลืนกินหอกทั้งสองเล่มลงไป เห็นได้ชัด มันก็แค่เอือนเอ่ยคำพูดออกมาด้วยความเกรงใจอยู่หลายคำเท่านั้น ยังไงซะมันก็คิดที่จะกลืนกินเข้าไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เยี่ยจงมิได้พึ่งพาแต่เพียงพลังของค่ายกลสังหารไร้อนันต์ เพียงแต่ใช้พลังฝีมือของตนเองเท่านั้น ที่มีพลังอันแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัดในการฆ่าสังหารอัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพชิงหวินลง สิ่งนี้ได้ทำให้ฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้ายิ่งทวีความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก

“อา——”

เสียงตะโกนร่ำร้องได้ดังลอดออกมา มีคนเริ่มที่จะสูญเสียสภาพจิตไป ไม่อาจที่จะหลบรอดประกายแสงสีดำที่ดิ่งตรงเข้ามาอีก จึงได้ถูกฆ่าสังหารลงไปในทันที จนมอดไหม้กลายเป็นเพียงขี้เถ้า

“อา——”

เยี่ยจงขณะนี้ก็ได้ไหลเวียนพลังของค่ายกลขึ้นมาอีกครั้ง วินาทีนั้น ก็ประดุจเหมือนมีสายลมพิสุทธิ์กวาดใบหน้าขึ้นมาก็มิปาน เปิดการเข่นฆ่าสังหารครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

ยอดฝีมือมากมาย ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับราชันที่แท้จริงเองก็ยังต้องถูกเพลิงดำเผ่าผลาญไป ดับสูญไปในช่วงเวลาเพียงพริบตา ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวอันใด ก็ต้องตายตกลงไปอย่างสะอาดหมดจดอย่างยิ่ง

ตามช่วงเวลาที่ได้กระชั้นชิดติดต่อกันเข้ามาเรื่อยๆ ผู้คนท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ยิ่งมาก็ยิ่งหลงเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ มาจนถึงตอนสุดท้าย หลงเหลืออยู่เพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็ได้ดับสูญไปแม้กระทั่งจิตวิญญาณ ไม่อาจที่จะหลงเหลือแม้แต่เศษเนื้อแท้เพียงเล็กน้อย

เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยอาการสงบอย่างยิ่ง นี้เดิมทีก็ถือได้ว่าเป็นศึกการต่อสู้ที่ไม่ใช่เจ้าตายก็ข้าตาย หากว่ามิใช่เป็นเพราะว่าเขามีพลังฝีมือเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นเขาในตอนนี้ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็คงจะต้องตายตกลงไปอย่างน่าอเนจอนาถ ดังนั้นเยี่ยจงถ้าไม่ลงมือ ก็มีแต่จะถูกลงมือ เกิดการฆ่าสังหารขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ได้รับความเสียหายเหลือคนา

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าสหายที่ดีของข้าก็ได้เข้ามาแล้วคนหนึ่งเหมือนกันนะ ไม่ทราบว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ? ” เยี่ยจงกล่าวขึ้นมาเสียเบาอย่างกะทันหัน สายตาก็ได้ทอดมองไปยังท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ที่หลงเหลือยอดฝีมือสิบกว่าคน หลังจากนั้น บนใบหน้าของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ

ประดุจดั่งเปรียบเสมือนประกายแสงจันทราแผ่กระจายออกมาในขณะนี้ จนห่อหุ้มอยู่ตลอดทั่วทั้งผิวพรรณ ประดุจดั่งนางเซียนท่ามกลางดวงจันทราก็มิปาน เพียงแต่ว่า เงาร่างสายนี้ในขณะนี้ราวกับว่าเกิดอาการสั่นไหวขึ้นมาเบาๆ ถึงแม้ว่าประกายแสงจันทร์นั้นจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ นางก็ยังไม่อาจที่จะเก็บงำอารมณ์เอาไว้ได้ แล้วก็หมายจะทะยานเข่นฆ่าสังหารออกไป แต่ว่าขณะนี้กลับยังคงมีความหวาดกลัวประทับอยู่ที่นางอยู่

เยี่ยจงก้าวประดุจพยัคฆ์มังกรเหิน ค่อยๆ ที่จะเดินเข้าไปยังเบื้องหน้าของเงาร่างสายหนึ่งอย่างช้าๆ บนใบหน้าก็ได้เผยให้เห็นรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างเย็นชาขึ้นมา เขายังคงกุมกระบี่ดำเอาไว้ในมือ จนเริ่มที่จะเกิดสำนึกกระบี่อันเย็นเฉียบหลอมรวมเข้าไป พร้อมที่จะเข่นฆ่าสังหารออกไปภายในกระบี่เดียว

“พี่เยี่ย ระหว่างพวกเราคงจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน ” เสียงร้องประดุจดั่งเสียงนกยวนยางร้องขึ้นมาท่ามกลางหุบเขาสายหนึ่งก็ได้ดังออกมาขณะนี้ เยว่จิ่งพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้สงบลงมา จากนั้นจึงได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“อ๋อ ? ที่แท้ก็เป็นแม่นางเยว่จิ่ง ไม่ทราบว่าระหว่างข้ากับเจ้านั้น มีข้อบาดหมางอันใดหรือไม่ ? เจ้ามาเพื่อสังหารข้า ช่วงชิงโอกาสวาสนาข้า เพียงเรื่องแค่นี้ก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้วมิใช่หรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ มิได้รีบร้อนที่ลงมือแต่อย่างไร

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset